เมื่อต้องสวมมงไปอยู่ในดงเหล่าขุนนาง 💃
จะลุกจะนั่งต้องเป็นกุลสตรี เรียบร้อยกันหน่อย จะซนเป็นลิงแบบเดิมไม่ได้ล่ะน่ะ 555
เปล่าเลยค่าาา นี่คือเป็นการเข้าไปพักในโรงแรม 5 ดาวเก่าแก่ในเมืองกรุงน่ะ
เป็นโรงแรมที่เราคุ้นเคยชื่อหนึ่ง เพราะปกติเคยไปแต่รีวิวบุฟเฟต์ซีฟู้ดมา 3 ครั้งแล้ว
ครั้งนี้จึงมีโอกาสได้เข้าพักบ้าง เพราะรู้มาว่า ทางโรงแรมได้เปิดห้องพักแนวใหม่
ชื่อห้องพัก Green Room คือห้องพักแบบรักษ์โลกนั่นเอง
ฟังดูก็น่าสนใจดีค่ะว่า ห้องพักแบบรักษ์โลกในกรุงนั้น หน้าตาจะเป็นอย่างไร
เราไปพักที่นี่ The Sukosol Hotel, Bangkok
.
พอเอ่ยชื่อมาแล้ว หลายคนก็คงร้องอ๋อ กันไปเพราะถือว่าเป็นโรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งในเมืองกรง
ที่มีอายุมากถึง 28 ปี แต่ทว่า มีการดูแลรักษา และรีโนเวทตลอดเวลา
และยังคงมีกลิ่นอายการตกแต่งแบบไทยปรยุกต์ ผสมผสาน รวมถึงมุมถ่ายรูปแนววินเทจเพิ่มหลายจุดอีกด้วย รู้มาอีกว่า โรงแรมนี้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่หลายคู่แต่งงานเลือกมา้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายพรีเวดเดิ้งและจัดงานด้วยค่ะ ตามไปดูภายในโรงแรมกับบรรยากาศคร่าวๆ กันเลยดีกว่า
พิกัดโรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ อยู่แถวถนนศรีอยุธยาค่ะ
ซึ่งแยกใหญ่ที่นี้ถือเป็นจุดที่รถติดแห่งหนึ่งในกรุงก็ว่าได้ แต่มีทางเลือกการเดินทางสำหรับเรา
เพราะเราเลือกนั่ง BTS มาลงที่สถานีพญาไท และก็ลากกระเป๋าเดินจาก BTS ประมาณ 200 เมตร ถึงโรงแรมเลยค่า
เราว่าทำเลตรงนี้ดีนะ เชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ด้วย จะนั่งไปต่อที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็สะดวกด้วยเช่นกัน
เราลากกระเป๋าเดินเข้ามาบริเวณโรงแรม พอพนักงานเห็นเท่านั้นแหละ ก็เดินเข้ามาทักทายเราและลากกระเป๋าให้เรามายังล้อบบี้เช็คอิน
เราเช็คอินด้วยบัตรประชาชนใบเดียวตามชื่อที่ได้แจ้งจองไว้กับทางโรงแรมค่ะ
ตามปกติ เวลาเช็คอิน 14.00 น. และเช็คเอาท์ 12.00 น.
เอาจริงๆ โรงแรมในกรุง จะไม่เหมือนรีสอร์ทโรงแรมต่างจังหวัดตรงนี้ ในกรุงจะมีกรรุ๊ปทัวร์มาลง
เป็นเวลาต่างๆ ที่เรากะเกณฑ์ไม่ได้กันค่ะ บางคนมาแค่พักเฉยๆ เช้าตรู่ก็ต้องรีบออกไปแล้ว
แต่ของเรานี่คือมาพักผ่อนครบตามเวลาเป๊ะๆ อ่ะนะ
เลยมีเวลาที่จะสำรวจภายในโรงแรมหันฉ่ำตากันหน่อยค่า
เรารับ Welcome Drink เป็นน้ำสมุนไพรนะคะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าน้ำอะไร แต่รุ้ว่าอร่อยหวานเย็นชื่นใจอย่างมากเลยล่ะ
ภายในล็อบบี้จะมีที่นั่งใกล้ๆ กันหลายจุด ที่มองบรรยากาศรอบนอกผ่านกระจกไป
มีแต่ต้นไม้เขียวๆ อยู่ด้านนอก ก็รู้สึกร่มรื่นมากแล้ว
พอได้คีย์การ์ดแล้วเราตามพนักงานขึ้นไปยังชั้น 12 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ของห้องกรีนรูม ทั้งหมดค่ะ ที่มีเพียง 22 ห้องเท่านัน
เปิดประตูลิฟท์ออกมาเจอตู้โขว์สวยๆ หรูหราตั้งอยู่ ให้ลวดลามชุดจานชาม
และลายตู้แบบโบราณที่ดูคลาสสิคและมีคุณค่ามา ชอบอ่ะ ถึงกับต้องถ่ายรูปเก็บไว้
หัองพักเราคือ 1237 นะคะในวันนี้
พอเปิดประตูเข้ามาแว๊ปนึง ยังคิดในใจ เอ๊ะ นี่เป็นห้องกรีนรูม ห้องรักษ์โลกแบบนี้เขาบอกมาจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย
มีข้อแตกต่่างจากห้องธรรมดาอย่างไรบ้าง เราต้องมาหาคำตอบกันค่ะ
และได้ข้อแตกต่างมาดังนี้
* ในส่วนของผ้าปูเตียง ชุดเครื่องนอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวจะไม่ขาวมาก
เพราะไม่ใช้สารฟอกขาว สีเลยจะออกนวลๆ หน่อย
* ห้องนี้ติดกระจก 2 ชั้นเพื่อลดความร้อนที่จะเข้ามาภายในห้อง และสามารถเปิดแอร์ 25 องศาได้ทั้งวัน
* ใช้หลอดไฟ LED แบบประหยัดพลังงาน และเครื่องเป่าผมใช้ไฟ กำลังไฟ 1,200 วัตต์
* ถังขยะภายในห้องพัก แยกเป็นสองส่วน เป็นถังขยะแบบเปียก และแบบแห้ง
เพื่อสะดวกต่อการนำไปรีไซเคิล
* ห้อง Green Room ลดการใช้พลาสติก ภายในห้องพัก โดยอุปกรณ์จะเป็นแก้วน้ำเป็นขวดๆ
และแพ็คเก็จของใช้ในห้องน้ำ จะเป็นกระดาษ ที่ย่อยสลายง่าย แทนการใช้ถุงพลาสติก
นี่คือความแตกต่างของห้อง Green Room แบบรักษ์โลกที่เราได้สัมผสมานะคะ
คือเน้นการประหยัดพลังงานด้วย เน้นการย่อยสลายจามธรรมชาติได้ง่ายด้วย
ก็ย่อมทำให้ความรู้สึกดีดีของการเข้าพักได้สบายใจขึ้น
เห็นว่าห้องนี้เปิดราคาเริ่มต้นอยู่ที่ คืนละ 3,600 รวมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่านนะคะ
เรากดเลิฟท์ลงมาที่พื้นที่ส่วนกลางของโรงแรม สุโกศล กรุงเทพฯ มาที่ชั้น 6
จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำกลางแจ้ง และห้องฟิตเนส จุดนี้เราไม่ได้ใช้บริการนะคะ มาดูตอนเย็นๆ ลูกค้าค่อนข้างแน่นเลยแหละ
และมีโอกาสได้เข้ามาชมห้องสปาของ The Sukosol Hotel, Bangkok ด้วย
แค่เข้าไปเดินเล่นภายในก็รู้สึกเงียบๆ และผ่อนคลายดี
ชื่อ โลตัส สปา (Lotus Spa) (เปิดบริการ 10:00-22:00)
ลายกระเบื้องปูพื้นที่โคตรวินเทจเลยค่า ดูดีมีสไตล์อย่างมาก สำหรับห้องสปาที่นี่
แยกแต่ละโซนออกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบไพรเวท และแบบรวม
ส่วนแพ็คเก็จสปามีหลายแบบ แนะนำให้สอบถามกับห้องสปาอีกทีนะคะ
จะมีการจัดโปรโมชั่นออกมาแต่ละช่วง
หลังจากเราออกจากห้องสปาชั้น 6 แล้ว เราก็กดลิฟท์ไปต่อที่ ชั้น 21 ค่ะ
ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นที่ทำให้เราร้องว๊าวเลยทีเดียว
ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของ คลับสยามเล้าจน์ (Club Siam Lounge)
คลับสยามเล้าจน์ (Club Siam Lounge) สำหรับลูกค้าที่เข้าพักห้องสุโกศลสวีท และ ห้องเอ็กเซ็กคูทีฟ
มาใช้บริการได้ตลอดเวลาค่ะ ทั้งอาหารเช้าแบบไพรเวท และ ช่วงเวลา Happy Hour
ภายในพื้นที่ของ Club Siam Lounge สามารถมานั่งเล่น นั่งทำงาน
และนั่งประชุมได้ 10 คน 1 ชั่วโมงได้นะคะ มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวให้ด้วย
และที่สำคัญคือมีอาหารบริการตลอดเวลาไม่อั้นอีกด้วย
ดีต่อใจตรงนี้จริงๆ ^^
แต่ะอ๊ะ เราพักห้อง Green Room นี่นา แป่ววว 555
มาต่อค่ะ ในเวลานี้ที่ไม่อยากให้พลาดที่เรามาโรงแรม สุโกศล 3 ครั้งนั้นเรามารีวิวบุฟเฟต์ห้องอาหารปทุมมาศนีแ่หละค่า
เพราะไลน์อาหารซีฟู้ดที่นี่ได้ชื่อว่า คัดเลือกวัตถุดิบได้ดีอย่างมากจริง
Seafood เน้นๆ เอย ที่นี่เด็ดคือ ล็อปสเตอร์ตัวใหญ่ ไม่งั้น
แต่ต้องมาช่วงดินเนอร์วันศุกร์ วันเสาร์นะคะ เป็นธีมของ ยกทะเล ซีฟู้ดเน้นๆ
📌 #ที่นี่มีอะไรเด็ด
Seafood ล้วนๆๆ ยกทะเลขึ้นบกมาทุกอย่างเลยค่า
ล็อบเตอร์ไม่อั้น 🦞 ปูอลาก้าไม่อั้น 🦀 กุ้งแม่น้ำไม่อั้น 🦐 หอยนางรมไม่อั้น 🐙
Seafood ทุกอย่างไม่อั้น 🦑🐟🦞🦐🦀🐠
.
นอกจากนี้ยังมี สเตชั่นซีฟู้ดออนไอซ์ สเตชั่นซูซิ-ซาซิมิ
สเตชั่นพาสต้า แซลมอนรมควัน และแซลมอนหมักสมุนไพร รวมทั้งค้อกเทลทะเลหลายรูปแบบ
📌 #ช่วงเวลาทาน
บุฟเฟต์ซีฟู้ด มีทุกวันศุกร์และเสาร์นะคะ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 22.30 น. เต็มอิ่ม (มามื้อเย็นวันศุกร์และเสาร์คุ้มสุด)
วันอื่นๆ ก็มีบุฟเฟต์นะคะ แต่ซีฟู้ดจะไม่เยอะมากเท่านั้นศุกร์และเสาร์ค่า
📌 #ราคาความเสียหาย
* ราคาวันอาทิตย์ ถึงพฤหัส คนละ 1400 บาท
* ราคาวันศุกร์-เสาร์ 1700 บาท แต่แนะนำให้สมัคร Sukosol Star Rewards สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใด
จะได้ลดคาอาหารอีก 15% เหลือ 1445 บาทเนทค่าาา
ราคาเด็ก 6-12 ขวบครึ่งราคา
เด็กต่ำว่า 5 ขวบ ทานฟรี
น้ำเปล่าขวดละ 35 บาท
และเราก็มาพักในวันเสาร์ด้วยบอกเลยว่าซีฟู้ดที่นี่คุ้มสุดจริง
และอาหารมื้อเช้าที่ห้องอาหารปทุมมาศเหมือนกันนะคะ จะมีเน้นๆ อาหารไทยด้วย
นี่คือเราตักมาแค่เฉพาะโต๊ะเราไม่ได้ไม่ได้ถ่ายไลน์อาหารมา เพราะคนค่อนข้างแน่นค่ะ
เมนุอาหารไทยเราชอบอ่ะ ข้าวต้มนี่เป็นข้าวต้มหมูจริงๆ นะ ไมใช่ข้าวขาวต้มมาแล้วค่อยเอาหมูมาตักใส่
แต่ที่นี่ปรุงเสร็จจบในหม้อได้เลย
จึงมีรสชาตที่กลมกล่อมมาก และอาหารอื่นๆ ยอมรับว่า าที่นี่อาหารเค้าอร่อยจริงๆค่า
ยังมีเวลาอีกครึ่งวันก่อนเช็คเอาท์ ทำอะไรดี นอกจากเดินเล่นตามมุมสวยๆ ภายในโรงแรมกันค่า
ไม่พลาดกับการหาชุดสวยๆ เรียบร้อย แนววินเทจมาสักชุดถ่ายรูปคู่สถานที่แบบหรูหรากันหน่อย
ต้องมุมนี้เลย บันไดวนแถวๆ ล็อบบี้ ที่ด้านบนจะเป็นทางขึ้นห้องจัดเลี้ยง จัดงานต่างๆ ค่ะ
ตรงข้ามห้องอาหารปทุมมาศก็จะมีร้านขายของที่ระลึกภายในโรงแรมด้วย
มีของน่ารักๆ เพียบเลย เราขอไปส่องมาหน่อย
เห็นตุ๊กตาแล้วน่ารักยิ่งชอบ ร้านค้ามีบริหารรับห่อของขวัญให้ด้วยนะคะ
ใครมางานแต่งงานเพือนหาของขวัญไม่ทัน ก็แวะเข้าร้าน เลือกจากที่นี่ก็ได้ด้วยเช่นกัน สะดวกไปอีก
และมุมวินเทจที่เจ๋งที่สุด เป็นที่เอ่ยถึงของช่างถ่ายภาพเวดดิ้ง ต้องที่นี่เลย
เขียวๆ ผ่านกระจก ภายในร่มไม้ ที่ดูสบายตา เรียบ แต่หรู
ให้แสงแบบพอดี เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันอย่างมาก เพราะมุมหลายจุดดูคลาสสิคมากจริงๆ
เดินเข้าไปภายในเรื่อยๆ มีมุมสบายตา คลาสสิค บรรยากาศน่านั่ง
ตัดกับกระเบื้องลายหมากรุก ที่ดูแล้วเข้ากับในทุกการออกแบบมาก
และเราก้ไม่รอข้าที่จะเก็บภาพเป็นที่ระลึก ไว้สักแอ็คสองแอ็ค มุมนี้ไม่คอ่ยมีคนพลุกพล่านนะคะ
ไม่ค่อยมีใครมานั่งเล่นแถวนี้เลย ทั้งที่ก็ไม่ร้อน ดีเสียอีก ที่เราจะได้ถ่ายรูป แบบตั้งกล้องถ่ายเอง แบบไม่ต้องเขินใคร อิอิ
แค่นี้เราก็มีภาพถ่ายโดยมีตัวเองเป็นนางแบบ ตั้งกล้องเอง ถ่ายเอง ได้อย่างสนุกในทุกพื้นที่กันแล้วค่า
กดชัตเตอร์ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วสั่งจากมือถือ ^^
รายละเอียดโรงแรม
โรงแรม เดอะ สุโกศล / The Sukosol Hotel
477 ศรีอยุธยา แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 [เขตราชเทวี]
477 Si Ayuthaya Road, Bangkok, Thailand 10400
โทร : 0-2247-0123
Website : https://www.thesukosol.com
Facebook : https://www.facebook.com/TheSukosolBangkok/
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
RinSa YoyoLive
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.16 น.