"ภูเก็ต green season"

เขาบอกว่า "ภูเก็ต" เป็นไข่มุกอันดามัน เป็นสวรรค์แห่งท้องทะเลในดินแดนทางใต้ของไทย ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวกันจะเป็นช่วงเดือน พฤศจิกายน - มีนาคม เพราะเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอุ่นๆกระทบกับพื้นน้ำทะเลสีฟ้ามรกตเย้ายวนเชิญชวนให้มาสัมผัสเป็นที่สุด


แต่ถ้าเราอยากเที่ยวภูเก็ตในช่วงที่ไม่เป็นที่นิยมหรือที่เรียกว่า green season หล่ะ มันจะยังมีอะไรที่เย้ายวนชวนให้สัมผัสอยู่รึเปล่า

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราจึงตั้งใจไว้ว่าจะเที่ยวภูเก็ตในมุมมองที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคย ถ้าไม่มีดำน้ำ ไม่มีล่องเรือ เราจะทำอะไรได้บ้างในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ที่ ภูเก็ต แห่งนี้


วันที่ 1......การเดินทางของฉัน

เราเดินทางมาถึงภูเก็ตในช่วงบ่ายแก่ๆ ตัดสินใจเข้าที่พักกันก่อนเลย สำหรับที่พักของเราก็ที่นี่เลย "Patong Merlin Hotel" โรงแรมริมชายหาดมาตรฐานระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ที่ชายหาดป่าตอง ชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภูเก็ต กับการตกแต่งในสไตย์สวนเขตร้อน เน้นโทนสีที่เข้ากันกับธรรมชาติแต่ก็ให้ความรู้สึกสดใสนุ่มนวลตามแบบฉบับของภูเก็ต

"เดินทางมาเหนื่อยๆ รับเครื่องดื่มกับผ้าเย็นก่อนนะคะ"

เสียงหวานใสที่มาพร้อมกับถาดเครื่องดื่มสีสดวางคู่กันมากับผ้าเย็น พร้อมกับรอยยิ้มสดใสของพนักงานที่ทำให้คนเห็นอย่างเราอดยิ้มตามไม่ได้เลยทีเดียว (น่าเสียดายที่เราหยิบกล้องมาถ่ายรอยยิ้มสดใสนั้นไว้ไม่ทัน)


สดชื่นกับเครื่องดื่มกันแล้วเราก็ไปสำรวจห้องพักของเรากันเลย

ในส่วนของห้องพักที่นี่มีให้เลือกถึง 11 Room Type ทั้ง ห้องมาตรฐาน ซูพีเรีย ดีลักส์ สวีท ห้องครอบครัว มีทั้งแบบวิวสวน วิวสระว่ายน้ำ หรือจะเป็นห้องที่มีทางลงสระว่ายน้ำจากระเบียงห้องเลยก็มี เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางเลยจริงๆ

สำหรับเรา เราเลือกพักห้อง Deluxe Pool View ห้องพักแบบเตียงคู่ ขนาด 36 ตร.ม. ที่มีวิวสระว่ายน้ำแบบอลังการมาก

ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องก็จัดว่าเพียบพร้อมมาก มีทั้งทีวี ตู้เย็น ตู้นิรภัย กาต้มน้ำไฟฟ้า ไดร์เป่าผม รองเท้าแตะ โดยเฉพาะมินิบาร์และผลไม้ต้อนรับก็จัดเต็มมากเช่นกัน

มาส่องทางด้านห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นห้องดีลักส์ที่มีสัดส่วนของห้องน้ำที่กว้างมาก ภายในมีทั้งตู้เสื้อผ้า อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ และส่วนใช้สอยต่างๆที่แยกโซนเปียก โซนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมกับมีเครื่องใช้ในห้องน้ำให้บริการอย่างครบครัน


มันคือธรรมชาติของสตรีที่เมื่อผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนาน หน้าก็จะเหนื่อย ร่างก็จะเหนื่อย เมื่อได้เห็นอ่างอาบน้ำแล้ว คำว่า "ปรนนิบัติผิว" ก็จะผุดขึ้นมาในทันที ว่าแล้วเราก็ไม่รอช้า เปิดน้ำ ตีฟอง และทำการปรนนิบัติผิวให้หายเหนื่อยกันหน่อย ส่วนเรื่องเที่ยวนั่น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็ได้เนอะ





วันที่ 2 ......กินเพลิน เดินเที่ยว ย่านเมืองเก่าภูเก็ต

หลังจากพักผ่อนจนเต็มตื่น ฟื้นจากความเหนื่อยล้าจนเต็มตากันแล้ว เราก็เปิดแผนที่เพื่อไปตามล่าหาภาพสตรีทอาร์ทในตัวเมืองภูเก็ตกัน แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราฝากท้องมื้อเช้าเอาไว้ที่ห้องอาหารโคโคนัท ของโรงแรมนี่เอง ที่เปิดให้บริการอาหารเช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น.-10.30 น.




สำหรับอาหารเช้าที่นี่ให้บริการแบบบุฟเฟต์ มีเมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่มีทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน รวมไปถึงเบเกอร์รี่ต่างๆด้วย ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนที่เราชอบมากๆ









หลังจากอิ่มท้องกับอาหารมื้อเช้ากันแล้ว เราก็ออกไปตามล่าหาภาพ STREET ART ในเมืองภูเก็ตกันโดยเริ่มต้นที่ถาพแรก ชื่อว่า "ภาพวิวาห์บาบ๋า" เป็นภาพน้องมาร์ดี ในชุดบาบ๋าชุดพื้นเมืองภูเก็ต สีชมพูหวานแหวว กำลังเข็นตระกร้าใส่เงิน ซึ่งภาพนี้อยู่ที่ตลาดดาวน์ทาวน์

พิกัด: https://goo.gl/maps/zJ5wkWD8iYz



ไปกันต่อที่ถนนพังงา ซึ่งถนนเส้นนี้ถือว่าเป็นศูนย์รวมของผลงาน STREET ART เลยก็ว่าได้ โดยเราเริ่มต้นกันที่ "พิพิธภัณฑ์เพอรานากันนิทัศน์" ก่อนเลย กับอาคารที่มีอายุมากกว่าร้อยปี สีเหลืองนวลตั้งโดดเด่นอยู่ตรงหัวถนน ซึ่งพิพิธภัณฑ์เพอรานากันนิทัศน์แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่บอกเล่าความเป็นมาของเมืองภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของคนที่นี่ รวมทั้งมีกิจกรรมมากมายสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ได้เล่นกันด้วย





จากนั่นไปต่อที่ซอยทางเข้าที่จอดรถโรงแรมสินทวี ซึ่งในซอยนี้มีภาพผลงานอยู่หลายชิ้น แต่ภาพที่โดดเด่นเห็นแล้วสะดุดตามากที่สุดก็เป็นถาพเจ้าเสือสีสันสดใส ที่ชื่อ "สภากาแฟยามบ่าย" กับวัฒนธรรม “กินโก้ปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาว หวาน และชากาแฟถ้วยโปรด ที่เค้าว่ากันว่า สีสันต่างๆนี่แหละ แทนความหมายของอาหาร ขนมหวานเลิศรสของชาวภูเก็ต

พิกัด: https://goo.gl/maps/qVz2Xa6fFqP2



จากภาพสภากาแฟยามบ่าย เราไปต่อที่ซอยข้างร้านราดหน้าคุณจี๊ดยอดผัก ตรงนี้เป็นผลงานที่ชื่อว่า "ภาพเดินเต่า" ซึ่งการเดินเต่านี้เป็นประเพณีท้องถิ่นอย่างหนึ่ง ซึ่งในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านสามารถเก็บไข่เต่าเพื่อนำมาทานได้ แต่ในปัจจุบันนี้ประเพณีดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไป กลายเป็นช่วยกันอนุรักษ์เต่าแทน เพราะประชากรเต่านั่นลดน้อยลงไปทุกที




จากนั่นเราไปต่อที่ ซอยรมนีย์ ซึ่งในอดีตซอยแห่งนี้คือสถานเริงรมย์ มีสาวๆมากมาย แต่ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก รวมถึงที่พักต่างๆ แต่ก็ยังคงความสดใสมีชีวิตชีวาอยู่




ในซอยรมนีย์นี้จะมีภาพผลงานที่ชื่อว่า "พ้อต่อ" เป็นภาพของน้องมาร์ดี ในชุดงานพ้อต่อหรือวันสาทจีนนั่นเอง ชุดที่น้องมาร์ดีใส่มีลักษณะคล้ายๆขนมเต่าสีแดง เป็นขนมที่นิยมนำมาเซ่นไหว้ในงานพ้อต่อ และตรงหางเต่ามีคำว่า “สมหวัง” ซึ่งเชื่อกันว่าเต่าสีแดงนั้นเป็นเครื่องหมายแห่งการมีอายุยืนยาว มีความสุขสมหวังทุกประการ

พิกัด : https://goo.gl/maps/HjMZo3CAmqM2



สุดท้ายเราไปชมความงามของตึกโบราณสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสกันต่อ ที่แยกเยาวราช-ดีบุก ซึ่งมีอาหารสีเขียวนวลตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั่น


ตรงจุดนี้มีผลงานที่ชื่อว่า "ภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 " เป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพระอิริยาบถต่างๆ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของกลุ่มศิลปิน 4Studio ซึ่งเป็นครูสอนศิลปะและกลุ่มลูกศิษย์ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คในตัวเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างต้องแวะไปถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน

พิกัด: https://goo.gl/maps/fbuCdsnLEpn


หลังจากเหน็จเหนื่อยจากการตระเวนถ่ายรูปผลงาน STREET ART ในตัวเมืองภูเก็ตกันแล้ว เราก็วนรถกลับมายังหาดป่าตอง ซึ่งอยู่หน้าที่พักของเรานี้เอง เพื่อพักผ่อนคลายร้อนกันที่นี่ และรอเวลาไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันต่อ

ซึ่งหาดป่าตองแห่งนี้ นับว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต เป็นชายหาดที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ หรือแม้แต่กิจกรรมทางน้ำต่างๆ อีกมามายไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

และหลังจากที่หาดป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปัจจุบัน หาดป่าตองเป็นหนึ่งในหาดสำคัญที่ติดตั้งระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิ มีการซ้อมอพยพและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ


เมื่อใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน เราจึงไปยังจุดชมวิวซึ่งตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่แหลมพรมเทพ แต่ได้ทำการคำนวณเวลาผิดพลาดไป จึงแวะชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวทุ่งกังหันลมแทน ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน





เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ราตรีอัดงดงามก็มาเยือน เราก็ขอออกไปสำรวจความงดงามของแสงสียามราตรีกันใกล้ๆที่พักของเรานี้เสียหน่อย ซึ่งบอกเลยว่าดีงามมาก แต่ขอไม่รีวิวแบบระเอียดนะ เพราะมีบางช่วงที่ไม่ค่อยงามสักเท่าไหร่



วันที่ 3.......ความสนุกที่ไม่เคยจบสิ้น

Good morning.....ที่ไม่ค่อยจะ morning สักเท่าไหร่

เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ไม่ทันเวลาอาหารเช้าของวันนี้เสียแล้ว


มื้อเช้าของวันนี้จึงจบลงที่ กาแฟ 1 แก้วถ้วน

หลังจากที่เมื่อวานเราตระเวนกิน เที่ยว ถ่ายรูปเมืองภูเก็ต จนได้รูปถ่ายสวยๆจนจุใจแล้ว วันนี้เราจึงขอเติมความสดชื่นให้ร่างกายก่อนเดินทางกลับกันกับสระว่ายน้ำระบบเกลือเสียหน่อย

ซึ่งที่โรงแรมป่าตองเมอร์รินแห่งนี้มีสระว่ายน้ำให้บริการถึง 4 สระ กระจายอยู่ใกล้กับอาคารที่พักต่างๆ เรียกได้ว่า ไม่ว่าเราจะพักอยู่อาคารใด เราก็สามารถเข้าถึงสระว่ายน้ำได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว



เป็นไงกันบ้างคะกับการเดินทางเที่ยวภูเก็ตในช่วงgreen season ตามแบบฉบับของเรา

สำหรับใครที่สนใจที่พัก "Patong Merlin Hotel" ก็สามารถสอบถามรายละเอียดและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่

โทร : 076 349 888

เว็บไซต์ : www.merlinpatong.com

แฟนเพจ : https://www.merlinpatong.com/location.php


......................................................................

แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ

-อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel-

อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel

 วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.30 น.

ความคิดเห็น