โฮจิมินห์-ดานัง-ฮอยอัน-ดาลัด (12-16 May 2016)

มีความตั้งใจจะไปเที่ยวเวียดนามตามที่เค้ารีวิวกันมา แต่อยากไปแค่บางที่

เลยขอจัดทริปเอง ลากกระเป๋าเองเพื่อความสนุกสนาน

เส้นทางก็เลือกเองตามใจชอบ ตามไปเที่ยวกันค่ะ

Day 1: Ho Chi Minh


วันแรกเริ่มต้นกันแต่เช้ากับไฟลท์ Nok Air เลือกไฟลท์ BKK-SGN

ไปยืนต่อแถวซื้อในงานท่องเที่ยวมาค่ะ เที่ยวละ 850 บาท

แถมได้น้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลฯ แฮปปี้มากกก


นั่งหลับๆตื่นๆอยู่บนเครื่อง แป๊บเดียวถึงแล้วค่ะ

วิวโฮจิมินห์เต็มๆ มีเพื่อนที่โฮจิมินห์แวะมารับแล้วนั่งคุยกันนิดหน่อย

ก่อนเขาจะปล่อยให้เราไปเดินเล่นเองค่ะ


Ho Chi Minh City Hall

หลังจากแยกกับเพื่อนชาวเวียดนาม ก็เดินเลยเถิดมาเรื่อยๆ จนเจอ City Hall ค่ะ


เดินมาเรื่อย ๆ เจออนุสาวรีย์ลุงโฮฯ ค่ะ ฟ้าครึ้มๆ ทำให้เราไม่ร้อนมาก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเย็นนะคะ 32 องศาได้ เดินลากกระเป๋าด้วย มีหอบค่ะ


Saigon Opera House

เดินเลยมาอีกนิดนึง เจอ Opera House ค่ะ เห็นว่ามีการแสดงอยู่

แต่ไม่ได้เข้าไปดู เลยถ่ายมาแต่ด้านหน้าค่ะ


Saigon Central Post Office

เดินมาถึง Post Office ก็ถือเป็น Landmark อีกที่นึงที่ต้องเยือนค่ะ


ด้านใน Post Office ตกแต่งสไตล์ Colonial

เลยแวะเข้าไปส่ง Post Card ให้ตัวเอง ทั้งการ์ดและค่าส่งรวมแล้ว 25 บาทค่ะ


มุมตู้โทรศัพท์กับนาฬิกาประเทศต่าง ๆ ใน Post Office


เดินออกจาก Post Office มา มีซอยข้าง ๆ เป็นร้านขายหนังสือยาวตลอดทั้งซอย

อยากแวะซื้อหนังสือมาก แต่เดินเข้าไปส่องดูแล้ว

มีแต่ภาษาเวียด เลยขอถ่ายรูปอย่างเดียวค่ะ

ระหว่างนี้เราเริ่มหิว เดินหาร้านอาหารกันนานมากกกก


Nha Hang Ngon 160 Pasteur St.

ในที่สุด มาเจอร้านอาหารตามรีวิวคือ เลขที่ 160 ถ. Pasteur ค่ะ

รีบกินเลยค่ะ หิวมาก ถ้วยนี้ 55,000 VND ค่ะ


Revolutionary Museum

ออกจากร้านมา เดินไปทางซ้ายมืออีกนิด แล้วข้ามถนน

จะเจอ Revolutionary Museum ค่ะ เสียค่าเข้า 15,000 VND ค่ะ


ด้านในมีความคล้าย ๆ มิวเซียมสยาม พูดถึงความเป็นมาของเมืองโฮจิมินห์

มีอารยะธรรม และวัฒนธรรมต่าง ๆ ให้ดู แต่ป้ายส่วนใหญ่เป็นภาษาเวียดนาม

เลยไม่รู้ว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง


ชุดนี้เหมือนว่าจะเป็นชุดที่ใส่หรับการแสดงนะคะ หน้าตาคล้ายชุดงิ้วเหมือนกันค่ะ


มีส่วนโชว์ เหรียญ และธนบัตรหลายๆ รุ่นของเวียดนามค่ะ


ส่วนนี้เป็นส่วนสุดท้ายก่อนถึงทางออก น่าจะเป็นช่วงที่ใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุดค่ะ


เดินออกมาทางเดิม ภาพนี้คือ ด้านหน้าของ Museum


สวนด้านนอกของ Museum มีรถม้าตั้งโชว์อยู่

ออกจากที่นี่แล้วเราก็เดินกระเตงๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปดู หุ่นกระบอกน้ำ ค่ะ


Golden Dragon Water Puppet Theatre

เดินมาราว 2 กิโลฯ ก็เจอทางเข้า Golden Dragon Water Puppet

มาถึงการแสดงเริ่มไปแล้ว เรายืนมองหน้ากัน

จริงๆ เราถอดใจแล้ว แต่พนักงานคงสงสาร เลยบอกเราว่า

"การแสดงเพิ่งเริ่มไป 10 นาที ยูอยากเข้าไปดูมั๊ย ? "

พวกเรารีบพยักหน้ารัวๆ แล้วจ่ายค่าตั๋วไปคนละ 200,000 VND ค่ะ


ด้านในโชว์เริ่มไปแล้ว การแสดงชุดนึงใช่เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ

ดูแปลกตาดีเหมือนกันค่ะ ฟังเค้าร้องเพลงไม่รู้เรื่องนะคะ

ฟังได้แต่จังหวะและอารมณ์ แต่ก็สนุกดีค่ะ เนื้อเรื่องก็พอเดาๆ ได้ค่ะ


แว้บเดียวการแสดงจบแล้ว คนเชิดก็ออกมาคำนับผู้ชมค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาเชิดยังไง


ป.ล. คนตีกลองด้านขวามือ กับคนเชิดคนขวาสุดหน้าตาดีม๊ากกกก ><


จบการแสดงค่ะ เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนจะต้องเดินทางไปสนามบินเพื่อเปลี่ยนเมือง

เส้นทางต่อไป เราขึ้นเวียดเจ็ทแอร์ มุ่งหน้าสนามบินดานังค่ะ


มาถึงสนามบินด้วยแท็กซี่ยี่ห้อ Mailinh ที่นี่จะมีค่าธรรมเนียมสนามบินด้วย 15,000 VND ค่ะ

ก็บวกจากมิเตอร์ไปได้เลย อย่าลืมบอกเขาว่า เราจะไปอาคารของ Domestic flight ค่ะ


ปรากฏว่า เรามาเร็วเกิน บวกกับเครื่องดีเลย์

สรุปคือจาก ไฟลท์ 21.25 กลายเป็น 22.15 เพิ่งจะ boarding

ทางเรามีความเหนื่อยล้า และง่วงนอนมากค่ะ


สรุปว่าคืนแรกมาถึงดานังเกือบเที่ยงคืน

กว่าจะแย่งแท็กซี่กับชาวบ้านและได้เข้าโรงแรมก็ราวๆ 00.30 ค่ะ

ดีนะที่จองโรงแรมใกล้ ๆ แค่ 1.5 km ค่ะ

คืนแรกเรานอนที่นี่ค่ะ Houng Binh Hotel


ก่อนนอนเมื่อคืนนี้ เราแอบวางแผนอย่างดิบดี

ว่าจะไปให้หมดเมือง ทั้งบาน่าฮิลล์ และ ฮอยอัน ปรากฏว่า สังขารไม่อำนวยอย่างที่คิดค่ะ


บรรยากาศยามสาย ๆ ที่ดานังในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเราไม่มีปัญญาตื่นเช้า

ทำให้เราต้องตัดสินใจตัดทัวร์บาน่าฮิลล์ ออกจากทริปค่ะ (ฮืออออ)


HAN RIVER & DRAGON BRIDGE

จากโรงแรมเรา เดินตรงมาเรื่อยๆ เจอแม่น้ำ Han ค่ะ ตรงแยกสะพานมังกรพอดีเป๊ะเลย

แต่ดันได้อยู่ฝั่ง หางมังกรซะนี่


ริมฝั่งแม่น้ำหาน มีความชิลมาก น้ำไม่ได้ใสมาก แต่ก็ไม่ได้เหม็นนะคะ


CHO HAN (Han Market)

เดินเลียบแม่น้ำหานมาเรื่อยๆ ไกลพอสมควรก็จะเจอ ตลาดหานค่ะ

ถึงตอนนี้เราหิวโหยมาก รีบพุ่งเข้าไปหาของกินเลยค่ะ


ที่นี่เป็นตลาดสดนะคะ มีส่วนที่ขายอาหาร และ ของฝากบางชิ้น

แต่ส่วนใหญ่ก็หาได้ตามตลาดบ้านเราเช่นกันค่ะ ข้างๆ ตลาดหาน

มีร้านขายดอกไม้ อารมณ์เดียวกับปากคลองตลาดด้วยค่ะ


Bun Ca

เข้าใจว่าคือเส้นเล็กเต้าหู้ปลาค่ะ มื้อนี้ถือว่าถูกที่สุดในทริป

ถ้วยนี้ 22,000 VND เท่านั้นค่ะ (ประมาณ 35 บาท) และกาแฟเวียดนามอร่อยมาก


หลังจากกินเสร็จ เราได้ถามคนขายอาหาร

ซึ่งพอพูดอังกฤษได้บ้าง ว่าเราจะไปฮอยอันได้ยังไง

เขาก็แนะนำให้ขึ้นรถเมล์บอกว่า คนละ 25,000 VND

ขึ้นจาก "หลังตลาด" ได้เลย เรารีบขอบคุณเขา

และเดินออกทาง "หน้าตลาด" อย่างมั่นใจ...

เอิ่มมมม ใช่ค่ะ ทางเราออกผิดทาง


ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่ายืนรอรถเมล์ผิดฝั่ง เห็นรถเมล์มา โดดขึ้นทันที

แล้วพูดกับกระเป๋ารถเมล์ว่า "ฮอยอัน ๆ " แล้วนั่งเรียบร้อย

เราก็คอยมองๆ ว่าทำไมเขาไม่มาเก็บเงินสักที

นั่งไปสักพัก กระเป๋าเดินมาสะกิดแล้วพูดว่า ฮอยอันๆ พร้อมชี้ไปฝั่งตรงข้าม...

คือจะบอกให้เราลงแล้วข้ามถนนไป ตอนนั้นเองเพิ่งรู้ตัวว่าขึ้นรถผิดฝั่ง...

ซิ้งน้ำใจที่เขาช่วยบอกทาง และยังไม่คิดค่าโดยสารด้วยค่ะ

(อันนี้ดีงามมาก....น้ำตาจิไหล T.T )


อันนี้คือป้ายรถเมล์ฝั่งที่ถูกต้องค่ะ

รถเมล์ที่เรารอคือสาย 1 ดานัง-ฮอยอันค่ะ

ค่ารถคนละ 20,000 VND คือถูกมาก

รถเมล์ไม่มีแอร์นะคะ แต่ก็ไม่ร้อน รถไม่ติด

วิ่งยาวๆตลอด ประมาณครึ่งชม. ก็ถึงท่ารถเลยค่ะ


ลงจากรถเมล์ได้ปั๊บ สิ่งแรกที่ทำเลยคือพุ่งตัวไปหาแผนที่ค่ะ

ประมาณว่า นี่ชั้นอยู่ตรงไหน ฮอยอันไปทางไหน บลาๆๆๆ


ทางเรามีการหลง เพราะเลี้ยวผิดเห็นซ้ายเป็นขวาเล็กน้อยค่ะ

คุณลุงวินมอเตอร์ไซค์ใจดีมาก ขับรถมาบอกเรา

แล้วชี้ๆ ว่าเราไปผิดทาง ดีงามมาก ขอบคุณมากๆค่ะ


ต้องเดินผ่านอนุสาวรีย์นี้ตรงสี่แยกก่อนค่ะ ถึงจะถือว่าไปถูกทาง

จากนี้ก็ตรงยาวๆมุ่งหน้าฮอยอันเลยค่ะ


HOI AN HERITAGE TOWN

ทางเข้าเมืองโบราณฮอยอัน ซึ่งตรงนี้เราไม่รู้ว่า

ต้องซื้อตั๋วค่าเข้าเมืองตรงไหน อะไรยังไง สุดท้ายเลยไม่ได้ซื้อตั๋วค่ะ


เช่าจักรยานมาตั้งแต่ทางเดิน ก่อนจะเข้าเมืองโบราณเพราะเราขี้เกียจเดิน

สองคัน ราคา 25, 000 VND เองค่ะ บอกเค้าว่า ตอน 5 โมงจะเอามาคืน

แปลกมากที่ไม่ขอพาสปอร์ตหรืออะไรเก็บไว้เลย

ครึ้มฟ้าครึ้มฝนมากๆ สำหรับวันนี้ ทำให้รูปที่เราถ่ายแต่ละรูปแสงไม่ค่อยสวยเลยค่ะ มืดๆไปหมด


จุดนี้ฝนเริ่มลงเม็ดค่ะ ต้องควักแว่นออกมาใส่

เพราะปั่นจักรยานไม่ได้เลย ฝนลงเข้าตาตลอด ><


ริมแม่น้ำทูโบนมีจุดให้ถ่ายรูปตลอดเวลา


ฟ้าเริ่มใสหน่อยแต่ยังมีเมฆเยอะอยู่ค่ะ

จริงๆเราคิดเหมือนกันว่าอยากจะนอนที่ฮอยอันสักคืน แต่ไฟลท์เราไม่เอื้ออำนวยจริงๆ

และดูเหมือนเราจะคิดถูก เพราะถ้าลงเครื่องตอน 00.30

แล้วนั่งแท็กซี่มาฮอยอันน่าจะหลายแสนดองอยู่ค่ะ

แต่ดูๆไป โรงแรมที่นี่ก็สวยดีเหมือนกันค่ะ


มีกิจกรรมให้ล่องเรือเล่น แต่เราไม่อาจจะทิ้งจักรยานได้ค่ะ

แล้วเราคิดว่าปั่นจักรยานน่าจะสนุกกว่า สรุปคือ ไม่ได้ล่องเรือ

และปั่นจักรยานนิดเดียวก็เกือบครบทั่วเมืองแล้ว...-.-


JAPANESE COVERED BRIDGE

สะพานญี่ปุ่น จุดแลนด์มาร์กของที่นี่ แต่ถ่ายภาพสะพานล้วนๆ มาไม่ได้เลยค่ะ คนเยอะมากจริงๆ


ระหว่างข้ามสะพานจะกลับมาอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นฝั่งเมืองใหญ่

กว่าจะได้รูปนี้คือ รอคนเดินผ่านไปมานานมาก

มีมอเตอร์ไซค์และจักรยานขับผ่านตลอด...><


HOI AN ROASTERY

เมื่อย + มือถือแบตหมดเลยมาหาที่่ชาร์จ ตกลงใจว่าเป็นร้านนี้ค่ะ


สั่งพายแอปเปิ้ล พนักงานบอกว่าเป็น recommend ของร้าน

ซึ่งหวานม๊ากกก กับ Mint Tea ค่ะ


พนักงานในร้านนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดี และขยันขันแข็งดีมากค่ะ

คงเพราะมีลูกค้าชาวต่างชาติเยอะ ระหว่างที่เรานั่งดื่มนี่ก็มี

ฝรั่งเดินเข้าออกตลอดเวลา


มาปั่นกันต่อ ถึงตอนนี้เราเริ่มจะมองหาของที่ระลึกหรือของฝาก...

ซึ่งหาที่ถูกใจยากมากจริงๆค่ะ ของคล้ายๆบ้านเราทั้งนั้นเลย


สุดท้ายเราก็นก...ไม่ได้อะไรมาเลยค่ะ ปั่นแป๊บเดียวก็รอบแล้ว

แถมใกล้หมดเวลาเช่าจักรยานเลยปั่นไปคืนค่ะ


รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายก่อนออกนอกเขตฮอยอัน

จะบอกว่า ซ้ายขวามีมอเตอร์ไซค์วิ่งตลอด เค้าคงพาลด่าเราในใจ ว่ายัยนี่จะมายืนขวางทำไมเนี่ย -.-

สรุปเราย้อนกลับมาทางเดิม คืนจักรยาน เดินมาขึ้นรถเมล์

และนั่งมาลงป้ายเดิมหน้าตลาด ริมแม่น้ำหาน เหมือนตอนขามาเป๊ะเลยค่ะ


ถึงตอนนี้ดานังตอนกลางคืนเริ่มมีเปิดไฟตามที่ต่าง ๆ ไฟสวยๆเยอะมาก

ที่เห็นนี่คือ สะพานมังกรค่ะ ขอบอกว่าไฟเปลี่ยนสีได้ด้วยค่ะ


highlight อีกที่คือสะพานหมุน มีไฟวิ่งๆหลายสีอยู่ตลอด

เรานั่งจ้องจนเห็นสีรุ้งค่อยๆไหลลงมาก็รีบถ่ายรูปเก็บไว้เลยค่ะ


เราเดินเล่นจนสุดริมแม่น้ำหาน และเดินกลับ

เดินยาวๆ จนเจอร้านอาหารร้านนึง มองๆเมนูแล้วเดินเข้าไปสั่งสิ่งนี้

จานละ 50,000 ค่ะ หน้าตาคล้ายๆ ข้าวหมกไก่ ค่ะ รสชาติดีด้วยค่ะ


มีเรื่องประทับใจที่ดานังอีกครั้ง ตอนเราแวะซื้อ KFC

เพื่อจะเก็บไว้กินตอนเช้าระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ตอนยืนรอเบอร์เกอร์ มีผู้ชายเวียดนามคนนึงเข้ามาทัก

แล้วพูดไทยใส่เรา ถามว่า เป็นคนไทยเหรอ มาเที่ยวเหรอ มากี่วันแล้ว

เขาบอกว่า เขาเคยเรียนที่มุกดาหารอยู่ 7 ปี เลยพูดไทยได้

ตรงนี้เราได้ทีเลยถามเขาว่า เราสามารถ หาซื้อน้ำเปล่าถูกๆได้ที่ไหน เพราะที่โรงแรมเราแพง

เราพยายามถามหา เซเว่น หรือ แฟมิลี่มาร์ท แต่เขาก็บอกว่าไม่มี

แล้วยืนคิดแป๊บนึง ก่อนจะเดินออกไปถามยาม!

ยามก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่มี แต่รู้ว่าจะซื้อน้ำที่ไหน

ยามบอกจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อมาให้

เราก็เกรงใจเลยบอกว่า ให้ชี้ทางเดี๋ยวเราเดินไปเอง

สุดท้ายพี่คนนี้เลยต้องเป็นคนพาเราเดินข้ามถนนไปถึงร้าน แถมต่อราคาให้เสร็จสรรพ

ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นเราเกรงใจเขามาก

เพราะเรียกเขามาตอนเขากินข้าวอยู่ เขาก็ทิ้งจานลุกมาช่วยเราเลย

ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

(บาปกรรมจริงๆ รบกวนคนกำลังกินข้าว)


ดั้นด้นกลับมาโรงแรม จดค่าใช้จ่าย นับเงินที่เหลือ

และนั่งคุยกันวางแผนของวันรุ่งขึ้นค่ะ พรุ่งนี้เราต้องออกจากดานังเช้ามืด

เพราะต้องไปลงโฮจิมินห์ก่อนจะต่อไฟลท์ไปดาลัดอีก

ทีแรกเราจองไฟลท์ ดานัง - ดาลัด กับ เวียดนามแอร์ไลน์

แต่ไฟลท์ cancel เราเลยต้องโดดขึ้นโดดลงเวียดเจ็ทเป็นว่าเล่นเลยค่ะ


ย้ายเมืองอีกครั้งค่ะ รอบนี้มีความบินไปบินมาราวกับนก

เราบินจากดานังมาเปลี่ยนเครื่องที่ โฮจิมินห์

และออกจากโฮจิมินห์ บินไป ดาลัดค่ะ


เช้านี้รอไม่นาน แต่คนเช็คอินเวียดเจ็ท ตอนยื่นตั๋วให้นางดันกระซิบถามว่า Are you pregnant?

รีบส่ายหน้าเลยค่ะ หยาบคายจริงๆ นี่ยังเป็น Miss อยู่เลยนะคะ...(โกรธ)

แล้วเราก็บินมาลงสนามบินดาลัดค่ะ


เดินออกมาปุ๊บ เจอ Airport shuttle bus เข้าเมืองค่ะ

ราคาคนละ 40,000 VND เท่านั้น รีบโดดขึ้นเลยค่ะ

รถนี้จะวนผ่านหน้าโรงแรมเกือบทุกที่ เพราะฉะนั้นบอกชื่อโรงแรมกับเค้าได้เลยค่ะ


i-HOTEL DALAT

นี่คือโรงแรมที่เราพักชื่อ I-Hotel ค่ะ ห้องพักไม่ได้ดีมาก

แต่พนักงานบริการน่ารักอบอุ่น โรงแรมที่ดาลัดจะไม่มีแอร์นะคะ

เพราะอากาศที่นี่เย็นสบายอยู่แล้ว


NAM SON RESTAURANT

มื้อแรกที่ดาลัด ที่ร้านชื่อ Nam Son Restaurant

ซึ่งเราถามพนักงานจากโรงแรมทิวลิปมาค่ะ เราไม่ได้พักกับเค้า

แต่เค้าก็ให้ความช่วยเหลือดีมากค่ะ แถมแนะนำที่เที่ยวให้เราด้วยว่า

ควรไปอันไหนก่อน-หลัง น่ารักฝุดๆ


CRAZY HOUSE DALAT

จุดแรกเริ่มกันที่ Crazy House จริงๆเกือบได้พักที่นี่แล้วนะคะ

แต่เห็นว่าไกลตลาดมาก ก็เลยเปล่ี่ยนใจค่ะ

มีค่าเข้าชม 40,000 VND ค่ะ


เป็นบ้านที่ออกแบบประหลาดๆ แต่ด้านในเป็นโรงแรมและสามารถพักได้จริง

เคยอ่านรีวิวบอกว่า เจ้าของชอบของแปลก เลยอยากทำโรงแรมประหลาดๆค่ะ


BAO DAI SUMMER PALACE

ที่ต่อมาคือ Bao Dai Palace เรียกว่าเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์เบ๋าได๋ค่ะ

มีค่าเข้าอีก 15,000 VND


ภายในก็เป็นที่พักโอ่โถงกว้างขวาง ชอบไอเดียที่หุ้มรองเท้ามาก

ถ้าเป็นวังแบบนี้ที่เมืองไทยต้องถอดรองเท้าใส่ถุงถือไป

แต่ที่นี่ ไม่ต้องถอดค่ะ ใส่ที่หุ้มแล้วเดินได้เลย


รอบๆ วังมีสวนดอกไม้ที่ให้ feeling ยุโรปม๊ากกกก

คล้ายๆโลเคชั่นละคร ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน เวอร์ชั่นช่อง 7 มากๆ


VALLEY OF LOVE

ย้ายที่มาต่อกันที่ valley of love สวนที่มีรูปปั้นและตัดแต่งกิ่งไม้เป็นรูปหัวใจทั้งหมด

ที่นี่มีเรื่องเล่าเป็นเรื่องตำนานเกี่ยวกับความรัก

และโศกนาฏกรรมของหญิงสาวกับทหารเวียดนามด้วยค่ะ

ที่นี่มีค่าเข้า 40,000 VND


เป็น Valley สมชื่อค่ะ ด้านล่างเป็นหุบเขาไล่ระดับลงไปจนถึงทะเลสาบ

ม่ได้เดินลงไปข้างล่างสุดนะคะ กลัวตอนขึ้นไม่มีปัญญาปีนขึ้นมาค่ะ ><


DALAT FLOWER GARDEN

ย้ายที่อีกแล้วค่ะ มาต่อกันที่ Dalat Flower Garden ค่ะ

เป็นสวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่ของดาลัด เสียค่าเข้า 30,000 VND ค่ะ


ด้านในสวนมีแปลงดอกไม้เยอะมากค่ะ กว้างและออกแบบดี

เหมาะกับอากาศเย็นๆแบบนี้ ดอกไม้บานเต็มสวน สวยมากเลยค่ะ


ด้านบนมีโรงบ่มไวน์ที่ขึ้นชื่อของดาลัดด้วยค่ะ

อันนี้ก็ไม่ได้ปีนขึ้นไปดูค่ะ เห็นบันไดชันๆ แล้วสู้ไม่ไหวจริงๆ ><


เดินออกมาตามหาแท็กซี่คันประจำ ปรากฏว่าเขาไม่ได้รอค่ะ

ระหว่างยืนรออยู่ เราหิวมาก เลยซื้ออันนี้มากินค่ะ

มารู้ทีหลังว่ามันคือ พิซซ่าดาลัด ชิ้นละ 10,000 VND

ก่อนจะเรียกแท็กซี่คันอื่นให้ไปส่งที่ทะเลสาบค่ะ

HO XUAN HUONG

นั่งแท็กซี่กลับมาลงที่ริมทะเลสาบซวนเหือง

จากนี้เราเดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงตลาดได้สบายมาก

อากาศเย็นสบาย มีความชิลสุดๆ


CHO DALAT (Dalat Market)

มื้อเย็นที่ดาลัดเกิดขึ้น เพราะเดินผ่านร้านอาหารแล้วมีเด็กในร้านคนนึงผมไฮไลท์สีทอง

พุ่งเข้ามาเอาเมนูยื่นให้ แล้วพูดเวียดใส่ พอเราบอก English please

เขาก็ถาม where you from เราตอบ Thailand เท่านั้นแหละ

พูดไทยใส่เราด้วย "สวัสดีครับ" แล้วชี้ชวนให้สั่งอาหารหลายอย่าง

สุดท้ายเลยจบที่เมนูนี้ หมี่กรอบผัดทะเล

มีความรู้สึกเหมือนผัดผงกะหรี่นิดๆ 55,000 VND


เดินเล่นที่ตลาด ที่นี่ขายเสื้อกันหนาวเยอะมากค่ะ

แล้วก็มีร้านขายของกินประปรายตลอดทาง ทางเราเดินผ่านร้านสตอเบอร์รี่เลย

ซื้อมาครึ่งกิโล 25,000 VND ก่อนจะกลับเข้าโรงแรม

ก่อนนอนเปิดดู MV เพลงเวียดนามนิดหน่อยพอได้บรรยากาศค่ะ

ทริปดาลัดยังไม่จบแค่นี้ค่ะ

เนื่องจากเราวางแผนนอนที่นี่สองคืน เพราะเราโหยหา อากาศเย็นๆของดาลัด


เนื่องจากเราแพลนไว้ว่าจะนอน DALAT 2 คืน

เราจึงได้แพลนที่เที่ยวได้มากมาย ไปต่อกันเลยค่ะ


DALAT RAILWAY STATION

เช้าวันรุ่งขึ้น เรามี destination ที่มาร์คไว้ว่าต้องมา

คือสถานีรถไฟดาลัด เป็นสถานีเก่า ปัจจุบันวิ่งแค่เส้นทางเดียวสำหรับนักท่องเที่ยว

คือ ดาลัด - จายหมัท ค่ะ


มีความเซ็งเบาๆ ที่มาถึงแล้วเห็นรถไฟออกไปต่อหน้าต่อตา

เสียดายมากๆ พอไปถามคนขายตั๋ว เขาก็ไม่ขายให้ บอกว่า not sure

คือไม่รู้จะมีคนเต็มไหม ถ้าไม่ถึง 20 คนรถไฟก็ไม่ออก

เราเลยตัดสินใจไม่รอล่ะ แอบเซ็งเบาๆ


THE TRAIN CAFE & VILLA

เดินตามหาร้าน The Train Villa and Cafe ตามรีวิว

เพราะเห็นว่า ใกล้สถานีรถไฟ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ใกล้มาก

แต่พอเดินได้ค่ะ ที่เห็นหน้าบึ้งนี่ ยังเซ็งอยู่ค่ะที่อดขึ้นรถไฟ


เรามีความเก็บกดเลยสั่งเมนูแพงๆมากินชดเชยที่ตกรถไฟ

ถือว่าเอาค่าตั๋วมาจ่ายค่าอาหารแทน แต่อาหารอร่อยสมราคามากจริงๆ

มื้อนี้ทั้งหมด 348,000 VND เป็นมื้อที่แพงที่สุดในทริปนี้ค่ะ


กินเสร็จเราขอให้ทางร้านเรียกรถแท็กซี่ให้

ปรากฏว่าเป็นแท็กซี่คันเดิมที่ทิ้่งเราไว้ที่ Flower Park เมื่อวาน

ก็ตลกดีเหมือนกัน เราได้นั่งปรึกษากันเบาๆ ว่าวันนี้เค้าจะทิ้งเราอีกไหม

จุดหมายแรกบอกเค้าว่าไป น้ำตก Datanla ค่ะ


THUC PRENN (PRENN WATERFALL)

ระหว่างทางเราก็นั่งคุยกันว่า จริงๆเราอยากไปน้ำตกเพรนน์

แต่ถ้าไม่มีเวลาเราอาจจะไม่ได้ไป

สักพักแท็กซี่จอด เงยหน้าไป...เอ๊ะ น้ำตกเพรนน์!

ไหนว่าเราจะไป ดาตันลา อ้าว...งง ค่ะ

แต่ไม่เป็นไร...เราหยวนๆ ได้หมด

เลยถือโอกาสเดินเข้าเพรนน์ไปแทนค่ะ

ค่าตั๋ว 30,000 VND


ที่เพรนน์มีกระเช้าให้นั่ง เรารีบพุ่งตัวไปก่อน (โดยไม่รู้ว่าที่ดาตันลาก็มี)

กระเช้าไม่ยาวมากค่ะ แต่นั่งผ่านน้ำตกเพรนน์เลย

ค่ากระเช้าคนละ 15,000 VND ค่ะ


กระเช้าจะมาลงอีกฝั่งนึงของสะพานไม้ เราต้องเดินข้ามไปค่ะ เพื่อจะเที่ยวให้ทั่ว


เดินเลาะๆเข้ามาด้านใน เจอบริการขี่สัตว์ต่าง ๆ ทั้งช้าง ทั้งควาย

แต่ที่พีคก็คงจะเป็น ขี่นกกระจอกเทศค่ะ คิดคนละ 100,000 VND

เท่าที่เห็นคือเหมือนว่า จะวิ่งวน 2 รอบค่ะ

ทีแรกลังเลอยากลองนั่ง แต่ใจคิดว่ามันแพงจังเลย

สักพักเห็นเขาเอาไม้ตีนกให้มันวิ่ง

เลยมีความโลกสวย รักสัตว์ขึ้นมา ดูเหมือนมันจะเจ็บ ดูเหมือนมันจะหนัก

เราเลยไม่เอาดีกว่า สงสารด้วย เสียดายตังค์ด้วย ปนๆกันค่ะ ><


จุดเด่นของที่นี่คือต้องเดินลอดใต้น้ำตกค่ะ

เข้าไปใกล้กว่านี้จะถ่ายรูปไม่ได้แล้ว เพราะน้ำกระเด็นมากๆค่ะ

แต่ถือว่ามีน้ำน้อยกว่าที่เห็นในรีวิวนะคะ


มองจากอีกฝั่งนึงจะเห็นช่องใต้น้ำตกชัด แต่น้ำน้อยมาก สงสัยจะแล้งน่าดู


THUC DALANTA (DALANTA WATERFALL)

เสร็จจากเพรนน์ แท็กซี่คอยเราอยู่ด้านหน้า

เราเปิดรูป Roller Coaster ให้ดู เขาเลยพาไปถูกที่แล้วตอนนี้

ถึง น้ำตกดาตันลาแล้วค่ะ


นี่ล่ะ...สิ่งที่รอคอย

เราพุ่งตัวซื้อตั๋วทันทีค่ะ ตัดสินใจซื้อไป-กลับ

เพราะถามคนขายว่า ถ้าซื้อ one-way เดินไกลไหม

นางบอก FAR ก็เลยเชื่อนางค่ะ

ค่าตั๋ว roundtrip 50,000 VND ค่ะ

ขอบอกว่าสนุกมาก กรี๊ดวี๊ดว้ายตลอดเว 55555


กรี๊ดจนสุดเสียง...และแล้วก็มาถึงน้ำตกค่ะ เดินเข้าไปใกล้ๆ อีกนิดนึงคือคนเยอะมากค่ะ


DALAT UNIVERSITY

จบจากทัวร์น้ำตกแล้วเราก็ยืนมึนอยู่ข้างหน้า เพราะแท็กซี่คันเดิมทิ้งเราอีกแล้ว

ประกอบกับเราไม่รู้จะไปไหนต่อ เลยนั่งเสิร์ชหา

แล้วคุยกันว่าจะลองไปเดินเล่นส่องหนุ่มมหาลัย ที่มหาวิทยาลัยดาลัด ค่ะ


เดินชิลๆ เข้ามาเรื่อย ๆค่ะ พอดีเป็นวันอาทิตย์เลยไม่ค่อยมีนักศึกษา

และน่าจะไม่มีการเรียนการสอนในวันนี้ด้วยค่ะ (อด)


มหาวิทยาลัยของเขาร่มรื่นมากค่ะ ต้นไม้ต้นใหญ่ มีตลอดทาง


ตึกบางคณะยังเป็นสไตล์ Colonial สามารถโพสท่าถ่ายรูปแอ๊บว่าอยู่ประเทศยุโรปได้ค่ะ


เดินเล่นจนเริ่มเมื่่อย เราก็เดินตามนักศึกษามาเรื่อย เพื่อหาทางออก

แล้วมาสะดุดตรงประตูรั้ว ก่อนจะยืนงง...

อ้าว เมื่อกี้เดินตามน้องเขามาอยู่เลย แล้วทางออกอยู่ไหน

พอดีมีนักศึกษาอีกคนเดินตามหลังเรามา แล้วลอดรั้วให้เห็นกับตา!

ใช่ค่ะ! ช่องขวาสุด เราลอดออกมาได้พอดีเป๊ะ รีบหันไปถ่ายรูปไว้ทันที

เด็กเวียดนามก็มีทางออกลับเหมือนพวกเราเช่นกัน อิอิ


รั้วมหาวิทยาลัยมีความฮ็อกวอตส์นิด ๆ

สืบเนื่องจากอิทธิพลของประเทศตะวันตกที่เข้ามาในตอนนั้น

ตรงนี้เราเดินหาแท็กซี่เอง แล้วเรียกให้ไป Big C...

ถูกต้องแล้วค่ะ ไป Big C สาขาดาลัด ค่ะ !

BIG C DALAT

ลานหน้า Big C ที่นี่ไม่ได้มีไว้เต้นแอโรบิกนะคะ

แต่เป็น Valley มีชาวบ้านพาลูกหลานมาเล่นโรลเลอร์เบลด

เล่นรถบังคับกันเต็มไปหมด


เจอน้องหมาฮัสกี้ขนฟูตัวนึงค่ะ เชื่องมากไม่ดุเลย

ได้ยินเจ้าของเรียกชื่อ โบ๋ๆ สักอย่าง


รวบรวมความกล้าไปขอถ่ายรูป เจ้าของหน้าบึ้งแต่ก็พยักหน้า

ที่ยากกว่าคือ น้องหมาไม่ให้ความร่วมมือค่ะ

อย่างว่านะ สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง!


เย็นลงอีกนิด เราตั้งใจไปปั่นจักรยานน้ำรูปเป็ดกันค่ะ เดินเลาะริมทะเลสาบมาเรื่อยๆ


ในที่สุดก็เจอร้านอาหารร้านนึง ติดริมน้ำ ที่มีเป็ดให้เราเช่า

เขาคิดชั่วโมงละ 60,000 VND / 2 คน ค่ะ


ปั่นเป็ดชิลมากก็จริง แต่แอบเหนือยค่ะ แต่โชคดีที่อากาศเย็น

บวกกับแม่น้ำวิวสวยมากค่ะ แต่กว่าจะครบชั่วโมง เล่นเอาแฮ่กกันนิดนึง


ภาพจากทะเลสาบซวนเหืองยามค่ำคืนที่ไฟสะท้อนเงาจากแม่น้ำ ชวนฝันสุดๆ


เราเล็งซีฟู้ดปิ้งย่างเหล่านี้มาตั้งแต่เมื่อวานค่ะ

วันนี้เลยขอลองนิดนึง รสชาติโอเคนะคะ แต่มันน้อยนิดเดียว สรุปว่าจ่ายไป

170,000 VND แต่ไม่อิ่ม ต้องเดินมาหาของกินต่อ

และซื้อหม้อไฟสุกี้ไปอีก 200,000 VND


คาดว่าวันอาทิตย์ ตรงตลาดดาลัดจะปิดถนน ไม่ให้รถเข้า ให้มีแต่ถนนคนเดิน โล่ง ๆ แบบนี้ค่ะ

...เฮ้อ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วสินะ ยังไม่อยากเลย


ทริปนี้ยังไม่จบ (สักที) ค่ะ

ไปต่อวันสุดท้ายกันเถอะ เราเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนบินกลับ ก็เลยแวะเที่ยวใน โฮจิมินห์ อีกหน่อย

วันนี้เราต้องจากดาลัดซะแล้วค่ะ

แต่เนื่องจากไฟลท์เราออกช่วงค่ำๆ เราเลยมีเวลาเดินเล่นต่อนิดหน่อยที่ โฮจิมินห์ ค่ะ


วันรุ่งขึ้นเราให้โรงแรมจอง shuttle bus ให้เหมือนขามา

แล้วก็นั่งกลับมาที่สนามบินดาลัด เตรียมบินกลับโฮจิมินห์ค่ะ


ถึงสนามบินโฮจิมินห์ แต่เรายังมีเวลาอีกครึ่งวันก่อนจะถึงไฟลท์กลับกทม.

ขอลองรถเมล์ 152 ในตำนานค่ะ เสียค่าตั่วไป 2 คน + 1 กระเป๋า

แค่ 15,000 VND ค่ะ รถจอดตรงท่ารถตลาดเบนถันค่ะ (กระเป๋ารถเมล์บอก)


CHO BEN THANH (BEN THANH Market)

ดินเข้าไปหาของกินในตลาดเบนถัน เลยสั่งอุด้งทะเล

ถ้วยนี้ 50,000 ค่ะ และแวะซื้อกาแฟบดเวียดนามกลับบ้านค่ะ


SAIGON ZOO & BOTANICAL GARDEN

เราสิ้นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเสิร์ชหาที่เที่ยวในโฮจิมินห์

แล้วเห็นมีสวนสัตว์ไซง่อน เลยนั่งแท็กซี่มาค่ะ ค่าเข้าสวนสัตว์ 50,000 VND ค่ะ

ข้างๆ มีที่ฝากกระเป๋าเหมือนจะคิดเป็นชั่วโมง แต่ถูกกว่าฝากแอร์พอร์ตเยอะค่ะ

เราเข้าไปสัก 3-4 ชม. คิดค่ากระเป๋าเราแค่ 6,000 VND เอง ถูกมากๆ


ด้านในร่มรื่นมากค่ะ เขาตั้งชื่อที่นี่ว่า Saigon Zoological & Botanical Gardan

แปลว่า สวนสัตวศาสตร์ และพฤษศาสตร์ไซง่อน (อลังการมาก)


มีแพะให้เล่นตรงโซนสวนสัตว์เด็กค่ะ มีเยอะมาก แพะภูเขา เขาโค้งก็มี

แต่ตัวเล็กหน่อยนะคะ ส่วนตัวนี้มองกล้องพอดีเลยค่ะ


อยากให้เห็นความกว้างใหญ่ของกรงกวาง คือกว้างมาก และมีกวางเยอะมากค่ะ

น่าจะ 30 ตัวได้มั้ง


เห็นติดป้ายว่าตัวนี้เรียกว่า Civet อาจจะพังพอน ไรงี้ค่ะ


1พีคมากค่ะ อันนี้ คือลุงเข้าไปทำความสะอาดกรงงู

ซึ่งงูก็นอนอยู่ในนั้น 3-4 ตัว คือแบบว่า ลุงก็ทำไป งูก็อยู่ไป

ต่างคนต่างอยู่ ก็ดีเหมือนกัน 5555


เดินมาถึงตรงนี้ตกใจนิดหน่อย เพราะอยู่ข้างกรงเสือโคร่ง

แล้วเดินเลยมาพร้อมกับเห็นกรงเปิดก็แอบเสียจริต

แล้วพอมองไปข้างในแว้บแรกก็ใจหาย

นึกว่าเขาเปิดกรงเสือ...ก็เปิดจริงๆ แหละ

แต่เสือปลอม แค่นั้นเอง เหอๆๆ


ตรงนี้คือรูปปั้นช้างที่ รัชกาล 7 พระราชทานให้สวนสัตว์แห่งนี้ไว้

เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศอินโดจีน

(เวียดนามสมัยนั้นเรียกอินโดจีนค่ะ)


SAIGON NOTRE-DAM CATHEDRAL

หมดจากสวนสัตว์ เราแอบแวะ Saigon Notre-Dam Cathedral ค่ะ


เป็นเวลาสวดมนต์กันพอดีเลยได้เข้าไปดูข้างในนิดหน่อย

สักพักฝนตก เราเลยติดฝนอยู่ด้านใน

ก่อนจะย้ายไปนั่งรอเวลาที่ Mcdonald แล้วจึงเรียกแท็กซี่กลับสนามบินค่ะ


ถึงกทม. โดยสวัสดิภาพฮะ!

ทริปเวียดนามครั้งนี้มีความประทับใจมาก อากาศดี ของไม่แพง ไม่โดนโกง

คนคุยไม่รู้เรื่องแต่ช่วยเหลือดีมาก

จุดท่องเที่ยวแต่ละที่พัฒนาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้ดีมาก

เป็นประเทศที่ยังมีต้นไม้อยู่เยอะ

ประชาชนดูสโลว์ไลฟ์และมีความสุข...ความสุขจริงๆแบบสงบเงียบ

ไม่ฟุ้งเฟ้อ ชอบแฮะ ไว้จะไปอีก


10 ประสบการณ์ส่วนตัวดีๆจากทริปนี้มีดังนี้

1. คนแก่ที่นั่นจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าวัยรุ่น
2. เวียดเจ็ทแอร์มีคนเอาถุงปุ๋ยขึ้นเครื่องได้ด้วย
3. คนที่นั่นคิดว่าเราเป็นคนชาติเดียวกันตลอด พูดเวียดใส่รัวๆ
4. การเดินชนคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา (โดนบ่อยมาก)
5. ห้องน้ำไม่ได้แย่อย่างที่คิด
6. ป้าขายล็อตเตอรี่มีทุกเมือง
7. มีบิ๊กซีที่ดาลัด มีเซ็นทรัล + Family Mart ที่โฮจิมินห์
8. กาแฟเวียดนามอร่อยมาก
9. ควรอัพเวลการคิดเลขไปด้วย เพราะเงินที่นั่นมี 0 เยอะมาก
10. สมาร์ทโฟนคือทุกสิ่งของทริปนี้ ทั้งถ่ายรูป คิดเลข เปิด map

หารูปสถานที่ไว้บอกแท็กซี่ มีดีๆเครื่องเดียวเอาอยู่เลย

แค่ซื้อซิมเวียดนามใส่ จบ ปิ๊ง!

จบทริปจริงๆ แล้วค่ะ เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ


INKEY

 วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.04 น.

ความคิดเห็น