นี่เป็นบันทึกการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของกะเทยขี้อาย เรียบร้อย และ minimal
เราไม่เก่งภาษาทั้งไทยและเทศ ภาษาที่ใช้อาจผิดบ้าง ถูกบ้าง ข้อมูลไม่ครบบ้าง
เราไม่ได้เป็นตากล้องและไม่มีกล้อง ใช้มือถือตัวเองและโปรแกรม Lightroom ล้วนๆ รูปถ่ายไม่สวยบ้าง มืดบ้าง แสงจ้าบ้าง
ทั้งหมดทั้งมวลคือ ขออภัยไว้ก่อน อย่าพึ่งด่ากันเลยนะคะ กะเทยจิตอ่อนแอค่ะ มีอะไรแนะนำกันแบบน่ารักๆเนาะ
จุดเริ่มต้นทริป
เพื่อนชะนีหมายเลข 1 : อยากไปดำน้ำอ่ะ ไปอ่านรีวิวมาเห็นเค้าดำน้ำกับฉลามวาฬด้วย
เพื่อนชะนีหมายเลข 2 : เออน่าสนใจอ่ะ อยากไปเหมือนกัน ไปด้วยนะๆ
ว่าแล้วกะเทยก็กางปฏิทินเช็ควันหยุด เอาช่วงไหนดีนะที่จะไม่ต้องลางานเยอะและตรงกับวันหยุดยาว เห็นละ 16-17 ก.ค. วันหยุดพอดี เอานี่แหละ แล้วก็ลา 18-19 เพิ่มจะได้ไปยาวๆ เลยได้ ช่วงนั้นตรงกับ Fullmoon Party พอดีด้วย ไปแวะปาร์ตี้ต่อได้ โอเคนะ ดีลค่ะ!!!
แต่ก็นั่นแหละค่ะ กะเทยกับการโดนเทเป็นของคู่กัน ไม่มีผัวให้เท เพื่อนก็เท เฮ่อออ . . .
เซ็งมาก หงุดหงิด ไม่รู้จะทำไง เลยตัดสินใจจัดจองที่พัก ตั๋วรถ เรือ ในทันทีเลย (อารมณ์ประชดล้วนๆ) คว้าเป้ และเครื่องสำอางออกเดินทางคนเดียวเลยค่ะ ไหนๆก็เคยอยากลองเที่ยวคนเดียวมานานแล้ว แต่ไม่กล้า ตอนนี้โอกาสมาถึงละ ไปค่ะ
แพลนคือไปค้างเกาะเต่า 2 คืน แล้วไปต่อพะงัน 3 คืนเพราะตรงกับช่วงฟูลมูนปาร์ตี้พอดี อยู่มันยาวๆ 6 วันเนี่ยแหละ เอาให้เอียนเกาะและทะเลกันไปข้างนึง
วันเดินทาง 15.07.2019
มีหลายวิธีในการเดินทางไปถึงเกาะเต่า แต่เราเลือกความสบายและราคาที่ไม่ฉีกกระป๋าเราค่ะ เราจองตั๋ว รถบัส+เรือ ของลมพระยา ในราคา 1100 บาทผ่านทางเว็บไซต์ ขึ้นรถที่ถนนข้าวสารโดยไปรับตั๋วที่ซอยด้านในเสวนเซ่นส์แล้วเดินไปขึ้นรถตรงข้ามวัดบวรฯนะคะ รถออก 21.00 ถึงชุมพร 5.00 ที่ท่าเรือแล้วนั่งรอเรือออกได้เลยจ้า
แต่ชีวิตกะเทยมันไม่เคยราบลื่นค่ะ....
วันที่ 15 ดันลืมทำงานไปตัวนึง(ซื่อบื้อจริงๆ) ทำให้เลิกงานช้า ทุกอย่างเลยผิดแผนไปหมด รีบกลับมาอาบน้ำ แล้วออกจากบ้านแบบหน้าสดและศพมาก รถออก 3 ทุ่ม กะเทยขึ้นรถออกจากบ้าน 20.50!! โทรไปถามที่ออฟฟิศลมพระยาบอก "ขอไปเลทแต่ถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ยังไงจะรีบไปเร็วที่สุด” ระหว่างทางก็คอยโทรบอกเค้าว่าใกล้ถึงแล้ว รออีกนิดได้มั้ย ตอนนี้อยู่นี่แล้ว . . . สรุป ทันค่ะ!!! กรี๊ดดดดดดด(อยู่ในใจ) มาถึง 21.20 ทันรถออกแบบเฉียดฉิวมาก ฮือออออ
ถ่ายรูปนี้ไว้ตอนรถออกไม่นานค่ะ
รถบัสมีแค่ผ้าห่มให้นะคะไม่มีอาหารและน้ำ แต่จะแวะกลางทางให้เข้าห้องน้ำและซื้อของกินได้ เบาะกลางๆ ไม่แคบไป ปรับเอนได้ประมาณนึง (ถ้ามากไปต้องไปตบตีกะคนข้างหลังเอานะคะ) สภาพรถ ถือว่าไม่เก่า แต่ก็ไม่ได้ใหม่
ตัดภาพมาที่จุดแวะพักค่ะ ของฝากเยอะ ของกินเยอะ ราคาไม่แพง เรทปกติ ร้านใหญ่มากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเคยมายังไม่ใหญ่เท่านี้เลย
วันแรกของทริป 16.07.2019
รถขับต่อมาจากจุดแวะพักอีก
3 ชม.กว่าๆ ก็ถึงท่าเรือแล้ว จังหวะนี้ไม่มีไรทำ ก็ไปแปรงฟันเข้าห้องน้ำแล้วเดินสำรวจท่าเรือค่ะ
น้องตัวนี้มันดูรู้งานรู้มุมมากค่ะ
6.30 พนักงานจะเรียกให้ไปขึ้นเรือได้แล้วค่ะ สภาพเรือโอเคค่ะ ค่อนข้างใหญ่และมีห้องแอร์ แค่มีแอร์ก็พอแล้วสำหรับทุกอย่าง โดยเรือจะไปจอดที่เกาะนางยวน เกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย ตามลำดับค่ะ
ประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ก็ถึงเกาะเต่าละค่ะ เปิด google map ดูที่พักที่จองไว้แถวหาดทรายรี สามารถเดินไปได้ 20 นาที ถึง โอเคเดิน เราเลือกไม่ขึ้นรถค่ะ เพราะเปลือง กะเทยเงินเดือนน้อยเนาะ งบเลยมีจำกัด
แบกเป้เดินไป 10 นาที . . . หอบแล้ว เหงื่อซ่ก ร้อนมาก เป้ก็หนัก กะเทยแบกเครื่องสำอางมาเยอะไป โอ้ยยยมันไกลกว่าที่คิดค่ะคุณผู้ชม ฮืออ ทางมันไม่ได้ราบเรียบเสมอไป ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง แถมหลงด้วย ชีวิตกะเทยลำบากจัง
พอใกล้ถึงก็หาไม่เจออีก เลยตัดสินใจโทรถามที่พัก
อ้าวไม่รับสายอีก หันไปถามแม่ค้าร้านน้ำ นางบอก “เลยมานานแล้วลูก . . . ” ช็อคมากเหมือนโลกดับ ก็คิดว่าเปิด google map ถูกละนะ ตัดสินใจโทรถามที่พักอีกที
กรี๊ดรับแล้ว! เจ้าของบอกถูกทางแล้ว ที่ไกลๆ
นั่นเป็นโรงแรมและที่สอนดำน้ำมันชื่อเดียวกัน เฮ่อ . . . โล่ง
และก็ถึงแล้วในที่สุด!! สรุปเดินมา 30 นาทีจ้า แทบเป็นลม
เราพักโฮสเทลชื่อ Ban’s avenue guesthouse โดยจองผ่าน Booking.com มาราคาคืนละ 350 บาท ที่พักสะอาดนะ สะดวก ใกล้เซเว่น ตรงข้ามมีผับ พนักงานต้อนรับเป็นสาวพม่าที่พูดไทยชัดมาก และช่วยแนะนำหลายๆ อย่างให้เราได้ดีมาก ที่พักจะอยู่บริเวณหาดทรายรีที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและผับบาร์
พอเข้าห้องปุ๊ป ช็อคเบาๆ ทั้งห้อง มี 2 คนจาก 10 เตียง . . . วอททททท ทำไมมันเงียบเหงาจังล่ะคะ
อ่ะช่างมัน อาบน้ำ โบกหน้า แล้วออกหาเช่ามอเตอร์ไซค์ เราได้มาจากร้านขายทัวร์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน วันละ 200 ไม่ต้องมัดจำ วางบัตรอย่างเดียวเลิศมาก ต้องขอบคุณน้องคนเฝ้าโฮสเทลที่แนะนำให้
อ่ะพร้อมแล้วไปจุดหมายแรก Mango View Point ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก แต่ขึ้นไปยากมาก ถนนที่ไปคือ ยากเป็นอันดับต้นๆ บนเกาะเต่าเลย ใครขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็งไม่แนะนำจริงๆ
อันนี้คือปากทางเข้า
ขับมาจนเห็นป้ายบอกว่าอีก
500 ม. จะถึง ก็ถอดใจแล้วค่ะ ลงเดินดีกว่า กะเทยไม่อยากเสียค่าปรับและไม่อยากตายค่ะ จอดรถไว้ที่บาร์อะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้
ลงเดินแล้ว ฮือ
และนี่คือทางที่เราจอดรถทิ้งไว้ค่ะ มองย้อนไปก็คิดนะว่านี่ชั้นขับขึ้นมาได้ไงวะ
ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ค่ะ ไม่หลงชัวร์
และในที่สุดก็ ถึงแล้วค่า! อืม มันสวยสมคำร่ำลือจริงๆ (ถึงรูปอาจจะไม่ค่อยสวยก็ตาม) แต่เสียค่าเข้า 50 บาทนะคะ ด้านบนจะเป็นเหมือนบาร์ให้นั่งและสั่งเครื่องดื่มได้ ภูมิใจมากที่ลากสังขารตัวเองมาถึงได้ ขอนั่งโง่ๆ ซัก 2 ชม. ละกัน
นั่งคุยกับพี่เจ้าของร้านไปเรื่อยเปื่อย มาสะดุดตรงที่เค้าบอกวันนี้วันพระใหญ่ ไม่ขายเหล้าทั้งเกาะ . . . อ้าว เหมือนโลกดับอีกรอบ ทำไมชั้นไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนนะ นี่ชั้นต้องอยู่ที่เกาะเต่าโดยปราศจากแสง สี เสียงหรอเนี่ย เพราะงี้รึป่าวนวนะห้องชั้นถึงมีแต่เตียงว่าง #วิ่งลงไปหารถทั้งน้ำตา
แต่มาเที่ยวแล้วจะมานั่งหงอยไม่ได้ค่ะ ไปจุดต่อไป จุดชมวิวจอห์นสุวรรณ ค่ะ
ถนนที่ขับมาไม่ลำบาก ขับชิลๆ มาได้ แต่ . . . ต้องเดินขึ้นไปค่ะ เหมือนปีนเขาเบาๆ หาเรื่องเหนื่อยอีกแล้ว แต่มาแล้วก็ต้องไปให้ถึงสิคะ โดยทางขึ้นจะมีเชือกให้จับไปตลอดทาง
ขึ้นมาถึงแล้วมันก็คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ค่ะ #เสียงหอบคล้ายจะเป็นลม มันสวยมากจริงๆ มีฝรั่งผู้ญ. 2 คนถ่ายรูปเล่นอยู่ นางเสนอจะถ่ายให้เราด้วย (น่ารักมาก) แต่ตอนนั้นลมแรง หัวพัง เลยเลือกจะถ่ายแค่วิวพอเพราะเอาตัวเองเข้าเฟรมยังไงก็ไม่สวย ฮือ
ลงมาจากจุดชมวิวด้วยความยากลำบากแล้วก็เดินต่อไป
Freedom Beach ค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นหาดเล็กๆ น้ำใส สวยงาม ชิลๆ แต่กะเทยไม่รู้จะทำอะไรวันนี้ยังไม่อยากเปียก
เลยไปที่อื่นต่อจ้า
เราแวะไปทางหาดทรายนวลต่อ แต่ลืมถ่ายรูปหาด งงเลย มานั่งย้อนดูรูปอีกทีคือมีแต่รูปม้านั่งที่ถ่ายไว้ตอนเดินเลาะ ไปตามทางเดินตรงบริเวณสุดหาด แล้วเผอิญเห็นม้านั่งตัวนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยว เหงาหงอย ไม่มีคนนั่ง เหมือนชีวิตเราตอนนี้มากค่ะ #เพลงมาค่ะ
พอแล้ว ก่อนจะเปลี่ยวไปมากกว่านี้ไปหาอะไรกินค่ะ เนื่องจากอาหารบนเกาะราคาค่อนข้างแรง เราจึงฝากท้องให้กับเซเว่นเป็นส่วนใหญ่ ( ซึ่งราคาก็แรงกว่าปกติอยู่ดีแต่รับได้ค่ะ ให้ค่าขนส่งเค้าหน่อย )
แต่มื้อเย็นนี้ลองขับมาแถวท่าเรือดู เผื่อเจอของถูกๆ ได้หมูปิ้งมาไม้ละ 10 บาท อร่อยอยู่เด้อ ชิ้นใหญ่ด้วย แต่ไม่มีข้าวเหนียว อ้าว สรุปก็เลยไปซื้อผัดไทมาแทนข้าวเหนียว( ได้หรอวะ ) สรุปมื้อนั้นโดนไปร้อยกว่าบาทอยู่ดี เฮ่อ นั่งกินร้านก็จบละค่ะกะเทย
ปล.
ร้านที่ซื้อหมูปิ้งแพลนกล้องไปด้านข้างเค้าเลี้ยงน้องตัวนี้ไว้อ่ะ . . .
สิ่งนี้ไม่ใช่เพื่อนของน้องตัวนั้นใช่มั้ย . . . นั่งกินคนเดียว เหงาๆ สตรองๆ
เนื่องจากวันที่เราอยู่เกาะเต่าตรงกับวันพระใหญ่ กิจกรรมกลางคืนของเราเป็นอันล่มสลายหมด จึงเดินไปถามน้องคนเฝ้าโฮสเทลว่ามีอะไรให้ทำบ้างสำหรับวันที่ร้านเหล้าไม่เปิด นางเลยชวนเราไปวัดด้วยกันค่ะ ไปกับเพื่อนๆนาง เป็นวัดที่คนพม่าเค้าไปกัน เดี๋ยวรอเค้าปิดโฮสเทลเสร็จก่อน เราก็ไปสิคะไม่มีอะไรทำละ
วัดที่เค้าพาเราไปทางชันมาก มืดมาด ขับยากมาก เราต้องซ้อนท้ายเพื่อนของน้องเค้าไป คนพม่าที่มาจะแต่งตัวคล้ายๆ กัน คือผู้ชายจะใส่เชิ้ตและผ้าซิ่น ผู้หญิงจะใส่เสื้อและกระโปรงยาวโดยอาจจะแมตช์เป็นเซ็ตเดียวกันให้ดูเรียบร้อยสวยงาม
การทำบุญของคนพม่าคือการไปกราบพระ และถวายปัจจัยสงฆ์ ระหว่างนั้นที่วัดก็จะมีคนนั่งสวดมนต์กันอยู่ตลอด เราไม่ได้ถ่ายรูปเยอะ เพราะมันค่อนข้างดึกแล้วจึงรีบไปรีบกลับ ( และไม่แน่ใจว่าเค้าให้เราถ่ายได้มากน้อยแค่ไหน )
วันที่สอง 17.07.2019
เราอยากไปเกาะยางยวนค่ะแต่ไม่อยากซื้อทัวร์เพราะอยากไปแค่เกาะเดียว เดินไปบอกร้านที่เราไปเช่ามอเตอร์ไซค์ เค้าก็ติดต่อกับคนขับเรือให้ เป็นเรือหางยาว (Taxi Boat) ราคาอยู่ที่ 300 บาทค่ะ ไป-กลับ ซึ่งราคานี้คือราคาสำหรับหลายคนนะ ถ้าเหมาคนเดียว 500 จ้า โชคดีที่ตอนเราไปคนขับเรือเค้าหาคนไปเพิ่มได้
จองเรือเสร็จก็ไปหาอะไรกินค่ะ
พี่ร้านเช่ามอไซค์ฯ แนะนำโจ๊ก ที่อยู่ตรงข้ามเซเว่นใหญ่ของเกาะ
ซึ่งราคาก็โอเคไม่แพงมาก มื้อนี้ก็โดนไป 75 บาท ได้โจ๊ก ปาท่องโก๋
และโกโก้(ที่หวานมาก)
กินคาวแล้วต้องกินหวาน บนเกาะเต่ามีแดรี่ควีนค่า
ราคาเท่าในห้างเป๊ะๆ แถมใช้สิทธิ์ ดีแทค กาแล็คซี่กิฟ ได้หมด เลิศมาก
ปล.น้องพนักงานยิ้มแย้มบริการดีค่ะ แต่เราดันไปแคปตอนหน้าเค้านิ่งเฉยๆ . . .
เราไปคืนมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้แล้ว และไปนั่งรอขึ้นเรือตอน 12.00 ที่หาดทรายรีค่ะ แล้วจะกลับตอน 15.00 (จริงๆ จะกลับ 16.00 แต่เค้าบอกคลื่นจะขึ้นสูงเกินไป) หาดทรายรีจะมีเรือจอดอยู่เยอะมาก สามารถเดินไปบอกคนขับเรือได้เลย ว่าเราอยากไปไหน
นั่งเรือมา 20 นาทีก็ถึงละค่ะ บนเกาะนางยวนเสียค่าขึ้น 30 บาทสำหรับคนไทยนะคะ เกาะนางยวนจะเป็นเกาะเล็กๆ 3 เกาะที่เชื่อมกันด้วย สันทราย น้ำใสเห็นปะการังได้เลย จุดหมายแรกของเราคือเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวไฮไลท์ของเกาะนี้ ไปค่ะ
และนี่ก็คือทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวค่ะ . . .
เหนื่อยอีกแล้ว
แต่ขึ้นมาแล้วก็คุ้มค่าเหนื่อยอีกแล้วค่ะ มัน stunning มาก และคนเยอะมาก โชคดีเจอสาวชาวไทยที่มาคนเดียวเช่นกัน เลยผลัดกันโพส ผลัดกันถ่ายให้กัน strong strong strong!!
ช่วงที่เราไปคือกรกฏา สภาพอากาศแปรปรวนมากเดี๋ยวแดด เดี๋ยวครึ้ม แต่ฝนไม่ค่อยตกนะ อันนี้ตรงสุดทางเดินใกล้ๆ กับทางขึ้นจุดชมวิว ซึ่งเราไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร
เราเช่าแว่นตามาดำน้ำจากโฮสเทลของเรา 50 บาทเอง (ที่อื่นเช่า 100++ นะจ๊ะ)
โดยสามารถเดินจากชายหาดลงไปดูปะการังและฝูงปลาได้เลย ซึ่งมันสวยมากเลยเว้ยแก เพลินมาก ถ้าไม่ติดว่าต้องกลับบ่ายสามจะอยู่มันยันฟ้ามืดเลย
แต่ระวังหอยเม่นกันด้วยนะ เราไม่ได้ถ่ายรูปใต้น้ำมาเพราะมีแค่กล้องมือถือจ้ะ
ไม่กล้าเอาลงน้ำจริงๆ
15.00
ขึ้นเรือหางยาวกลับ น่ากลัวมากค่ะ ฟ้าครึ้ม ลมแรง คลื่นสูง
เรือกระดกเป็นเครื่องเล่นในดรีมเวิลด์เลยค่า ได้ยินเด็กฝรั่งที่นั่งมาด้วยมาด้วยหันไปบอกแม่นางว่า
“Mommy, I don,t wanna
die ” . . . กะเทยใจเสียหนักไปอีกค่ะ
แต่จนแล้วจนรอดก็ถึงฝั่งโดยปลอดภัยค่ะ ทันทีที่เรือจอดปุ๊ป ทุกคนก็ลุกขึ้นปรบมือโดยมิได้นัดหมาย
555+ ชอบมาก
รูปนี้ถ่ายไว้ตอนขึ้นฝั่ง
สังเกตทิศทางใบมะพร้าว ว่าลมแรงแค่ไหน . . .
กลับมาอาบน้ำโบกหน้าใหม่เพราะหน้าเดิมละลายจากการไปดำน้ำมาแล้ว
อยากเห็นพระอาทิตย์ตก เลยไปเดินเล่นรอที่หาดทรายรี แต่สภาพอากาศก็ไม่เป็นใจเลยค่ะ
เมฆหนามากไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น และนี่คือภาพยามเย็นของแคมเปญนี้ค่ะ . . .
พอละ
ยอมแพ้ ไปหาอะไรกิน วันนี้เลือกที่จะนั่งร้านแล้ว โดยเลือกจากอันไหนดูดีและไม่ต้องเดินไกลก็เข้าร้านนั้นเลยค่ะ
ร้านนี้ชื่อ Nanya's Bar & Restaurant
มีโปรสั่งเบอร์เกอร์หรือแซนด์วิชแถมเครื่องดื่ม ก็จัดสิคะ ค่าเสียหาย 150 บาทค่ะ พอรับได้
คืนนี้ไม่รู้จะทำอะไรเลยไปเดินหาร้านนั่ง
ไปจบที่ร้านคาเฟ่ ที่กลางวันขายกาแฟ กลางคืขายเหล้า แต่วันนี้ไม่มีเหล้าค่ะ
สั่งชาก็ได้ ร้านชื่อ Blue
water บรรยากาศดีอยู่นะ แต่วันนี้ไม่มีคนเลยค่ะ ทั้งร้านมี 3
โต๊ะได้ ดื่มชาหมด กลับไปนอน ปล.ลืมถ่ายรูปร้านมาค่ะ อันนี้รูปจากเว็บ tripadvisor.com
วันที่สาม 18.07.2019
วันนี้เราจะเดินทางไป Fullmoon Party ที่เกาะพะงันกันค่ะ เราจองตั๋วเรือไปเกาะพะงันของส่งเสริม(เพราะถูกสุด 350 บ.) ทางออนไลน์ไว้รอบ 10.00 (มีอยู่รอบเดียว) เก็บของออกจากโฮสเทล ล่ำลาน้องที่เฝ้าโฮสเทลและพี่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกนะคะ ครั้งหน้าต้องไม่เป็นวันพระแล้วค่ะ
เราใช้วิธีการเดินจากโฮสเทลไปขึ้นเรืออีกแล้วค่ะ ความงกไม่เข้าใครออกใคร รอบนี้รู้ทางแล้ว ไม่ยาก ที่ท่าเรือคนเยอะมาก เหมือนอยู่ต่างประเทศ นี่ชั้นเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยคนเดียวหรอเนี่ย
สภาพเรือโอเคอยู่ไม่โคงเคลงและมีแอร์ค่ะ
อย่างที่เราเคยบอก มีแอร์ก็คือจบ
ถึงพะงันแล้วเราก็เดินหาเช่ามอตอร์ไซค์แถวท่าเรือขับไปหาดริ้นค่ะ
ไม่ได้นั่งรถเพราะงกอีกแล้ว ได้มาจากร้านเล็กๆ ที่อยู่ฝั่งขวาของท่าเรือท้องศาลา
วันละ 200 ตอนแรกมัดจำ 1000 แต่พอเราบอกไม่มีเงินสด ขอโอน เค้าก็เลยไม่เอาก็ได้
วางบัตรพอ กะเทยกรี๊ดดีใจ(อยู่ในใจ) ทางมาหาดริ้นค่อนข้างชันและโค้งเยอะอยู่ แต่พอขับได้ค่ะ
เพราะเราผ่านเกาะเต่ามาแล้ว 555+
เราขออนุญาตไม่พูดชื่อโฮสเทลนะคะ ไม่ค่อยประทับใจตัวห้องพักเท่าไหร่ เนื่องจากตัวห้องจะอยู่ในตึก 3 ชั้นซึ่งจะคนนอกสามารถเดินเข้ามาได้ง่ายๆ เลย ไม่ต้องผ่านรีเซปชั่นหรือคีย์การ์ดใดๆ ยังดีที่ประตูห้องมันล็อคได้ แถมน้ำไม่ค่อยไหลอีกค่ะ ตรงห้องน้ำจะมีประตูที่ออกไประเบียงได้ แต่ประตูดันมีช่องโหว่สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าหน้ากว้างของประตูและสูงประมาณเข่าค่ะคุณผู้ชม!! จะมีทำม๊าย ให้คนอื่นลอดเข้ามาง่ายๆ งี้หรอ
แต่พูดถึงข้อดีก็มีนะคะ เช่นคืน Fullmoon ทางโฮสเทลจะมีอาหารให้ สีเพ้นให้ และ ฟรี 1 bucket ค่ะ และพี่เจ้าของก็น่ารักและแนะนำดีมากค่ะ
Fullmoon Party กะเทยร่าเริงมากหลังจากหงอยไป 2 คืนจากวันพระใหญ่ ได้เพื่อนใหม่เป็นคนไทยกลุ่มนึง เลยเกาะอยู่กับพวกเค้าทั้งคืนเลยค่ะ
ในงานฟูลมูนมีปาร์ตี้ทั่วทั้งหาด
เราสามารถเดินไปจอยได้ทุกร้านเลยจ้ะ บางร้าน จะมีโชว์ควงกระบองไฟ
มีเชือกไฟให้กระโดดสำหรับคนกล้า (แต่เราไม่กล้าค่ะ กลัวผมไหม้
กะเทยกับฟาร์มผมมันขาดกันไม่ได้) มีเครื่องดื่มขายตลอดทาง และมีฝรั่งที่งานดีมากๆ
เลยพวกเธอ แนะนำมาช่วง 4 ทุ่มค่ะ คนกำลังคึก กำลังเริ่มมันส์ละ
คืนนั้นก็เมาส์เละอยู่ค่ะ แต่ประคองตัวเองเดินกลับห้องได้ ขอบอกว่ามันส์มาก เละมาก มั่วๆ ยั่วๆ มากค่ะ ห้องน้ำแถวนั้นสมคำร่ำลือจริงๆ ค่าเข้า 20 บาท สภาพ 50 สตางค์
ปล.รูปน้อยมาก มัวแต่เต้นและเมา กราบขออภัย
วันที่สี่ 19.07.2019
ฟื้นร่างขึ้นมาตอน 11 โมงค่ะ โบกหน้าเสร็จเราก็เราก็มุ่งหน้าไปที่น้ำตกแพง ซึ่งจะมีจุดชมวิวสวยๆ และเส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติค่ะ เสียค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์ 20 บาทโดยมีป้านั่งเก็บตังอยู่แถวนั้น (แต่ตอนกลับเห็นฝรั่งเดินเข้าหน้าตาเฉย ไม่เห็นต้องเสียซักบาท . . ? ) ป้าบอกวันนี้น้ำตกไม่ค่อยมีน้ำนะแต่จุดชมวิวสวยอยู่
ทางขึ้นเป็นเส้นทางแบบขึ้นเขาอีกแล้วค่ะ
กะเทยหาเรื่องเหนื่อยอีกแล้ว
มาถึงน้ำตกจุดแรก
ปริมาณน้ำตกจุดแรกคือ . . . ไม่มีน้ำเลยค่ะ!! ป้าคะ อันนี้ไม่เรียกน้ำน้อยแล้วค่ะ
เลยตัดสินใจเดินไปจุดชมวิวอย่างเดียวพอละกัน
จุดชมวิวนี้เรียกว่า จุดชมวิวโดมศิลาค่ะ ทางขึ้นมาก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่ (จริงๆ ก็เหนื่อยมันทุกจุดชมวิวที่ไปอ่ะค่ะ กะเทยร่างกายอ่อนแอขี้เกียจออกกำลังกาย) เราพกยาดมติดตัวตลอดเลยค่ะ กลัววูบตกเขาไปแล้วศพไม่สวย
และเช่นเคยค่ะ ขึ้นมาก็คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ไม่เคยผิดหวัง
ระหว่างขากลับลงมา ฝนตกค่ะ กะเทยไปที่ไหนก็ฉิบหายจริงๆ นั่งรอฝนหยุดจนเกือบเย็นละเลยจะหาข้าวกินดีกว่า เราเลือกไปร้าน Three sixty bar จากการเสิชกูเกิ้ลแล้วเห็นว่าสวยดีค่ะ ร้านอยู่บริเวณทางไปเกาะม้า ดูกูเกิ้ลแม็ปไป หลงๆ อยู่แปปนึงกว่จะเจอร้านก็เหนื่อยอยู่ ทางขึ้นก็ลำบากอีกแล้วค่ะ มาอยู่เกาะนี่ต้องขับมอเตอร์ไซค์แบบสตรองจริงๆ
อาหารของทางร้านอร่อยอยู่ค่ะ
ราคาไม่ได้แรงเลยเมื่อเทียบกับวิวที่เห็น แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ ฝนพึ่งตก ฟ้าก็อึมครึมเช่นนี้แล นี่ฟ้าฝนจะเกลียดอะไรชั้นนักหนา
เค้าบอกว่าที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก
แต่เมฆหนาแบบนี้เราคงไม่เห็นอะไรแน่นอน พอฟ้าเริ่มมืดเราก็กลับหาดริ้นค่ะ
เด๋วทางมืดจะยิ่งขับลำบาก
คืนนี้เราไปสิงอยู่ที่ Manthanee club&bar ค่ะ เพราะเป็นร้านเดียวที่เป็นระเบียงมีที่นั่งบาร์ที่หันหน้าออกทะเลเห็นวิวทั้งหาดริ้นได้เลย
วันนี้คนน้อยมาก แอบคิดว่าตัวเองอาจจะมาเร็วไป อ่ะนั่งไปก่อนละกันจัดไป 1 Bucket สรุปคือคนมันก็น้อยอยู่อย่างนั้นแหละค่ะ เราได้รู้จักฝรั่งคนนึงที่มานั่งอยู่ข้างเราค่ะ เค้าบอกวันนี้เงียบเหงามากเหมือนกับคนละที่กับเมื่อคืนเลย นางเป็นคนตลกดีแต่คุยกันแปปเดียวนางก็กลับไปนอนละ พอเที่ยงคืนเครื่องดื่มก็หมดละ อ่ะกลับไปนอนละกัน
วันที่ห้า 20.07.2019
วันนี้ทุกคนในโฮสเทลเรากลับกันหมดแล้วเงียบหนักกว่าเดิมไปอีกค่ะ ไม่รู้จะไปไหนดีเลยเดินไปถามพี่เจ้าของโฮสเทล เค้าแนะนำเราดีมาก กางแผนที่ให้ดูบอกว่าตรงนี้มีอะไร น้องไปตรงนี้ก่อนแล้วมาจุดนี้นะ อ่ะโอเคไปค่ะ
มื้อแรกเราไปร้านตามสั่งที่อยู่หาดริ้นตามคำแนะนำพี่เค้า รสชาติดีอยู่ค่ะ แต่เสียหายหนักอยู่ กระเพาหมูกรอบจานนี้ฟาดไป 95 บาทไทย
ร้านอยู่ตรงข้ามร้านขายชุดว่ายน้ำร้านนี้เลยค่ะ
จุดต่อมาเราแวะมาร้านกาแฟตามที่พี่เค้าแนะนำ
ชื่อร้าน Nira’s Home
Bakery อยู่ตรงท่าเรือท้องศาลาเลย(ทำไมวันแรกชั้นไม่สังเกตเห็นนะ?) รสชาติดีค่ะ
ราคาไม่แรงแต่จำราคาไม่ได้ (ซอรี่ค่ะทุกคน)
จุดต่อไปเราไปที่เกาะม้าค่ะ
เป็นจุดที่เป็นทะเลแหวกของเกาะพะงัน มีร้านอาหารและโรงแรมอยู่ประปราย
เดินเล่นอยู่ประมาณครึ่งชม.ก็กลับค่ะ แดดเผาไหม้มาก แอบสงสัยเลยว่าฝรั่งที่นอนๆ
อาบแดดอยู่เค้าทนกันได้ยังไงนะ
จุดต่อไปเป็นร้านอาหารที่ชื่อ “เกาะราฮัม” ร้านสวยมาก บรรยากาศดีมาก ราคาไม่ถูกหรอก แต่ไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จะจ่ายเลย ที่นี่เป็นอีกจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก แต่เราเข้าไปตอนบ่ายจะนั่งถึงเย็นก็กระไรอยู่ ทางเข้าจะมีป้ายใหญ่ๆ เขียนว่าหาดสน
ตรงนี้จะเป็นบริเวณด้านหน้าที่เดินเข้ามาในร้านค่ะ
ตรงนี้เราถ่ายทางเดินที่ตรงไปยังโซนที่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก แต่ไม่ได้ไปนั่งค่ะเพราะเต็ม
เรานั่งตรงที่เห็นวิวชายหาด ติดกับบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ค่ะ ตรงข้างหลังเราจะมีเปลยวนให้ไปนอนเล่นได้
ปล.รูปค่อนข้างมืดเพราะถ่ายย้อนแสงและเลนส์ค่อนข้างเบลอเพราะกะเทยลืมเช็ดเลนส์ค่ะ (โง่จริง) ไอ้เราก็นึกว่าสงสัยแสงไม่ดีมั้ง ไม่ค่อยชัด กลับมากรุงเทพฯ เพื่อนทักว่าเช็ดเลนส์หน่อยมั้ย ถึงพึ่งรู้สึกตัว . . .
วันนี้เราอยากนั่งชิลที่นี่นานๆ เลยค่ะ เราเลยสั่งผัดไทย น้ำส้ม ตามต่อด้วยโค้กมากินอย่างละเมียดละไม ค่าเสียหาย 330 บาทไทยค่ะ รสชาติดีทีเดียว
แต่อย่างที่บอกค่ะกะเทยไปที่ไหนก็ฉิบหาย
นั่งไปซัก ชม.กว่าๆ ฝนตกซู่ม!! พนักงานเริ่มเข้ามายกอาหารลูกค้าเข้าด้านในร่มแล้วค่ะ
ตอนนี้ทุกโต๊ะเข้ามากระจุกรวมอยู่ด้านในหมดแล้วค่ะ
ฮือ เอาวิวชั้นคืนม๊า
พอฝนหยุดเราเลยตัดสินใจไปท้องศาลาต่อค่ะ วันนี้วันเสาร์มีถนนคนเดิน ตอนแรกจะไปหาดท้องนายปาน แต่พี่พนักงานที่ร้านบอกว่าไปตอนนี้กว่าจะถึงก็เกือบมืดแล้วไม่เวิร์ค ไปถนนคนเดินดีกว่า
พอมาเดินแล้วโดยส่วนตัวเราไม่ค่อยอินค่ะ 555+ เรารู้สึกว่าเราเห็นของพวกนี้ขายตามร้านค้าทั่วเกาะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมาเดินหาอะไรกินก็พอได้อยู่ เราเลยตัดสินใจไปที่อื่นต่อ
เราเสิชหาร้านนั่งดูพระอาทิตย์ตกเจอ Top rock bar อยู่ไม่ไกลจากท้องศาลา อ่ะไปค่ะ พอขับมาถึงร้านจะต้องจอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินขึ้นบันไดไปนะคะ กะเทยก็เหนื่อยอีกแล้วค่ะ
ขึ้นมาแล้วก็วิวสวยงาม ราคาก็น่ารักค่ะ สั่งเบียร์ขวดเล็กไป 100 แล้วนั่งยาวๆ
เราได้คุยกับผู้หญิงฝรั่งคนนึงที่นั่งข้างเรา นางค่อนข้างติสท์ประมาณนึงเลย ไว้ผมสกินเฮดเท่มาก นางบอกเราว่านางมาจากลอนดอนอยู่ที่นี่มาเป็นเดือนแล้ว กำลังทำโปรเจ็กต์อะไรซักอย่างเกี่ยวกับมะพร้าวกะเทยแปลไม่ออกค่ะ
ส่วนรูปนี้เป็นวิวที่มองจากโต๊ะเรา
สรุปเมฆหนา วันนี้ก็มองไม่ค่อยเห็นพระอาทิตย์ตกอีกแล้วค่ะ พอฟ้าเริ่มมืดแล้วเราก็ถอยกลับไปหาดริ้นค่ะ กลัวทางมืดแล้วเดี๋ยวขับลำบาก
คืนนี้เราสิงอยู่ที่ Cactus Bar เป็นร้านที่คึกคักที่สุดในหาดแล้ว หาดริ้นวันนี้เงียบกว่าเมื่อวานไปอี๊ก ฮือ อยากกลับบ้านแล้ว เหงาค่ะ ไม่น่าจองมา 3 คืนเลย เห็นว่าจอง 3 คืนถูกกว่าเยอะเราก็เลยหน้ามืดตามัวไปเลยค่ะ ตอนนี้ไม่อยากกลับไปนอนคนเดียว ขอมานั่งดื่มให้เริ่มง่วงค่อยกลับ
นั่งไปซักพัก เด็กเสิร์ฟชาวพม่าผู้ชายก็มาชวนเราคุยค่ะ เราก็คุยๆ ตอบๆ ไปเรื่อยเปื่อย คิดว่าเค้าเป็นเด็กเสิร์ฟก็คงเฟรนด์ลีกันเป็นปกติ ที่ไหนได้เค้าขอเราตามกลับห้องค่ะคุณผู้ชม บอกเราว่าสวยดี ผมชอบ ฮือ กลัวมาก เรารีบปฏิเสธเค้าไปทันที รอจังหวะเค้าเผลอแล้วแว้บกลับห้องเลยค่ะ คืนนั้นนอนระแวงทั้งคืนเลยตรงระเบียงห้องน้ำยิ่งปีนเข้าไปง่ายๆ อยู่ด้วย โอ้ยชีวิตกะเทยเนาะ
วันที่หกวันสุดท้าย 21.07.2019
เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับด้วยความระแวงค่ะ
ลากสังขารเบลอๆ ไปเช็คเอ้าท์แล้วมุ่งตรงไปหาดท้องนายปานค่ะ ทางไปต้องขึ้นเขายาวๆ
ลำบากนิดหน่อย หาดท้องนายปานเป็นหาดที่ใหญ่ค่ะ สวยงามและสงบ
รู้งี้มาพักแถวนี้ซักคืนดีกว่า
อยากหาร้านนั่งซักแปปนึงเลยเลือกมาร้านนี้ค่ะ Flip Flop เดินผ่านแล้วเห็นแต่งร้านเก๋ดี
ราคาอาหารกลางๆ ค่ะ ไม่แพง แต่กระเป๋าตังค์ตอนนี้ร่อยหรอเต็มที มาคนเดียวก็ลำบากตรงนี้แหละค่ะ ไม่มีคนช่วยหาร แต่เข้ามาร้านแล้วก็ต้องกินสิคะ ไว้ไปกินมาม่าเอาตอนกลับ จัดแซนวิชมาเลยค่ะพี่
ปล.จำค่าเสียหายไม่ได้อีกแล้ว
กินเสร็จเราก็รีบขับมาท่าเรือท้องศาลาค่ะ คืนมอเตอร์ไซค์และขึ้นเรือของราชาเฟอรี่ตอน 13.00 เราจองผ่านออนไลน์มา โดยสามารถจองตั๋วเรือและรถรับส่งไปที่สถานีรถไฟสุราษฏร์ธานีได้เลย โดยจะไปถึงตอน 17.15 ราคา 370 บาท ซึ่งถูกกว่าไปสนามบินเกือบเท่าตัวค่ะ (ใช่ค่ะเรางก) แล้วจากนั้นเราจะกลับรถไฟนอนยิงยาวมากรุงเทพ
สภาพเรือจะเหมือนเรือบรรทุกสินค้านิดนึงนะคะ แต่บนเรือมีห้องแอร์ค่ะ มีร้านค้าและห้องน้ำ(ที่น้ำท่วม)
และก็เช่นเคยค่ะ ชีวิตกะเทยมันไม่เคยราบรื่น มันเลทค่ะคุณผู้ชม ไม่รู้มันไปช้าที่ขั้นตอนไหน สังเกตเวลาตามรูปนะคะ นั่นคือเวลาที่เรายังอยู่บนรถบัสที่จะไปสถานีรถไฟอยู่ค่ะ แล้วถามว่ารถไฟที่จองออกกี่โมง 17.38 ค่า ไหนตอนจองตั๋วบอกจะมาถึง 17.15 ฮือ กะเทยกรี๊ดดังมากกกกในใจ
เคราะห์ดี รถไฟเลทเหมือนกัน ลงรถบัสปุ๊ปรถไฟมาปั๊ป ทันเฉียดฉิวอีกแล้วค่ะ
รถไฟนอนนี้เราจองตั๋วผ่านทางเว็บไซต์มาค่ะ 728 บาทเป็นเตียงล่าง (เตียงบนจะถูกกว่าค่ะ แต่ดูลำบากเลยไม่เอา) สามารถปริ้นท์ตั๋วออนไลน์ที่เค้าส่งให้มาใช้ได้เลย ตัวรถไฟมีแอร์ค่ะแต่สภาพค่อนข้างแอบเก่า มีที่ชาร์ตแบตแค่บางจุดค่ะ ซึ่งโชคดีเรานั่งใกล้เลย อิอิ โดยรถไฟจะถึงหัวลำโพงตอน 05.35
บนรถจะมีคนเดินมาขายอาหารเกือบทุกสถานีค่ะ ไม่ต้องกลัวอด ซักทุ่มสองทุ่มพนักงานจะมากางเตียงให้ค่ะ มีหมอน ผ้าห่ม และผ้าม่านพร้อม นอนได้เต็มที่ขาไม่ติด แต่ใครสูงเกิน 170 ซม.คงลำบากหน่อย
ในส่วนการนอนบนรถไฟครั้งแรกของเรานะคะ เรารู้สึกได้เลยค่ะ ว่า . . . นี่มันคือเครื่องเซียมซีมนุษย์ชัดๆ กึกๆๆๆๆ สั่นอะไรเบอร์นี้คะ ไหนจะเสียงรถไฟที่ดังตลอดเวลาอีก สำหรับมนุษย์ผู้ตื่นตัวง่ายแบบเราซัดยาแก้เมาให้หลับไปเลยค่ะไม่งั้นไม่ได้นอน
ปล.สภาพห้องน้ำจะเป็นรูโหว่แบบเห็นรางอยู่ด้านล่างด้วยค่ะ
ตื่นเต้นดี พึ่งเคยเห็น นี่ถ้าชั้นจะถ่ายหนักขึ้นมามันก็จะลงไปอยู่ใต้รางนี้สินะ อืม . . .
ประมาณ 6.30 ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพค่ะ จบทริปฉายเดี่ยวเป็นชาวเกาะ 6 วัน กลับสู่ชีวิตจริง ว่าแล้วก็โบกแท็กซี่กลับบ้านไปอาบน้ำเก็บของและไปทำงานต่อค่ะ ใช้วันหยุดเพิ่มไม่ได้แล้ว
#ชีวิตกะเทยมันต้องสตรองจริงๆ
บทส่งท้าย . . .
เราไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านจนจบถึงตรงนี้มั้ย ถ้ามีก็อยากจะบอกว่า ขอบคุณจริงๆ ที่อดทนกับการเวิ่นเว้อในการเขียนของกะเทย และอดทนดูรูปที่ผ่านการปรับแต่งตามมีตามเกิดของเรา
และอยากขอบคุณตัวเองที่กล้าตัดสินใจออกเดินทางในวันนั้น (ขอบคุณตัวเองได้หรอวะ? เออได้แหละมั้ง) ถามว่าเหงามั้ยที่ไปคนเดียว พูดเลยว่ามาก แต่ถามว่าเข็ดมั้ย ไม่จ้า เรายังอยากค้นหาอีกว่าทำไมคนที่ออกเดินทางคนเดียวถึงชอบกับการได้เที่ยวคนเดียวนัก ทริปหน้ามันจะเหงาขึ้น หรือมันจะฉิบหายได้มากกว่าเดิม เราก็ยังอยากออกไปลองอยู่นะ
แล้วหวังว่าจะได้เจอกันใหม่ . . . (เมื่อเราสามารถเก็บเงินได้มากพอและเจ้านายไม่ฆ่าเราตอนที่เดินไปขอลา)
- Tootsie Trip -
Tootsie Trip
วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.