"การเดินทางของเราสองคนคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจ ยิ่งทำให้เรามั่นใจ.....ในสิ่งนั้น"

เพลงๆนี้ดังก้องอยู่ในหัวผมมาตลอดตั้งแต่ที่ได้ยินมันครั้งแรก ผมเป็นคนนึงที่ชอบเที่ยวมากๆและจมดิ่งไปกับเรื่องราวระหว่างทาง....ผมหลงรักมัน และอยากจะมีใครซักคนที่มาเดินร่วมทาง เรียนรู้และเก็บเกี่ยวเรื่องราวในชีวิต ช่วยกันเขียนหนังสือชีวิตไปด้วยกัน....

เกริ่นมาซะขนาดนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะมาอวดแฟนอวดเมียนะ 5555555555555

ผมโชคดีที่เจอคนที่มีนิสัยเหมือนกัน ชอบเดินทางเหมือนกัน และเน้นสายทรหดเข้าป่าปีนเขาเหมือนกัน...

หลายคนบอกว่าการได้เดินทางไปในที่ๆลำบาก ขึ้นเขาลงห้วยกับแฟน จะเป็นบทพิสูจน์ความรักของคนทั้งสองได้อย่างดี เราจะได้เห็นความลำบากของกันและกัน เราจะได้ช่วยเหลือกัน เราจะได้เพิ่มน้ำหนักให้กับคำว่ารักไปพร้อมๆกัน.....

เราคุยกันว่าอยากจะไปขึ้นเขาด้วยกัน...อยากลองไปที่ลำบากๆด้วยกันซักครั้ง....ภูกระดึงแฟนผมเคยไปมาแล้ว.....

ชื่ออีกชื่อนึงเลยลอยเข้ามา........ภูสอยดาว....

ถ้าให้ผมเทียบความยากกับภูกระดึง.....ผมบอกเลยว่า ภูสอยดาวหนักกว่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากถึงมากที่สุด !! อาจเป็นเพราะผมตัดสินใจแบกกระเป๋าขึ้นไปเอง (มีทั้งเสื้อผ้าของทั้งผมและแฟน) และแบกเต๊นท์ขึ้นไปเอง แต่ด้วยเส้นทางที่ชันกว่ามาก และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น ไม่มีแม้กระทั่งจุดพักทานน้ำ เราต้องตุนน้ำขึ้นไปเองทั้งหมดจนกว่าจะถึงยอดภู ข้าวก็ต้องเตรียมไปด้วยเอาไว้กินระหว่างทางและตลอดเวลาที่อยู่บนนั้น แม้เส้นทางจะแค่ 6.5 กิโล (ครึ่งนึงของภูกระดึง) แต่ความเหนื่อยมันเทียบกันไม่ติดเลยฮะ

ผมถือว่าเป็นบทพิสูจน์ความรักของคนคู่นึงได้อย่างดี และมันจะดีแค่ไหน ลองไปชมกัน


ภูสอยดาว ชื่อนี้อาจจะยังไม่ฮิตเท่าภูกระดึง หรือภูอื่นๆ แต่เสน่ห์ของมันกลับมีอะไรมากกว่าที่คาดคิดไว้...

ดอกหงอนนาค....ลานสนกว้าง คือสิ่งที่หลายๆคนมักจะพูดถึงเกี่ยวกับภูนี้ ระดับความสูงมีอยู่ 2 ระดับ คือ 1,600 เมตร กับ 2,100 เมตร สำหรับใครที่มีเวลาไม่มากและร่างกายไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินเขาหลายๆวันคงแนะนำให้ขึ้น 1,600 ก่อน เนื่องจากที่ระดับ 2,100 จะเปิดขึ้นแค่บางช่วงเท่านั้น ยิ่งวันไหนฝนตกก็จะปิดยาวเลย อีกอย่างการจะขึ้น 2,100 ต้องใช้เวลาจาก 1,600 เพิ่มอีก 2 วัน และทางจะชันกว่ามาก ใครที่ไม่พร้อมจริงๆอย่าได้ลองเชียวหล่ะ

และแน่นอนว่าทริปนี้....ผมกับแฟนขอชิมรสชาติของ 1,600 เป็นออร์เดิฟไปก่อน...

การเดินทางสำหรับคนที่เริ่มจากกรุงเทพฯ ให้นั่งรถบขส. มาลงที่ บขส. พิษณุโลกเลยฮะ ส่วนผมมาพร้อมแฟนจากมหาสารคามก็นั่งจาก บขส. มหาสารคามไปลงที่ บขส. พิษณุโลกเหมือนกัน

ตอนแรกเราตั้งใจจะรอรถประจำทางรอบตี 5 แต่เราบังเอิญไปเจอกับกลุ่มๆนึงที่นั่งมาด้วยกันจากสารคาม เราเลยได้คุยกันแล้วทราบว่าจะไปภูสอยดาวเหมือนกันพอดี แล้วทางนั้นได้เหมารถให้มารับจาก บขส. พวกนางจึงชักชวนให้ไปแชร์ค่าใช้จ่ายกัน สรุปว่านางเหมาในราคา 1800 ทั้งไปรับและกลับมาส่ง บขส. พิษณุโลก - ภูสอยดาว พอหารเฉลี่ย 7 คนแล้วคุ้มกว่าเดินทางกันเองเป็นไหนๆ (ค่าเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางรวมต่อคนจะเฉลี่ยประมาณ 200 บาท แค่ขาไป แถมหลายต่อด้วย ทำให้มีโอกาสขึ้นภูสอยดาวไม่ทัน)

จาก บขส. พิษณุโลกจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระหว่างนั้นก็ได้มีการแวะตลาดเช้าซึ้ออาหารไว้กิน 4 มื้อ (เช้า, กลางวันระหว่างเดินขึ้นเขา, เย็นตอนอยู่บนเขา และเช้าก่อนลงเขา)

ข้างบนภูสอยดาวจะมีให้เช่าอุปกรณ์ทำอาหารด้วยครับ ใครสะดวกแบกมาก็ได้แต่แนะนำเช่าเอาดีกว่า อาหารที่ควรแบกไปก็ควรเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ ไม่ต้องระดับภัตตาคาร เพราะมันจะทรมานเกินไป

เรามาถึงที่ทำการเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ลงทะเบียนนักท่องเที่ยว รอชั่งน้ำหนักสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไปจนเวลาล่วงไปประมาณ 9 โมง ก็มีรถมารอรับจากที่ทำการไปยังจุดขึ้นเขา

สูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้ดี แล้วเริ่มก้าวแรกสู่ยอดดอยกัน...

ตรงจุดขึ้นภูจะมีน้ำตกภูสอยดาว คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ สามารถลงไปเล่นน้ำได้ตามสบายเลย

ด้วยความที่นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก อาจเป็นเพราะเส้นทางการเดินที่ลำบาก ทำให้ธรรมชาติแถบนี้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ครับ

อีกอย่างผมประทับใจที่ทางอุทยานไม่อนุญาตให้มีการประกอบการใดๆทั้งสิ้นข้างบนนั้นนอกจากเจ้าหน้าที่เอง และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆเลยให้กับนักท่องเที่ยวเพราะมันเป็นการทำลายธรรมชาติทางอ้อม มันอาจจะเป็นผลเสียต่อนักท่องเที่ยวเอง แต่ผมรู้สึกว่าดีกว่าเอาไปแลกกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเป็นไหนๆ

ลูกหาบที่นี่ทรหดโคตรๆครับ ที่เห็นนี่แบกคนละไม่ต่ำกว่า 20 โล บางคนมากกว่า 50 โลก็มี แม้แต่ลูกหาบวัยเด็กยังมี ! เส้นทางก็โคตรจะชันแต่พี่แกเดินกันเร็วมากๆๆๆๆ เร็วกว่านักท่องเที่ยวเดินตัวเปล่าอีก !

จริงๆผมแบกกล้องขึ้นไปถ่ายตามทางด้วย แต่พอถึงแค่ 2 โลแรกถึงกับต้องเก็บกล้องแล้วตั้งใจเดินอย่างเดียวเลยฮะ 5555555555555

ที่นี่จะมีจุดบอกระยะทางทั้งหมด 5 เนินครับ และชื่อแต่ละเนินบอกตรงๆว่าทำร้ายสภาพจิตใจนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลย ดังนี้ครับ

1. เนินส่งญาติ (อารมณ์ประมาณว่า กุเดินต่อไม่ไหวแล้วนะ มาส่งแค่นี้นะ)

2. เนินปราบเซียน (ต่อให้เก่งแค่ไหน เจอเนินนี้เข้าไปก็ต้องร้องทุกคน)

3. เนินป่ากอ (อันนี้ไม่รู้ความหมาย แต่สบายใจสุด 55555555)

4. เนินเสือโคร่ง (นี่มันเอาเสือมาขู่กันชัดๆ !!)

5. เนินมรณะ (.........)

ผมเดินมาจนถึงเนินสุดท้าย ซึ่งจุดนี้จะมีที่แวะพักให้เรานั่งทำใจก่อนที่จะขึ้นไปยังยอดเขาในรูป

บอกเลยว่ากว่าที่ผมจะมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งผมและแฟนเดินอยู่ในป่ากัน 2 คน น้ำที่เตรียมมาไว้ก็หมดกลางทาง และเกิดกระหายน้ำขึ้นมากระทันหัน ตอนนั้นทรมานมาก ถึงขนาดคิดกันว่าจะหาหยดน้ำตามใบไม้มาดื่มกัน 5555555555555 โชคดีที่เจอลูกหาบเลยบอกเขาว่าเราหิวน้ำมากเลยได้รับความช่วยเหลือมา ไม่งั้นบอกตรงๆว่าได้หยิบใบไม้มาเคี้ยวจริงๆครับ

แต่ก็นั่นแหละ เพราะเรายังมีคนที่เราต้องดูแล และเราก็ยังมีคนที่คอยเป็นห่วงเรา ให้กำลังใจให้กันและกัน มันจะยอมแพ้ตรงนี้ได้ไง

เนินมรณะก็คงไม่ต้องบรรยายคุณสรรพกันให้มาก แค่ชื่อก็อธิบายได้ดีแล้ว เนินนี้ชันที่สุดใน 5 เนินครับ และเส้นทางจะเดินตามสันเขาขึ้นไป

แต่วิวที่มองลงมาจากเนินมรณะนั้นสวยงามตามท้องเรื่องมากๆฮะ เติมพลังให้เราได้ไม่น้อย หลังจากผ่านยอดเขานี้ไปจะเป็นทางที่ไม่ชันแล้วฮะ

นี่คือสิ่งของที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ชิ้นแรกที่เราเห็นแล้วรู้สึกดีใจมากถึงมากที่สุดครับ.....ราวกั้นรั้วววววววว !!!!!!! เรามาถึงแล้วววววว น้ำตาแทบไหล แทบจะวิ่งเข้าไปกอดจูบลูบคลำมัน !!!

ผ่านตรงนี้ไปเราก็จะเข้าลานสนแล้วครับ เย้ๆๆ

ต้นสนนับพันเรียงรายอยู่เต็มลาน รอต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ

พอขึ้นมาถึงตรงนี้ เรารู้เลยว่าต้นสนมันสวย แต่เมื่อเทียบกับเสน่ห์ของการปีนเขาที่ผ่านมาเกือบ 7 ชั่วโมงของเรามันเทียบกันไม่ติดเลยฮะ...

เราขึ้นมาถึงลานสนกันตอน 4 โมงเย็น เป็น 7 ชั่วโมงที่โคตรรรรเหนื่อย โคตรรรรทรมาน แต่เมื่อมองหน้าแฟนผม.....เห้ยยยย เราผ่านกันมาได้แล้วนะตัวเอง เราพากันมาลำบากขนาดนี้ แต่เราไม่ทะเลาะกันเลย เราให้กำลังใจกันตลอดทางเลย.....

ภาพความลำบากกลายเป็นความทรงจำที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยหล่ะฮะ

ขึ้นมาถึงเราก็จัดแจงกางเต๊นท์ เช่าอุปกรณ์ทำอาหาร แล้วก็ทำมาม่ากินเติมพลังก่อนเลยฮะ

เราจะเดินไปชมดอกหงอนนาค พระเอกของที่นี่กัน...

ดอกหงอนนาค......ด้วยลักษณะของตัวดอกไม้เองเลยทำให้เรียกอย่างนั้นนะ ผมก็ไม่ได้หาข้อมูลมาเท่าไหร่ซะด้วย ช่วงที่ผมไปดอกหงอนนาคขึ้นมาเยอะแล้วครับ มุมถ่ายรูปสวยๆที่นี่ก็เยอะเลย

บนยอดภูจะมีน้ำตกให้ชมกันด้วยฮะ ชื่อของมันคือน้ำตกสายทิพย์.... อยู่ระหว่างทางเดินเข้ามาลานสนนี่เองครับ หาไม่ยากเลย

ในช่วงหน้าฝนน้ำน่าจะเยอะกว่านี้ อาจจะได้ภาพน้ำตกสวยๆก็ได้นะ

ใกล้ค่ำละ เราเลยกลับมาเตรียมอาหารเย็นกันก่อน แล้วค่อยพาไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมผา

เป็นพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาดามมดสุดๆ ยิ่งมีคนอยู่ข้างๆเราตอนได้ดูพระอาทิตย์ตกยิ่งสวยงามเข้าไปอีก น่าหมันไส้เป็นบ้า (อย่าเพิ่งด่าผม)

แต่ แต่ แต่ แต่ แตตตตตตตตต่ !!!!!! สิ่งที่ผมรอคอยจากภูสอยดาวนี้ไม่ใช่พระอาทิตย์ตกหน่ะสิครับ...

คุณเคยสงสัยกันไม๊ ว่าทำไมที่นี่ถึงถูกเรียกว่า "ภูสอยดาว".....แค่นึกภาพตามชื่อก็ทำเอาหัวใจผมสั่นแล้ว...สอยดาวเลยหรอวะ......มันต้องชัดขนาดไหนถึงจะทำให้เรียกว่า ภูสอยดาว ได้วะเนี่ย.....

ลองไปชมกัน.....

ทางช้างเผือกตัวพ่อมาเต็มๆเลยครับบบบ !!!!! คือมองด้วยตาเปล่านี่ชัดมากกกกกก ดาวเต็มท้องฟ้าขาวโพลนไปหมดเลยยยยยย คือมันสวยมากกกก แล้วยิ่งได้ช้างตัวเบอเริ่มขนาดนี้มาอีก ขอกรี๊ดแรงๆ 75 ริกเตอร์ !!

จะมีอะไรดีงามเท่าการได้มองดาวนับล้านพร้อมกับคนรู้ใจ จริงไม๊ครับ?

พระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าพระอาทิตย์ตก แต่ภาพแสงแดดยามเช้าประกอบกับต้นส้นน้อยใหญ่เรียงรายมันก็ยังทำให้ยิ้มได้เสมอ...

ตลอด 2 วันของการมาพิชิตภูสอยดาวของผมกับแฟนมันประทับใจมากๆเลยนะ.....

เราได้เห็นความเหน็ดเหนื่อยของกันและกัน.....เราได้อดทนไปพร้อมๆกัน เราทุกข์มากๆในตอนขึ้นเขาแต่เราก็มีความสุขมากๆที่ได้ทุกข์ไปด้วยกัน มันก็คงอย่างที่เค้าว่าจริงๆ....ความรักมันคือการเดินทางของคนสองคน จะเหนื่อยยาก ทุกข์สุข แค่ไหน ตราบใดที่ยังมีกันและกันมันก็เป็นความทรงจำที่ดีของคนสองคน.....

หลายๆคนมักจะชวนแฟนไปเที่ยวทะเลบ้าง น้ำตกบ้าง ไปในที่ที่คนหลายๆคนก็ไปกัน....แต่ผมอยากให้ลองมาในที่ที่มันลำบากดูซักครั้ง ลองจับมือคนรักของคุณฝ่าฟันความเหน็ดเหนื่อยไปด้วยกัน....ผมว่ามันเป็นการสร้างเรื่องราวความรักได้ดีเลยนะ แล้วคุณจะรักแฟนของคุณมากกว่าทริปไหนๆ เหมือนที่ผมรักเธอคนนี้มากๆ

ขอบคุณนะที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้

ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้เกิดความทรงจำดีๆ

ขอบคุณนะตัวเองที่จับมือกับเค้าเดินขึ้นตลอดทาง ไม่ปล่อยมือแม้ทางจะชันแค่ไหน

ขอบคุณ จุ๊บบบบ


Please follow me on my page

FB: https://www.facebook.com/magodtravel

IG: magodtravel

blog: http://magodtravel.blogspot.com/

Magodtravel

 วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.32 น.

ความคิดเห็น