ต้องเกริ่นก่อนว่าทริปนี้เราตั้งใจว่าจะพาน้องไปเที่ยว เพราะมันเรียนหนัก ไม่ว่างเลย

ตั้งแต่จันทร์ยันอาทิตย์ จะพาไปคลายเครียดดีๆ นี่แหละ ใจอยากจะพาไปเที่ยวหน้าหนาว แต่งตัวชิคๆ

แต่....มัน......ไม่......ว่าง...... นั่นแหละครับท่านผู้อ่าน หวยจึงไปตกอยู่ที่หน้าร้อน

มายก้อดดด มันจะดีเหรอ ว่ากันว่าแดดเปรี้ยงกว่าไทยอีก คนติด ตม.เยอะ น้องสาวก็พาสขาวจั๊ว เป็นท้อ !!!!

แต่ก็กดจองไป ปึ้งงงง

Dear ......................, your booking is confirmed.
อ่ะเรียบร้อย เจอกัน 5 วัน 4 คืน

หลายเดือนผ่านไป........

ก็ถึงเวลาที่เราจะบินไปดินแดนโสม..

(ฟิ้ววววววว เสียงเครื่องบิน)

เดินทางมาเนิ่นนาน ด้วย สายการบิน Airasia X เที่ยวบิน XJ704
เสียงบนเครื่องก็ประกาศว่าเรากำลังจะ Landing แล้ว อุณหภูมิภาคพื้นอยู่ที่ราวๆ
18 องศา ใช่ !!!!! 18 องศา เรากับน้องร้องห๊ะ!!!! ตายๆๆๆ ไม่ได้เอาเสื้อหนาๆมาเรยแม่จ้าววววว
แต่เรายังไม่ได้แตะพื้นแต่อย่างใด เพราะก็เชื่อมเข้าสนามบินไปเลย รอดเฉ๊ย !!!!!

ถึงสนามบินอินชอน ตอนประมาณตี 5 ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะก่อนที่จะมามีข่าวว่าคนติด ตม เกือบทั้งลำ ผ่านแค่ 5 คนเท่านั้น ผลปรากฎว่า.....

ผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่คนข้างหน้าโดน555555
(แต่ดูมาทำงานจริงๆน่ะแหละ ใครที่ตั้งใจมาเที่ยวก็ไม่ต้องวิตกกังวลไป)

ตอนเข้าเรากะน้องก็ทำใจสบายๆ เดินเข้าไปแบบปกติ ระหว่างต่อคิวก็คุยกันไปมา

เพราะต่อแถวใกล้ๆกัน สรุปก็ชิลๆ ผ่านไปไม่มีอะไร (กลัวไปทำไมน้อ)

สถานีต่อไปนั่งรถใต้ดินไปที่พักจย้า......


เราถึง Hongik station exit 6 กันประมาณ 7 โมงเช้า กับอุณหภูมิประมาณ 25 องศา

เย็นๆนิดๆ คงเป็นเพราะฝนตกปรอยๆด้วย อากาศดีเลยล่ะ

และเนื่องจากเป็นไฟล์ทเช้ามาก ที่พักที่จองไปนั้นให้เช็คอินได้บ่าย 3 เราจึงจองที่พักราคาถูกไปอีกที่
เพื่อที่จะอาบน้ำและนอนเอาแรงสักนิด แต่ไม่ได้ถ่ายไว้แฮะ ข้ามไปที่พักหลักเราเลยละกัน TT

เราเลือกที่พักแถว Hongdae เพราะไป-กลับสนามบินได้ง่ายๆ แค่ต่อเดียว
เผื่อช้อปปิ้ง จะได้ไม่ยกของหนัก

ชื่อที่พักที่เราพักชื่อว่า BINGO HOSTEL CASA - D ตกคืนละ 1,400 บาท มีห้องน้ำในตัว

ละก็มีส่วนกลางสำหรับนั่งเล่น ทานข้าว เดินจากสถานีทางออก 6 มาแค่ 2 นาทีเท่านั้นเอง

อันนี้ลิ้งค์ที่พักฮะ https://th.airbnb.com/rooms/16005798?s=67&shared_i...

ใครยังไม่เคยพัก AIRBNB หรือจองครั้งแรกก็จะได้ส่วนลด 1200 ด้วย
สมัครได้ทางนี้ครับ https://bit.ly/2Z23SrH

ที่พักจะอยู่ตึกเดียวกับ cafe Grove 177


ห้องส่วนกลางหน้าตาประมาณนี้


ห้องนอนของเราฮะ (รูปจาก AIRBNB ลืมถ่ายฮะ)


ร้านอะไรไม่รู้ สีชมพู น่ารักดี อยู่ถัดจากที่พักแค่ 10-20 ก้าว เลยแวะถ่ายมาด้วย . .

ต่อไปมาดูรอบๆฮงแดกันดีกว่า ย่านนี้วัยรุ่นจะเยอะ ผู้คนพลุกพล่น ของกินก็เด็ด วันดีคืนดีมีศิลปินเกาหลีมาโชว์ด้วยนะเออ หมูย่างมีหลายร้านมากๆ และร้านที่เราเข้าก็อร่อยทุกร้านเลย เอ๊ะ !!! หรือเราหิว


โซลเป็นเมืองที่มีคาเฟ่เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

และทุกที่ช่างชิคไปหมด เหมือนแข่งกันชิค และที่ที่เราไม่พลาดจะไปก็คือที่นี่
943 King's Cross (943 킹스크로스) ตั้งอยู่ในฮงแด มันคือสถานที่ที่เหล่ามักเกิ้ลไม่เข้าใจหรอก !!!!!!
มันคือ Hogwarts ที่พ่อมด แม่มดเท่านั้นจะเข้าใจ ถถถถถถถถ ...

หน้าร้านก็จะประมาณนี้ มีจุดจอดไม้กวาดด้วย อิอิ

ร้านมีอยู่หลายชั้น แต่ละชั้นก็มีดีเทลต่างกันไป แต่ถ่ายรูปได้ทุกมุม ขอให้มาเถอะ มันดีมากๆ

อย่างชั้นแรกก็ประมาณนี้ฮะ


ออกจาก Hogwarts เราก็มุ่งหน้ากันไปที่ มหาวิทยาลัยคยองฮี Kyung Hee University 경희대학교

ว่ากันว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโซล เลยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง

เราไปลงที่สถานี Hoegi Station ทางออกที่ 1 แล้วต่อรถเมล์ที่จอดใกล้สถานีนั่งไปอีกไม่นานก็ถึง

หรือใครแข็งแรง ก็สามารถเดินไปได้ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีในการเดิน แต่เรานั่งรถไปดีกว่า 5555


การขึ้นรถเมล์ในเกาหลีก็ไม่ยุ่งยาก แค่มีบัตร T-money ขึ้นด้านหน้ารถแตะบัตรที่ตัวเครื่อง

ตอนลงก็ลงประตูหลังและแตะบัตรที่ตัวเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ....


ไปถึงมหาลัยก็พบว่า สวยจริง ยุโรปมาก นี่มันมิลานอิตาลีชัดๆ แต่ต้องเดินขึ้นเนิน
อารมณ์เหมือนจะขึ้นดอยสุเทพ

แต่มันก็.........คุ้มนะ !!!!

สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ Yeouido Hangang Park นั่งรถไฟใต้ดินสายสีม่วง (Line 5)
ลงสถานี Yeouido ทางออก 2 เพื่อไปนั่งกินลมชมวิว กินไก่ทอด ดูผู้คนมาปิคนิค

สิ่งแรกที่คุณจะเจอก็คือเหล่าบรรดาป้าๆ อาจุมม่าทั้งหลายพุ่งมาหาคุณและยัดใบปลิวขายไก่ใส่มือคุณ

ถ้าคุณอยากสั่งไก่ทอดก็คือเลือกจากใบปลิวและสั่งที่ป้าคนไหนก็ได้ เขาจะดีลกับร้านให้ จ่ายเงินก็จ่ายที่ป้าเลย แล้วสักพักก็มารับไก่ที่ป้าอีกทีหนึ่ง


ที่นี่จะมีให้เสื่อให้เช่าสำหรับนั่งปิคนิค ก็จะมีคิดค่ามัดจำ 1,000 วอน แต่จำราคาเช่าไม่ได้แล้ว ซอรี่ครับผม

เช่าได้ 1 ชม. แล้วก็นำกลับไปคืนร้านเพื่อรับมัดจำคืน

ขอบอกเลยว่าเทสการแต่งตัวของคนที่นี่ไม่มีใครพลาดเลย . .
ใครอยากพักผ่อนหย่อนใจฟังดนตรีไป กินไก่ กินเบียร์ ชมผู้คนก็แนะนำว่ามาที่นี่โลด

แล้วเราก็กลับไปหาอะไรกินแถวที่พัก . .

และก็กินสิ่งนี้ด้วย มันคือ "โซจูเจ้าปัญหา" ขวดเดียวแต่อานุภาพแรงกล้า กินเพียวก็ไม่ได้

รสชาติมันเหี้ยมมมมมมมากกกกก เราเลยหมดโค้กไป 3 ขวด จึงกินเจ้าขวดนี้หมด

แถมยังเดินเซกลับที่พักอีก เลวมากกกก 555555555


วันที่ 2 เรากับน้องเลือกที่จะไป Ewha Womans University มหาวิทยาลัยสตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หรือที่เรียกกันว่า "ย่านอีแด" เราไปในช่วงเช้า เพราะตั้งใจจะไปร้านอาหารไทยร้านนึงที่ได้ข่าวมาว่าเพิ่งเปิดได้แค่ 2 เดือน และราคาไม่แพง เลยอยากจะลองดูซิว่าอาหารไทยที่นี่จะอร่อยมั้ย ?


เรานั่ง รถไฟใต้ดิน Line 2 สถานี Ewha Woman’s University ลงทางออก 2

แล้วมุ่งหน้าไปที่ร้าน ซอย 54 เดินจากสถานีประมาณ 3 นาที



ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ อาหารจะอยู่ที่ราวๆ 7,000-9,000 วอน ถือว่ากำลังดี

แม่ครัวที่ร้านก็เป็นคนไทยด้วย ใจดีและน่ารักมากๆ. .

และขอบอกว่าผัดกะเพราที่นี่อร่อยมาก อร่อยกว่าที่ไทยอีก 5555 (แปลกดี อร่อยกว่าได้ไง)

เอ้อ !! ละเวลาสั่งอาหารที่ร้านนี้ จะใช้เครื่องอัตโนมัติในการสั่ง ใส่ตังค์เข้าไป ก็จะมีใบเสร็จออกมา
แล้วนั่งรออาหารที่โต๊ะได้เลย

อันนี้บรรยากาศภายในร้านครับ ขนาดโต๊ะยังน่ารักเลย


ทานข้าวเสร็จเราก็เดินเล่นย่านอีแด . .

หลังจากนั้นเราก็ไปหมู่บ้านดั้งเดิมของเกาหลีในกรุงโซล หรือที่เรียกกันว่า
หมู่บ้านบุกชอนฮันอก Bukchon Hanok Village
โดยรถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Anguk Station ทางออก 2 แล้วก็เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ

แอบถ่ายหน้าร้านยอดฮิตอย่างร้าน Onion มาด้วย


พอตกช่วงเย็นเราไปกันที่ Dondaemun Design Plaza หรือ DDP ที่นี่คือที่ที่เหล่าวัยรุ่น
ใจรักในแฟชั่นและศิลปะไม่ควรพลาดเลย และยังเป็นสถานที่จัด seoul fashion week อีกด้วย

สำหรับใครที่เคยดูซีรีย์เกาหลีเรื่อง You Who came From the star (ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว)
ก็คงจะคุ้นตาอยู่บ้าง เดินทางมาที่นี่ด้วยรถไฟสาย 2 สีเขียว , สาย 4 สีฟ้า , สาย 5 สีม่วง
ลงสถานี Dondaemun history & Culture Park ทางออกที่ 1

บรรยากาศรอบๆ DDP ก็จะประมาณนี้ ชิคใช้มั้ยล่าาาาาา



หลังจากแวะ DDP เราก็ไปช้อปปิ้งแถวย่านเมียงดง แล้วก็กลับที่พัก เตรียมเที่ยววันถัดไป


วันที่ 3 ร้านกาแฟ Coffee Prince &Itaewon& โซลทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์ N Seoul Tower

ตื่นเช้ามาเราเดินทางที่พักไปยัง ร้านกาแฟ Coffee Prince หรือใครจะเดินทางด้วยรถใต้ดินลง
Hongik ทางออก 8 ก็ได้ ร้านก็จะออกแนวร่มรื่น มีต้นไม้เขียวๆ เงียบๆ ตอนเราไปไม่มีคนเลย

จะมีคุณลุงเจ้าของร้านมาต้อนรับ แล้วก็แนะนำเราว่าเราจะถ่ายรูปมุมไหนของร้านก็ได้
แต่ห้ามย้ายหรือขยับของในร้าน . .


ต่อมาไปย่าน Itaewon เราตั้งใจไปคาเฟ่ที่ชื่อว่า C.THROUGH Cafe เพราะว่าเป็นร้านที่กำลังมาแรง
มีเมนู Cream Art ที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เดินทางโดยนั่งรถใต้ดินไปลงที่ Noksapyeong station
ทางออก 2 . .
พอถึงสถานีเท่านั้นแหละ ฝนก็เทลงมาจ้าาาาาา ต้องหลบฝนอยู่พักนึง คุณลุงก็หลบฝนเช่นกัน


ร้านอยู่หลังโรงเรียน Itaewon หน้าร้านเป็นแบบนี้

Cream Art แต่ละวันจะ Fix ลายไว้ วันที่เราไปเป็นลายการ์ตูนน่ารักๆแบบนี้


ภายในร้าน


บรรยากาศรอบๆ Itaewon (เจอเจ้าแมวอ้วงด้วย เมี้ยวววว)


ถ่ายรูปมาก็จะแอบติด N Seoul Tower ด้วย



และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะไป N Seoul Tower แลนด์มาร์คที่คู่รักหลายๆคู่ไปคล้องกุญแจกัน

เราเลือกลงสถานี Myeongdong Station ทางออก 4 แล้วเดินไปลิฟท์แก้วที่มีชื่อว่า
Namsam Oreumi Elevator เพื่อขึ้นไปยัง Namsan Cable Car อีกทีนึง

ลิฟท์แก้วนี้ขึ้นได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ชมวิวตัวเมืองไปพลางๆด้วย

วิวกรุงโซลจากลิฟท์แก้ว ไม่เลวเลย . .


แล้วเราก็มาถึง Namsan Cable Car

แต่ . .

มันปิดบริการ แม่เจ้าาาาาาา . .

เอาไงดีล่ะ เลยไปถามราคาแท็กซี่ ผลปรากฎว่า ต้องจ่ายคนละ 10,000 วอน

แพงมากๆๆๆๆ รู้สึกมืดแปดด้าน เลยเลือกที่จะเดินขึ้น N Seoul Tower

เอาวะ ไปก็ไป !!!!! จำได้คร่าวๆว่าประมาณ 1-2 กิโล

ระหว่างทางก็มีฝนตกปรอยๆ และอากาศก็เริ่มหนาวอีกแล้ว

เมืองมีหมอกลงไปอีก วิวก็ประมาณนี้ครับบบ

ใช้เวลาราวๆ 45-50 นาทีในการเดินขึ้นได้ฮะ ทรหดอยู่เหมือนกันนะ

ขึ้นไปก็ไปชมนู่นนี่นั่นเฉยๆ เพราะเราไม่คล้องกุญแจกันหร๊อกกกก
เนื่องจากเป็นพี่น้องแท้ๆ มิใช่แฟนกัน ถถถถถถถถถถถถ แต่ตอนไปเดินดูของแม่ค้าก็แอบเชียร์ให้เราซื้อกุญแจคล้องกันซะงั้น 5555555555

เราออกมาจาก N Seoul Tower ลงลิฟท์ไปยังชั้นที่เป็นจุดจอดรถ สรุปมีรถนั่งลงด้านล่าง ฟรี !!!!!

ก็เลยฉุกคิดได้ว่า ในเมื่อมันลงฟรี มันก็ต้องขึ้นฟรีด้วยสิ เอ้ออออออออ !!!!! TT

เป็นอันว่าสำหรับวันนี้กลับที่พักไปนวดขา นวดเท้าก่อนละกัน . .


วันสุดท้ายของทริป วันที่ 4 เราไปคลองชองกเยชอน Cheonggyecheon คลองนี้มีขึ้นมาตั้งแต่สมัย
ราชวงศ์โชซอน และมีอายุถึง 600 ปี เท่ากับกรุงโซล ถ่ายรูปกันได้แป๊ปนึงฝนก็ตกอีกแร้วววจ้าา 55555


ระหว่างรอฝนหยุดตก ท้องก็ร้อง เลยเดินไปเรื่อยๆ หาร้านอาหารสักร้านนึง เจอกงยูด้วย


สุ่มเข้าไปมั่วๆ เลยลองสั่งมามั่วๆ ก็อร่อยใช้ได้เลย


พอฝนหยุดตก กินอิ่มแล้ว ก็ไป พระราชวังถ็อกซูกุง Deoksugung Palace
เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Line 1 หรือ Line 2 สถานี City Hall ทางออก 1, 2

ก็จะเจอกำแพงแบบนี้ ดูคลาสสิคดี


และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายที่เราต้องเดินทางกลับแล้ว . .

เราเดินทางกลับด้วยสายการบิน Air Asia X เช่นเดิม กับเที่ยวบินที่ XJ701

เที่ยวโซลหน้าร้อน สรุปคือไม่แย่เลย แต่งตัวง่าย ไม่ต้องพกเสื้อผ้าหนาๆ หนักๆ มาให้เปลืองน้ำหนักระเป๋าอากาศดี มีเย็นบ้าง หนาวบ้าง ไม่ร้อนเลย มีฝนบ้าง แต่ไม่หนัก
สำหรับคนที่ลังเลว่ามาเที่ยวหน้าร้อนจะดีมั้ย ขอบอกเลยว่าดี.. มาเถอะ ของลดราคาก็เยอะด้วย

ที่สำคัญค่าตั๋วราคาก็ไม่แรงเท่าหน้าหนาว ประหยัดเงินไว้ทริปหน้าได้อีก


ก็ขอลาทริปตะลุย SEOUL หน้าร้อน แต่แดดไม่เปรี้ยง ไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่เมื่อเงินถึง 555555

ปล.การรีวิวอาจมีจำสลับวันบ้าง เพราะคนรีวิวเบลอ 555555

------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น