กำเงินคนละ 580 บาทไปนอนแม่กำปองแบบ Feel Good
แม่กำปอง เชียงใหม่ หลังจากที่เราเคยไปครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (2559) ที่แรกที่เราได้พักในแม่กำปอง
คือฮิมดอยโฮม และได้ทำรีวิวออกมาให้ชมกันไปแล้ว ปรากฏว่า
กระแสตอบรับที่พักริมน้ำแบบนี้ดีมากๆ ผู้คนรู้จักแม่กำปองมากขึ้น ที่พักเพิ่มมากขึ้น
และนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นตาม ล้วนต่างอยากไปพักผ่อน อยากไป Slow Life ในบรรยากาศแบบสบายๆ
ในบรรยากาศแบบบ้านๆ อากาศดีดีแบบนี้กันบ้าง
มาปี 2562 ปีนี้ พี่อ้อ เจ้าของฮิมดอยโฮม มาชวนเราไปพักอีกครั้งค่ะ และบอกเราว่ามีสร้างและต่อเติมพื้นที่
ของฮิมดอยโฮม เพิ่มใหม่อีกหลายจุดที่อยากให้เราได้มาเห็นอีก
นั่นเป็นที่มาของการได้มาเยือน แม่กำปองอีกครั้งของเราในปีนี้ ในช่วงบรรยากาศเย็นสบายๆ
เราไปเยือนในเดือนสิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่เขียวขจีรอบทิศทาง อากาศตอนเช้าเย็นสบายมาก ตอนกลางคืน 22 องศาเท่านั้นเอง
มันฟินมากจริงๆ พร้อมอัพเดทให้ชมกันนะคะ
แม่กำปอง 2019 มีอะไรเปลียนแปลงกันบ้างน้า
การเดินทางสู่แม่กำปองง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จากเดิมต้องมีรถส่วนตัว หรือนั่งรถสองแถวที่ไปลงที่บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง และหารถเหมามาแม่กำปององ
หรือคอยดักรถชาวบ้านที่เข้าแม่กำปองที่นานๆ ทีจะวิ่งผ่าน แต่ตอนนี้ระบบการขนส่งได้ง่ายขึ้นมาก
นั่นคือมีรถตู้วิ่งรับส่งเป็นรอบๆ เวลารับจาก อาเขตเชียงใหม่ ส่งตรงยังหมู่บ้านแม่กำปองเลยค่ะ คนละ 150 บาท ทั้งไปและกลับ
สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวนั้น บอกเลย เดินทางสะดวกอย่างมาก
ส่วนใครมีรถส่วนตัว หรือมาจากเมืองกรุงแบบเรา นั่งเครื่องมาลงสนามบินเชียงใหม่
และใช้บริการรถเช่าขับรถมายังบ้านแม่กำปอง ปักหมุดพิกัดไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ถึงเลยค่า
พิกัดแรกๆ ที่เราแวะไปเดินชม เดินเล่นกันก่อนเข้าหมู่บ้านแม่กำปองคือ ธารทองลอร์ด
ที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และฟาร์มเล็ก ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นโดยมีลำธารไหลตลอดเวลา สองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ รอบทิศ เรามาในช่วงบ่ายแก่ๆ อากาศยังเย็นสบายเลยน่ะ ขอบอก
และเราก็ต้องพากันเข้าในเดิน Slow LIfe ในหมู่บ้านแม่กำปองกันก่อนเลย โดยจอดรถไว้ที่วัดแม่กำปอง จอดฟรี มีที่จอดรถพอสมควร แต่หากมาช่วงเทศกาลคนเยอะๆ มากๆ ก็ล้นเอาได้เหมือนกัน
ลุงปุ็ด ป้าเป็ง บ้านไม้หลังโบราณ หนึ่งในแลนด์มาร์คหลักของแม่กำปอง
ก็ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างไม่ขาดสาย
ป้ายนี่แหละที่ใครมาก็ต่างเก็บภาพกันไปทุกคน ไม่เว้นเราด้วย มากี่ครั้งๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปจุดนี้
ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน มีเปลียนแค่นางแบบที่อายุมากขึ้น แต่ยังสวยเหมือนเดิมนั่นเอง 555
มาครั้งนี้เจอร้านอาหารที่เปิดใหม่ของแม่กำปองเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควรค่ะ
ร้านเดิมบางร้านก็จะเปลียนเจ้าของและหายไป เจ้าของใหม่กลับมาเปิดขายอัพราคาเพิ่มไปอีก
แต่ก็อยากให้แนะนำร้านค้าชาวบ้านนะคะ นอกจากจะได้ชิมอาหารฝีมือบ้านๆ อร่อยแล้ว
ยังได้อุดหนุนชาวบ้านแม่กำปองแท้ๆ ด้วยไง
ร้านนี้มีทีเด็ดคือไข่ป่ามนะ เมนูดั้งเดิมของคนเหนือที่หากินได้ยาก
(ร้านตรงข้ามกับลุงปุ๊ด ป้าเป็งเลยค่า)
ด้านบนร้านมีทำเป็นสองชั้นเราเดินขึ้นไปชิมร้านนี้มาด้วยพอเห็นราคาแล้วรู้เลยว่าไม่น่าใช่ร้านดั้งเดิมของแม่กำปองหรอก 555 เพราะเพิ่งสร้างต่อเติมใหม่ เช่นราคาน้ำเงี้ยวชามนี้ 50 บาท แต่ก็อร่อยดีนะ อาหารอื่นๆ ก็โอเค อยู่ในราคาที่รับได้
เมนูห่อหมกใบตองไม้เสียบที่เห็นนี้บอกเลยว่าหอมมากกกก เดินผ่านก็ต้องกลับมามอง
มันคือ จิ้นส้มย่างค่ะ (แหนมย่าง) หอมอร่อยมากเวลาโดนย่างไฟแบบนี้ จะอดใจไหวได้ไงกัน
นี่ไงๆ ร้านข้างๆ ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ร้านนี้เป็นร้านค้าดั้งเดิมของแม่กำปองเค้าเลย
แนะนำไปชิมขนมจีนน้ำเงี้ยวหม้อดิน แบบตักเองได้เลยค่า
40 บาทเท่านั้น คุ้มเวอร์ !!
ร้านของฝาก แมวดอยฯ ร้านนี้น่ารักมากกก ไปทีไรต้องเสียเงินตลอด กับสินค้าแฮนด์เมด
แต่รอบนี้เราโชคดีที่ไม่ต้องเสียเงินเพราะไปตอนเย็นวันอาทิตย์ร้านปิดไปแล้ว 555
ได้มุมภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกแทนล่ะกัน
จุดพิกัดน่าเช็คอิน น่าถ่ายรูปเล่นในแม่กำปองอยู่ที่ร้านฮิมธารน้อย แม่กำปองด้วยนะ
ด้านหลังจะเป็นโฮมสเตย์เราก็เคยมาพักด้วยเหมือนกัน พักที่นี่ดีตรงที่ทำเลอยู่กลางหมู่บ้านเลยค่ะ
เดินชมบ้านแม่กำปองจะกี่รอบก็ได้ ที่สำคัญคือร้านนี้ขายของทันสมัยมาก มีอาหารแช่แข็งของ cp ด้วย
มีทั้งของหวานบัวลอยเผือกแช่แข็งด้วยนะ โอ้ยยย ขนาดนั้นเลยค่า 555
ช่วงเย็นๆ บ้านแม่กำปองจะเริ่มเข้าสู่ความเงียบลงเรื่อยๆค่ะ
เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เงียบ และสงบมาก ผู้คนจะเริ่มเข้าสู่ที่พักกัน
เราก็ด้วย ขับรถกลับไปยัง ฮิมดอยโฮม แม่กำปอง คืนนี้เรามานอนที่นี่
กับน้องๆ รวม 5 คน แบบว่าเหมาบ้านหลังนี้กันไปเล้ยยย
ฮิมดอยโฮม แม่กำปองในครั้งนี้ของเราที่พบความแต่กต่างคือ บ้านไม้หลังนี้ยังคงสภาพดีเหมือนเดิม ยังเป็นไฮไลท์หลักชองฮิมดอยโฮม
แต่ทว่าบรรยากาศรอบๆ ข้างนั้น ครื้มไปด้วยความเขียวของต้นไม้ สูงใหญ่ทั่วบริเวณ
ทำให้ลำธารที่เราจะเห็นกันอย่างชัดๆ เมื่อ 3 ปีก่อนนั้นกลบไปด้วยสีขียวของต้นไม้
แต่ก็มีทางลงไปลำธารอยู่เหมือนเดิมนะ
บ้านหลังใหญ่ ห้องแรกจะเป็นเตียงนอนแล้วนะ จากเดิมคือเป็นที่นอนบนฟูกเฉยๆ
มารอบนี้เสริมเตียงเพิ่มระดับขึ้นมาแล้วค่า มีห้องน้ำภายในตัวและมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย
ขึ้นมาชั้นบน จะมีห้องนอนอีกห้องและห้องนั่งเล่น ระเบียง
และห้องครัวด้วย เสน่ห์ของบ้านไม้แบบโบราณเป็นแบบนี้แหละค่า
คือมีความคลาสสิคอย่างมาก เดิมทีด้านบนนี้เป็นที่พักของเจ้าของบ้านเองนะคะ
และมาตกแต่งทำให้ลูกค้าเข้าพักดีกว่า ไม่รู้ว่าพี่อ้อไปนอนหลังไหน 555
ห้องนอนชั้น 2 มี 1 ห้อง และห้องของเราอยู่ห้องใต้หลังคาอีกทีค่ะต้องปีนบันไดขึ้นไปนอนน่ะ 555
มารอบก่อนเราก็นอนห้องใต้หลังคา คือชอบมากๆๆๆ แต่นอนอีกหลัง
มารอบนี้เราจึงเลือกที่นอนห้องใต้หลังคาอีกครั้ง มันฟินสุดๆ นอนกันตั้งแต่ 3 ทุ่ม ตาก็หลับแล้วค่า
นอนฟังเสียงน้ำไหลในลำธารนี่หลับสบายมากในอากาศ 22 องศาต้องห่มผ้ากันหมด 555
เดินออกมาด้านถนนกันค่ะ จริงๆ กะออกมากินข้าวเย็นแหละ หลังนี้ที่เราเคยมานอนเมื่อ 3 ปีก่อนสภาพดีมีตกแต่งเพิ่มเติม
ให้ฮิมดอยโฮมมีสีสันกันมากขึ้น
จำได้ว่าตอนเรามานั้น พื้นไม้ขัดมันใหม่อยู่เลย มารอบนี้ สีไม้ยิ่งเปล่งประกายเมื่อกระทบแสงไฟ
บวกกับมีการตกแต่งเพิ่มเติมช่วงตรงกลางเอามอไซด์มาเรียกมุมถ่ายภาพได้อย่างกิ๊บเก๋ไปอีก
เดินเข้าไปดูในห้องพัก ทะเลุด้านหลังริมระเบียง
Feel Good ค่าาาาา
ห้องพักที่เรียบง่าย และริมระเบียงที่มองลงไป
เห็นหลังคาบ้านที่เราพักมาด้วย เขียวสดชื่นอย่างมาก หลังนี้ก็มีห้องใต้หลังคาด้วย และมีห้องน้ำในตัว มีพัดลมด้วย ใครมาพักหน้าร้อน พัดลมก็ช่วยปัดเป่าได้นะเออ
และเราก็เดินลงมาด้านขวามือของบ้านหลังนี้จะมีบันไดเป็นหินขัดเดินลงมายังห้องอาหารของฮิมดอยโฮมค่ะ
มีการต่อเติมเพิ่มแล้วววว
มารอบก่อน คือโซนห้องอาหารบ้านหลังใหม่นี้ยังไม่มีหลังคาค่ะ มารอบนี้พี่อ้อได้ต่อเติมหลังคากันฝนให้แล้ว
พอดีเล่าว่า จะมีลูกค้ามาพักช่วงฝนตกทำให้มานั่งทานอาหารมุมนี้ไม่ได้กันจึงได้เพิ่มหลังคากันฝน และเพิ่มจำนวนโต๊ะที่นั่งมากขึ้น แต่ยังคงบรรยากาศความเรียบง่าย ให้เห็นธรรมชาติ สีเขียวๆ ที่โอบล้อมทั่วทิศทางของแม่กำปองเหมือนเดิม
มาดูอาหารเย็นแบบบ้านๆ มื้อนี้ของเรากันค่่า แม่ครัวคนนี้เป็นหลานสาวพี่อ้อค่ะ มาช่วยดูแลฮิมดอยโฮมด้วย
รวมทั้งทำอาหารเย็นให้พวกเราทานได้ อาหารเย็นจ่ายแยกจากราคาที่พักนะคะ
แต่หากต้องการอาหารเย็นอีกเพิ่มคนละ 100 บาท แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วยนะคะ แม่ครัวจะได้เตรียมให้เราด้วย มื้อนี้มีน้ำพริกอ่องกับผักสด / ผัดมะระหวาน / ต้มยำไก่ / ที่เป็นเสียบๆ ไม้นั่นคือหมาล่าค่ะ น้องเราไปซื้อจากหมู่บ้านมาอีกที 555
มุมครัวของฮิมดอยโฮม จะมีมุมกาแฟฟรีให้เราได้ดื่มกันด้วย
ห้องครัวของพี่อ้อ มีอุปกรณ์เยอะ เพิ่มมากขึ้น ตอนเรามายังโล่งๆ อยู่เลย ตอนนี้เต็มพื้นที่ล่ะค่ะ 555
กลางคืนคืนที่แม่กำปอง คือช่วงเวลาพักผ่อนที่มีความสุขที่สุด สำหรับใครที่อยู่ในเมืองใหญ่กว่าจะได้นอนก็ทำไรวุ่นวาย ลองมานอนพักที่แม่กำปองดูค่ะ เราเองจากที่เป็นคนงานยุ่งดูวุ่นๆ มาตลอดเวลา มารอบนี้ เราไม่เอาคอมมาทำงานนะ ไม่ห่วงด้วย ต้องสลัดออกให้ได้
พาแต่ตัวและหัวใจมาพักผ่อน ก็ต้องพักผ่อนจริงๆ สามทุ่มนี่คือเงียบมากกก ไม่มีทีวีให้ดู มีแต่เสียงน้ำไหลของลำธารที่กล่อมเรานอน เราง่วงตอน 3 ทุ่มหลับสนิทมากกก และตื่นเช้ามาก็ขอนอนอุตุต่ออีกหน่อย กว่าจะสลัดตัวออกจากที่นอนไสสายมากแล้ว
นี่แหละเป็นการได้พักผ่อนอยางอย่างจริงของเราที่เรารู้ตัวเองว่าเธอควรมาพักที่นี่จริงๆ
เช้าวันใหม่กับการเดินสำรวจกันที่บ้านหลังใหญ่ของพี่อ้อ ที่มีการจัดสวนได้เข้ากับธรรมชาติสุดๆ
มีม้านั่งเล่นสีเขียวๆ ที่กลืนธรรมชาติมาก และยังมีชิงช้า ให้เราแกว่งเล่น
มาในชุดสีขาวๆ สวยๆ แบบนี้บอกเลยค่ะว่า ถ่ายรูปได้สวยน้าาา 555
มีลำธารให้เราได้เดินลงไปเล่นน้ำได้อีก ตัวน้ำที่ไหลผ่านนี่เย็นเจี๊ยบเลยแหละค่า
ตรงบริเวณบ้านหลังใหญ่จะมีศาลาสร้างไว้ให้สำหรับปาร์ตี้ สำหรัการมาพักเป็นกลุ่มกันด้วยนะ เป็นศาลาริมน้ำค่ะ
นี่เราเดินออกมาทางถนนจุดเดิม แต่ขากลับขอบอกว่าเราจะไม่ผ่านจุดเดิมนะคะ
เพราะฮิมดอยโฮม ได้สร้างทางเชื่อมต่อลงมายังบ้านหลังแรกแล้ว
ไม่ใช่เป็นทางเดินลัดธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นทางเดินอิงธรรมชาติ ที่ทำให้เรามีภาพอัพเดทเยอะมากเลย ต้องไปดูค่ะ
แสงแดดส่องกับท้องถนนในยามสายๆ รถกว่าจะผ่านมาสักคันนั้น เงียบมาก
เดินลงไปยังห้องครัวจุดเดิมยังไม่พอนะ เอ๊ะ ด้านล่างห้องครัวมีบันใดลงไปอีก 2 ชั้นจนถึงลำธารและเชื่อมต่อไปยังบ้านหลังแรกได้เลยค่ะ
แต่ช่วงสองชั้นตรงนั้นจะมีระเบียงกว้างๆ ให้เราไปนั่งเล่นเช็คอินได้อีกหลายมุมแบบเก๋ๆ ได้อีก
มุมสวยๆ เขียวๆ สำหรับสาวๆ ที่ฮิมดอยโฮมได้ทำทุกพื้นที่ตารางนิ้วให้เป็นพื้นที่ใช้สอยได้มากที่สุด
จากที่เรามาคราวก่อนคือสัญญาณ Dtac ไม่มี ตายสนิททุกดอยของแท้ ตอนนี้มาที่แม่กำปอง ชัดล่ะนะ
อัพเดททุกข่าวสารทางโซเชียลได้เลยค่า
อาหารเช้าของเราวันนี้จะเป็นข้าวต้มหมูสับ กับซาลาเปาอุ่นๆ รอบเดียวไม่พอค่ะ
น้องๆ และเราขอเบิ้ลคนละ 2 ชาม อิอิ
มีกาแฟดริฟด้วยค่า ให้เราจัดการชงดื่มกันเอง เราได้แต่มองคอกาแฟแบบนี้เราไม่ค่อยถนัดนัก
แต่เห็นวาสวยดีเลยถ่ายรูปมาฝากกัน ในบรรยากาศชิลๆ เขียวๆ ของแม่กำปองแบบนี้แหละ ชอบที่ซู้ดดดด
เก็บมุมน่ารักๆ มาฝากกันมุมพวกนี้เดินลงไปอีกชั้นล่างๆ ที่มีการต่อเติมเพิ่มนะคะ แต่เป็นการต่อเติม
แบบอิงธรรมชาติด้วย สำหรับคนชอบถ่ายรูป ชอบเช็คอิน ท่ามกลางฉากหลังที่เป็นธรรมชาติ
ที่นี่เหมาะเลยค่า
เห็นป่าวว่า มีพลังแห่งสีสันมากแค่ไหน กับชุดสีแดงเด่นๆ
ตัดกับไม้สีเขียวๆ มุมน่ารักๆ ของฮิมดอยโฮม แม่กำปอง
และพลาดไม่ได้กับมุมซิกเนเจอร์ใหม่ของฮิมดอยโฮม แม่กำปอง ที่เราอยากนำเสนอ
เดินลัดผ่านต้นดอกลำโพงก่อนนะ เดินลงมาเรือยๆ เลยค่า
ด้านล่างจะมีลำธารไหลผ่าน กับการสร้างทางเดินใหม่ที่เชื่อมต่อไปยังบ้านหลังแรกที่เราได้พักแนั่นแหละค่า
มุมนี้บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ถ่ายรูปออกมาสวยมากจริง
มีธรรมชาติก็ต้องมีนางแบบด้วยสิเนอะ กับการมาพักโฮมสเตย์ในหมู่บ้านเชิงอนุรักษ์แบบนี้ที่บอกได้เลยค่ะว่า
บรรยากาศดี ราคาจ่ายได้ อาหารอร่อย ที่สำคัญ อากาศดีสูดเข้าไปให้เต็มปอดก่อนเดินทางต่อนะ
มาแบบนี้ Feel Good กันทุกคนค่าาา
ช่องทางติดต่อของ ฮิมดอยโฮม แม่กำปอง
เบอร์โทร 095-448-3935
Line >> @himdoihome
Facebook >> ฮิมดอยโฮม แม่กำปอง
https://www.facebook.com/HimdoiMaekampong/
เวปไซด์ www.himdoihome.com
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
RinSa YoyoLive
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 16.08 น.