มีใครรู้สึกเหมือนกันบ้างมั๊ยว่าเวลาช่างเดินทางเร็วเหลือเกิน เผลอแปบเดียว ใกล้จะสิ้นปีอีกแล้ว
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เราอาจจะรู้สึกเหนื่อย ไม่ว่าจะจากกการทำงาน และเรื่องราวต่างๆ รอบตัว
ลองมาหยุดพักชาร์ตแบต ให้กับร่างกายและจิตใจกันบ้างดีกว่าคะ
.
.
.
สำหรับนุ้ยการออกเดินทางไปยังสถานท่องเที่ยวต่างๆ เป็นการช่วยผ่อนคลาย และเติมพลังได้ดีทีเดียว
ฉะนั้นอย่ามัวรอ ชักช้าอยู่ไย หยิบบิกินี่ตัวโปรด โยนใส่กระเป๋า แล้วไปกันเลยดีกว่าค่ะ
เพราะปลายทางของเราวันนี้ คือที่นี้ค่ะ Casa de La Flora เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บริเวณหาดบางเนียง เขาหลัก จังหวัดพังงา นั่นเอง

ปล. SR ได้มาจากการเล่นเกมส์ผ่านทาง FB ของพี่จิบ มาเรีย ณ ไกลบ้าน



ทำไมนุ้ยถึงได้กล้าที่จะบอกว่า Casa de La Flora เป็นที่สุดของการพักผ่อน


ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนเลยว่า เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ เพราะการพักผ่อนของแต่ละบุคคลนั้นต่างกัน แม้กระทั่งตัวนุ้ยเองยังมีหลายรูปแบบ

แต่สำหรับที่นี้ เหตุผลที่ให้เป็นที่สุดของการพักผ่อน เพราะอะไรนั้น มาดูกันเลยค่ะ



ใช้เวลาเดินทางจากภูเก็ตเพียงชั่วโมงนิดๆ (ความเร็วในการขับของแต่ละคนต่างกันน๊า)



มาถึงปุ๊บก็ไปเช็คอินกันเลย แต่ๆ ขอบอกว่าที่นี้เขาเช็คอินกันในห้องพักนะค่ะ


ล็อบบี้มีไว้เผื่อต้อนรับแขกที่มาเยือน และเป็นทางผ่านนำไปสู่ที่สุดของการพักผ่อน



เมื่อมาถึงจะมีพนักงานมาดูแล และพาไปยังห้อง


วันนี้พนักงานที่มาดูแลนุ้ย ชื่อพี่ติ๊กค่ะ น่ารักมาก พาเดินดูบริเวณรอบ แนะนำจุดให้บริการต่าง ๆ



เมื่อผ่าน Lobby มาจะเป็นเหมือนอีกโลกนึง



Casa de La Flora เป็นโรงแรมที่ตกแต่งตามสไตส์ Hotel Design ซึ่งไม่ได้ดูหรูหรา ตระการตามากมาย แต่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง รูปแบบการตกแต่งจะเป็นรูปทรงของเลขาคณิตทั้งหมด แม้กระทั่งรูปทรงของวิลล่า ยังเป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยม



นุ้ยไปถึงโรงแรมตอนบ่าย พี่ติ๊กบอกทุกวัน ตอนบ่าย 3 โมง จะมีอาหารว่างบริการทุกวัน



พี่ติ๊กบอกว่าเมื่อก่อนจะเสิร์ฟให้ในวิลล่า แต่ตอนนี้จะเปลี่ยนมาเป็น ให้บริการ ที่ ห้องอาหาร La aranya เนื่องจากอยากให้แขกได้สัมผัสกลิ่นไอทะเล แสงคลื่นที่ซัดสาด


ซึ่งห้องอาหารแห่งนี้ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลย


เพราะบรรยากาศดีมากๆ


อันที่จริงก็ไม่ได้หิวน๊า


แต่อยากถ่ายรูปมาให้ดูเป็นตัวอย่างก็เลยต้องจัดไป



วันนี้มีแซนวิสแฮม


และผลไม้ เป็นอาหารว่างยามบ่าย



หลังจากทานเสร็จ ก็ได้เวลาเข้าห้องกันสักที



ซึ่งที่นี้จะมีทั้งหมด 36 วิลล่า และวิลล่าที่นุ้ยพัก คือ Studio Pool Villa เป็นเพียงวิลล่า ประเภทเริ่มต้นของที่นี้เท่านั้น (แต่ยังทำให้นุ้ยประทับใจได้ถึงขนาดนี้)


วิลล่าที่นุ้ยพักชื่อ Kalamona


เปิดประตูเข้ามาเจอ สระว่ายน้ำก่อนเลย



ทุกวิลล่าจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ปลื้มมากๆ ค่ะ แม้จะเป็นเพียงห้องประเภทเริ่มต้นก็ตาม



เป็นวิลล่าที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย



แต่จัดสรรค์ทุกอย่างได้ลงตัวมากๆ ใส่ใจในทุกรายละเอียด จริงๆ



และนุ้ยพึ่งจะเข้าคำว่าเตียงดูดวิญญาณก็ที่นี้ละคะ นอนได้ทั้งคืนทั้งวัน หลับสบายสุด ๆ เลยค่ะ



ในห้องพักจะมี welcome dink ไว้คอยตอนรับด้วย



จะเป็นน้ำมะพร้าว มีกลิ่นหอมของเลมอนเตะจมูกเล็กน้อย

มินิบาร์ ของที่นี้ขอบอกว่าฟรีทุกอย่าง เป็นปลื้มค่ะ แถมเติมใหม่ให้ตลอดด้วยค่ะ



ปล. แต่ในที่นี้ ยกเว้นไวน์นะค่ะ



มีเครื่องทำกาแฟให้ด้วย



ภายในวิลล่า จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกให้ครบครัน แบบไม่ขาดตกบกพร่องกันเลยทีเดียว



ไม่ว่าจะเป็น ipod dock, mac mini, wireless keyboard, ibox



ดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเตอร์ ผ่านทีวีจอใหญ่ กันสบาย ใช้เวลาอยู่แต่ในวิลล่าแทบไม่ต้องไปออกไปไหนกันเลยทีเดียว



กิน นอน ดูหนัง เล่นน้ำ เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆค่ะ



สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีให้ครบครันจริง ๆ เสื้อ รองเท้า



ไม่ว่าจะเป็นร่ม ไดร์เป่าผม กระเป๋า ตู้เซฟ



จัดไว้อย่างทุกอย่าง 2 ชุด พร้อมค่ะ



มาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ จะเห็นได้ว่ามีเพียงแค่กระจกกั้นเท่านั้น อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับการไปพักผ่อนของกลุ่มเพื่อน


แต่นุ้ยชอบนะ ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด

ชอบการดีไซน์ของที่นี้จริงๆ แม้กระทั่งในโซนห้องน้ำ เรายังได้สัมผัมกับธรรมชาติ หน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นความเขียวสดชื่นของต้นไม้



Bathroom amenities ที่นี่เลือกใช้ของ THANN จะมีกลิ่นหอมของตะไคร้ สดชื่นมากค่ะ



ด้านนอก ยังมีมุมนั่งเล่นให้นั่งชิล ๆ กันด้วย


หลังจากที่เก็บภาพบรรยากาศในห้องพัก และพักผ่อนจนหายเหนื่อยจากการเดินทาง แดดร่มลมตก เดินออกไปสำรวจกันสักหน่อยว่าที่นี้ มีอะไร อำนวยความสะดวกให้เราอีกบ้าง



นุ้ยเดินกลับมายังอาคาล็อบบี้

อาคารนี้จะมีห้องอินเตอร์เน็ต ไว้ค่อยบริหาร ซึ่งที่นี้จะเป็น MAC ทั้งหมดค่ะ


มีหนังสือให้เลือกอ่านเยอะแยะเลยค่ะ


ชั่นล่างของอาคาร จะมีห้อง fitness ไว้บริการ


ระหว่างทางเดิน ผ่าน Spa ด้วย แต่เสียดาย นุ้ยไม่ได้แวะเข้าไปใช้บริการ เลยบอกต่อไม่ได้ว่า เป็นยังไง


บรรยากาศรอบๆ ของที่นี้ ดูเรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ ตามสไตส์


มองไปมุมไหนก็เจอต้นไม้เขียว สบายตา


และที่เป็นปลื้มสุดๆ อีกอย่าง ก็ตรงที่ติดทะเลนี่แหละค่ะ


จากห้องพักไม่กี่ก้าว เราก็ได้สัมผัส กลิ่นไอทะเล เสียงคลื่นที่กระทบฝั่งกันแล้ว


มาถึงสระว่ายน้ำหลักของที่นี้กันค่ะ


บอกได้เลยว่าสวยโดนใจมากๆ



มองเห็นวิวทะเลจากสระ



สวยขนาดนี้จะอดใจไหวได้ยังไง


ลงไปแช่น้ำมองดูทะเลกันดีกว่า


เคยมีคนบอกว่า ..... คนที่ชอบมองดูทะเลเป็นคนที่เพ้อฝัน ทะเยอทะยาน



แต่สำหรับนุ้ย นุ้ยว่าเรากำลังปล่อย เรื่องราวต่างๆ ไว้ข้างหลัง และดื่มดำกับความสุขที่อยู่ตรงหน้ามากกว่านุ้ยชักไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ที่อยู่ๆ ฝนก็เทหระหน่ำลงมาก อย่างหนัก



แต่นุ้ยเชื่ออยู่อย่างนึงว่า ฟ้าหลังสวยสวยงามเสมอ



และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ


อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง



เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ



ณ ห้องอาหาร la aranya แห่งนี้ ช่างเป็นสถานที่สุดโรแมนติกเหลือเกิน สำหรับการ dinner


ช่างเป็นสถานที่สุดโรแมนติกเหลือเกิน สำหรับการ dinner


ได้แต่แอบเสียดาย เพราะนุ้ยมีนัดกับพี่สาวสุดที่รักสำหรับอาหารมื้อค่ำแล้ว



นุ้ยพักที่นี้ 3 วัน 2 คืน จึงมีเวลามากพอที่จะเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกัน และที่สำคัญ การถ่ายรูปคือความสุขและการพักผ่อนอย่างนึง



แม้จะเป็นยามค่ำคืนมุมต่างๆ ของโรงแรม ก็สวยไม่ต่างกันเลย แต่ให้ความรู้สึกในอีกอารมณ์นึง


มาถึงเวลาพักผ่อนจริงของนุ้ยกันแล้ว ย่ามค่ำคืนแบบนี้ นั่งจิบแบบเบาๆ ริมสระ


หรือจะนอนแช่สบายๆ ในอ่าง ขอบอกว่าอ่างที่นี้ ใหญ่และกว้างมากค่ะ


หลับสบายฝันหวาน ตื่นเช้ามาไม่รีบร้อน ตื่นซะสายเลยทีเดียว



แต่ก็ยังมีเวลานั่งชิล จิบกาแฟ คุยกันตามประสาริมสระ



ลืมบอกไปว่า ทุกเย็นจะมีคุ๊กกี้ ขนมมาส่งให้ถึงห้องเลยค่ะ แต่เมื่อคืนอิ่มมากไปหน่อย นุ้ยจึงเหลือไว้ถึงตอนเช้า


ไปต่อกันที่อาหารเช้ากันเลยค่ะ



ยังเป็นที่ห้องอาหาร la aranya เหมือนเดิม


ชอบห้องอาหารนี้จริงๆ เลยค่ะ ไม่ได้โม้ ไม่ได้อวยนะ แต่มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจริง แสงดี ฟ้าสวย ทะเลใส ลมผัดเบา ใครละจะไม่ปลื้มอาหารของที่นี้จะมีให้เลือกจากเมนูค่ะ สามารถสั่งได้จนกว่าจะอิ่ม เติมได้ไม่อั้นค่ะ



ทั้งหมดนี้เป็นอาหารจากสองวันที่นุ้ยทานนะค่ะ ถ้าวันเดียวทานหมดนี้ ไม่ไหวแน่ๆ ค่ะ



ขนมปัง แยม ไม่ต้องสั่งค่ะ พนักงานจะนำมาเสิร์ฟให้ก่อนเลย



เครื่องดื่มมีให้เลือกร้อน เย็น ไม่อั้นเหมือนกันค่ะ



นุ้ยสั่งโอวันติลเย็นทั้งสองวันเลย รสชาดถูกใจค่ะ

น้ำผลไม้ก็มีเลือกมากมาย


มาถึงเมนูแรกกันค่ะ Oriental set



เมนูนี้ชอบมากค่ะ

เมนูที่สอง Egg benedict


เมนูนี้ไม่ได้ชิมแฟนนุ้ยเป็นคนสั่ง ถ้าอยากรู้รสชาดต้องไปลองค่ะ



เมนูที่ 3 OMELET MIX อร่อยดี มีส่วนผสมเยอะแค่จานเดียวอิ่มไปทั้งวัน


ตามมาด้วยเมนูที่ 4 ข้าวต้มกุ้ง รสชาดดีทีเดียวค่ะ


สุดท้าย แพนเค้กกล้วยหอม รสชาดสำหรับนุ้ย นุ้ยว่าทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก


หลังจากอิ่มมากมายกับมือเช้าแสนอร่อย ขึ้นไปชมวิวชั้นดาดฟ้าของห้องอาหารกันค่ะ วิวสวยจริง ทะเลไทยไม่แพ้ใครในโลกค่ะ


ก่อนกลับและจากกันไป ทิ้งท้ายกันไว้ด้วยรูปนี้นะค่ะ



อย่าลืมหาเวลาออกมาพักผ่อน หาแรงบันดาลใจให้กับตัวเองนะค่ะ เพราะนั้นคือพลังที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตต่อไป แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวหน้าค่ะ











เย้ๆ ในที่สุดเจ๊ก็เข้ามาได้ 555+

ความคิดเห็น