วัสดีชาวโลก

ขอแนะนำตัวก่อนนะ จขกท.ชื่อไก่นะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเค้า ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้

ทริปนี้เป็นทริปของเด็กโลจิส2คน ที่ได้รับมอบหมาย Route เส้นทางเที่ยวในกทม. และต้องมีต้นทุนการเดินทางที่ต่ำที่สุด ไม่ต้องนึกเลยว่าเราจะเดินทางโดยอะไร ถ้าต้นทุนต่ำที่สุดนั่นก็คือ...รถไฟ ปู้นๆ เราเริ่มเดินทางจากสถานีรถไฟเชียงรากน้อย-กทม เวลา 06:36น. ราคา 10 บาท และถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงในเวลา 08:36น. ที่จริงมันควรถึงก่อน08:36น. ก็นั่นแหละรถไฟไทยเป็นรถไฟที่ตรงเวลาที่สู๊ดดด

เมื่อเราเป็นถึง เราก็มุ่งหน้าไปรอรถเมล์ฝั่งโรงแรมบางกอกเซ็นเตอร์ เรารอรถเมล์สาย25 ราคา 8บาท เพื่อที่จะไปวัดพระแก้ว

บรรยากาศรถเมล์ไทยก็ประมาณนี้ คนไม่เยอะนะ คุณลุงกระเป๋ารถเมล์น่ารักมากค่ะ ส่วนลุงที่ขับหัวใจลุงแกวัยรุ่นอยู่เด้อ แกขับ Fast8เลยทีเดียว

คุณลุงบอกเราว่าลงตรงนี้นะ แล้วเดินไปนิดเดียวก็จะถึง เราก็ทำการเดินค่ะ เดินมาไกลไหม ก็ไม่เท่าไหร่นะ จากนั้นก็ตรวจบัตรปปช.เข้าไปในวัดพระแก้วค่ะ



Station1 "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว"

ถามว่ามีคนไทยไหม ตอบเลยว่ามี! ก็ จขกท.ไง แฮร่ เอาจริงๆก็มีคนไทยนะคะ แต่มันน้อยมาก เท่าที่ จขกท.เห็นก็ไม่มีอ่ะ5555

อลังการงานสร้างมาก ประติมากรรมต่างๆช่างงดงามสมคำล่ำลือ

ดูจากรูป คนเยอะมากถึงมากที่สุด มีต่างชาติซะส่วนมาก คนไทยไม่ค่อยมีเลย



พอเราเที่ยววัดพระแก้วเสร็จแล้ว สถานที่ของเราต่อไปก็คือ....."วัดบุรณศิริมาตยาราม"

เรา2คนเดินมุ่งหน้าไปทางกระทรวงกลาโหม เดินไปตามทางเล็กๆ ข้ามสะพานปูน และเลี้ยวซ้ายมือของเรา เดินต่อไปเรื่อยๆจะเห็นยอดปรางค์เจดีย์ สีขาวๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งนะคะ



Station2 "วัดบุรณศิริมาตยาราม"

วัดบุรณศิริมาตยารามเป็นวัดเล็กๆ ตอนที่เราไปมีงานเลี้ยงเพลพระพอดี เราเลยไม่ได้สำรวจวัดมากมายนัก มีแค่2-3รูปเท่านั้น เพราะไม่กล้าเข้าไปจริงๆ55



Station3 "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ"

พิพิธภัณฑ์ฯจะอยู่ฝั่งตรงข้ามสนามหลวง และเพื่อต้นทุนการเดินทางที่ถูก คำนี้จำขึ้นใจเลยค่ะ เราต้อง เดิน เดิน เดินจนขาลาก

เมื่อเรามาถึงมีใบกระกาศเล็กๆเขียนว่า ปิดปรับปรุง อ่านแล้วจะร้องไห้เลยทีเดียว แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถเข้าไปชมได้ไหม?

คำตอบที่ได้ก็คือ ได้! แต่ชมได้เพียงบางส่วนเท่านั้น (สำหรับนักศึกษา ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม) เราก็เดินมุ่งหน้าไปที่พระตำหนักแดงที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์พระพี่นางพระองค์น้อยในรัชกาลที่1

และเข้าชมในบ้านต่างๆ

หัวโขนต่างๆดูหน้าย่ำเกรง

เสื้อนักรบสมัยก่อน จะเป็นผ้าขาวบางๆที่ลงยันต์ต่างๆเอาไว้ ดูแล้วหน้าเกรงขามยิ่งหนัก



Station4 "มหาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์"

เราเดินเท้า มาที่ ม.ธรรมศาสตร์เพราะว่ามันใกล้กับพิพิธภัณฑ์ฯ หรืออาจจะใช้คำว่า ใช้กำแพงเดียวกันเลยก็ว่าได้

<img class="img-in-post in-tiny-editor">

บรรยากาศภายในมหาลัยก็จะร่มรื่นเลยทีเดียว มีต้นไม้และทางเดินที่ปลูกต้นไม้ตลอดทาง ราวกับว่าเราเดินอยู่ในสวนดอกไม้ประมาณนั้น

Station 5 "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร"

วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์ชื่อวัดสลัก สร้างในสมัยอยุธยา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ใช้วัดนิพพานารามเป็นสถานที่ทำสังคายนาในปี พ.ศ. 2331 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดพระศรีสรรเพชญ” และใน พ.ศ. 2346 พระราชทานนามใหม่ว่าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร ตามชื่อวัดในกรุงศรีอยุธยาที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช

วัดมหาธาตุฯเป็นวัดที่สงบมาก เราเข้าไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุ สังเกตุเห็นแม่ชี1คน กำลังนั่งสมาธิอยู่ อาจเป็นเพราะว่าเราไปในวัดปกติ ที่ไม่ใช่วันหยุด



Station 6 "ท่ามหาราช"

พอเราออกจากวัดมหาธาตุฯจะมีฝั่งตรงข้ามวัด เป็นซอยเล็ก มีร้านค้าขายของต่างๆไม่ว่าจะเป็นน้ำมันทาแก้ปวดต่างๆ แต่ส่วนมากเราจะเห็นแม่ค้าพ่อค้าขายพระมากกว่า แต่เรื่องราคาเรามิอาจรู้ได้ว่าราคาเท่าไหร่ ของจริงหรือไม่? อันนี้ต้องให้ทุกคนไปดูเองจ้าาาา

ร้านรสนิยม คนเข้าเยอะมาก บางคนถึงขั้นเข้าแถวรอเลยทีเดียว แต่ทว่า เราไม่ได้มาฝากท้องของเราที่นี่ Routeของเราให้ไปฝากท้องที่ตลาดวังหลังจ้า อยู่ทำไมล่ะ ถ่ายรูปเสร็จก็นั่งเรือข้ามฝากไปตลาดกันเล้ยยยย ค่าเรือข้ามฝาก 3.50 บาท

Station 6 "ตลาดวังหลัง"

เรามาฝากท้องที่ร้าน อรทัยซูชิ รสชาติอร่อยและคำโตกว่าที่อื่นนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบด้วยเด้ออออ

ค่าเสียหายชุดนี้คือ.... 89+59+20=168 บาทเจ้าค้าาาาาา ไม่แพงเอาเท่าไหร่ก็สมราคาซูชิวังหลัง



เดินเล่นตลาดซะหน่อย นานทีจะได้มา5555



เดินไปไม่เท่าไหร่ท้องก็ร้อง โจ๊กๆอีกแล้ว ทีนี้ก็หาร้านส้มตำสิคะ(เด็กโลจิส2คนนี้เป็นคนอิสานเด้อค่า) ไม่นานเรามาจอดที่ร้านส้มตำร้านหนึ่ง คนเยอะเชียวเราไม่กล้าเข้าไปกิน เพราะนี่ไม่ชอบคนเยอะเท่าไหร่555 จนพี่สาวคนสวยกระโกนบอกว่า ชั้นสองว่างจ้าาา ได้ยินเช่นนั้นรีบเร่งฝีเท้าขึ้นชั้นสองเลย หึหึ

บรรยากาศข้างในร้านก็ไม่ถือว่าแย่นะคะ มันโอเคมาก จัดร้านได้น่ารักมากค่ะ จะดูสมัยก่อนก็ไม่ชิงขนาดนั้น เอาเป็นว่า น่าร๊ากกก

อร่อย ไม่อร่อยไม่รู้ แต่ที่รู้คือหมดทุกจาน และทุกคนก็ตบท้ายด้วยของหวานค๊าบบ เดี๋ยวมีคนหาว่า กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ อุปซ์!

ค่าเสียหายครั้งนี้คือ 260 บาท คุ้มค่ากับรสชาติอาหาร



ภาระกิจตามRouteของเราก็ได้จบลงแล้ว ทีนี้เราก็หาวิธีกลับสถานีรถไฟหัวลำโพงกันเถอะ!

เราเลือกนั่งเรือธงส้ม ที่ท่าพรานนก-กรมเจ้าท่า ราคาเรือธงส้ม 15 บาท รอไม่นานเท่าไหร่ เรือก็มาจ้าาาา ลุย!

เรือจอดเทียบท่าเรือกรมเจ้าท่า กระโดดได้โดดเลย ไอ้เราก็ไม่รู้ทาง เดินตามพี่ข้างหน้าสิคะ แต่ว่าพี่แกคงรีบอ่ะ ก้าวไม่รอเราเลย เกือบหาทางออกไม่เจอ

ระหว่างทางก็ถามลุง ป้าแถวนั้นตลอดทางเลย กลัวหลง หัวลำโพงอยู่ไหนนนน

เดินลัดเลาะในชอกซอยต่างๆตามที่คุณป้าแกบอกมา สุดทาย ฉันเห็นโดมสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วจ้าาา สุดซึ้ง



จากนั้นเราก็เดินไปที่จุดขายตั๋วรถไฟ กรุงเทพ-รังสิต ราคา 5 บาท

Routeทริปนี้มีต้นทุนการเดินทางที่น้อยมาก ส่วนมากจะเดิน คือเดินจนขาลากจริงๆ ค่ากินของเราก็ไม่ถือว่าแพงนัก เพราะเราหารสองตลอด5555



ต้นทุนการเดินทาง

ค่ารถไฟเชียงรากน้อย-กรุงเทพ 10 บาท

ค่ารถเมล์Fast8 8 บาท

ค่าเรือข้ามฝากไปวังหลัง 3.50 บาท

ค่าเรือธงส้มไปกรมเจ้าท่า 15 บาท

ค่ารถไฟกลับ กรุงเทพ-รังสิต 5 บาท

----รวมต้นทุนการเดินทาง 41.5 บาท ต้นทุนการเดินทางไม่ถึง50บาท



ค่าเสกอาหารเข้าท้อง (ทุกอย่างหารสอง)

ซูชิวังหลัง 168 บาท

ค่าส้มตำเจ๊คนสวย 260 บาท

----รวมค่าอาหาร 428 บาท (ตกคนละ 214 บาทเองแก๊)



สำหรับทริปนี้ก็ได้จบแล้วนะค๊าบบ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเด็กโลจิสนะคะ เอาจริงๆกรุงเทพก็มีสถานที่น่าเที่ยวเยอะเลยนะคะ

ไว้โอกาสหน้าเด็กโลจิสมีเวาลมากพอ จะมาแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆน้อยๆให้อ่านกันนะคะ บ๊ายยยย

ความคิดเห็น