สวัสดีค่าาา พบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้เรามีเรื่องราว Backpack ของเด็กโลจิสหนีเรียน มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะ ทริปนี้สมาชิก 5คนค่าา
เริ่มกันเลยดีกว่าเน๊าะ อิอิ
เราและเพื่อนๆนัดเจอกัน05:00น.ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เพื่อที่จะนั่งรถตู้ไปลงบขส.กาญฯ สำหรับตั๋วรถตู้นั้นเราเสียไป 130บาท แบกเป้ขึ้นรถตู้ไปเลยจ้า บรรยากาศในรถตู้ไม่ต้องพูดถึง บอกได้เลยว่า โคตรแออัด ที่นั่งตามที่เรารู้อ่ะเน๊าะ ไหนจะตัวเรา ไหนจะกระเป๋าใบโตของเรา555 อยากให้คิดภาพตามเรานั่งรถไป ใจจอดใจจ่อเมื่อไหร่จะถึงกาญ
และแล้วก็มาถึงบขส.กาญฯ ในเวลาประมาณเกือบ9โมง จากนั้นเราก็ลงจากรถแบบทุลักเลไม่เป็นท่า บางคนยืดเส้นยืดสาย บางคนก็บ่นนิดหน่อย555เอาเป็นว่าสีสันในการเดินทาง ไม่ว่ากัน จากนั้นเราก็ดิ่งตรงไปที่บขส.กาญฯเลยจ้า เพื่อจะนั่งรถหวานเย็นแดง กาญฯ-ทองผาภูมิ ค่าเสียหายในครั้งนี้เราจ่ายไป 80บาท เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชม.ได้นะ บรรยากาศข้างถนนไม่ต้องพูดมากเลย เพราะตั้งแต่ที่เรามาถึงฝนก็ตกปรอยๆ ทำให้บรรยายกาศน่าหลงไหลเป็นที่สุด หมอกฟุ้งๆลอยไปมาบนยอดภูเขาบวกกับบรรยากาศที่หนาวเย็น บอกได้เลยว่า มันมีความสุขสุดๆแม่จ๋าาาา ถึงทองผาภูมิละจ้าาาา
จากนั้นเราก็หาข้าวกินกัน พอกินเสร็จสรรพเรียบร้อย ออกเดินทางต่อเลยจ้า เรานั่งรถเหลืองทองผาภูมิ-อิต่อง ราคา 70 บาท (ควรไปถึงทองผาภูมิก่อนเวลา 13:30น.เพราะจะรถหมด ถ้าไม่ทันก็สามารถเหมารถขึ้นอิต่องได้นะ ราคาอาจจะสูงหน่อยๆ) บรรยากาศในรถสองแถวสนุกครึกครื้นมากค่ะ เรามีคนในหมู่บ้านติดรถกลับด้วย แกทำหน้าที่เป็นไกด์ส่วนตัวเราไปเลย แกเล่าทุกอย่าง อยากรู้อะไรก็ถาม ถึงไม่ถามแกก็จะบอก55 คือพูดไม่หยุดนั่นเอง
*ใครจะซื้ออาหารไปทำกินที่อิต่อง แนะนำให้ซื้อที่ตลาดทองผาภูมิเลยนะคะ
ถึงอิต่องประมาณ14:30น.ใช้เวลาเดินทางจากทองผาภูมิประมาณเกือบ3ชม.เลยเธอ รอไรกางเต็นท์ของเราเลยครับ (ที่กางเต็นท์ เรากางที่โรงเรียนเพียงหลวง3นะคะ ไม่ต้องกลัวว่ากางกลางแจ้งมันจะร้อน บอกเลยว่าที่อิต่องทั้งวันไม่มีแดดเลยจ้า)
กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย เราทั้ง5คนพากันไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกัน ไม่รอช้า ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นกับทริปนี้มาก ไปดูกันเล้ยยย ตามมาค่ะ
จุดนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย ถ้าไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงอิต่อง
เราเดินเล่นไม่นานก็โพล้เพล้แล้ว คิดเช่นนั้นได้เราก็ไปที่ร้านค้าใจกลางของหมู่บ้าน เพื่อที่จะเช่าเตาไปทำไก่กระทะของเรา(มีเพื่อนเป็นอิสลาม) ซึ่งที่นี่มีแค่เตาถ่าน ไม่มีเตาย่างหมูทะ เดินถามร้านไหนก็ไม่มี เลยเดินไปร้านกลางๆเราลองก้มมองใต้โต๊ะดูว่ามีแค่เต่าถ่านจริงๆเหรอ และตาเราก็ดีด้วย ไปกะทะย่างหมูพอดี แต่มันเลอะหน่อยๆ เราก็ถามไปว่าอันนี้เช่าเท่าไหร่คะ ซึ่งคำตอบที่ได้ทำเราช็อคเว่อร์ แม่ค้าบอกว่าเอาไปเลย ไม่ขาย ไม่ต้องคืนก็ได้ โอ้ยมันสุดยอดมากเมิงงงง
อาหารการกินของคืนแรก "ไก่กะทะ" เราขอครูที่นั่นทำกินในโรงเรียนนะคะ เพราะข้างนอกฝนตก
กินเสร็จ เราต่างพากันอาบน้ำ น้ำที่นี่เย็นมากค่ะ โคตรเย็น เอาจริงบางคนก็ไม่ได้อาบหรอก555 เพราะด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางด้วยทำให้ทุกคนล้ากินข้าวเสร็จก็นอนเลยครับบบบ ซักแห้งคืนนี้
08:00 กริ๊งงงง ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย แต่นี่มันก็สายแล้วนะแต่ดูบรรยากาศข้างนอกจะเหมือน6โมงซะมากกว่า
--ทุกคนทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จเรียบร้อย เราแพลนว่าวันนี้เราจะเหมารถเที่ยวกัน และเราก็ลงไปที่หมู่บ้านเลยจ้าาา ไปหารถ
เราเดินเล่นและกินข้าวเช้ากันนานพอสมควร(มื้อเช้าเรากินที่ร้านในหมู่บ้าน ซึ่งข้าวตามสั่งราคาไม่แพงอย่างที่คิด ราคาปกติค่ะ)
กินข้าวเสร็จเรากำลังจะไปเหมารถนำเที่ยว มันก็ตรงเวลาพอดี๊พอดีกับรถนำเที่ยวมาจอดถามเราว่า"จะไปเนินช้างศึกอะไรกันไหม?" ได้ยินเช่นนั้นเราก็พูดคุยกับพี่เจ้าของรถ ตกลงราคากันเรียบร้อย 5ที่ คนละ100บาทค่ะ กระโดดขึ้นรถไปเล้ยยย
1.ช่องมิตรภาพ
เป็นสถานที่แรก ที่รถนำเที่ยวลงจอด เราลงจากรถและเดินไปบนทางเล็กๆเข้าไป เมิงงง คือมันสวรรค์ชัดๆ มองไปเห็นภูเขากับหมอกฟุ้งๆลอยไปมาบนภูเว้ย ทะเลหมอกแบบสุดๆอ่ะ ภูเขาสุดลูกหูลูกตาเลยแก โคตรสวยยยย ไม่มีคำบรรยายอะไรมากแล้ว
2.เนินเสาธง
เนินเสาธงจะเสาธงชาติของ2ประเทศเพื่อนบ้านโบกสะบัดไปมาท่ามกลางหมอกหนาๆ หนาสุดๆ สีขาวโพลนเลยจ๊ะ
3.เนินช้างศึก
ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ถนนไปเนินช้างศึกไม่ต้องพูดถึงเลยท่านผู้ชม ถ้าเช่ามอไซค์คงไม่ได้จริงๆบอกเลย
วิวข้างทางระหว่างไปเนินช้างศึก บอกเลยเรากำลังนั่งรถท่ามกลางหุบเขาอ่ะแก
ถนนก็จะชำรุด เป็นเรื่องปกติในฤดูฝนที่นี่
--ถึงเนินช้างศึกแล้วครับ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเนินช้างศึกที่เราอยากเห็นวิวสวยๆกลับต้องพังลง เพราะที่เห็นนั่นก็คือ หมอกกก คือหมอกหนากว่าหน้า จขกท.อีก บวกกลับลมแรง แรงแบบไปโกธรใครมาห๊าาา อยากถาม
บรรยากาศระหว่างทางไปอุทยานฯ
4.อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 40บาทค่ะ ที่นี่ก็ไม่มีไรมากค่ะ เราแค่มาดูวิวช้างเผือกที่ล่ำลือของที่นี่
ที่อุทยานฯสามารถกางเต็นท์ได้นะ แต่คงไม่ใช่ช่วงฤดูฝนแน่นอน เพราะกิ่งไม้น้อยใหญ่จะหล่นลงมาตลอดทั้งวัน โดยที่เราไม่อาจจะรับรู้ได้ว่ามันจะตกลงตอนไหน บางทีนอนๆอยู่ตกลงมาที่เต็นท์ของเรา ไม่อยากคิดสภาพเลย5555
5.น้ำตกจ็อกกระดิ่น
น้ำตกจ็อกกระดิ่นนี้เป็นของอุทยานฯนะ แต่ว่าเราเสียค่าเข้าอุทยานแล้ว ก็เลยไม่ต้องเสียค่าเข้าที่นี่อีก อันนี้พี่เจ้าของรถบอกเรามา พี่แกทำหน้าที่เป็นทั้งคนขับรถ ไกด์ ในเวลาเดียวกัน ต้องขอบคุณพี่แกอ่ะดูแลดีมากกกก
น้ำตกต้องเดินเข้าไปในทางเล็กๆ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก ถ้าใจเราไหวอ่ะ55555
น้ำตกจ็อกกระดิ่น น้ำเย็นและใสแจ๋วววว
จขกท.ขอสวมวิญญาณนางแบบหน่อยนะคะ คงไม่ว่ากันนน ก็น้ำตกสวยอ่ะ ใครจะอดใจไหวเล่าาา
พอเราเล่นน้ำอิ่มหนำสำราญใจแล้ว เราก็กลับไปที่รถ ซึ่งพี่เจ้าของรถก็รอเราอยู่5555 ได้เวลากลับหมู่บ้านกันแล้วว
วิวข้างทางที่นี่สวยสุดดด
เราถึงหมู่บ้านประมาณเกือบบ่าย2 พอลงจากรถได้แค่นั้นแหละ เรารีบดิ่งไปที่ร้านตามสั่งเลยค่ะ นั่งรถมาท้องก็ร้อง โจ๊กๆ สงสารตัวเองงง
เรากินข้าวและนั่งคุยกันนานพอสมควร ณ ตอนนั้นเวลาก็ปาไปเกือบ15:00น. มัวช้าอยู่ใย เราก็พากันเดินเล่นสำรวจหมู่บ้านกันอีกค่ะ เพราะเมื่อวานเราเดินไม่หมด เรายังเดินไม่ครบทุกมุมเลยจ้าาาาา
เป็นไฮไลท์ของที่นี้เลยป่ะ?
เหมืองปิล็อก
หมู่บ้านอีกฝั่งหนุ่งที่อยู่ทางไปช่องมิตรภาพ
จากนั้นเราก็ไปวัด อันจขกท.จำชื่อวัดไม่ได้ เอาเป็นว่าวัดของหมู่บ้านละกัน5555
เราใช้เวลาเดินเที่ยวหมู่บ้านประมาณ1ชม. ณ เวลาตอนนั้นก็ประมาณเกือบ16:00น. เราก็กลับไปที่โรงเรียนเพื่อที่จะพัก แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดค่ะ เราเห็นน้องๆเตะฟุตซอลกันอยู่ เราก็เลยขอแจมด้วยย จบเกมส์ ผลออกมาก็คือน้องๆชนะแบบใสๆเลยยย
จากนั้นเราก็ไปที่กางเต็นท์ และมองไปที่ยอดเขา สังเกตุว่าบนนั้นมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เราสงสัยหนักมากเลยถามน้องๆ คำตอบที่ได้คือ "เนินช้างศึก" ซึ่งมันเดินขึ้นไปได้ ระยะทาง1.2กม. โอ้ยมองไปทำไมมันใกล้ละ? แต่ทำไมตอนนั่งรถไปมันดูเหมือนไกลจากหมู่บ้าน น้องๆคงคิดว่าอิพวกพี่ๆนี่อยากไปแน่นอน น้องเขาก็เลยอาสาพาพี่บ้าพวกนี้ไป แต่ด้วยความที่มันจะมืดแล้ว เราก็กังวลกลัวกลับลงมาไม่ได้เพราะดึก พูดเช่นนั้นน้องๆกลับบอกว่า เดินแปปเดียวพี่ ไม่ถึงชม.หรอก ผมเคยเดินไปเล่นๆบ่อยๆ เรานี่ใจเต้นตุ้บตับเลย555555 ไปเด้ รอไรล่ะ
เดินขึ้นมาไม่นานก็จะเจอวิวนี้ คือมันสุดมากอ่ะ จริงๆ
ขอถ่ายรูปกับไกด์ตัวน้อยของเราครั้งนี้ค่ะ ต้องขอบใจน้องๆมาก ที่พาเรามาเห็นวิวที่อลังการแบบนี้ จขกท.บอกก่อนนะคะว่าเราเดินไปไม่ถึงเนินช้างศึกนะ เพราะว่ามันจะมืดแล้ว กลัวกลับไม่ได้เพราะไม่มีใครพกไฟฉายมาเลย5555
ทุกคนเร่งรีบถ่ายรูปเก็บภาพบรรยายกาศกันเพราะว่ามันมืดจริงๆอ่ะ ต้องรีบ จากนั้นเราก็พากันเร่งฝีเท้าเดินลงเขาให้เร็วที่สุด
พอถึงหมู่บ้านเราก็จัดการเลี้ยงชาไข่มุกน้องๆแทนคำขอบใจ ร๊ากกกกกก
--พอซื้อให้น้องเสร็จ เราเลยไปส่งน้องที่บ้าน และเดินเล่นในหมู่บ้านก่อนกลับไปนอน
เดินเล่นได้ไม่นานทุกคนต่างมองหน้ากัน เป็นสัญญาณว่าควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว555 พอเรากลับไปถึงเต็นท์หยิบเสื้อผ้าเพื่อที่จะไปอาบน้ำ และแล้วน้ำก็ไม่ออกค่ะ น้ำไหลช้ามากกกกก กว่าจะอาบเสร็จ ปาไป1ชม. อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ ทุกคนต่างเก็บข้าวของ ของตัวเอง เพราะพรุ่งเราต้องกลับเมืองกรุงแล้วจ้าาา คิดแล้วเศร้าเลย ไม่อยากกลับบบบ
Morningวันนี้เราตื่นตั้งแต่เช้ามืด รีบลุกจากที่นอนพากันอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะเก็บภาพเช้าๆและกินไข่กระทะก่อนกลับ
08:00 พี่คนที่เป็นไกด์ให้เราในรถเหลืองตอนขึ้นอิต่องมา เขามาตามเราขึ้นรถลงไปทองผาภูมิจ้า (ช่วงเช้ารถรอบ08:00น. เป็นรถรอบสุดท้ายที่ลงไปทองผาภูมิ) ขาลงแนะนำให้กินข้าวก่อนนะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะคลื่นไส้ อาเจียนแบบนี้ #ขออนุญาตเจ้าของภาพค่ะ
เวลาเกือบ11:00น.เราก็มาถึงทองผาภูมิและต่างคนก็ต่างหาร้านกินข้าวตามที่ตัวเองอยากกิน อันนี้คือหิวจริง
หาไรลงท้องเสร็จสรรพ เราก็นั่งรถหวานเย็นทองผาภูมิไปลงที่ สถานีรถไฟกาญจนบุรี เพราะขากลับเราอยากเปลี่ยนบรรยากาศ555
ใช้เวลาประมาณ2ชม.ก็ถึงหน้าสถานีรถไฟ กลัวซื้อตั๋วรถไฟไม่ทัน ต่างคนต่างวิ่งตรงดิ่งไปที่ซื้อตั๋วราคา 25บาท ไปลงสถานีรถไฟธนบุรี เรารอไม่กี่นาที รถไฟก็มาจ้าาา กระโดดขึ้นรถไปเล้ยยยย
บรรยากาศวิวข้างทาง
และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟธนบุรี เรารู้ดีว่าเราต้องแยกย้ายพากันกลับบ้านของตัวเอง..... อำลากันก่อน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
-รถตู้ไปบขส.กาญฯ 130 ฿
-รถไปทองผาภูมิ 80 ฿
-รถไปอิต่อง 70 ฿
-กองกลางซื้ออาหารเย็น 100 ฿
-ค่าเข้าอุทยานฯ 40 ฿
-ค่ารถนำเที่ยว 100 ฿
-ค่ารถไปทองผาภูมิ 70 ฿
-ค่ารถหวานเย็นไปสถานีรถไฟฯ 80 ฿
-ค่ารถไฟกลับกทม. 25 ฿
-เลี้ยงน้ำน้องคนละ 50 ฿
-ค่ากิน ค่าขนม ค่าจิปาถะต่างๆประมาณ 900 ฿
รวมแล้วทริปนี้จ่ายแค่ 1,645 ฿
สำหรับทริปนี้ก็จบลงด้วยดี และเจ้าของกระทู้รู้สึกประทับใจมาก ถึงมากที่สุด และฝากถึงใครที่ยังไม่กล้าออกไปเจอโลกใบใหม่ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเจอคนที่มาทำไม่ดีไม่ร้ายคุณ เพราะเท่าที่จขกท.เจอมา ไม่มีคนคิดร้ายอะไรเลยค่ะ มีแต่คนแปลกหน้าที่คอยช่วยเหลือเรา อย่ากลัวนะคะ ก้าวข้ามความกลัวมาเถอะนะ คุณจะเจอโลกใบใหม่
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเรานะคะ
Urailak Chanthiman
วันพฤหัสที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.15 น.