.
' เมื่อมีคำถาม ถามให้ลองตอบ
ว่าชอบ “ภูเขา" หรือ “ทะเล" ???
ไม่ยากใช่ไหมที่ใครจะตอบ...สิ่งที่ชอบรู้อยู่แก่ใจ '

เคยมีคนถาม หรือ ถามตัวเองบ้างไหม? ว่า...ชอบภูเขา หรือ ทะเล มากกว่ากัน?
มีเพื่อนเคยถามเรา...เราลังเลที่จะตอบมาก “ไม่รู้สิ"
แต่! วันนี้เราถามคำถามนี้กับตัวเอง...เพราะหยุดยาว 3 วัน เราจะเอาตัวเองไปไว้ที่ไหนสักที่ ภูเขา หรือ ทะเล?
อยากเอาตัวเองไปไว้ในที่ชอบ ที่ชอบ (ที่ๆ เราชอบ) แต่ก็เลือกไม่ถูก

คำตอบจะเป็น “ทะเล" ทันทีถ้าเป็นช่วงอากาศร้อนๆ

แต่...ปลายพฤษภาคมฝนเริ่มมาแล้ว เราก็อยากเห็นสีเขียวๆ ของ “ภูเขา" หลังฝนตก
แต่...ปลายพฤษภาคมอากาศก็ยังร้อนอยู่นะ แดดจัดแบบนี้ทะเลคงสวยใสไม่เบา

เปิดอ่านรีวิวท่องเที่ยวตามเว็บฯ ต่างๆ เพื่อหาจุดหมาย
ใจไปสะดุดกับสถานที่ๆ หนึ่ง “เขาแหลมหญ้า" กางเต็นท์นอนริมทะเล เดินเลาะไปตามสะพานไม้
ขึ้นเขาไปชมวิว รอดูพระอาทิตย์ตก ที่นี่มีทั้งภูเขาและทะเล ภูเขาอาจจะไม่เขียวแบบที่เราเคยเดิน
แต่ที่นี่น่าจะให้คำตอบได้ว่าเราชอบอะไรมากกว่ากัน

ถ้าฝนตก...คงได้เห็นหญ้าเขียวๆ บ้างเล็กน้อย จากส่วนที่เป็นภูเขา

ถ้าแดดจัด...คงได้เห็นความสวยงาม สีฟ้าสดใสของทะเล...

ไม่ว่าจะเจออากาศแบบไหน ก็น่าจะมีสิ่งให้ประทับใจได้บ้าง และในงบประมาณที่ไม่เยอะอีกด้วย

เราหาข้อมูลเพิ่มอีกเล็กน้อย (ขอบคุณเพื่อนๆ กลุ่มแบกเป้เที่ยว ^^)

กดปิดรีวิว...และรอคอยวันหยุดที่จะมาถึง มนุษย์เงินเดือนก็แบบนี้แหละ...เราแค่อยากให้รางวัลชีวิตตัวเอง


2.

ความจริงแผนที่เราวางไว้ คือ ทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ไปกางเต็นท์นอนที่เขาแหลมหญ้า เราบอกแฟนไปแบบนั้น ในหัวเราวางแผนซ่อนไว้อีก คือ เนียนๆ ชวนไปกางเต็นท์นอนบนเกาะเสม็ด ที่อ่าวลูกโยนต่ออีกคืน ^^

แต่...ความเป็นจริงคือ ตื่นสาย! เลยได้เป็นทริปสั้นๆ จริงๆ TT

สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก สามารถมาเที่ยวเขาแหลมหญ้าแบบ One day trip ยังได้เลย ตื่นแต่เช้า เพราะกลัวพลาดแบบทริปที่แล้วเป็นอะไรที่ฝังใจมาก! เราเดินทางออกจากกรุงเทพโดยรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ข้างห้างเซนจูรี่ ท่ารถ BH ระยอง บ้านเพ เกาะเสม็ด บอกเขาว่าลงที่เขาแหลมหญ้า

(ปัจจุบันรถตู้ย้ายไปขนส่งเอกมัยแล้วนะคะ)

ค่ารถคนละ 200 บาท เราออกเดินทางตอน 09.50 น.

ข้อแนะนำในการนั่งรถตู้...ถ้าไปตอนเช้าเลี่ยงนั่งฝั่งซ้ายของรถตู้ เพราะแดดส่องเต็มๆ แสงแดดมันช่างจ้ามาก นั่งร้อนไปตลอดทาง ไม่ต้องถึงทะเลหรอก นั่งรถตู้ก็ดำได้!



เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท เรายืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่แป๊ปนึง เจ้าหน้าที่บอกให้เราเดินเข้าไปอีกหนึ่งโค้งจะเจอกับที่ทำการของอุทยานฯ ต้องมาติดต่อเรื่องที่พักและลงทะเบียนกางเต็นท์ที่นี่ ที่ทำการฯ ร่มรื่นมาก ^^

สำหรับใครที่อยากนอนค้างคืนแต่ไม่อยากนอนเต็นท์ ที่อช.เขาแหลมหญ้ามีบ้านพักนะคะ หรือใครที่อยากนอนเต็นท์แต่ไม่มีมา ที่นี่ก็มีให้เช่าไปจนถึงพวกเครื่องนอน แต่!!!! ใครที่จะไปเช่าเต็นท์นอนลองโทรสอบถามก่อนนะคะว่าช่วงนี้เขาให้เช่าไหม?

เพราะเข้าหน้าฝนแล้ว...ก่อนไปโทรไปสอบถามเรื่องสภาพอากาศ และที่กางเต็นท์ก่อนจะดีนะว่าคนเยอะไหม? มีที่กางสำหรับเราหรือเปล่า? เรากับแฟนเอาเต็นท์มาเอง จ่ายค่าตอบแทนการใช้สถานที่คนละ 30 บาท ยื่นบัตรประชาชนแลกกับแท็กหมายเลขติดเต็นท์ก็ไปกางได้เลย ต้องเดินเข้าไปอีกนะ ไม่ไกลมาก ประมาณหนึ่งเหนื่อย หรือจะรอโบกรถนักท่องเที่ยวเข้าไปก็ได้ค่ะ

ใครที่นำ Passport ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาก็สามารถปั้มตราประทับได้ที่นี่เลย มาพร้อมลายเซ็น

ไปกางเต็นท์กันเถอะ!

ระยะทางไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่แดด!!! ผู้หญิงทึกและบึกบึนแบบเรายังจะละลาย ร้อนจนขนลุก!

แดดประเทศไทยทำให้เรากลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ TT

เดินไปเจอทางแยก มีเจ้าหน้าที่แนะนำให้เดินเลี้ยวซ้ายลงไป บอกว่าใกล้กว่า

มองจากข้างบนน้ำใสมากๆ บอกแล้ว แดดแรงทะเลก็จะสวยใส ^^

ถ้าเดินมาตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกจะเจอลานกางเต็นท์ที่ 1 ก่อน

เราวางสัมภาระไว้ตรงที่ๆ เราเล็งไว้ว่าจะกางเต็นท์ในลานที่ 1 ใต้ต้นมะขาม

แต่ก็แอบเดินทาง survey ในลานกางเต็นท์ที่ 2 ด้วย

เจ้าถิ่นออกมาต้อนรับ...


เราตกลงกันว่าจะกางเต็นท์ในลานที่ 1 เพราะมันเงียบกว่า คนไม่พลุกพล่าน

ลานกางเต็นท์ที่ 2 จะอยู่ใกล้ร้านค้า และลานจอดรถ จะมีรถเข้าออกตลอด

บางทีก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่เข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ

กางเต็นท์กันเถอะ! ลมพัดแรง...สำหรับมือใหม่หัดกางเต็นท์แบบเราก็ลำบากหน่อย

สมอ-บก จำเป็นมากอย่าลืมเอาไป!

ท้าดา!!! ที่พักแบบ sea view ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง!

ขอเตือนอีกอย่าง!!!
ใครที่มากางเต็นท์ลานที่ 1 ระวังน้องลิงด้วยนะคะ
เราโดนฉกทาโร่ไป ซื้อขนมมาห่อเดียว ว่าจะมากินมองทะเลเพลินๆ แต่เจ้าลิงเอาไปก็เขวี้ยงทิ้งนะคะ
แฟนเราไปเก็บมาให้ มันฉีกซองแล้ว แต่มันไม่กินอ่ะ แล้วใครจะกล้ากินต่อ แฟนเราเอาไปให้ลิงอีกตัวหนึ่ง
มันรับไปก็โยนทิ้งทันที แฟนเราก็ยื่นให้อีก คราวนี้มันโมโหเลย!!! ทำท่าเหมือนจะตบหลังแหวนด้วย (ท่านี้จริงๆ)
มันคงไม่ชอบกลิ่นเค็มๆ วันนั้นที่ร้านค้าก็ไม่มีขนมขายด้วย!

เต็นท์ข้างๆ ก็โดนขโมยเงาะกับรื้อขยะ เก็บของให้มิดชิดโยนเข้าเต็นท์ไปเลยค่ะ
เหนื่อยกางเต็นท์และสู้รบกับฝูงลิง ก็ไปหาข้าวกินเติมพลังหน่อย (จริงๆ หมดแรงตั้งแต่เดินเข้ามาล่ะ)
เราซื้อของมาทำกินเองนะ แต่มื้อนี้ขอกินตามสั่งก่อนเพราะได้ยินมาว่าอร่อยและคุ้มค่า ^^
เมนูอาหารมีเยอะ แต่เราเลือกกินอะไรง่ายๆ 'ผัดกระเพราปลาหมึกราดข้าว ไข่ดาวไม่สุก'
มองไปตรงร้านขายลูกชิ้น เห็นห่อหมก...ป้าบอกว่าอร่อยนะ เลยไปหยิบมาหนึ่งอัน เป็นห่อหมกปลามีใบโหระพากับใบยอ
เราเลือกใบโหระพามา ^^ อร่อยหมดเลยทั้งข้าว ทั้งห่อหมก มือนี้หมดไป 155 บาท
ข้าวจานละ 60 บาท ห่อหมกอันละ 15 บาท น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท สองขวด

เวลากินไข่ดาวไม่สุก เราชอบเจาะไข่แดงให้ไหลเป็นลาวาแบบนี้แล้วก็เอาไปคลุกกับข้าว ฟินมาก!



3.
พอกินอิ่มสมองก็เริ่มทำงาน คิดขึ้นมาได้ว่าเราซื้อของมาทำมื้อเย็นกันเอง
แต่! เราไม่มีไฟที่จะความสว่าง พวกไฟฉายอะไรประมาณนี้ติดมาด้วยเลย
เรากลัวว่าถ้าเราทำมื้อเย็นจะไม่สะดวก ประกอบกับลานกางเต็นท์ที่ 1 น้องลิงเยอะ
เลยถามเจ้าหน้าที่เรื่องแสงสว่างตอนกลางคืน ทั้งสองลานกางเต็นท์มีไฟให้ความสว่างเป็นไฟสีเหลืองๆ
แต่ลานกางเต็นท์ที่ 2 จะสว่างกว่า เพราะใกล้ร้านค้ามีโต๊ะม้าหินสามารถนั่งกินข้าวได้
ส่วนเรื่องลิงตอนกลางคืนไม่มี น้องลิงก็ต้องเข้านอนเหมือนกัน แต่มียุง
เจ้าหน้าที่แนะนำอีกว่าลานกางเต็นท์ที่ 2 ทางลมจะดีกว่า ตอนกลางคืนลมพัดไม่เหมือนตอนกลางวันนะ

เดี๋ยวจะงงเรื่องลานกางเต็นท์เราจะสรุปตามความเข้าใจเรานะ

ลานกางเต็นท์ที่ 1 (เดินไปทางฝั่งที่มีรีสอร์ท สามารถกางเต็นท์ได้บริเวรใต้ต้นมะขามและรอบๆ)
-เงียบ คนน้อย ตอนกลางวันลิงก่อกวน ตอนกลางคืนยุงเยอะเพราะติดกับบริเวณที่เป็นป่า สามารถเล่นน้ำทะเลได้ ถ้ากางใต้ต้นมะขาม ใบมันร่วงเยอะมาก


ลานกางเต็นท์ที่ 2 (อยู่บริเวณหน้าร้านค้าและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลานจอดรถ และศาลาชมวิวทรงแปดเหลี่ยม)
-อยู่ใกล้ร้านค้า คนเยอะ ไฟสว่างกว่า มีโต๊ะม้าหิน ทางลมดีกว่า (ขนาดดีกว่ากลางคืนยังร้อนเลย) เรื่องยุงยังไงก็หนีไม่พ้น


ทั้งนี้ทั้งนั้น...ถ้าฝนตกตอนกลางคืน สามารถเข้ามาหลับฝนได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด ศาลาแปดเหลี่ยมก็สามารถใช้ได้

สรุป!...เราสองคนย้ายเต็นท์จากลานกางเต็นท์ที่ 1 มาลานกางเต็นที่ 2 ค่ะ
เพราะต้องการความสว่างและต้องการลมในตอนกลางคืน (ซึ่งก็ร้อนอยู่ดี)
จะได้สะดวกในการทำอาหารมื้อเย็น

ห้องน้ำมี 3 จุด ไม่ว่าจะกางเต็นท์ลานไหนก็เข้าห้องน้ำได้สะดวกสบาย
อ่อ...ขอเตือน คนที่ไม่ชอบตุ๊กแก!! ตัวใหญ่มากค่ะ ถ้าเราไม่ไปทำอะไรเขาก่อน เขาก็ไม่ทำเราเช่นกัน ^^

ทางเลือก...บางครั้งเราก็ต้องมีเลือกผิดกันบ้าง แต่ถ้าไม่สายไป ก็ยังพอแก้ไขได้อยู่นะ #การกางเต็นท์ก็เช่นกัน

หลังจากจัดแจงที่นอน และกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว แฟนเราของีบ แต่เราขอไปถ่ายรูป


เราชอบเสียงใบสนลู่ลม ฟังแล้วเพลินดี บางทีก็คิดไปว่า เสียงใบสนที่ได้ยิน พวกมันกำลังคุยอะไรกัน คุยกับเราหรือเปล่านะ?


อย่างน้อยก็ไม่ผิดหวัง...เราได้เห็นน้ำทะเลสวยๆ

อาจจะไม่ได้ลงไปเล่น ของบางอย่างไม่ต้องสัมผัส แค่ได้มองก็สุขใจแล้ว
ทะเล ต้องคู่กับ แดด ถึงจะสวยงามและสมบูรณ์
แสงแดดทำให้ทะเลเป็นสีฟ้าเข้ม ฟ้าอ่อน ขึ้นอยู่กับแดด ขึ้นอยู่กับเงาเมฆ
ทะเลวันนี้... สวยงาม หรือ ความเป็นจริงแล้ว เราชอบทะเล?
เรายังไม่ตัดสินใจ...ขอแดดร่มกว่านี้ เราจะเดินลัดเลาะไปตามโขดหินและสะพานไม้ ขึ้นไปชมวิวจากส่วนที่เป็นเขาต้นหญ้ากัน!


4.
ที่นี่มีเส้นทางให้เดินศึกษาธรรมชาติด้วย เดินลัดเลาะไปตามโขดหินและสะพานไม้
มีสถานีให้ความรู้ทั้งหมด 9 สถานี
บางสถานีเราก็ข้ามไปไม่ได้ทันสังเกต เพราะมัวแต่ถ่ายรูปบ้าง เดินเพลินบ้าง


ข้างหน้าเป็นเกาะเสม็ด หรือ เกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดี...เรื่องพระอภัยมณี

ในความสวยงาม มักมีอีกมุมซ่อนอยู่เสมอ...เราไม่รู้จะพูดยังไง เราคงบอกคนอื่นให้ทำไม่ได้

ถ้าเรา...ไม่เริ่มจากตัวเองก่อน เราต้องเริ่มจากตัวเองก่อน!

เดินมาจนถึงทางขึ้น ทางไม่ชันมาก พอให้เราได้หายใจเเรงๆ


ไม่ได้อยู่ดูพระอาทิตย์ตก เพราะห่วงทำมื้อเย็น...แต่ก็ได้เห็นสิ่งนี้แทน "หมวกเมฆสีรุ้ง" ใบเล็กๆ ^^

เราสองคนถ่ายรูปกับป้ายไว้เป็นที่ระลึกและนั่งพักเหนื่อย เงียบๆ แต่ก็เป็นสุขใจ

ภูเขา...ให้ความรู้สึกท้าทายกับเราอยู่เสมอ ทางชัน...ทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายและกำลังใจ
อาจจะไม่ได้เห็นต้นไม้สีเขียวๆ อย่างที่คิดไว้ แต่ภูเขาหญ้าลูกนี้ก็ทำให้เราอยากล้มตัวลงไปนอนบนต้นหญ้า
เราชอบเวลาที่ได้อยู่บนที่สูงแบบนี้...มันรู้สึกอิสระ
หรือเราจะชอบภูเขามากกว่า?


5.
เราสองคนรีบกลับมาทำมื้อเย็นก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด

นั่งทำมื้อเย็นบนโต๊ะหิน ไม่อยากทำใกล้เต็นท์กลัวมดขึ้น

เมนูที่เราเตรียมมาก็ง่ายมากๆ จะเรียกว่าหมูกะทะก็เรียกไม่ได้เต็มปาก

สเต็กหมูก็ไม่ได้เพราะเรากินกับน้ำจิ้มแจ่ว ที่เราแบกเตาแก๊ส แบกหมู แบกเครื่องครัวมาไม่ต้องการจะประหยัดงบแต่อย่างใด

กินอาหารตามสั่งยังง่ายและถูกกว่าด้วยซ้ำ แต่เราอยากมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่า

อยากจะกินปิ้งย่างทะเลนะ...แต่การเดินทางไม่เอื้ออำนวย เรามารถโดยสารร่วมกับผู้อื่นจะแบกของมาก็ต้องเกรงใจคนอื่นด้วย

มาดูหน้าตาอาหารกันดีกว่า...กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เททิ้ง !

หมูสามชั้นหั่นบางๆ กับเห็ดเข็มทองผัดเนย ห๊อมมมมมมมมม หอมมมมมมมม


น้ำจิ้มแจ่วเราใช้แบบสำเร็จรูปเพราะมันง่ายดี อร่อยด้วย

ไฟที่ให้ความสว่าง...ที่ทำให้เราต้องย้ายที่กางเต็นท์

แสงสียามเย็นบนท้องฟ้า...ทำให้เราวางตะเกียบและเดินมาเก็บภาพ

เราถามป้าว่าร้านปิดกี่โมง? ป้าบอกว่าสองทุ่มครึ่ง

แต่วันที่เราไปคนคงเยอะ...เลยเปิดดึกกว่าเดิม

ตอนกลางคืนเงียบมาก...ผู้คนบางส่วนเดินทางกลับไปหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้ว

เหลือแต่นักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์นอน เรารู้สึกง่วง...ดูนาฬิกาเพิ่งจะสองทุ่มครึ่ง ปรกติเราเป็นคนนอนดึกมากนะ
อากาศเริ่มร้อนยุงเริ่มมา ยากันยุงห้ามลืมเลยนะคะสำหรับคนที่ไปกางเต็นท์นอน
นอนในเต็นท์ร้อน นอนนอกเต็นท์ลมพัดแต่ยุงเยอะ
เรานอนเล่นนอกเต็นท์เผลอหลับไปตอนหัวค่ำ ตื่นมาคันมากเป็นตุ่มเพียบเลย
จะเล่นอินเตอร์เนตก็ไม่มีสัญญาณ (เราสองคนใช้เครือข่ายสีเขียว)
เลยพากันไปนั่งที่ท่าเรือตรงนั้นลมพัดแรงไม่มียุง คืนนี้พระจันทร์สว่างมาก เราสามารถมองเห็นได้โดยที่ไม่ต้องใช้ไฟ
ก็ดีนะ...ในเวลาแบบนี้บนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ อยู่กับโลกปัจจุบันไม่ต้องมีโลกโซเชียล...มีแค่เราสองคน
เราก็เอากล้องมาถ่ายรูปมั่วๆ อยากถ่ายดาวได้บ้าง อยากถ่ายช้างติดแต่เรายังอ่อนหัดนัก
ได้รูปอะไรมาก็ไม่รู้ ๕๕๕๕๕



เมื่อคืนก่อนเรานอนน้อยมาก...เพราะมัวแต่จัดกระเป๋า และเตรียมของมาทริปนี้ เราง่วงนอน...เลยไปอาบน้ำ ไม่อาบนี่ไม่ไหวนะคะ ก่อนนอนเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้า เราจะตืนมาดูดาวและพระอาทิตย์ขึ้น นอนหลับๆ ตื่นๆ หันมาอีกที แฟนออกไปนอนนอกเต็นท์แล้วเพราะร้อน ยอมโดนยุงกัดดีกว่า ๕๕๕ เราดูนาฬิกาตีสี่ เลยชวนกันออกมานั่งที่ท่าเรือเหมือนเดิม...ที่ไม่เหมือนเดิมคือพระจันทร์ไปแล้ว มีดวงดาวเต็มฟ้าเข้ามาแทนที่...ลมพัดแรงจนรู้สึกหนาว

เหมือนคืนนั้น...เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยในคืนสุดท้ายของค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฯ

ที่สะพานห้วยสะด่อง มีดาวเต็มฟ้าแบบนี้


เรารู้ว่าเธอนอนไม่หลับ เราให้เธอนอนตัก เราคุยกัน ร้องเพลงด้วยกัน

จนดาวบนฟ้าค่อยๆ หายไป เปลี่ยนเป็นแสงสว่างเข้ามาแทนที่

เช้าแล้ว... แสงมาไวกว่าที่คิดมาก เรามองไม่เห็นดวงอาทิตย์เพราะเมฆเยอะ

แต่แสงสวยๆ ทำให้เราประทับใจได้เหมือนกัน




เก็บภาพ เก็บบรรยากาศกันจนหนำใจก็กลับมาทำมื้อเช้า


ร้านอาหารตามสั่งของป้ายังไม่เปิด เราจัดมาม่าก่อนแล้วกัน ^^

นั่งกินไปชมวิวหน้าเต็นท์ไป...แสงสวยมาก ^^

แดดไล่มาเร็วมาก สาดเข้าหน้าเต็นท์พอดี ตอนเก็บเต็นท์แทบละลาย ต้องอาบน้ำกันใหม่เลยทีเดียว เราเตรียมตัวกลับ เดินออกไปแท็กหมายเลขเต็นท์ไปแลกบัตรประชาชนคืนพร้อมโทรฯ ให้รถตู้มารับหน้าที่ทำการตอนเก้าโมงครึ่ง...


6.
ตอนแรกเรากังวลนะ...ว่ามาที่นี่จะไม่มีอะไรให้ทำ เพราะกิจกรรมที่สามารถทำได้ที่นี่คือการเดินศึกษาธรรมชาติและเล่นน้ำ Internet ก็เล่นได้บ้างบางจุด...

แต่รู้ไหม...การที่ไม่มีอะไรทำเนี่ยแหละ ทำให้เรามีเวลาได้ซึมซับบรรยากาศรอบข้าง กับคนข้างๆ
ถึงทริปนี้จะเป็นทริปสั้นๆ มาถึงบ่ายและวันรุ่งขึ้นก็กลับแต่เช้า
แต่เรารู้สึกว่า...เต็มอิ่มมาก มีเวลาได้ยืนทอดสายตามองทะเล นั่งดูดาวมองท้องฟ้า
ถึงจะไม่ค่อยได้นอนหลับพักผ่อน...ก็สุขใจ มีพลังกลับไปทำงานในเมืองหลวงอันแสนวุ่นวายต่อ
ค่าใช่จ่ายในทริปนี้คนละ 1,129 อาจจะแพงหน่อยเพราะเราซื้อของมาทำกินกันเอง
และราคานี้ก็รวมของใช้จิปาฐะอย่างยากันยุง กระดาษชำระ ถ้วยจานกระดาษ และของจำเป็นอื่นๆ
ถ้ามากินอาหารตามสั่งเงินหนึ่งพันบาทเหลือๆ ค่ะ ^^

กลับไปที่คำถามตอนเริ่มต้น ที่เคยถามตัวเองไว้ ว่าจริงๆ แล้วเราชอบ "ภูเขา" หรือ "ทะเล"
มันก็น่าแปลก ที่บางครั้งมีตัวเลือกสองอย่าง แต่เรากลับไม่เลือกสักอย่าง...

'เมื่อมีคำถาม ถามกันบ่อยบ่อย
ต้องคอยตอบเธอเรื่อยไป
ว่าบนภูเขาหรือทะเลไกล ชอบที่ไหน? "ชอบที่มีเธอ"

'จะบนภูเขา หรือ ทะเลไกล ชอบที่ไหน... "ชอบที่มีเธอ" ^^'

ได้คำตอบแล้วนะ!

ขอบคุณเพลงประกอบรีวิว ของคุณ ศุ บุญเลี้ยง ^^ https://www.youtube.com/watch?v=2SzCpI8cXac

แป้งเจอนี่เจอนั่น

 วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.10 น.

ความคิดเห็น