จุดหมายปลายทางของเราคือ ปากน้ำประแส ไปตามแคมเปญใหม่ของ ททท เขาเล่าว่า.... พวกเราสงสัยว่าเค้าเล่าว่าอะไร จึง ต้องไปให้เห็นกับตาว่าป่าสีทองสวยขนาดไหน ทริปนี้เริ่มจากผมอยากออกไปเที่ยว ตจว. ใกล้ๆ กทม. เนื่องจากไม่ได้ออกไปไหนมานานหลายเดือนแล้ว ยังไงอาทิตย์นี้ผมต้องออกไปให้ได้ โดยมีสมาชิกทั้งหมด 3 ชีวิต (เราสองสามคน) อ๊ากกกก


พวกเรานัดกันที่ห้างเซ็นจูรี อนุสาวรีย์ชัยฯ ให้ไปถึงก่อนเวลา 6 โมงเช้า พวกเราไปถึงก่อน 6 โมงจริง แต่เมื่อไปซื้อตั๋วรถตู้ กรุงเทพฯ - จันทบุรี ปรากฏว่ารถเต็มและออกไปแล้ว 555 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าจะไปรอบ 6โมงเช้า ต้องเผื่อเวลาไว้สักนิดนะครับ เราเลยได้รถรอบ 7 โมงครับ เพื่อนรวมทางในรถมีแต่พี่แขกอินตะระเดีย แอบสงสัยเหมือนกันว่า เค้าไปจันทบุรีกันทำไมนะ รถขับมาด้วยความเร็วพอประมาณ พวกเราหลับๆ ตื่นๆ แปปเดียวก็ถึง แยกวังจันทร์ ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงนิดๆเอง


เราเดินข้ามสะพานลอยจะไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินตรงแยกอะครับ แต่ด้วยความที่มันไม่มีพี่วิน พวกเราเลยตามสไตล์ครับโบกรถกระบะ เพื่อเข้าไปในปากน้ำประแส ใช้เวลาในการโบกไม่นาน เราก็ได้พี่กระบะใจดีมาส่งเราลงตรงหน้าปั้มน้ำมัน แล้วเดินต่อเข้าไปในซอย เดินไปไม่กี่ก้าว เราก็เจอป้าขับรถกอล์ฟครับ ป้าเข้ามาทักพวกเรา “ไปไหนหนูเดียวป้าไปส่ง" คุณป้าใจดีมากๆ คุณป้าถามพวกเราว่าพักที่ไหนป้าจะไปส่ง ที่พักของพวกเราคือ เกดแก้วโฮมสเตย์ http://www.kedkaewhomestay.com/ ทิ้งท้ายป้าบอกว่า อย่าลืมชวนเพื่อนมาเที่ยวประแส อีกนะ


เมื่อมาถึงที่พักคุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ ก็ ถามว่า “เรากินข้าวกันหรือยัง" คุณลุงบอกว่าให้พวกเราเดินไปบอกคุณป้าที่ครัวเลยว่า “ขอข้าวกินหน่อยครับ" 555 ก้าวแรกก็บรรยากาศเหมือนบ้านตัวเองแล้ว อิอิ เมื่อพวกเราเก็บของอะไรเสร็จก็พร้อมจะออกเรือไป เกาะมันใน และ มันกลางแล้วครับ คุณลุงบอกว่าตอนนี้ลมแรงอยู่ เดียวพวกเรา ล่องเรือเข้าไปชมป่าโกงกางสองฝั่งของปากน้ำประแสกันก่อน วิวสองฝั่งแม่น้ำประแสสวยมากๆๆ เลยครับ

หลังจากนั้นเราก็ออกเรือมุ่งตรงสู่ เกาะมันใน มันกลาง ระหว่างที่แล่นเรืออยู่นั้นก็ มีนกสีขาวๆ เป็นฝูง บินมาเล่นกับคลื่นของเรือครับ พวกเราตื่นเต้นกันใหญ่เลย ออกเรือมาไกลจากฝั่งพอสมควรแล้วครับ มองเห็นเกาะอยู่ไม่ไกลแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายครับ คลื่นลมแรงมากกกก เล่นเอาเมาเรือกันเลยละครับ พี่คนขับต้องพาเรากลับเข้าฝั่ง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

พี่เค้าพาเรากลับเข้ามา แวะที่โฮมสเตย์ส่งคนที่เมาเรือมากไม่ไหวไว้ก่อนครับ แล้วก็พาพวกเราไปเล่นน้ำในปากน้ำประแส ถึงจะไม่ได้เล่นน้ำที่เกาะ แต่อย่างน้อยก็ได้เล่นน้ำท่ามกลางป่าโกงกางที่เป็นทิวแถว สวยงามไปอีกแบบครับ


หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดอะไรเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกไปเดินชมตลาดเก่าของประแสครับ ด้วยเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดกันเกือบหมดแล้ว ประแสเป็นชุมชนเงียบๆ ที่นี้ไม่มี 7-11 นะครับ ระหว่างเดินชมตลาด คุณป้า คุณน้า คุณลุง ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายพวกเราตลอดทางเลย มีคุณป้าคนหนึ่งบอกว่าประแสจะมีถนนคนเดินทุกๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ต้นเดือนครับ ป้าเชื้อเชิญให้พวกเรากลับมาอีกครั้ง คนที่นี้เค้าร่วมมือ ร่วมใจกันส่งเสริมการท่องเที่ยวดีจัง



พวกเราเดินจากโฮมสเตย์ผ่านตลาดเรื่อยๆ จนมาถึงอนุสรณ์เรือหลวงประแส เป็นเรือรบเก่าที่ปลดระวาง ที่นี้บรรยากาศก็โคตรฟินไปเลยละครับ เพราะมันมีเหมือนเป็นสะพานหินยืนออกไปในทะเล ให้ไปนั่งฟินชมพระอาทิตย์ตก ตรงนี้ การที่ได้เอาร่างออกมานั่งเสพบรรยากาศช้าๆ ชิวๆ ที่นี้มันช่างวิเศษมากเลยละครับ ขากลับพวกเรามีรถสามล้อที่โฮมสเตย์ให้มารับครับ คุณลุงคนขับพาเราไปไหว้ต้นตะเคียนทองอายุ 500 ปีก่อนกลับที่พักด้วย

กลับมาถึง โฮมสเตย์ เค้าก็จะมีอาหารทะเล มื้อเย็นบริการนะครับ คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ ใจดีมากกกก เลยครับบอกพวกเราว่า “ไม่มีตังไม่เป็นไรนะ เดียวลุงเลี้ยงเอง" ใครจะกล้ากินละครับของซื้อของขาย ด้วยความอยากจะประหยัดพวกเราเลยต้องเดินออกมากินบะหมี่เกี้ยวหน้าปากซอย แทนอะครับ กลับมาก็ซื้อเบียร์คนละกระป๋อง มานั่งที่ท่าน้ำ กินไปคุยไป อ๊ากกกก บรรยากาศฟินอีกแล้ว

เช้าวันที่ 2 เราก็นัดคุณลุงสามล้อพ่วงข้างมารับไปทุ่งโปรงทองครับ ก่อนไปเราก็แวะไปสักการะศาลกรมหลวงชุมพรฯกันก่อน ไปถึงที่ทุ่งโปรงทองประมาณ 7 โมงครึ่งได้ครับ คนยังไม่เยอะเท่าไร เราใช้เวลาเดินจากอีกฝั่งหนึ่งไปสุดที่อนุสรณ์เรือหลวงประแส 2 กิโลเมตร กว่าๆ บอกเลยว่าเราเดินอยู่ในนี้ นานมากกครับ เกือบสามชั่วโมง ข้างในมีทุ่งโปรงทองสีเหลืองอร่าม กระทบกับแสงแดดอ่อนๆใ นยามเช้า ฟินไปสิ ใครไปควรเดินให้สุดนะครับ ทางศึกษาธรรมชาติของป่าชาติเลน ลัดเลาะไปตามแนวป่าโกงกางที่นี้ทำได้ดีจริงๆ ครับ

หลังจากกลับจากทุ่งโปรงทอง พวกเราก็มากินข้าวต้มทะเล ที่โฮมสเตย์ เตรียมไว้ให้ครับ ระหว่างกินๆ อยู่ก็คิดกันเล่นๆ ว่า เดียวเราจะโบกรถไปน้ำตกเขาชะเมากัน น่าจะใกล้ๆ แต่เหมือนสวรรค์ได้ยินความคิดของเราครับ มีพี่ที่พักโฮมสเตย์เดียวกัน ถามพวกเราว่าวันนี้จะไปไหน พวกเราบอกว่าจะไปน้ำตกเขาชะเมาครับ พี่เค้าจะไปพอดีเลย พี่เค้าเลยให้เราติดรถไปด้วยครับ พี่เค้ามากันสองคนครับ ชื่อพี่โอกับพี่กอล์ฟ

ขอบคุณน้ำใจของพี่ทั้งสองมากครับ

เดินเล่นน้ำตกเขาชะเมา เสร็จเดินไกลใช้ได้เลยทีเดียว เราจะรบกวนพี่เค้าไปส่งแค่ ในตัวเมืองแกลง เพื่อหารถตู้กลับ กรุงเทพ แต่พี่โอ บอกว่า กลับด้วยกันเลยบ้านพี่ก็อยู่กรุงเทพ ยังไงที่นั่งเบาะด้านหลังก็ว่างอยู่แล้ว ไปด้วยกันเลย


พวกเรา : ทำไมถึงรับพวกเรามาด้วยอะครับ

พีโอ : พี่เข้าใจคนเดินทางเหมือนกัน ได้ยินตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่านั่งรถตู้กันมาเอง


จบทริปนี้ไปอย่างฟินๆ ครับ ปล่อยไปตามปรแะส



ค่าใช้จ่าย

ค่ารถตู้ กรุงเทพ-จันทบุรี 200 บาทต่อคน

ค่าที่พัก 450 ต่อคน ต่อคืน *รวมค่าสามล้อพ่วงข้าง พาเที่ยวในวันแรก และค่าอาหาร ข้าวต้มทะเลมื้อเช้า

ค่าเรือ 800 บาทต่อคน รวมอาหารบนเรือ

ค่าอาหารมือค่ำ 50 บาท

ค่ารถสามล้อพวกข้างวันที่สอง 200 บาท

รวมแล้ว 1500 บาท โดยประมาณครับ

Seapeople Jirakorn

 วันพฤหัสที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.07 น.

ความคิดเห็น