ทริปดองอีกครั้ง และทริปนี้ไม่ได้เดินทางคนเดียว เป็นทริปที่วางแผนโดยเพื่อนๆ เราเป็นผู้ร่วมทริปเท่านั้น แผนของทริปนี้เที่ยวน่าน 8-11 มีนาคม 2562 แต่เราติดธุระร่วมทริปได้แค่ 8-10 เท่านั้น
เริ่มทริปกับหางแดงอีกครั้ง รอบนี้ขอเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ชอบเห็นท้องฟ้ากับหมู่เมฆ
ถึงแล้วสนามบินน่านนคร ครั้งแรกกับสนามบินนี้ แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาน่าน
เพื่อนติดต่อเช่ารถเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงก็รอไม่นานก็ได้รับรถกัน ถึงเวลาออกเดินทาง ทริปนี้ไม่เร่งรีบอะไร แวะระหว่างทางตลอดเส้นทาง ได้ส้มสายน้ำผึ้งมา 5 กิโลกรัม 100 บาท ไม่นานก็แวะจิบกาแฟที่ร้านกาแฟภูพยัคฆ์ สาขาโรงสีข้าวพระราชทาน
ออกจากร้านกาแฟก็รีบแวะตลาดและร้านสะดวกซื้อเพื่อตุนของกิน เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีอาหารขายหรือไม่ กว่าเราจะมาถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคาก็ 4 โมงกว่าแล้ว
ทำความรู้จักอุทยานแห่งชาติดอยภูคากันสักนิด อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 94 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2542 มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อำเภอแม่จริม ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 1,704 ตารางกิโลเมตร ยอดดอยภูคาเป็นยอดเขาสูงสุดของจังหวัดน่านมีความสูงถึง 1,980 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นป่าต้นน้ำลำธารที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน มีทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากมีการเล่าขานกันมาแต่ครั้งโบราณและเชื่อมั่นว่าเมืองเก่าของบรรพบุรุษคนเมืองน่านอยู่ในเขตบนเทือกเขาดอยภูคา
ติดต่อยื่นหลักฐานการชำระเงินอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ให้กุญแจบ้านพักที่จองไว้ และแจ้งว่าวันนี้ครัวปิด 5 โมงเย็น พวกเรารีบไปที่บ้านพัก แย่งเตียงนอนกันพอขำๆ มี 4 เตียงพอดี บ้านใหญ่ไม่อึดอัด เตียงตึงกว่าบางโรงแรมอีก ผ้าสะอาด ไม่มีกลิ่นอับ ห้องน้ำแยกกับส้วม บริเวณที่เราพักมีพวกเราหลังเดียว
เก็บภาพกับมุมที่เราชอบสักนิด
ลงมาที่ครัวสวัสดิการของทางอุทยานฯ สั่งอาหารเย็น ระหว่างรอก็ขอเก็บภาพดอกชมพูภูคา นางเอกของทริปนี้ที่ตั้งใจจะมาชมกัน
อาหารมาแล้ว หยุดซนแล้วรีบแย่งกันทำพิธีกรรมก่อนอาหารทันที (มากับแก็งค์นี้ถ่ายรูปหนักมาก) อาหารหน้าตาดีและอร่อยมาก
ระหว่างรอพิธีกรรมก่อนอาหาร เราก็ไม่เก็บดอกชมพูภูคาที่ร่วงมาถ่ายเล่น
อิ่มแล้วก็รีบมาเก็บอาทิตย์ตก แต่ฟ้ามัวๆ ได้แค่นี้จริงๆ
แสงยังไม่หมดก็เดินสำรวจลานกางเต็นท์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเราเดินแค่นิดเดียวก็เจอต้นชมพูภูคาแล้ว มีหลายจุดเลย แต่อยู่สูงมาก เดินมาอีกด้านจะเห็นโค้งถนนที่ขึ้นมา
วิวทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
หลังจากซนพอสมควรก็กลับเข้าบ้านพัก อากาศเริ่มเย็นแล้ว ระหว่างอาบน้ำลมหนาวก็ตีเข้ามาทางช่องระบายอากาศหนาวสั่นกันไป น้ำอุ่นสู้ไม่ไหว
เช้าวันรุ่งขึ้นมีนัดล่าช้างต้องตื่น 4;30 แล้วเดินไปที่ลานกางเต็นท์ เป็นจุดที่สูงและไม่มีอะไรบัง เป็นครั้งแรกที่เราล่าช้าง และใช้มือถือถ่ายตั้ง ISO3,200/S30 ใช้ขาตั้งปลาหมึก
บ้านพักอยู่ในโซนที่มองไม่เห็นอาทิตย์ขึ้น หลังบ้านจะได้บรรยากาศแบบนี้
เรานัดล้อหมุนกันที่ 7:30 ยังมีเวลาไปเดินซนอีกเยอะ เดินเข้าทางปิดที่เป็นป่าสนสักนิด (จริงๆ ทางนี้สามารถออกถนนได้แต่ทางอุทยานฯ ปิด)
เก็บภาพบ้านพักสักนิด เมื่อวานยังไม่ได้ถ่าย
ทริปนี้อย่างที่บอกถ่ายรูปหนักมาก มีกล้องมาให้ยืมแอคถ่ายรูปด้วย
ได้เวลานัดหมายล้อหมุน ลงมาเก็บภาพดอกชมพูภูคาอีกครั้ง เช้าๆ แบบนี้ดอกยังสดมาก สวย
ใต้ต้นชมพูภูคามีกอนี้อยู่ เราชอบมาก
จิบกาแฟจนกระทั่งเคารพธงชาติเสร็จ แล้วออกเดินทางออกจากอุทยานฯ กัน
ออกมาจากที่ทำการอุทยานฯ ไม่ไกลก็เจอศาลเจ้าหลวงภูคา พวกเราก็แวะสักการะกันก่อน
ไม่ไกลจากศาลนักก็จะถึง จุดสูงสุดของดอยภูคา 1715 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดนี้มีของขายด้วย 20 บาทได้มันเผาไปทั้งกอง ข้าวโพด 10 บาท ของถูกมาก เราได้มะแขว่นกลับมาด้วย 2 ห่อ
ภาพนี้จากกล้องฟิล์ม
ระหว่างทางถนนลอยฟ้าน่านไปบ่อเกลือ เจอหมู่บ้านเล็กๆ ก็แวะเดินชมพร้อมอุดหนุนสตรอว์เบอร์รี่ที่ชุมชนนำมาขายด้วย
ผ่านไปหลายโค้งมากก็มาถึงแล้ว บ่อเกลือ ที่นี่เราอยากมานานมากแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสจนครั้งนี้
อำเภอบ่อเกลือเดิมเรียกว่า เมืองบ่อ ซึ่งคงจะหมายถึงบ่อน้ำเกลือสินเธาว์ที่มีอยู่ในพื้นที่ซึ่งเดิมมีอยู่จำนวน 9 บ่อ เมืองบ่อเดิมทีเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีความสำคัญมาตั้งแต่ในอดีตกาล ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตามพงศาวดารเมืองน่านซึ่งพระเจ้าสุริยพงษผริตเดชได้แต่งรวบรวมขึ้นไว้ มีข้อความกล่าวถึงแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญที่เป็นสาเหตุให้พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ยกทัพมายึดเมืองน่าน เมื่อปี พ.ศ. 1993 บ่อเกลือสินเธาว์ เป็นแหล่งชุมชนที่มีการทำบ่อเกลือมาหลายชั่วอายุคน โดยชาวบ้านจะตักน้ำเกลือจากบ่อใต้ดินแล้วให้ไหลมาตามรางท่อไม้ไผ่ เพื่อที่จะนำน้ำเกลือมาต้มให้เหลือแต่เม็ดเกลือ เรียกว่า "เกลือภูเขา" ซึ่งชาวบ้านจะนำมาบริโภค และกรอกใส่ถุงเล็ก ๆ แบ่งขายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็จะมีการเพิ่มไอโอดีนให้ด้วย สามารถนำมาขัดผิวและทำอาหารได้อย่างปลอดภัย
แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านกลิ่นไอเกลือ
ออกจากบ่อเกลือมาแวะริมนาคาเฟ่ ร้านเล็กๆ ริมถนนติดทุ่งนา
จากนั้นก็ยิงยาวมาที่อุทยานแห่งชาติศรีน่านกันเลย
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 104 มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ครอบคลุมพื้นที่ตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน จนไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำน่าน มีจุดเด่นทางธรรมชาติ ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามได้แก่ เสาดินและคอกเสือ ปากนาย แก่งหลวง จุดชมทิวทัศน์ดอยผาชู้ ทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งแม่น้ำน่าน จุดชมวิวดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ มีเนื้อที่ประมาณ 1,024.38 ตารางกิโลเมตร บ้านพักอยู่บริเวณผาชู้ บ้าน 1 หลัง มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีกลางบ้าน และระเบียงบ้าน หลังใหญ่มากๆ
พอเข้าบ้านก็ปล่อยให้ทุกคนเลือกห้องพัก เราเดินมาถ่ายรูปที่เสาธงผาชู้ สายเสาธงที่ยาวที่สุดในประเทศ (รอบนี้มาเหมือนเชือกจะขาดไปข้างแล้ว)
กลับเข้าที่พักก็กินมื้อเย็นที่ซื้อในตลาดก่อนเข้ามาที่อุทยานฯ นั่งกินกันที่ระเบียง บรรยากาศดีมาก ลมเย็นจนหนาวเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีนัดล่าช้างกันอีกวัน ตื่นเวลาเดิม 4:30 เดินมาที่บริเวณถนนใกล้ๆ ทางขึ้น-ลง นอนถ่ายกันกลางถนนเลย ลมหนาวมาจนสั่น รอบนี้ได้รูปลำแสงไฟฉายกันด้วย
กลับบ้านพักมาต้มมาม่าแก้หนาว แล้วออกมาดูอาทิตย์ขึ้นอีกรอบ
เดินกลับมาระเบียงบ้านพักเราก็ชมอาทิตย์ขึ้นได้
คืนบ้านพักแล้วก็มาที่ดอยเสมอดาว
ทุกคนเข้าเมืองมาส่งเรากลับก่อน เรามีธุระที่กรุงเทพฯ ยังพอมีเวลาก็เลยแวะจิบกาแฟและกินของหวานที่ร้านสุดกองดี
พอส่งเราเสร็จทุกคนที่เหลือก็กลับไปพักที่อุทยานแห่งชาติขุนสถานกันต่อ เราเสียดายมากที่ไม่ได้ไปด้วย เรายังไม่เคยไปขุนสถานเลย รอบหน้าค่อยมาเก็บเองแล้วกัน
จบทริปน่าน 3 วัน 2 คืออย่างสนุกและสุขใจ
ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่ :
เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 02.46 น.