กว่า 2,040 กิโลเมตร ll พันกว่าโค้ง ll 4 วัน 5 คืน ll 2 คน มาเริ่มกันเลยดีกว่า
สาเหตุที่เลือกไปแม่ฮ่องสอน เพราะได้เห็นรูปๆ หนึ่งเด้งขึ้นมาหน้า Facebook เป็นบ้านทรงจีน อยู่ท่ามกลางไร่ชาที่ลดหลั่นกันลงมาเป็นขั้นบันได ทำให้เราตัดสินใจหาข้อมูลเพื่อไปให้ถึงที่นั่นทันที
สถานที่ในภาพนั้นคือ ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท จังหวัดแม่ฮ่องสอนค่ะ เราไม่มีข้อมูลในหัวเกี่ยวกับจังหวัดนี้มากนัก ก็นั่งหาข้อมูลจากในพันทิปนี้แหละ ทริปนี้เราเดินทางแบบมีแผนค่ะ ไม่โนแพลน ไม่slow life อยากไปให้ถึงจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ในแบบของตัวเอง
วางแผนก่อนเดินทางมันจะสนุกเหรอ? มนุษย์เงินเดือนอย่างเราวันหยุดยาว ไม่ได้มีบ่อยๆ หรอกค่ะ อยากใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าขนาดวางแผนไปแล้วยังพลาดเลย เราเปิดรีวิวอ่านเยอะมากกล้าพูดได้เลยว่าเกือบร้อยรีวิว หาข้อมูลด้วยตัวเองก่อนตรงไหนไม่เข้าใจจริงๆ ถึงจะถามไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรถามตรงไหน คนมาตอบก็จะตอบไม่ถูกกับความต้องการของเราเนอะ
เราพบว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เที่ยวเยอะมากกกกกกกกก สิ่งที่เราทำคือจดชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปไว้ในสมุด เราจะมีสมุดเล่มหนึ่งไว้สำหรับวางแผนเที่ยว (เรื่องเที่ยวเราจริงจังมาก ฮ่าๆ) จดรายละเอียดต่างๆ ถ้าเปิดสมุดเล่มนี้ทีไร ได้ออกเดินทางแน่นอน ^^
ได้รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวมาดังนี้...
และจัดทริปที่ไหนควรไปก่อนหลัง ดูจากรูปแบการเดินทางของเราว่าเราเดินทางยังไง ใช้พาหนะอะไรในการเดินทาง โดยการอิงจากแผนที่นี้ค่ะ
ขอบคุณเจ้าของแผนที่นี้ด้วยนะคะ ^^
Itinerary ของทริปเราวางไว้คร่าวๆ ดังนี้ (โดยยึดสถานที่ ที่อยากไปเป็นหลัก)
คืนแรก (เดินทางไป) >>>นั่งรถทัวร์ไปลงอาเขตเชียงใหม่
วันที่สอง (นอนปาย) >>> นั่งรถตู้ต่อไปปาย เช่ารถมอเตอร์ไซด์ เที่ยวปาย
วันที่สาม (นอน อช. ห้วยน้ำดัง) >>> บ้านจ่าโบ่ ปาย อช.ห้วยน้ำดัง
วันที่สี่ (นอนปางอุ๋ง) >>> คืนรถมอเตอร์ไซด์ที่ปาย นั่งรถไปแม่ฮ่องสอน เช่ามอเตอร์ไซด์ขี่ไปปางอุ๋ง
วันที่ห้า (คืนเดินทางกลับ) >>> หมู่บ้านรักไทย กินขาหมูยูนาน คืนรถมอเตอร์ไซด์ ขึ้นรถทัวร์ที่ บขส.แม่ฮองสอน
วันที่หก >>> ถึงบ้าน
อาจจะดูว่าเป็นการเดินทางย้อนไปย้อนมา เราอยากเห็นทะเลหมอกตอนเช้าที่บ้านจ่าโบ่ อยากเห็นพระอาทิตย์ตกและขึ้นที่ อช. ห้วยน้ำดัง บวกกับจำนวนวันที่สามารถมาได้ เราคิดว่าเหมาะกับการเดินทางของเราที่สุดแล้ว
รถทัวร์
เราใช้บริการของสมบัติทัวร์ขึ้นที่ศูนย์วิภาวดี สามารถดูเที่ยวรถและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.sombattour.com เราเลือกรอบที่ไปเชียงใหม่รอบสามทุ่มไม่เกินสี่ทุ่ม เพราะอยากไปถึงเชียงใหม่ไม่เกิน 06.30 ซึ่งรอบที่ถูกที่สุดมีรอบเดียว นอกนั้นเป็นแบบ VIP หมดเลย
โทรไปทาง Call Center เพราะยังไม่มีเวลาที่จะไปติดต่อจองตั๋วด้วยตัวเอง แต่ไม่มีคนรับสาย เลยต้องรอวันหยุดเพื่อไปติดต่อเอง สุดท้ายเหลือแต่รถแบบ VIP เราถามพนักงาน เขาบอกว่า Call Center ปิดปรับปรุง ต่อไปจะได้มีคู่สายเพื่อให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น ค่ารถ VIP คนละ 778 บาท
รถตู้ เชียงใหม่-ปาย
ส่วนรถตู้จากเชียงใหม่ไปปาย เราใช้บริการของเปรมประชา สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและจองตั๋วได้ที่ http://premprachatransports.com/routes-th รถทัวร์ถึงอาเขตเชียงใหม่ 06.30 น. เราเลยจองรถตู้ไปปายรอบ 08.30 น. เผื่อเวลาไว้เล็กน้อยให้มีเวลากินข้าวเช้า เพราะนั่งรถตู้ไปปายใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าดูในเว็บไซต์ของรถตู้จะมีรถชั่วโมงละ 2 คัน (แต่วันที่ไปถึงเราเห็นมีคนคันที่ 1-4 ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจองไปดีกว่า แต่ต้องชัวร์เรื่องเวลานะคะ) ราคาที่จองจะมีค่าประกันด้วย จ่ายที่ 7-11 มีค่าธรรมเนียมอีก สองคนจ่ายไป 380 บาทค่ะ เราไม่แน่ใจว่าถ้าไปซื้อที่จุดจำหน่ายต้องเสียค่าประกันเพิ่มไหม แต่เราเอาชัวร์ไว้ก่อนไม่อยากนั่งข้างหลัง ใครที่สัมภาระเยอะก็ไม่ต้องห่วง พี่คนขับจะเอาสัมภาระของเราไว้บนหลังคารถ ให้หยิบแต่ของมีค่าติดตัวไว้
จัดกระเป๋า
ใช้กระเป๋าใบเดียวกันค่ะ เพราะพาหนะหลักในการเดินทางเป็นมอเตอร์ไซด์ มีกระเป๋าใบใหญ่ใส่เสื้อผ้าสำหรับ 2 คน กระเป๋าใบเล็กไว้ใส่สิ่งของมีค่าและของที่หยิบบ่อยๆ เต็นท์ และขาตั้งกล้อง เสื้อผ้าที่เตรียมไป เป็นเสื้อกันหนาวคนละ 2 ตัว กางเกงคนละ 2 ตัว แฟนเราใส่ยีนส์เป็นหลัก แต่เราเลือกเป็นสกินนี่และกางเกงผ้าหนาๆ สำหรับใส่นอน เสื้อที่ใส่ระหว่างวันเราเลือกเป็นแขนยาวทั้งหมดแต่ผ้าบางๆ หน่อย เพราะเลยเก้าโมงเช้าไปก็ร้อนแล้ว ตอนกลางวันไม่หนาวก็สามารถใส่กันแดดได้ ใช้วิธีม้วนแล้วเอาหนังยางรัด รองเท้าแตะ กระเป๋าเล็กๆ สำหรับใส่เครื่องอาบน้ำ เครื่องสำอางค์นิดหน่อยพวกครีมกับลิปมันทากันหน้าและปากแห้ง ทริปนี้ไม่มีเวลาแต่งอะไรเลย มันหนาวจนขี้เกียจ ๕๕๕
การไปกางเต็นท์ขาดไม่ได้ก็คืออุปกรณ์ครัว เราใช้แค่เตา ชุดหม้อสนาม มีด เขียง ถ้วยและแก้วใช้เป็นแบบกระดาษ ทิชชูเปียก ถุงขยะ เครื่องปรุงเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญคือตะเกียง จับใส่ไปในกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนเครื่องนอนไปเช่าเอาข้างหน้า หนักหน่อยนึงเป็น Backpacker ต้อง Strong!!!
เริ่มต้นการเดินทาง
จากรังสิตเรานั่ง Taxi ไปสมบัติทัวร์ (วิภาวดี) ถ้าใครมีเวลานั่งรถเมล์สาย 29 ก็ได้นะคะ สมบัติทัวร์จะถึงก่อนกระทรวงพลังงาน จากนั้นเอาตั๋วไป check in กับพนักงานคนสวยที่ประกาศเรียกผู้โดยสาร เขาเรียกว่า Information ป่ะ แหะๆ เขาจะบอกว่ารถคันที่เราต้องไปขึ้นจอดอยู่ที่ไหน หมายเลขอะไร พนักงานบนรถบริการดีมากค่ะ มีผ้าห่ม มีหมอน PTV เป็นจอ Touch screen หูฟัง น้ำ และขนม 2 กล่อง กล่องแรกมีขนม 2 ชิ้น เป็นขนมปังไส้หมูหยองและบราวนี่ พร้อมน้ำผลไม้
เมื่อถึงกำแพงเพชร จะจอดให้รับประทานอาหาร VIP จะเป็นบุฟเฟต์ มีข้าวต้ม ข้าวสวย ข้ามผัด ราดหน้า ขนมจีน ของทอด ฯ เราจัดขนมจีน ราดหน้า ข้าวผัด มาลอง รสชาติอร่อยใช้ได้เลย พนักงานจะฉีกหางบัตรไป มีเวลาทานข้าวและทำธุระส่วนตัว 20 นาที อ่อ...อย่าลืมจำเลขข้างรถ และป้ายทะเบียนรถไว้ด้วยนะคะ เพราะเป็นจุดพักรถจะเหมือนกันแทบทุกคัน
มีเสริฟชาร้อนบนรถหลังจากกินข้าวเสร็จด้วยนะ และก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง พนักงานคนสวยก็แจกขนมอีกหนึ่งกล่อง เป็นยูโร่ นมไวตามิลและผ้าเย็น
จุดที่ลงรถทัวร์คืออาเขตใหม่ รถตู้ที่ไปปายอยู่อาเขตเก่า แค่เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็ถึงอาเขตเก่าแล้วค่ะ เอาสลิปที่จ่ายเงินไว้ไปให้พี่คนขับดู เขาจะบอกว่าเราขึ้นคันไหน ทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ช่วงนี้กำลังปรับปรุงเส้นทางใครที่นำรถส่วนตัวไปขับขี่ด้วยความระมัดระวังนะคะ
ถ้าใครไม่รีบ มีบัสพัดลมด้วยนะ ^^
พอถึงจุดจอดรถตู้ที่ปาย เดินออกมาเลี้ยวออกมาเลี้ยวซ้ายจะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ชื่อร้านว่า Aya
เราเลือกคันนี้มา ราคา 200 ต่อวัน แต่เราทำประกันรถล้ม และประกันรถหาย อย่างละ 40 บาทต่อวัน เพิ่งเคยมาครั้งแรกยังไม่รู้เส้นทางก็ขอเซฟตัวเองไว้ก่อน คือถ้ารถล้ม หรือรถหายก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย รวมแล้วราคาเช่า 2 วันอยู่ที่ 560 บาท มัดจำ 2,000 บาท พร้อมกับบัตรประชาชน อ่านรายละเอียดของสัญญาเช่าให้ดี จำนวนเงินค่ามัดจำ และเงินค่าเช่าให้ตรงกับที่เราจ่ายไป เก็บสัญญาเช่าไว้ให้ดีใช้อีกทีตอนคืนรถนะคะ ที่ร้านมีแผนที่ให้ขอได้เลยค่ะ อ่อ...มีหมวกกันน็อคให้ด้วยนะคะ ถึงจะเหม็นหน่อยแต่ต้องใส่เพื่อความปลอดภัย (สาเหตุที่ทำให้ต้องสระผมทุกวัน)
เลือกคันนี้มา จะได้เข้าโค้งคล่องๆ
ส่วนใครที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่แข็งแต่อยากไปเที่ยวก็สามารถมาได้ คือซื้อทัวร์แบบ One day trip จะยกตัวอย่างของทัวร์หนึ่งที่เราไปหยิบใบปลิวมานะ มีหลายโปรแกรมให้เลือก
***ทริปที่ 1 เที่ยวรอบปาย - วัดพระธาตุแม่เย็น บ้านต้นไม้ แคมป์ช้าง โป่งน้ำร้อน สะพานประวัติศาสตร์ กองแลน สวนสตรอเบอร์รี่ Coffee in Love ชมสวนดอกไม้ วัดน้ำฮู บ้านจีนยูนาน และน้ำตก ราคาก็จะอยู่ที่ 500 บาทต่อคน
***ทริปที่ 2 ปางอุ๋ง (ตี 04.00 - 18.00) - ปางอุ๋ง บ้านรักษ์ไทย พระตำหนักปางตอง น้ำตกผาเสื่อ ภูโคลน สะพานซูตองเป้ หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว พระธาตุดอยกองมู ถ้ำปลา ดอยกิ่วลม (รวมค่าบำรุงสถานที่และค่าเข้าอุทยาน) ราคา 700 บาทต่อคน
***ทริปที่ 3 ห้วยน้ำดัง (ตี 05.00 ) - ชมทะเลหมอกห้วยน้ำดัง 400 บาทต่อคน
***ทริปที่ 4 ถ้ำลอด รวมค่าแพและตะเกียง 700 บาทต่อคน
One day trip สามารถหาซื้อได้ที่ถนนคนเดินปายนะคะ จะมีอยู่หลายทัวร์เลย ^^
พอได้มอเตอร์ไซด์แล้วก็หาห้องพัก เรามีที่พักในใจ คือ Golden Hut อยากได้ที่พักบรรยากาศแบบนอนกระท่อม ริมแม่น้ำปาย และราคาไม่แพง ที่นี่จะมีห้องพักหลายราคา 500- 300 บาท บ้านพักราคา 500 กับ 400 จะมีห้องน้ำในตัว ต่างกันที่วิวด้านหน้าห้องพัก ส่วนห้องราคาต่ำกว่า 400 บาทจะเป็นห้องน้ำรวมค่ะ เราเลือกห้องที่แพงที่สุดอยู่ริมแม่น้ำ มีห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น ทิชชู่ น้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว พัดลม (ไม่ต้องเปิดเลยหนาวมากกก) ปลั๊กสามตา wifi มีระเบียงหน้าห้อง เดินไปถนนคนเดินได้
มองจากข้างนอก
จากระเบียงหน้าห้องมองเห็นแม่น้ำปาย
ห้องพักด้านใน ที่นี่มีห้องพักหลายแบบ สามารถขอดูห้องได้ค่ะ
เป็นการติดต่อห้องพักที่ง่ายมากๆ เดินขึ้นไป ขอดูห้อง ตกลงเข้าพัก จ่ายเงินหน้าห้อง ไม่ต้องกรอกฟอร์มอะไรให้เสียเวลา ห้องน้ำก็กว้างมากๆ แต่จะมีแมลงนิดหน่อย ซึ่งในห้องก็มีมุ้งให้
บรรยากาศตอนกลางคืน เงียบสงบมากค่ะ
ตรงที่ติดต่อห้องพัก มีที่นั่งเล่น มีบริการชา โกโก้ กาแฟฟรีสำหรับผู้เข้าพัก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 053699949
แผนที่จากร้านเช่ามอเตอร์ไซด์มาที่ Golden Hut
การเดินทางในปายเราใช้ google map นำทาง เพิ่งเคยมาครั้งแรกดูแผนที่แล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ ขี่มั่วๆ ไปเจอป้ายบอกทางสถานที่แรก “พระธาตุแม่เย็น" เลยตั้งใจไปไหว้ขอพรเพื่อให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ระหว่างทางเจอร้านอาหารตามสั่ง ก็แวะเติมพลังกันสักหน่อย ชื่อ “ครัวพอใจ" สั่งพิเศษไม่พอเพิ่มไข่ดาวด้วย ได้ข้าวจานโตมาสองจาน 120 บาท
มาช่วงที่ทุ่งนาเป็นสีเขียว ร้านนี้วิวคงสวยมาก ^^
ป้ายบอกทางไปพระธาตุแม่เย็นเล็กมากๆ ถ้าไม่สังเกตดีให้ดีก็จะเลยแบบเราสองคน
ที่พระธาตุแม่เย็น ต้องออกแรงสักหน่อยในการเดินขึ้น ซึ่งข้างบนจะมองเห็นเมืองปายจากมุมสูง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกด้วยนะคะ ^^
หลังจากนั้นไปต่อที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ตอนแรกใช้ Google map นำทาง ดันไปใช้ชื่อค้นหาว่าสะพานปาย มันพาไปสะพานปายจริงๆ แต่เป็นสะพานปูนข้ามแม่น้ำ TT ควรใช้ชื่อค้นหาว่า “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย" นะคะ ^^
ช่วงที่เรามาทุ่งดอกบัวตองโรยไปแล้วค่ะ แต่ก็ยังสามารถเห็นดอกบัวตองได้ทั่วๆ ไป เรียกได้ว่ากระจายอยู่ทั่วแม่ฮ่งสอนเลย
ดอกบัวตองใต้สะพานประวัติศาสตร์
เที่ยวสะพานเสร็จก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองปาย เจอสถานที่ท่องเที่ยวอีกคือ “กองแลน" หรือปายแคนย่อน แวะดูสักหน่อยว่าคืออะไร
ขึ้นเนินอีกแล้ว -_-'
เป็นทางดิน แคบๆ เป็นสันขึ้นมา สองข้างเป็นเหวลึกแบบนี้ค่ะ พอให้ได้เดินเล่นแบบหวิวๆ
***โปรดระมัดระวังในการเดินด้วยนะคะ อย่าถ่ายรูปเพลินจนลืมความปลอดภัย
เราไม่ได้แวะไร่สตรอเบอร์รี่ เพราะตั้งใจมา Coffee in Love ตอนที่นั่งรถตู้มาปาย ผ่านที่นี่คนเยอะมากๆ ช่วงที่เรามาคงจะเย็นแล้วคนจึงน้อย ทำให้ที่ร้านไม่วุ่นวายมากนัก เมนูที่เราหลงรักเลยคือชีสเค้กมะพร้าว เค้กที่นี่ชิ้นละ 80 บาท รวมกับชาเย็นที่สั่งไป ทั้งหมด 130 บาท นอกจากจะมีร้านกาแฟและขนมที่อร่อยแล้ว มีสวนให้ลงไปถ่ายรูปด้วยนะ เสียดายที่มาเย็นเกินไปแสงไม่สวย...
วิวดีงาม...
จากที่พักเดินมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงถนนคนเดินแล้ว วันนี้นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น เดินสบายมากค่ะ
ของกินเยอะมาก เราสองคนเพลิดเพลินกับการกินสุดๆ ขอเปลี่ยนจากถนนคนเดินเป็นถนนคนกินได้ไหม? ^^
เริ่มต้นเบาๆ ด้วยไส้อั่วและ spring roll (ปอเปี๊ยะวุ้นเส้นนั่นแหละ)
ไข่ป่ามตามมาติดๆ รสชาติคล้ายไข่ตุ๋นค่ะ แต่ความฟินอยู่ตรงที่แม่ค้าหยิบขึ้นมาจากเตาให้เราถืออุ่นๆ ในมือ แล้วก็หอมใบตองด้วย ^^
อ่านรีวิวมา สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ "ข้าวปุกงาดำ" จัดชิ้นใหญ่มาเลย ปิ้งร้อนๆ ถ้าใครชอบหวานเข้าทางเลยค่ะ
กินเล่นมาเยอแล้ว กินจริงจังบ้าง "ขนมจีนนั่งยอง" รสชาติจัดจ้าน มีผักให้ใส่ตามใจ แต่พอดีกับที่ตัวเองกินนะ ใครไม่อยากกินขนมจีนก็มีอาหารตามสั่งค่ะ
ยังไม่จบงานขนมจีน เดินไปเจอ"ยำขนมจีน" ด้วยความสงสัยในรสชาติก็จัดไปตามระเบียบ อิอิ รสชาติจะเผ็ดๆ เปรี้ยวนิดๆ หอมกระเทียมเจียวหน่อยๆ ^^
ตบท้ายด้วยของหวานอีกที โรตีไข่ชีส ร้าน "โรตีอาลีปาย" โรตีเยิ้มๆ ทั้งชีส ทั้งนม ไม่รู้ว่าเยิ้มเพราะอะไร อร่อยไปสามโลกค่ะ ><
เดินและกินจนร้านค้าเริ่มปิดก็เดินถือกลับแกล้มกลับที่พักค่ะ ดาว อากาศหนาว และคนพิเศษ คือดี...
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้และวันเดินทาง
ค่ารถทัวร์ VIP 1,556 บาท
รถตู้ไปปาย + ประกัน + ค่าธรรมเนียม 7-11 380 บาท
แก๊ส 3 กระป๋อง 109 บาท
ค่า Taxi ไปสมบัติทัวร์ (ขึ้นทางด่วน) 280 บาท
เข้าห้องน้ำ 6 บาท
กินข้าวเช้าที่อาเขต 70 บาท
เช่ามอเตอร์ไซด์ + ประกันรถล้มและรถหาย 2 วัน 560 บาท
ค่าที่พัก 500 บาท
ข้าวเที่ยง @ครัวพอใจ 120 บาท
เติมน้ำมัน 90 บาท
ซื้อของที่ 7-11 36 บาท
ไอติม @ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย 20 บาท
ชาเย็น + ชีสเค้กมะพร้าว @ Coffee in love 130 บาท
ถนนคนเดิน
Spring roll + ไส้อั่ว +ไก่ 60 บาท
ไข่ป่าม 10 บาท
ข้าวปุกงาดำ 20 บาท
ยำขนมจีน 10 บาท
ขนมจีนนั่งยอง (น้ำเงี้ยว และ น้ำยาป่าเถื่อน ) 60 บาท
น้ำดื่ม 30 บาท
โรตีไข่ชีส 30 บาท
ผ้าปิดปากมุ้งมิ้ง 2 อัน 39 บาท
เครื่องดื่ม + ช้อนพลาสติก 81 บาท
รวม 4,197 บาท
ก๋วยเตี๋ยวชมวิว บ้านจ่าโบ่-ห้วยน้ำดัง
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ 05.15 เพื่อลุกขึ้นมาจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปกินก๋วยเตี๋ยว
ขอยืมรูปมาบรรยายเหตุการณ์จากเพจ “พ่อบ้านใจกล้า"
เตียงมันดูดวิญญาณจริงๆ อากาศหนาวมากๆ การอาบน้ำพับเก็บไปได้เลยมันหนาวจริงๆ เราหยิบของมีค่าใส่กระเป่าเล็กไป (ประโยคเหมือนขโมยๆ ยังไงไม่รู้) สัมภาระนอกนั้นทิ้งไว้ในห้อง เสื้อกันหนาวใส่ไปคนละ 2 ตัว จุดหมายปลายทาง "บ้านจ่าโบ่" ขี่มอเตอร์ไซด์ฝ่าความมืด ความหนาว 16 องศา ไปเกือบหกสิบโล ไป-กลับก็ร้อยกิโลหน่อยๆ เพื่อไปกินก๋วยเตี๋ยวถ้าแม่รู้คงโดนตีแน่ๆ ไม่มีไฟทางเลย มีแต่เขาและโค้ง จุดแรกที่จอดพักคือ 'กิ่วลม-ปางมะผ้า' เพื่อถ่ายรูปแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นและพักหนาว ถุงมือ Uniqlo ที่ว่ากันลมยังต้องเอาไปอังกับท่อรถมอเตอร์ไซด์เพื่อให้มืออุ่นขึ้น ๕๕๕ เราข้ามไปอีกฝั่ง เห้ย! ขาวจั๊วะเลย ทะเลหมอก! วันนี้โชคเข้าข้างเราแล้ว ไปหาทะเลหมอกกันเลยยยยย!!!
ทะเลหมอกระหว่างทาง...
เราแวะที่ตลาดเช้าตรงปางมะผ้า เขาเรียกกันว่า สบป่องป่ะ? เพราะสายตาไปเห็นกับของทอดสีเหลืองๆ มันคือถั่วเหลืองทอดที่ไม่ควรพลาด คล้ายเฟรนฟรายแต่ฉ่ำและมันกว่ากินไปจะหมดแล้วเพิ่งเห็นว่ามีน้ำจิ้มมาให้ด้วย -_-''
จากนั้นไม่นานก็เราก็ถึงจุดหมายปลายทาง ใช้ Google map ได้ค่ะ พาไปถึงจุดหมายแน่นอนไม่พาหลง ค้นหาด้วยคำว่า “บ้านจ่าโบ่" ไปเส้น 1095 และเลี้ยวขวาตรงบ้านแม่ละนาเข้าเส้น 1226
ในที่สุดก็มาถึงสักที หมอกอลังการงานสร้างมาก ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ทะเลหมอกสวยๆ ความเป็นกันเองของแม่ค้า ทำให้การกินก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้เป็นการกินที่เราจะจำไปตลอด
กรี๊ดดดดดด!! เพิ่งเห็นว่าฝุ่นเต็มหน้าเลนส์เลย ขี่ไปถ่ายไปเป็นไงล่ะ TT
มีที่นั่งแบบห้อยขาด้วยนะ
มีตุ๊กตาให้เขียนข้อความแล้วแขวนไว้ที่ร้านด้วยนะ เราถามแม่ค้าว่าตัวละเท่าไหร่คะ? แม่ค้าบอกว่า 'วันนี้อารมณ์ดีขายซาวบาท ถ้าวันไหนอารมณ์ไม่ดีขายยี่สิบบาท' แหนะ เล่นมุกด้วย แม่ค้าอารมณ์ดีและน่ารักมากๆ ค่ะ มื้อนี้ ซัดก๋วยเตี๋ยวไปคนละ 2 ถ้วย ขี่รถมาไกลขนาดนี้กินถ้วยเดียวไม่คุ้มหรอก ๕๕๕ รสชาติก็อร่อยด้วยแหละ เกี๊ยวกรอบถ้วยหนึ่ง น้ำเปล่า 2 ขวด ตุ๊กตา 1 ตัว มื้อนี้ 200 บาท ค่ะ ^^
กลับไป Check out แบกเป้ขึ้นรถแล้วไปต่อ ยังมีเวลาพอจะเที่ยวในปายได้ เราเลือกไปหมู่บ้านสันติชลและน้ำตกหมอแปง
ที่หมู่บ้านสันติชล จะเป็นหมู่บ้านจีนยูนาน มีบัวหิมะขายด้วยนะ ตอนแรกที่เห็นนึกว่าหัวมันลองไปชิมกันได้ มีร้านอาหาร มีม้าให้ขี่รอบๆ หมู่บ้าน ถ้าใครอยากใส่ชุดจีนถ่ายรูปก็มีให้บริการชุดละหนึ่งร้อยบาท ตรงสะพานจะมีร้านเฉาก๊วยอร่อยมากเนื้อจะหนึบๆ แต่จำไม่ได้ว่าแก้วเท่าไหร่เพราะแฟนเป็นคนไปซื้อ ถ้ามาแล้วลองมาชิมดูนะคะ อร่อยจริงๆ ^^
ข้าวเที่ยงเราตั้งใจจะไปกินที่น้ำตกหมอแปง แต่พอเข้าไปถึงไม่มีอะไรขายเลย น้ำก็น้อยมากๆ
กลับเข้าเมืองมาอีกรอบเพื่อหาอาหารประจำชาติกิน “ส้มตำหน้าอำเภอ" อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ต้มแซ่บจะหอมโหระพา ถูกใจที่สุดคือข้าวเหนียว หอมและนุ่มจนต้องเพิ่ม ตบท้ายด้วยข้าวเกรียบปากหม้อ ขายอยู่หน้าร้านส้มตำเลย ทำเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ราดน้ำกะทิด้วย ชุดละ 20 บาท รสชาติเกินราคามากกกกกกก มีไก่ย่างอีกหนึ่งอย่างด้วยนะ
จากนั้นไปตุนเสบียงสำหรับคืนนี้ เราจะไปกางเต็นท์นอน ทำอาหารกินกันที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ห่างจากปายไปประมาณ 30.5 กิโลเมตร
ระหว่างทางที่ไป อช.ห้วยน้ำดัง จะผ่านถนนช่วงที่มีการปรับปรุง ฝุ่นเยอะมากเป็นสาเหตุที่ทำให้ซื้อผ้าปิดปากมุ้งมิ้งเมื่อคืน
ถึงทางเข้าจะมีจุดเก็บค่าเข้าอุทยาน วันธรรมดาลด 50% จนถึงสิ้นปี 2558 ค่าเข้า 2 คนและมอเตอร์ไซด์หนึ่งคัน รวมเป็น 70 บาท จากจุดเก็บค่าเข้าอุทยาน ขี่รถเข้าไปอีก 6 กิโลเมตรจะถึงจุดกางเต็นท์ ต้องเข้าไปจ่ายค่ากางเต็นท์ตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนนะคะ ถ้าจะติดต่อเช่าอุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่นี่เลยค่ะ โดยอัตราค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ มีดังนี้
ค่ากางเต็นท์คนละ 30 บาท
เตา 20 บาท
ถ่านถุงละ 30 บาท
เสื่อผืนละ 30 บาท
ตะแกรงอันละ 20 บาท
เต็นท์นอนขนาด 3 คน หลังละ 225 บาท
ผ้าห่ม (เป็นแบบผ้านวม) ผืนละ 50 บาท
ถุงนอนอันละ 30 บาท
แผ่นรองนอน 20 บาท
หมอนใบละ 10 บาท (บางมาก)
ต้องการอะไรแจ้งเจ้าหน้าที่ไปเลยค่ะ ไม่มีค่ามัดจำ ให้แต่บัตรประชาชนไว้
แผ่นรองนอนถ้าคิดว่าไม่เปลืองเงินอะไรมากนักก็เช่าเถอะ มันช่วยลดความเย็นจากพื้นที่จะมาสัมผัสกับตัวได้ มีอยู่คนครั้งหนึ่งไปนอนที่แคมป์ตีนดอยโมโกจู ไม่มีแผ่นรองนอน มีแค่ถุงนอนหลับไม่ลงเลย ต้องคอยพลิกไปเรื่อยๆ เพราะพื้นมันเย็นมากกกกกกก ถ้าใครใช้ถุงนอนแล้วคิดว่ามันยังอุ่นไม่พอ มีเสื้อผ้าอะไรก็ยัดใส่ถุงนอนแล้วก็นอนไปกับมันเลย ช่วยลดความเย็นได้นิดนึง (*** แต่ผ้าที่ใส่ในถุงนอนต้องเป็นผ้าแห้งนะคะ)
จากนั้นก็ไปกางเต็นท์ได้เลย เราเลือกลาน D ซึ่งเป็นลานกางเต็นท์ที่นิยม (สอบถามเจ้าหน้าที่มา) วิวตรงลานกางเต็นท์นี้สามารถมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวได้ คนไม่เยอะมากค่ะ พอครึกครื้น
ร้านค้า ร้านอาหารของอุทยานฯ ปิดสองทุ่มนะคะ อยากได้อะไรซื้อไว้ก่อนเผื่อดึกๆ จะหิว
ร้านค้าตรงลานกางเต็นท์ D
ห้องน้ำสะดวกสบายมากค่ะ เราไม่ได้เดินไปดูลานกางเต็นท์อื่นนะ เท่าที่เห็นเราว่าตรงร้านข้าวของอุทยานห้องน้ำสภาพดีมากกกกก แต่เชื่อเถอะอากาศ 16-17 องศา ไม่มีใครแย่งคุณอาบน้ำหรอกค่ะ พระอาทิตย์ไม่ทันจะตกดินอากาศก็เริ่มเย็นแล้ว
ฝั่งพระอาทิตย์ตกภูเขากลายเป็นสีทอง ฝั่งดอยหลวงเชียงดาวก็กลายเป็นสีชมพู
ธรรมชาติสวยงามไม่ซ้ำกันเลยสักวินาที ^^
มื้อเย็นเราง่ายๆ เน้นเพิ่มไขมันสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ใช้เป็นเบคอนรมควันเพราะจะได้ไม่ต้องกังวลกับการซื้อน้ำแข็งมาแช่ มีหมูคุโรบุตะด้วยจัดหนักเลย!! ส่วนน้ำจิ้มแจ่วซื้อแบบขวดมา อร่อยใช้ได้ค่ะ ที่เลือกเบคอนเพราะไม่อยากหิ้วขวดน้ำมันพืชไปมามันเสี่ยงที่จะหกใส่กระเป๋ามาก งานเข้ายิ่งใหญ่เลยนะ แต่ถ้าเราใช้เบคอนน้ำมันก็ไม่ต้องใช้ล่ะเพราะตัวเบคอนมีน้ำมันในตัว แล้วมันก็อร่อยมากๆ (โปรดลืมเรื่องแคลอรี่) เวลาวางเบคอนลงในกระทะเสียงมันดัง ฉ่าาาาาา!!! ไปสามเต็นท์สี่เต็นท์ เกรงใจจริงๆ เลย อิอิ ต้มมาม่าไว้ซดน้ำร้อนๆ แค่นี้ก็ฟินไปแปดโลกแล้วค่ะ
เบคอนถุงใหญ่ค่ะ สองคนไม่สามารถจัดการได้หมด ก็หากล่องที่มิดชิดเก็บไว้มื้อต่อไป
เราชอบที่นี่เพราะด้านหนึ่งมองเห็นพระอาทิตย์ตกดิน พรุ่งนี้เช้าหันไปอีกด้านหนึ่งจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับยอดดอยหลวงเชียงดาว ส่วนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง โลกของดวงดาวชัดๆ
ค่าใช้จ่ายวันนี้
ถั่วเหลืองทอด 20 บาท
ก๋วยเตี๋ยว @บ้านจ่าโบ่ 200 บาท
โกโก้ร้อน @กิ่วลมปาย - ปางมะผ้า 2 แก้ว 70 บาท
ส้มตำหน้าอำเภอ 210 บาท
ข้าวเกรียบปากหม้อ 20 บาท
เติมน้ำมัน 90 บาท
มาม่า + น้ำจิ้มแจ่ว 46 บาท
หมูคุโรบุตะ + เบคอนรมควัน จำราคาไม่ได้แต่ไม่เกิน 250 บาท
ตะเกียง LED + ถ่าน 152 บาท
ค่าเข้า อช.ห้วยน้ำดัง 70 บาท
ค่ากางเต็นท์และเช่าเครื่องนอน 220 บาท
ไส้อั่ว 20 บาท
น้ำเปล่า 40 บาท
รวม 1,408 บาท
ห้วยน้ำดัง-ปางอุ๋ง
เราตื่นเเต่เช้า ในเต็นท์เราอุ่นมาก จะไม่อุ่นได้ไงโบกผ้านวมไปสองผืน เสื้อกันหนาวอีก แต่ข้างนอกหนาวมากกกกกกก ดาวยังไม่หายไป แสงของพระอาทิตย์กำลังมา เราชอบเวลานี้มันสวยกว่าที่พระอาทิตย์ขึ้นอีก เพราะขอบฟ้าจะเป็นเส้นสีทอง
มุมนี้นั่งถ่ายหน้าเต็นท์เลย
แสงเยอะขึ้นก็เริ่มมองเห็นน้องหมอก...
เปลี่ยนมุมบ้าง...เลยศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปจะมีจุดชมวิว ตรงนี้จะเห็นทะเลหมอกชัดกว่าตรงลาน D มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพอยู่ เขาหันมาบอกเราว่า วันนี้ทะเลหมอกไม่เยอะ ถ้าเยอะจะมองไม่เห็นภูเขาข้างล่างเลย สำหรับเราวันนี้ก็สวยแล้วนะ ^^ ส่วนตรงกิ่วลมเราไม่ได้ไปค่ะ
หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับความสวยงาม ก็ได้เวลามื้อเช้า...โดยมื้อนี้เรากินกันที่ร้านข้าวของอุทยาน ตอนเช้ามีแต่ข้าวต้ม (หรือโจ๊กนะจำไม่ได้ ฮ่าๆ) นะคะ ใส่ไข่ด้วยถ้วยละ 50 บาท ระหว่างรอเต็นท์แห้งก็ทำความสะอาดเศษซากที่กินไว้เมื่อคืน ก่อนถึงห้องน้ำมีที่ล้างจาน เก็บขยะรอบๆ เต็นท์ให้หมด ตอนแพคกระเป๋าทำไมของมันใส่ไม่พอเหมือนตอนมา TT
จากนั้นก็ขี่กลับปาย เพื่อคืนรถและกินข้าวกลางวัน (กินอีกแล้ว!) ควรจะกินข้าวไปเลยนะ เพราะต้องอยู่บนรถไม่ต่ำว่า 3 ชั่วโมง จุดหมายต่อไปคือแม่ฮ่องสอน รถตู้จากปายไปแม่ฮ่องสอนมีรอบเดียวคือ 08.30 น. ซึ่งเรามาไม่ทัน (ถ้าคิดว่าทันควรจองไว้ตั้งแต่วันมาถึงไม่งั้นเต็ม) มีอีกตัวเลือกหนึ่งคือรถบัสพัดลม รอบ 11.00 น.ไม่รับจองล่วงหน้าต้องมาซื้อตั๋วตอนขึ้น ลง บขส แม่ฮ่องสอนคนละ 80 บาท
รถมาช้ากว่าเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ฝรั่งไม่สามารถนั่งตัวตรงได้ เพราะที่นั่งมนแคบ ต้องนั่งตัวเอียงๆ แค่คนก็เต็มรถแล้ว สัมภาระไม่ต้องพูดถึงเต็มทางเดิน!!! อากาศดี นั่งชิวๆ หวานเย็นกันไป ช่วงทางขึ้นรถถอยหลังบ่อยมาก เหมือนจะขึ้นไม่ไหวลุ้นไปตลอดทาง แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ทริปนี้ได้ slow life ก็ตรงนี้แหละ ฮ่าๆ รถจะพักตรงสบป่องให้ได้ลงไปเข้าห้องน้ำ ประมาณ 10 นาที
ระหว่างทางก็จะได้เห็นทิวทัศน์สวยๆ
ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เกือบ 5 โมงเย็น เป็นสถาขนส่งที่เงียบมากๆ เราจองรถกลับกรุงเทพฯ ของสมบัติทัวร์ก่อน เพราะมีรถแค่ 2 รอบต่อวัน คือ 15.00 น. และ 16.00 น.(รอบบ่ายสี่เป็น VIP) เรียกพี่วินมอเตอร์ไซด์หน้าขนส่งให้พาไปร้านเช่ามอเตอร์ไซด์คนละ 40 บาท พี่วินฯ พาเรามาร้านแถวสวนสาธารณะจองคำ ชื่อร้าน PA
เหลือรถมอเตอร์ไซด์อยู่สองคันซึ่งกำลังจะโดนเช่าไป พี่วินเลยพาไปอีกร้านหนึ่งซึ่งก็หมดเหมือนกัน กลับมาร้าน PA อีกครั้ง แผนไปปางอุ๋งกำลังจะพังก็มีคนเอาฮอนด้าดรีมแก่ๆ มาคืน
เจ้าของร้านบอกว่าคันนี้ขึ้นปางอุ๋งไหวนะ (พี่เห็นกระเป๋าหนูยังคะ? TT ) ไหวก็ไหว นาทีนั้นต้องลุยแล้ว!!! มีค่ามัดจำ 1000 บาท พี่เจ้าของร้านมีแผนที่ให้ค่ะ พร้อมกับอธิบายเส้นทางและที่เที่ยวต่างๆ เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะใจเรามันไปปางอุ๋งเเล้ว เปิด Google Map เหมือนเดิม ทางชันเลยทีเดียว สงสารรถมอเตอร์ไซด์อ่ะ คนสองคนก็หนักร่วมสองร้อยไหนจะกระเป๋าอีก
***แต่ถ้าใครขี่รถไม่เป็นมีรถสองแถวสีเหลืองเข้ามาปางอุ๋งค่ะ หน้าตาแบบนี้
รถจะจอดอยู่ที่ตลาดสายหยุด มีรถ 2 รอบ
จากตลาดสายหยุดไปปางอุ๋ง 09.00 และ 15.30
จากปางอุ๋ง 05.30 และ 11.00
เพื่อความชัวร์ ควรสอบถามก่อน 0812880841, 0871767892, 0823819206
ก่อนถึงจะผ่านพระตำหนักปางตอง เราไม่ได้แวะเพราะเวลาไม่พอถ้าใครมาฝากเที่ยวด้วยนะ ^^
ปางอุ๋งมีชื่อเต็มว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)" มาถึงปางอุ๋งหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ต้องเปิดตะเกียงกางเต็นท์กันเลยทีเดียว เข้ามาจะเป็นหมู่บ้านรวมไทยก่อน ซึ่งในหมู่บ้านจะมีโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ร้านข้าว ร้านขายของมีเยอะเลย บ้านพักที่ติดอ่างเก็บน้ำมากที่สุดคือ " รวมไทยเกสท์เฮ้าส์" ติดต่อจองห้องพักได้ที่ 053611244 (ควรจองตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ) มีห้องพักหลายแบบ มีลานกางเต็นท์ด้วย (ถ้าจะกางเต็นท์นอน ของกรมป่าไม้สวยกว่าค่ะ)
แต่ถ้าใครอยากกางเต็นท์นอนริมน้ำต้องเข้าไปอีกจะเป็นส่วนของกรมป่าไม้ไม่ต้องโทรจอง เราพยายามหาเบอร์โทรติดต่อกับกรมป่าไม้ที่นี่เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จ่ายค่าเข้าและค่ากางเต็นท์ก่อนนะคะ ถ้าอยากเช่าเต็นท์และเครื่องนอนติดต่อด้านในตรงจุดบริการนักท่องเที่ยว อยู่ติดกับร้านขายของทางเดินลงไปห้องน้ำและลานจอดรถ
คนเยอะกว่าที่คิด แต่ก็พอจะหาที่ว่างๆ กางติดริมน้ำได้ใกล้กับที่ให้อาหารหงส์พอดีเลย ^^
แผนที่ปางอุ๋ง...ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
ทางไปห้องน้ำและลานจอดรถจะมีร้านค้า ใครอยากกินหมูกระทะสั่งมากินหน้าเต็นท์ได้ อยากเพิ่มอะไรก็สั่งได้ เราซื้อเห็นเข็มของถุงหนึ่งเอามาใส่มาม่า 20 บาท ร้านค้าตรงนี้ปิด 20.30 น. ส่วนใครอยากชาร์ตแบต มือถือเครื่องละ 20 บาท พาวเวอร์แบงค์อันละ 40 บาท เขาจะติดเบอร์ไว้ที่เครื่องของเราพร้อมให้บัตร ตอนมารับเอาบัตรมาด้วยนะ
เราขี่มอเตอร์ไซด์ไปในหมู่บ้านรวมไทย เพื่อไปซื้อน้ำดื่มและของกินเพิ่มเติม ถั่วเหลืองทอดดีงามมากกกกกกก ลืมเฟรนฟรายไปได้เลย หมั่นโถวทอดจิ้มนมข้นก็อร่อยค่ะ
กลับมาก็ได้เวลาทำมื้อเย็น มีหมูทอดและข้าวเหนียวซื้อจากตลาดแถวหน้าร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ด้วย เบคอนเหลือจากเมื่อวานก็เอามาจัดการซะ มาม่านี่ขอเลย การที่ได้ซดน้ำมาม่าตอนอากาศหนาวๆ มันดีงาม (ลืมใส่เห็ดเข็มทองในมาม่า TT)
คืนนี้รู้สึกว่าหนาวกว่าที่ห้วยน้ำดังนะคะ ตอนไปอาบน้ำ 16 องศา ขออวดหน่อยเถอะ!! อาบน้ำก่อนนอนทุกวันนะคะ!! อากาศหนาว ไม่สะพรึงเท่าน้ำจากฝักบัวไหลเบาเกือบติดกำแพง นึกภาพออกใช่ไหม อาบน้ำตอนอากาศหนาวๆ มันต้องใช้ความรวดเร็ว แบบขันจ้วงตักๆๆ สาดโครมๆๆๆ เช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว กว่าจะอาบน้ำเสร็จ ทรมานมากกกกก
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้หน่อย
โจ๊กใส่ไข่ 100 บาท
น้ำยาล้างจานและสก๊อตไบร์ท 30 บาท
โกโก้ + ขนมยูโร่ 52 บาท
ข้าวกลางวัน @ขนมจีนนั่งยอง (ข้าวผัด กระเพรารวม ต้มยำ) 205 บาท
รถบัสพัดลมไปแม่ฮ่องสอน 160 บาท
ค่ารถทัวร์กลับกรุงเทพฯ 1382
วินมอเตอร์ไซด์ 80 บาท
เช่ามอเตอร์ไซด์ 200-250 บาท
หมูทอด + ข้าวเหนียว 110 บาท
ค่าเข้าปางอุ๋ง+ค่ากางเต็นท์ 100 บาท
เช่าเครื่องนอน 170 บาท
ถั่วเหลืองทอด 60 บาท
น้ำดื่ม น้ำอัดลมและมาม่า 60 บาท
ชาร์ตมือถือและพาวเวอร์แบงค์ 120 บาท
เห็ดเข็มทอง 20 บาท
รวม 2,899 บาทตั้งนาฬิกาปลุกไว้เหมือนเดิม ตื่นมาตีห้ากว่าๆ นั่งดูดาวหน้าเต็นท์ ริมน้ำ ดาวเยอะมากค่ะ อยากถ่ายรูปมาฝากแต่ฝีมือไม่ถึงจริงๆ มีแค่เลนส์ 16-50
ปางอุ๋งเวลานี้เหมือนไม่มีคนอยู่สักคน เหมือนมีแค่เรากับเสือหลายๆ ตัวที่คำรามอยู่ในเต็นท์ ส่งภาษาเสือคุยกันพอเต็นท์นี้เงียบ อีกเต็นท์หนึ่งก็จะคำรามกลับ ฟาดฟันกันดุเดือดไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ เช้ามาคงเจ็บคอกันเป็นแทบๆ ฮ่าๆๆๆๆ หงส์ดำมาแต่เช้าเลย แอบถ่ายแบบมืดๆ เนี่ยแหละ ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็ไม่ชอบแสงแฟลชหรอกเนอะ
ตอนเช้าคนเยอะมากค่ะ หน้าเต็นท์วุ่นวายนิดหน่อย เพราะจะมีทัวร์รถตู้มาลงที่นี่และเวลานี้ใครๆ ก็ตื่นมาดูความสวยงาม ช่วงเวลาที่สวยที่สุดของปางอุ๋งก็คือช่วงเช้า หมอกลอยล่องเหนือผิวน้ำ
หงส์ขาวเหมือนรู้คิวการแสดงยกปีกออกมาสง่างามมาก หงษ์จะมีอยู่ 2 คู่ เป็นหงส์ขาวและหงส์ดำ ซึ่งเป็นหงส์พระราชทาน ไม่กลัวคนแถมขู่ใส่ด้วย
มีเรือแพให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆ
สายๆ คนเริ่มน้อยปางอุ๋งกลับมาสงบอีกครั้ง เห็ดเข็มทองและเบคอนยังอยู่เลยจัดมาม่ามี 2 ห่อ พอรองท้องไปก่อน เก็บของเรียบร้อยลองขี่รถไปตรงสะพาน มุมนี้ไงที่ตามหา เสียดายมาเจอช้าไป
ใกล้ๆ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วย
ขี่รถมาในหมู่บ้านแวะกินกาแฟลุงปาละ นอกจากเป็นร้านอาหารและกาแฟแล้ว ยังมีโฮมสเตย์ด้วย มีดอกไม้สร้างสีสันให้สดชื่นอยู่ทั่วเลย
กาแฟสดจริงๆ มีต้นกาแฟขึ้นใกล้ๆ โต๊ะเลยค่ะ ^^
จุดหมายต่อไปคือที่ที่ทำให้เรามาแม่ฮ่องสอนนั่นคือ “หมู่บ้านรักไทย"
มาถึงก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปรอบๆ หมู่บ้าน มีร้านขายของฝากเยอะเลย อัลมอนด์อร่อยมาก แต่มีเงินซื้อกลับไม่ได้แค่สองสามถุง เพราะเราไม่ได้กดเงินมา พลาดมากกกกกกกก ที่นี่หาตู้ ATM ไม่ได้หรอกนะ เพราะฉนั้นเตรียมเงินมาให้พร้อม
อ่านรีวิวมาบอกว่า มาที่นี่ต้องกินอาหารจีนยูนาน ที่ลีไวน์รักไทย ถ้าใครไม่อยากกินหนักๆ ก็มีร้านกาแฟ วิวดีมาก...
มื้อนี้สั่งมา 2 อย่างค่ะ เป็นขาหมู+หมั่นโถว และซุปฮ่องเต้ (ซุปไข่) มาแบบอลังฯ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้เลยสั่งข้าวมาด้วย รสชาติจืดไปหน่อยสำหรับเรา กินไม่หมดเลยสักอย่าง
ปิดท้ายด้วยชา ทางร้านมาให้ชิมฟรีมีชา 2 แบบด้วยกัน ชาหยดน้ำค้าง อีกอย่างจำชื่อไม่ได้แต่หอมเหมือนน้ำหอมเลย วิธีดื่มชาดึงถ้วยออกมาจะเอามาดม หรือเอาถ้วยมาอังที่ตาก็ได้ ผ่อนคลายดี มื้อนี้ค่าเสียหาย 510 บาท
ก่อนกลับแวะไปถ่ายรูปบนลีไวน์รักไทยรีสอร์ท ที่นี่แหละคือจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดในทริปนี้ จากรูปภาพที่เด้งขึ้นมาในฟีดข่าว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เรามาไกลได้ขนาดนี้ ถ้ามาเช้าๆ คงฟินกว่านี้ ตอนเที่ยงแดดร้อนมาก
ทำท่าเก็บชา...
เวลาใกล้หมด...ก่อนคืนรถเราแวะสถานที่สุดท้ายมีเวลาประมาณ 45 นาที คือร้านกาแฟก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา (Before sunset Cafe) อยู่ตรงลานจอดรถบนพระธาตุดอยกองมู กาแฟหลักสิบวิวหลักล้านจริงๆ
เวลาน้อยมากๆ แม้แต่พระธาตุดอยกองมูก็ไม่ได้แวะสักการะ ไปเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนนำรถไปคืน เข้าไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซด์ที่หน้าขนส่งให้มารับที่หน้าร้าน PA ยังพอมีเวลาแวะซื้อขนมตุนไว้เป็นมื้อเย็นและเข้าห้องน้ำ ออกจากแม่ฮ่องสอนบ่ายสาม ถึงกรุงเทพไม่เกินเจ็ดโมง เราใช้เวลาจนวินาทีสุดท้ายกับแม่ฮ่องสอนจริงๆ
การเดินทางกลับโค้งเยอะเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือขาหมูที่กินเข้าไปทำท่าจะออกมา แฟนก็ปวดท้อง ตัวร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เกือบหกโมง รถทัวร์มาถึงจุดจอดแม่สะเรียง และจะออกรถอีกทีตอนทุ่มตรง หาข้าวเย็นกินกันเอง ส่วนเราสองคนกินอะไรไม่ลงแล้วนอกจากยาแก้เมารถ เตรียมถุงไว้เผื่ออ้วกด้วยนะ ถึงจุดจอดกำแพงเพชรแวะพักกินมื้อดึกเหมือนเดิมไปกินข้าวเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่บุฟเฟต์แล้ว ตั๋วหนึ่งใบ แลกอาหารได้หนึ่งจาน ถ้าใครไม่ทานก็สามารถนำไปแลกเครื่องดื่มได้ ถึงฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ประมาณตีห้าหน่อยๆ (บอกพนักงานตอนนำกระเป๋าไปใส่ใต้ท้องรถว่าลงตรงไหน)
การเดินทางอาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผน ยังมีหลายที่ที่พลาดไป แต่มันก็ดีนะเพราะทำให้เราอยากลับมาที่นี่อีก ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ และหวังว่ารีวิวเราจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังหาที่เที่ยวต้อนรับอากาศหนาว
*ไปเที่ยวปางอุ๋ง - หมู่บ้านรักไทย กดเงินไปให้พร้อมนะคะ เราพลาดมาแล้ว เพราะของฝากมีเยอะมาก อัลมอนด์อร่อยมากๆ
*เก็บกล้องให้ดี ปิดเลนส์แคป ถ้ากล้องขึ้นฝ้ามาจะอดถ่ายรูปสวยๆ ยามเช้านะคะ
*ไปเที่ยวอย่าลืมเคารพกฎกติกาของสถานที่นั้นๆ ด้วยนะคะ พร้อมที่จะเปิดตัวเองและรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น แล้วจะได้อะไรมากกว่ารูปถ่ายสวยๆ มาลง IG และ Facebook
*** ถ้าอยากเห็นธรรมชาติที่สวยงาม ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติด้วยค่ะ ***
ค่าใช้จ่ายวันสุดท้าย
มาม่า 12 บาท
โกโก้ร้อน 40 บาท
กาแฟลุงปาละ ไม่เกิน 150 บาท
มื้อกลางวัน @ลีไวน์รักไทย 510 บาท
ชาเย็น @ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา 45 บาท
เติมน้ำมัน 70 บาท
วินมอเตอร์ไซด์ไปขนส่ง 80 บาท
ขนมที่ขนส่ง 70 บาท
ยา น้ำดื่ม ฝรั่งแช่บ๊วย 55 บาท
ค่ารถ Taxi 133 บาท
รวม 1165
รวมทั้งหมด 4,197 + 1,408 + 2,899 + 1,165 = 9,669/2 คนละ 4,834.5 บาท
ไม่รวมของฝาก ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านตั้งแต่แรกจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้นะคะ ^^
แป้งเจอนี่เจอนั่น
วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 05.29 น.