มาแล้ววววววววววว ปั่นเดี่ยวเที่ยวอยุธยา ตอน 2 ใครยังไม่ได้อ่านตอนแรก ไปอ่านตามลิงค์นี้เลย https://th.readme.me/p/27974

เมื่อมีวันหยุด เราก็มีทริปเดินทางท่องเที่ยวตลอด อย่างที่หลายคนพูดกันมั้ง วันหยุดคือ " สวรรค์ " ^__^ เก็บกระเป๋าพร้อมออกเดินทาง รอบนี้ก็เช่นเคยเดินทางไปอยุธยาอีกแล้วววววววววววว ก็อีกเช่นเคยไปทางรถไฟ ไปรอตั้งแต่ก่อนสถานีเปิด (ชาวบ้านเรียกไปรอตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน) สถานีรถไฟหัวลำโพงยามค่ำคืน ดูแล้วสวยมาก บางครั้งเราก็อยากเดินทางช้าๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศระหว่างการเดินทาง

เก็บกระเป๋า ใส่รองเท้า พร้อมเดินทาง^__^

บรรยากาศสถานีรถไฟยามค่ำคืน

รอบนี้เราจองโฮสเทลนอน 1 คืน ใกล้ๆ สถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อให้ทันรถไฟช่วงเช้ามืด (โฮสเทล คือที่นอนที่นอนรวมกัน ห้องหนึ่งจะนอนประมาณ 8 -10 คน เป็นเตียง 2 ชั้น) หาที่พัก ที่นอน แถวสถานีรถไฟหัวลำโพง เราหาจากเว็ปไซต์ traveloka ก็เจอที่พักใกล้สถานีรถไฟหัวลำโพง ห่างจากสถานีรถไฟ 10 นาที เมื่อไปถึงโฮสเทลแล้วฝนตกพอดี เราเข้าไปเช็คอิน (ป๊อป อาร์ท โฮศเทล แบงค็อค คือโฮลเทนที่เรานอน) แล้วคุยกับสตาฟโฮสเทลนิดหน่อยเรื่องเช็คเอ้าท์ออก (โฮสเทลนี้สตาฟสปีคอิงลิช เราเลยต้องสปีคอิงลิชตอบ) โฮลเทลนี้แอร์เย็นช่ำมาก พอดูอุณหภูมิ 18 องศา นอนห่มผ้าทั้งคืนเลย zzzZZZ

ป็อป อาร์ท โฮลเทล แบงค์ค็อก มันก็จะมืดๆหน่อย

บรรยากาศตี 5 ทางเดินไปสถานีรถไฟหัวลำโพง

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 5 ต้องรีบตื่น เพราะเราจะนั่งรถไฟไปอยุธยาเที่ยว ตี 05.20 น. พอตื่นแล้ว เก็บของเสร็จแล้ว ก็รีบเดินไปที่สถานีรถไฟหังลำโพง เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ ซื้อตั๋วเสร็จ ต้องรับวิ่งไปขึ้นรถไฟ เฉียดฉิวมาก เกือบตกรถไฟ โชคดีที่ได้ยินเสียงประกาศรอบสุดท้ายว่าขวบนี้อยู่ที่ชานชาลาไหน พอได้ยินแล้วรีบวิ่งเลย

ตั๋วรถไฟไปอยุธยา 15 บาท

พอขึ้นนั้งบนรถไฟเลือกที่บั่งได้ตามสบาย ช่วงสถานีต้นทางรถไฟก็จะโล่งหน่อย นั่งไปสักพักก็จะเห็นวิวข้างทาง เพราะเป็นช่วงเช้า พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี บางช่วงผ่านที่ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า บางช่วงผ่านทุ่งนา นั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อย จนถึงอยุธยา

Tips : โหลดแอพ thai railway ไว้ด้วย เพื่อใช้ในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว

วิวข้างทางที่นั่งรถไฟ

บรรยายกาศสถานีรถไฟช่วงเช้าๆ

มาถึงอยุธยาแล้ว เราก็ตรงไปที่ตลาด ลงจากรถไฟ เดินข้ามถนนไปก็เจอแล้ว เราไปถึงอยุธยาประมาณ 7 โมงเช้า เป้นช่วงที่คนกำลังเดินทางไปทำงาน นักเรียน นักศึกษากำลังไปเรียน เราไปแวะกินโจ๊ก กะขนมครกเจ้าเก่าหน้าสถานีรถไป

บรรยากาศยามเช้าหน้าสถานีรถไฟอยุธยา


บรรยากาศตลาดยามเช้า


โจ๊กใส่ไข่ 20 บาท

ขนมครก 10 บาท

ไปทีไรกินร้านนี้ตลอด

ใครมาเที่ยวแนะนำให้แวะมากิน โจ๊กใส่ไข่ 20 บาท ขนมครก 10 บาท อิ่มท้องแล้วเราก็ออกเดินทางต่อ ก่อนออกเดินทาง แวะซื้อข้าวเหนียวหมูทอด ตรงข้างหน้าตลาด รอบนี้เราเอากล่องไปด้วย เราจะเที่ยวแบบรักษ์โลก

ข้าวเหนียวสมุนไพรหมูทอดพิเศษ 30 บาท

ร้านป้าหาง่ายมากอยู่หน้าตลาด คนต่อแถวซื้อเยอะมาก

แล้วเราก็ไปเช่าจักรยาน 50 บาท / วัน ปั่นไปเที่ยว ปั่นไปไหว้พระต่อ รอบนี้เราปั่นจักรยานรอบนอกก่อนเข้าไปในเกาะอยุธยา ดูจากแผนที่นี้แล้วอยุธยาเป็นเกาะ มีแม่น้ำ 3 สาย ไหลผ่าน แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี

ไปเช่าจักรยานหรือมอเตอร์ไซต์ ก็จะได้แผนที่มา

รอบนี้วัดแรกที่เราไปคือ วัดใหญ่ไชยมงคล ในวัดนี้มีน่องท่องเที่ยวเข้ามาไหว้พระเยอะมาก ส่วนมากจะมาเป็นคณะทัวร์มากกว่า อาจจะเป็นจุดแรกที่เข้ามาอยุธยาแล้วต้องแวะ ไหว้พระที่วัดนี้ก่อนเดินทางต่อ ในวัดนี้จะมีดอกไม้ ธูป เทียน ให้ทำบุญซึ่งเป็นดอกบัว แล้วเดินเข้าไปไหว้พระที่ด้านใน มีจุดให้ทำบุญ เสี่ยงเซียมซีด้วย

จุดที่ถ่ายรูปแล้วสวย


เลยถ่ายกับเขาด้วยได้มาแบบนี้

บรรยากาศภายในวัด มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก

จุดนี้เป็นจุดที่ต้องต่อเที่ยวเพื่อถ่ายรูป

รอบๆ เจดีย์วัดใหญ่ไชยมงคลจะมีประพุทธรูปอยู่รอบๆ เจดีย์

ขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิว ตอนที่ปั่นจักรยานไปเป็นช่วงเช้า 8 โมงกว่า แดดยังไม่ร้อน ก็จะเห็นวิวด้านบนสวย มีสายลมพัดด้านบนอ่อนๆ ทำให้เย็นสบาย

ถ่ายจากด้านบนเจดีย์วัดใหญ่ไชยมงคล

ออกจากวัดใหญ่ไชยมงคลแล้ว เราก็เดินทางไปที่วัดพนัญเชิงต่อ ที่นี่มีจุดไหว้พระ ทำบุญ จุดให้อาหารปลา ซึ่งวัดอยู่ติดกับจุดที่แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมารวมกัน เราก็เดินถ่ายรูป เดินไหว้พระไปเรื่อยก็มาเจอจุดให้ถ่ายรูป

ทางเข้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร

จุดทำบุญไหว้พระจะอยู่ด้านในนี้

จุดถ่ายรูปที่วัด


ภาพถ่ายจากโดรน อยู่บริเวณวัด

มีบรรไดลงไปท่าน้ำให้อาหารปลา บนแพก็มี

จุดให้อาหารปลาก็จะมีอยู่หลายจุด ปลาที่นี่เยอะมา มีเจอปลาตะเพียนด้วยอ่ะ หาสีแดงๆ มองอยู่นานมากใช่ปลาตะเพียนหรือเปล่า ดูแล้วก็หาข้อมูลเป็นปลาตะเพียนหางแดงจริงๆด้วย เราก็เดินลงไปที่แพเพื่อชมวิวแม่น้ำ มีเรือลากจูงเรือสินค้ามาด้วย ทำให้บรรยากาศบรเวณนี้ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

เรือลากจูง สร้างบรรยากาศให้กับการให้อาหารปลา

ออกจากวัดพนัญเชิงแล้วเราก็ปั่นไปหมู่บ้านฮอลันดา ซึ่งไปผิดวัน วันนั้นที่ไปคือเขายังไม่เปิดทำการ เหิดทำการทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ T_T เลยได้แต่ถ่ายรูปบริเวณนี้มา ไม่มีข้อมูล หรือเรื่องเล่าเลย

ที่ตั้งหมู่บ้านฮอลันดาในอดีต

จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานไปหมู่บ้านญี่ปุ่น หมู่บ้านญี่ปุ่นอยู่ฝั่งเดียวกันกับหมู่บ้านฮอลันดา แต่ต้องปั่นไปประมาณ 1 กิโลเมตรได้นะ

ทางเข้าหมู่บ้านญี่ปุ่นเลี้ยวซ้ายสำหรับจักรยาน,มอเตอร์ไซต์ เลี้ยวขวาสำหรับจอดรถยนต์

ค่าเข้า 50 บาท มี 2 จุดให้เข้าชม ข้างในเปิดแอร์เย็นช่ำเลย มีเป็นพวกเครื่องมือเครื่องใช้สมัยก่อน การตั้งรกรากของคนญี่ปุ่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประวัติความสัมพันธ์ระหว่างสมัยกรุ่งศรีอยุธยากับญี่ปุ่น ภายในห้องมีรายละเอียดให้อ่านด้วย นอกจากคนญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่แล้ว ยังมีคนจากที่เชื้อชาติไหนบ้างในสมัยนั้นมากอาศัยอยู่

อาคารแรก

ภาพรวมให้ห้องนี้

เครื่องใช้ภายในห้อง

เรือจำลองในการเดินทาง

บรรยากาศริมแม่น้ำ


ในอาคารที่ 2 มีวิดีโอให้ชมเป็นประวัติผู้ที่ทำคุณงามความดี ในสมัยอยุธยา ผู้มีตำแหน่างต่างๆในสมัยอยุธยา เช่น ท้าวทองกีบม้า ในหมู่บ้านญี่ปุ่นตอนที่ไปไม่ค่อยมีคนเข้ามาชมเท่าไหร่

บรรยากาศสวนย่อมดูร่มรื่น

ออกจากหมู่บ้านญี่ปุ่นเราไปหมู่บ้านโปรตุเกสต่อ ปั่นกันจนเหนื่อย ปั่นขึ้นสะพานไปเลย

บรรยากาศวิวแม่น้ำบนสะพาน

ป้ายหน้าหมู่บ้านโปรตุเกส

ดูบรรยากาศแล้วมันเงียบมากๆ ไม่กล้าเข้าไปเดิน แอบหลอน ทั้งๆที่กลางวันแสกๆ

Tips : ปั่นจักรยานเที่ยวทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติ แนะนำให้เตรียมน้ำผสมเกลือแร่ดื่มระหว่างปั่นจักรยาน ดื่นน้ำผสมเกลือแร่ แทนการดื่มน้ำเปล่า ทำให้ร่างกายสดชื่น

ออกจากหมู่บ้านโปรตุเกสแล้วก็ปั่นไปที่วัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งห่างจากหมู่บ้านโปรตุเกศประมาณ 4 กิโลเมตร ปั่นชมวิวหมู่บ้านไปเรื่อยๆ เส้นนี้จะเงียบหน่อยเพราะไม่ใช้เส้นท่องเที่ยว ส่วนมากจะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ชาวบ้านที่อยู่บรอเวณนี้มากกว่า ปั่นมาเรื่อยๆ ก็ถึงทางเข้าวัดพุทไธศวรรย์แล้ว เข้าไปทำบุญ

บรรยากาศบริเวณวัดพุทไธศวรรย์

พระพุทธไสยาสน์ อยู่ทางด้านหลัง

มีอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่ทางริมแม่น้ำ เดินเข้าไปทำบุญ ไหว้พระด้านใน ก็จะมีน้ำให้ดื่มด้วย เดินเข้าไปจะมีเจดีย์วัดพุทไธศวรรย์ เดินเข้าไปรอบๆมีพุทธรูป ล้อมรอบทางสี่ด้าน เข้าไปเดินสำรวจ ไหว้พระ ถ่ายรูปแล้ว

ออกจากวัดพุทไธศวรรย์ ส่วนตัวมุ่งหน้าจะไปซื้อโรตีสายไหมหน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ก็จะผ่านวัดไชยวัฒนาราม เลยแวะลงไปถ่ายรูป ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามวัดไชวัฒนารามจะมีร้านให้เช่าชุดไทยใส่ไปถ่ายรูปในวัด

วัดไชยวัฒนาราม

ร้านเช่าชุดไทยตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม

จากนั้นจึงปั่นจักรยานข้ามถนนกำลังจะขึ้นสะพานสังเกตุเก็นทางเข้าวัดกษัตราธิราช จึงแวะเข้าไปทำบุญ ไหว้พระ ในวัดมีทำบุญหลายอย่าง ถวายสังฆทาน ทำบุญน้ำดื่ม ทำบุญกะเบื้อง ถวายหนังสือในพระภิกษุ สามเณรเพื่อศึกษา ขอพรหลวงปู่ทวดองค์จำลอง ขอพรหลวงปู่โตองค์จำลอง

ทำบุญในวัดษัตราธิราช

ทำบุญแล้วก็ปั่นจักรยานขึ้นสะพานไปซื้อโรตีสายไหมหน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาต่อ ปั่นจักรยานระวังรถกันด้วยนะ สะพานฝั่งนี้รถจะเยอะมาก ซึ่งถนนเส้นนี้เลี่ยวมากจากวัดไชยวัฒนารามเลี้ยวซ้ายไป จ.สุพรรณบุรีได้เลย ข้ามสะพานแล้วมุ่งหน้าปั่นไปซื้อโรตีสายไหมต่อ มีแวะถ่ายรูปข้างทางด้วย เป็นโบสถ์เซ็นยอเซฟ

โบสถ์เซ็นยอเซฟถ่ายจากฝั่งตรงข้าม

ปั่นมาเรื่อยๆ ก็เจอร้านอาหาร ร้านโรตีสายไหมข้างทางบ้าง โรงแรมบ้าง ถนนช่วงนี้จะคึกคักไม่เงียบเพราะมีรถผ่านตลอด มีรถจอดข้างทางบ้าง มีโรงแรมบ้าง และก็ถึงที่ซื้อโรงตีสายไหมของเรา ข้ามถนนไปเลือกซื้อมา 3 ถุง 100 บาท แล้วก็ถึงเวลาไปหาของกินต่อ

โรตีสายไหม

จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานไปกินก๋วยเตี๋ยวต่อ ร้านกรุงเก่าเตี๋ยวเรือไปไม่ถูกก็ตั้ง GPS กันเลย เราตั้งจากโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ไปร้านกรุงเก่าเตี๋ยวเรือ ในร้านคนไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงบ่าย แล้วก็ถึงเวลากินของเราแล้ว เตี๋ยว 1 ชามเล็ก ผัดไทกุ้งสด 1 จาน ปิดท้ายด้วยน้ำแข็งใส่ 1 ถ้วย

เตี๋ยวชามเล็ก อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม

แอบเอาข้าวเหนียวสมุนไพรหมูขึ้นมากินระหว่างรอผัดไทกุ้งสด

ผัดไทกุ้งสด

น้ำแข็งใส

อาหารที่สั่งมาอร่อยทุกย่าง อิ่มท้องแล้วเราก็ปั่นไปเที่ยวต่อ ออกจากร้านกรุงเก่าเตี๋ยวเรือก็ปั่นไปเที่ยวต่อที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ปั่นไปเรื่อยๆ ผ่านตลาดเจ้าพรหมแล้วก็ไปถึงทางเข้าพิพิธภัณฑฯ แล้ว มีป้ายติดไว้ว่าวันนี้ปิด เลยอดเดินเข้าไปชมเลย T__TT__T

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษมอยู่ตรงข้ามกับตลาดหัวรอ จากนั้นเลยเปลี่ยนแผนใหม่ปั่นเอาจักรยานไปคืนร้านเดิม แล้วเดินทางไปสถานีรถไฟดีกว่า ลองเปลี่ยนเป็นกลับช่วงเกือบ 4 โมงเย็นบ้าง วางแผนกลับเร็วเพื่อไปให้ทันรถไฟจากสถานีหัวลำโพง ไปลาดกระบัง (ขอมูลการเดินรถ ของการรถไฟ ดูได้จากแอพนี้ thairailway)

มาถึงสถานนีรถไฟแล้วรถที่เข้ามามีขบวน 112 เลยเข้าไปจองตั๋วเข้ากรุงเทพฯ ค่าตั๋วรถ 20 บาท นั่งรถสักพัก รถไฟก็เทียบชานชาลา ช่วงเวลานี้คนเยอะมาก เป็นช่วงที่นักเรียน นักศึกษาเลิกเรียนด้วย คนเลยเยอะ

ตั๋วรถไฟขาเข้ากรุงเทพ

ขึ้นรถไฟแล้วก้นั่งชมวิว ข้างทางมาเรื่อยๆ มีหลับบ้างเป็นบางช่วง จนมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง ตอนประมาณ 6 โมงเย็นนิดๆ เดินเข้าไปในสถานีแล้วจองตั๋ว ไปลาดกระบังทันที ค่าตั๋วจากหัวลำโพงมาลาดกระบัง 6 บาท

ตั๋วไปลาดกระบัง

จากนั้นก็เดินหาขบวนรถว่าอยู่ชานชาลาไหน แล้วก็ไปนั่งรอบนรถ รถไฟออกจากสถานีตอนเวลา 18.25 น. ซึ่งเรามาทันแล้วมีเวลานั่งกินข้าวด้วย รถขบวนนี้คนเยอะมาก แน่นตลอดมีคนขึ้นทุกสถานี เพราะเป็นคนที่อยู่แถวชานเมืองเข้ามาทำงานในเมือง ถึงลาดกระบังตอนเวลา 19.20 น. เป็นอันจบทริปวันนี้

การเดินทางด้วยรถไฟทำให้เราได้เห็นบรรยากาศต่างๆ ที่เราไม่เคยเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนที่เดินทางโดยรถไฟ ผูกพันกับรถไฟ





วันหยุดไปเที่ยวกันเถอะ

 วันพฤหัสที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.54 น.

ความคิดเห็น