ผ่านไปครึ่งปีหลังจากไปท่องญี่ปุ่นมา ก็ยังลงรีวิวไม่จบไม่สิ้น หลังจากลงเรื่องเดินทาง เรื่องนอน และเรื่องเที่ยว
เรื่องเดินทาง ::
http://pantip.com/topic/34408455
เรื่องนอน :: http://pantip.com/topic/34464661
http://pantip.com/topic/34473297
http://pantip.com/topic/34484668
http://pantip.com/topic/34488165
เรื่องเที่ยว :: http://pantip.com/topic/34570881
มาว่าด้วยเรื่องกิน ขอแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคกินมาก กับภาคกินมากกว่า (ไม่ใช่ละ)
ภาคแรก เก็บเรื่องกินโซนเกียวโต และโอซาก้า
ภาคสอง เก็บเรื่องกินโซนโตเกียวและปริมณฑล (ขอเรียกตามนี้แล้วกัน ฟังดูเข้าใจง่ายๆ หน่อย)
รีวิวนี้พิกัดร้านอาหารยังเป็นปัญหาว่าจะอธิบายยังไง จำไม่ได้อาศัยเดินตามเค้าไป ชื่อเมนูก็เป็นปัญหาอีก เพราะสั่งด้วยภาพ สรุปคือ รีวิวอะไรไม่รู้ รูปภาพดี แต่ไม่มีข้อมูล
เรื่องกินที่ 1
เริ่มกิน ว่ากันตั้งแต่หลุดจากสนามบินต่อรถไฟเข้าเกียวโต ด้วยสายอะไรกับสายอะไรนั่น ช่างมันเถอะค่ะ จำได้แต่ตั๋วสีเขียวกับสีชมพู แวะซื้อขนมปังร้านนี้แหล่ะอยู่ริมบันไดพอดี
เก็บสัมภารกเรียบร้อยก็ออกท่องเที่ยว จากมื้อแรกขนมฝาหรั่ง ลองขนมญี่ปุ่นดูบ้าง กับ Nama Yatsuhashi ขนมดีขนมเด็ดของเกียวโต หน้าตาเหมือนเกี๊ยวกรอบท่าพระจันทร์ แต่ด้านในมีใส้ ดั้งเดิมเป็นถั่วแดง หลังๆ ก็เริ่มมีใส้อื่นๆ เกาลัด งาดำ ช๊อคโกแลต บล่าๆๆๆ
คหสต. เกาลัดจืด ช๊อคฝืดคอ งาดำเข้มๆ สตรอไม่ได้ลอง สรุป ถั่วแดงเริ่ดสุดในปฐพี (จากประสบการณ์ชิมร้านนู้น และร้านนี้)
กินแบบจริงจังเป็นกะละมังกันบ้างดีกว่า ร้านแรกอยู่แถวๆ Togetsukyo Bridge แถวๆ Arashiyama ที่มีป่าไผ่เยอะๆ นั่นหละ ก่อนเข้าป่า เราแวะกินก่อน
ร้านตั้งอยู่สี่แยกทางขึ้นลงสะพานพอดิบพอดี ชื่อร้านตามภาพ อ่านออกก็อ่านกันไปนะ ส่วนตัวอ่านไม่ออก
นั่งซักพักเมนูก็มา ภาษาอังกฤษก็มี ณ จุดนั้น เดินไปหน้าร้านและจำหน้าตาอาหารค่ะ ชี้ๆ จิ้มๆ กันไป ง่ายๆ มื้อแรกอย่าพยายามเลย
4 คน 4 กะละมัง (เอ้ย ชาม) รสชาติดีเด่น อาจจะเค็มไปนิด มื้อแรกไม่ชินรสชาติ ชามที่เป็นปลานั่นก็ไม่คาวนะ ดี๊ดี ไม่รู้ทำยังไง
ปิดจบโซนนี้ด้วยไอติมชาเขียว ผ่านร้านไอติมที่คนมุงเยอะๆ ด้วย แบบเยอะเกินเราไม่รอ เรื่องกินอย่าให้รอค่ะ ไปซื้ออีกร้าน ชาเขียว ก็เขี๊ยววว เขียวววว จริงจัง
เรื่องกินที่ 2
หลังจากออกจากป่าไผ่ ก็เดินทางเข้าเมืองแวะกินอาหารเย็น ตั้งใจแรกจะหาร้านบรรยากาศดีดี ริมน้ำนะ น่ารักกกกก แต่ราคาแพงระยับเลย เปลี่ยนเป้าค่ะ ร้านอะไรก็ได้ที่อาหารอร่อย เจอเข้ากับร้านอะไรก็ได้นี่หละทางขึ้นติดกับร้านแมคโนนัลด์ (คาดว่าเพื่อนๆ คงหาไม่เจอหรอก บรรยายได้กว้างขนาดนี้)
เดินขึ้นบันไดไป เจอเข้ากับกำแพงไฟพร้อมชื่อร้าน
เมนูก็มา หน้าที่สั่งไม่ใช่ของเราค่ะ
ถ้าอยากสั่งเพิ่ม สั่งกับก้อนแดงๆนี้ค่ะ (ฮันโหล ฮันโหล... ไม่ใช่ เค้าให้กดเรียกพนักงาน)
ระหว่างรออาหารที่สั่ง อาหารที่ไม่ได้สั่งก็มา (เอ้า...) คืองี้ เค้าเรียกอะไรไม่รู้ แต่ลูกค้าได้ทุกคน คนละจานน้อยๆ แล้วแต่ทางร้านจะจัดเมนูอะไรมาให้ เรียก ออเดิร์ฟแล้วกัน กินไม่กินก็ได้ แต่จ่ายตังค์นะจ๊ะ (เอ้า...ที่สอง) งี้ไม่อยากกินก็บอกไม่เอาซิ ก็...ไม่ได้ไง ร้านอยากให้เป็นอภินันทนาเกินที่คุณต้องจ่าย แต่ไม่น่าแพง (มั๊งนะ ไม่ได้เป็นคนจ่ายตังค์แฮะ)
แต่ละร้านเมนูออเดิร์ฟที่ว่านี่จะเหมือนกัน
ร้านที่มานั่งได้ความว่าเป็นร้านเหล้าญี่ปุ่นค่ะ อาหารก็จะมาแบบจานน้อยๆ แต่สั่งหลายๆ อย่าง กินเหล้าไป กินกับไปงั้นนะ แต่กลุ่มเราไม่ใช่สายดื่ม แต่เราสายแดรก...ค่ะ เหล้ายาเราไม่ แต่ปลาปิ้งเรากิน มื้อนี้ไม่ได้สั่งเอง (มื้อไหนๆ ก็ไม่ได้สั่งเอง) หน้าที่อย่างเดียว คือ กิน ดังนั้น เอาหน้าตาอาหารกับรสชาติไป ส่วนชื่อเมนูจริงๆ ช่างมันเถอะค่ะ
จานแรก สลัด อร่อยมั๊ยไม่รู้ซินะ แต่หายแว้บไปในพริบตา (หิวโหยมาจากที่ใดรือ)
ไก่ย่างเนื้อนุ่ม กับปลาย่างเนื้อนิ่ม
ยังอยู่ที่ปลาย่าง คนละปลากับจานบน เห็นแท่งๆ สีชมพูมั๊ยคะ อย่าเผลอกินเข้าไปเชียว รสชาติสุดจะพรรณนา
ปลาราดซ๊อสเห็ด มีวาซาบิวางอยู่ขอบจานคงให้กินด้วยกันแต่ไม่ได้กินแฮะ
ฟองเต้าหู้กินแบบเย็นๆ จิ้มวาซาบิหรือราดซ๊อสก็ได้ แปลกแต่อร่อย
เมนูสุดท้าย ข้าวหน้าปลา วิธีกินคือให้เอาน้ำซุปเทลงไป กลายเป็นข้าวต้มเครื่องไปซะงั้น ปิดอิ่มกลับที่พักได้
เรื่องกินที่ 3
ยังอยู่ในเกียวโต พาไปศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) ทางเข้ามีตั้งแผงขายขนม ผลไม้ แต่...ยังไม่ได้ซื้อแฮะ ชมเฉยๆ
แวะเสพวัฒนธรรมแถวๆ Higashiyama ผ่านร้านที่โฆษณาว่าพริกเผ็ดที่สุด แวะไปชิม (เรื่องกินฟรีขอให้บอก) คหสต.ก็เผ็ดนะแต่ยังไม่แบบปรี๊ดขึ้นสมอง
เดินไปเรื่อยๆ แวะกินขนมแผ่นๆ สีเหลี่ยม โรยผงๆ แข็งได้โล่ห์ ฟันปลอมมีหลุด
ขนมอื่นๆ อันนี้คุ้นๆ ว่าไม่ได้กิน (หรือกิน เริ่มไม่แน่ใจ)
เดินเยอะ คนเริ่มแยะ
หาร้านนั่งกินดีกว่า ลืมถ่ายหน้าร้านมา เลยได้แต่เมนู ตะเกียบร้าน มาเชยชม
แต่ไปแอบจิ๊กภาพจากกูเกิ้ลมา
ยังสั่งอาหารแบบเดิม คือ ชี้ตามรูป ชอบหรือถูกใจรูปไหน ชี้โล้ด อาหารมาเป็นเซ็ท คือ ข้าว 1 เส้น 1 เอาจริงๆ คือ ชามเดียวไม่ข้าวก็เส้นนี่ก็อิ่มแล้วนะ
ชุดแรก ข้าวหน้าปลาทอด+อุด้ง หน้าตาดี รสชาติก็ดี
ชุดที่สอง ข้าวหน้าปลา+โซบะ หน้าตาดี รสชาติก็ดีอีกเช่นกัน คือ บะหมี่บ้านเค้าหน้าตาดูจืดๆ นะ แต่กินแล้วมันเข้ากันดียังไงพิกล (อันนี้คือชมนะ)
ชุดที่สาม ราดหน้า+อุด้ง ชามแรกออกแนวราดหน้าบ้านเราแต่แทนที่จะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวราดด้วยน้ำเหนียวๆ ก็กลายเป็นข้าวแล้วราดด้วยน้ำเหนียวๆ แทน ก็แปลกดี
ชุดที่สี่ บะหมี่เป็ด+ฟองเต้าหู้เย็น อันนี้ดีงาม อร่อยเริ่ด เข้าใจว่าเป็นเส้นโซบะแล้วโป๊ะด้วยเนื้อเป็ด แต่เพิ่งมารู้ว่ามันไม่ใช่เป็ดบก แต่มันคือเป็ดน้ำ (ต่างกันยังไง)
ชามน้อยข้างๆกัน เป็นฟองเต้าหู้เย็นกินกับซีอิ๊วเค็มๆ ก็เข้ากันอยู่นะ
**ข้อมูลเพิ่มเติม**
เมนูฟองเต้าหู้ ชื่อ "ยุบะ-ซาชิ แปลว่า ซาชิมิฟองเต้าหู้"
เรื่องกินที่ 4
จบจากของคาวเราเดินเล่นไปเรื่อยๆ เข้าศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) จนมาโผล่เข้ากับวิวนี้
เดินข้ามถนนไปฝั่งโน้นกัน เป้าหมายคือหาของหวานกิน ผ่านย่านกิออน (Gion) ยังไม่เจอร้านถูกใจ เดินเลยมาเรื่อยๆ เจอร้านกระดาษซับมันที่เค้าว่ากันว่าใช้ดี๊ ดี แต่ราคาแร๊ง แรง
แล้วก็มาลงตัวที่ร้านนี้ จริงๆ ร้านที่เล็งไว้คนต่อคิวยาววววมากกกก จากชั้น 2 ลงมาถึงบันได ยาวมาชั้น 1 เอ่อ ก็ไม่รอนะ
เมนูเล็กน้อย
ใช้ระบบเดิม คือ สั่งด้วยภาพ ได้มา 4 เมนู ชอบที่เป็นชามๆ นั่นที่สุด รสชาติหลากหลายดี
เรื่องกินที่ 5
เราย้ายไป OSAKA ค่ะ เค้าว่ามาที่นี่ต้องกินทาโกะยากิ จัดไปอย่าให้เสีย ร้านไหนดังเราไม่สน สนแค่ว่าถ้าหิวเราก็จะกิน
เดินถัดจากร้านทาโกะยากิไม่เท่าไหร่ หาเรื่องกินจริงจังดีกว่า ร้านไรไม่รู้คราวนี้ไม่มีชื่อภาษาอังกฤษแฮะ
เจอหน้าตาโต๊ะแบบนี้แน่นอนมื้อนี้เราต้องแสดงฝีมือการครัวที่มีอยู่น้อยนิดซะแล้ว (เว่อร์เข้าไว้)
เมนูแรก เนื้อวัวเอาไปทำอะไรซักอย่าง ไม่ได้ลองชิม แต่รสชาติน่าจะใช้ได้ดูจากสีหน้าคนกิน ปลาบปลิ้มปรีเปรมดิ์
ปลาหมึกชุบแป้งทอด ปลาหมึกหนา แป้งบาง
อันนี้สารพัดเนื้อและผักชุบแป้งทอดเสียบไม้ ราดซีอิ๊วเค็มๆหน่อย หยิบมาก็ลุ้นไป ได้ไม้เนื้อหรือไม้ผัก
ยากิโซบะ ได้เวลาผัดๆ จริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย เค้าคลุกๆ มาเรียบร้อย เราก็แค่ตักมากิน รสชาติดีเด่น
สุดท้ายกับพิซซ่าญี่ปุ่น อันนี้อร่อยๆ
เรื่องกินที่ 6
เดินทางกินต่อไป คราวนี้ย้ายไป NARA ไปกินเนื้อกวาง แอร๊ยยย...ไม่ใช่ ไปดูกวางตัวเป็นๆ เดินยั้วเยี้ยในเมือง รอบนี้มีแววว่าต้องใช้พลังกับการเดินเยอะ ไปกินเพิ่มพลังก่อน ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง ดูหน้าตาอาหารจากป้ายชั้นล่าง น่าสนใจดี ตามข้าพเจ้ามา
ร้านอยู่ชั้น 2
ส่องเมนูเล็กน้อย ระบบสั่งอาหารใช้กดเรียกเหมือนร้านโน้นนนเลย
ตอนที่มาเป็นช่วงหลังเช้าแต่ก่อนเที่ยง (งงม่ะ เรียกให้เข้าใจง่ายว่า ช่วงสายๆ) ลูกค้ายังไม่เยอะค่ะ แอบเก็บภาพภายในร้านมาฝาก มีเมนูปิ้งย่างด้วยนะ ดูจากที่โต๊ะมีเตาไว้ให้ แต่เราไม่ได้สั่งค่ะ (เดี๋ยวหัวเหม็น) ด้านในมีห้องคาราโอเกะด้วย
มาดูอาหารทีสั่งกัน เน้นที่ข้าวหน้าต่างๆ เน้นไปที่ปลา (เพื่อสุขภาพ)
กุ้งหอยปูปลาหมึกหมูไก่วัว ไรที่นี่เค้าสดจริงไรจริงนะ
ข้าวหน้ารวมซีฟู๊ด
ข้าวหน้าปลาดิบรวม
ข้าวหน้าปลา (ชื่ออะไรมั๊งก็ไม่รู้)
ข้าวหน้าปลาแซลมอน
เมนูสุดท้ายเด็ดสุดกับ เนื้อปลาวาฬ ตอนสั่งก็นึกว่าจะปิ้งๆ ย่างๆ ให้สุกนอกดิบใน เรียกอะไรนะ มิเดี่ยมแร... ใช่ม่ะ ของจริงเท่านั้นแหล่ะ มันแร..แร้...แร...ดิบมาเชียว รสชาติ กลิ่นคาวชัดเจน รีบหาอะไรกลบๆ ไป ผักซักกำ วาซาบิซักก้อน
จบเรื่องนั่งกิน ระหว่างทางตามกวาง ก็แวะกินเล็กกินน้อย ร้านแรก ร้านนากาตานิ โดยู (Nakatanidou) ร้านโมจิที่เหมือนจะธรรมดา แต่มีดีที่มีโชว์นวดแป้งโมจิด้วยลีลาและความเร็วที่เห็นแล้วเสียวมือแทน สารภาพว่ากินเพลินเลยไม่ได้ในสภาพโมจิปกติ
ปิดด้วยไอติมอีกนิด เนื้อเนียนละมุนมาก
เรื่องกินที่ 7
มื้อสุดท้ายตั้งใจจบมื้ออาหารบนรถไฟ ตามแผนคือจากโอซาก้าเข้าโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) ก็ว่าจะซื้อข้าวกล่องขึ้นไปกินบนรถไฟ กินไป ชมวิวไป แต่เราไปถึงสถานีเร็วไปหน่อยเหลือเวลาอีกเยอะ จากข้าวกล่องบนรถไฟก็เลยกลายเป็นข้าวกล่องที่สถานีแทน ข้าวกล่องเค้าหน้าตาดีทุกกล่อง ติดที่ซื้อมาเยอะแล้วก็กินไม่หมดเลยต้องตัดใจเลือกกล่องที่คิดว่าจะกินหมด
ได้มา 4 กล่อง
โชว์หน้าตาอาหารแต่ละกล่องกัน
เป็นอันปิดจบการเล่าเรื่องกินในถิ่นญี่ปุ่น PART I ฉบับ KYOTO OSAKA ค่ะ
ตอนต่อไป ภาคสอง เข้าสู่เรื่องกินในถิ่นโตเกียวและปริมณฑล
つづく
ไปกินไปเที่ยว - หญิงเฮเทกระจาด
วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.50 น.