Lan na wild

"ร่างกายต้องการเขา อะไรจะฟินไปกว่าการได้นอนแช่ออนเซ็นอุ่น ๆ เอนกายซุกตัวในผ้าห่มท่ามกลางความหนาวเย็นของบรรยากาศ ตื่นมารับแสงแรกในยามเช้า ฟังเสียงนกร้องพร้อมมองวิวธรรมชาติ 360 องศา"



นอกจาก Check-in โรงแรมแล้ว ก็อย่าลืมถ่ายรูป check in ที่นี่น๊าาา


โซน check in และทานอาหาร


โซน check in และทานอาหาร


มุมนี้ดี ถ่ายรูปเป็นวิวภูเขาแบบ 180 องศา


สวัสดีภูเขาาาา


นั่งชิลเพลิน ๆ ระหว่างรอ Check in


หรือจะนอนมุมนี้ ชมวิวภูเขา ก็สบายดีนะ


สั่งอาหารล่วงหน้า เพื่อให้ครัวได้เตรียมให้เราก่อน


มีรองเท้าสานให้เปลี่ยนใส่แบบคิ้วท์ ๆ ด้วย


ที่พักที่นี่ เปิดให้ Check in ตอนบ่าย 3 โมง แต่ถ้าใครมาถึงก่อน ก็สามารถไปนั่งรอได้ที่ชั้นบนสุด หรือเดินถ่ายรูปเล่นเก็บวิวความสวยงามของธรรมชาติก็ได้เช่นกันค่ะ

พนักงานจะให้เราสั่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับมื้อเย็นไว้ล่วงหน้า รวมถึงแจ้งเวลาในการทานอาหารค่ะ ซึ่งถ้าถึงเวลาแล้ว เราก็สามารถมานั่งได้เลย ไม่ต้องรอทางครัวทำอาหารให้นานเกินไปค่ะ

และสำหรับใครที่ต้องการใส่บาตร ก็สามารถออเดอร์ชุดตักบาตรไปในใบรายการนี้ได้เช่นกันค่ะ

อีกทั้งโซนนี้ ยังเป็นโซนที่ห้ามลูกค้าใส่รองเท้าเข้ามา แต่ว่าทางโรงแรมเองก็จะมีรองเท้าสานมากมายหลายคู่ หลายไซส์ หลายแบบ ให้เลือกสวมกันแบบคิ้วท์ ๆ ไปเลยค่ะ




ห้องพัก Onsen tree tent


ห้องพักของเราตลอด 3 วัน 2 คืนนี้ Onsen tree tent ค่าาาา


ด้านในห้องพัก นอนได้ 2-4 คนเลย


สามารถเปิดหน้าต่างรับลมเย็น ๆ ได้ด้วยนะคะ


นอนอยู่บนเตียง แล้วมองไปนอกเต้นท์ สงบกว่านี้มีอีกไหม!?


ห้องน้ำดีไซน์เก๋ไม่แพ้กันค่ะ


มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ต้องกังวลว่าจะหนาวเลย


ทางโรงแรมมีชุดกิโมโนให้ใส่คลุมด้วยค่ะ


ห้องพักที่ STOP ME จองไว้คือ Onsen tree tent เป็นที่พักสไตล์แก้มปิ้ง

สามารถพักได้ตั้งแต่ 2-4 คนเลยค่ะ มีเตียง King bed จำนวน 2 เตียง ในช่วงกลางวัน เพื่อน ๆ สามารถเปิดเต้นท์ค้างไว้ได้ เพราะเวลาเรานอนบนเตียงแล้วมองออกไป จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ เพื่อน ๆ ยังสามารถเปิดหน้าต่างรับลมเย็น ๆ ได้อีกด้วย

ที่สำคัญทางห้องพักมีชุดคลุมกิโมโนไว้ให้สำหรับใส่คลุมไปแช่ออนเซ็นที่หน้าเต้นท์ หรือจะใส่เดินไปทานข้าวแบบเก๋ ๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

ห้องพักที่นี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศนะคะ แต่จะมีเป็นพัดลมให้แทน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศเลยค่ะ เพราะข้างบนนี้เย็นสบายมาก ๆ ยิ่งตกดึกก็ยิ่งหนาวค่ะ



ออนเซ็นอุ่น ๆ หน้าห้องกับน้องแมวตัวน้อย


ที่นี่มีน้องแมวไม่สนโลก 1 ตัวถ้วน!


OK! เจ้าได้สิทธินอนที่เดิม ข้าขอยอมแพ้

ตอนบ่ายก็แช่ออนเซ็นแบบฟิน ๆ ได้


แช่ออนเซ็นอุ่น ๆ ตอนเช้าคลายหนาวแบบฟิน ๆ


เป่าฟองฟู่ววว ฟู่วววว


ก็ผมไม่อยากขยับไปไหนนี่งับบบ


อ่างออนเซ็นห้องนี้เป็นอ่างยางแบบวงกลม ขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถแช่แบบ 4 คนได้สบายเลยจ้า แต่ STOP ME มาแบบอโลนนนน เพราะเพื่อนร่วมทริปไม่ยอมแช่ออนเซ็นด้วย เลยได้แช่ออนเซ็นอุ่น ๆ แบบคนเดียวสบ๊ายยยย

ออนเซ็นที่นี่สามารถปรับอุณหภูมิได้ด้วยนะคะ ในช่วงเช้าน้ำจะอุ่นมากที่สุด น่าจะประมาณ 39 องศา ซึ่งการแช่ตอนเช้า จะให้ความรู้สึกฟินมากขึ้นไปอีก เพราะอากาศตอนเช้าที่นี่จะหนาวมากกก อีกทั้งยังไม่มีแดดออก ทำให้เราสามารถเสพความสุขกับบรรยากาศของป่าเขาได้อยากชุ่มฉ่ำหัวใจ

และถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมาที่นี่ อาจจะได้เจอกับน้องแมวผู้ไม่สนโลก ที่มานอนทับเบาะออนเซ็นเราอยู่ก็ได้ ซึ่งต่อให้เราขยับเบาะออกไป น้องก็ยังไม่ยอมลงออกจากเบาะ จนเราต้องยอมแพ้เอง 555




มาทานอาหารกัน~


มื้อ Dinner ก็ชมวิวแบบพาโนรามาไปอี๊กกก


เซ็ตจิ้มจุ่มหมูทะเล


เซ็ตจิ้มจุ่มหมูล้วน


หมูสำหรับจิ้มจุ่ม


ตะกร้าผักน้อยที่ปริมาณไม่น้อยเลย


กุ้งทอดกระเทียม


เอ้า ชนนนน!


หลังทานข้าว ก็ได้เวลาของ Cocktail จ้า


แก้วแรกหมดไป แก้วสองค่อย ๆ หมดไป~


เมื่อเพื่อนร่วมทริปร่วมกันเซอร์ไพรส์วันเกิดกับทางโรงแรม


สำหรับมื้อเย็นของที่นี่ STOP ME ขอแนะนำเป็นชาบู หรือจะเรียกแบบไทย ๆ ว่าจิ้มจุ่มก็ได้ มีให้เลือกทั้งแบบหมูล้วน และแบบทะเล นอกจากจะมีชาบูที่เป็นทีเด็ดของที่นี่แล้ว การชนเบียร์ตัดขอบฟ้าก็เป็นอะไรที่มันดีย์เช่นกันนนน

จบจากการทานมื้อเย็นแล้ว ก็สามารถนั่งจิบ Cocktail แบบชิล ๆ ได้ถึงประมาณ 3 ทุ่มเลยจ้า ใครอยากได้อะไรก็ลุกไปสั่งตรงบาร์ได้เล้ยยย

หรือถ้าใครมี Special day แบบวันเกิด วันครบรอบ หรือวันสำคัญอื่น ๆ ก็มาฉลองกับคนสำคัญได้เช่นกัน เพราะพนักงานที่นี่ เค้าช่วยกันเตรียมเซอร์ไพรส์สุดฤทธิ์ ทั้งเค้ก ทั้งเป็นคนร้องเพลง ทั้งถือมาให้เป่าเทียน และยังช่วยย้ำเตือนให้ด้วยว่า อย่าลืมอธิษฐานนะ ^_____^ น่าร๊ากกกก




มื้อเช้า เค้าว่าสำคัญนะ :)


เซ็ตไข่กระทะและวาฟเฟิล


วันที่สองก็ยังไข่กระทะ แต่วาฟเฟิลเปลี่ยนเป็นหน้าฝอยทองจ้า


มื้อเช้าแบบชิล ๆ เด้อออ


สำหรับมื้อเช้าจะมีให้เลือกระหว่างข้าวต้มหมูและไข่กระทะ ซึ่งเราเลือกเป็นไข่กระทะ ทานคู่กับวาฟเฟิลค่ะ ไข่กระทะที่นี่โรยหน้าด้วยกุนเชียง, หมูยอ, และพริกหวาน รสชาติอร่อยสุด ๆ ไปเลย ตบท้ายด้วยวาฟเฟิล แป้งหนานุ่ม หวาน ๆ พร้อมกับวิปครีมและซอสสตอเบอร์รี่ก็เข้ากั๊นนน เข้ากันนน

ส่วนในวันที่สอง ก็ยังเลือกเป็นเมนูเดิม ที่เพิ่มเติมคือทางโรงแรมเค้าเปลี่ยนหน้าเป็นฝอยทองค่ะ ชอบในความไม่ซ้ำ ให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อเลย

ส่วนโกโก้และลาเต้ก็รสชาติเข้มข้นมาก ๆ ความหวานกำลังดี แบบนี้เอาใจของ STOP ME ไปเลยจ้า




ที่ตั้งและการเดินทาง


แผนที่ Lan na wild

Lan na wild

ตั้งอยู่ที่ห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่

ใกล้หมู่บ้านแม่กำปองและร้านกาแฟเดอะไจแอนท์ ห่างจากสนามบินประมาณ 60 กิโลเมตร


สามารถจองรถแท็กซี่รับส่งจากสนามบินเชียงใหม่ได้นะคะ

หรือจะเช่ารถขับมายังที่พักเองก็ได้

นอกจากนี้ยังนั่งรถตู้มาลงที่ร้านกาแฟเดอะใจแอนท์ ราคาคนละ 150 บาทจากสนามบินก็ได้เช่นกันค่ะ

**มีรถชาวบ้านบริการมาส่งที่โรงแรม กรณีที่มาลงยังจุดเปลี่ยนรถธารทอง**


สามารถติดตามราคาได้จากทาง https://www.facebook.com/lannawild/ หรือโทร 08 - 9143 - 9225 เนื่องจากแต่ละช่วงราคาไม่เท่ากันค่ะ



Ep. นี้ ขอจบไว้เฉพาะในส่วนของโรงแรมก่อนน๊าาา ส่วน Ep. ถัดไป จะมาเล่าถึงประสบการณ์การของการไปเที่ยวปางช้างกันตา ปางช้างที่ได้ช่วยเหลือช้างมาจากการถูกใช้แรงงานหนักจากทางที่ต่าง ๆ โดยที่ STOP ME ได้มีโอกาสไปป้อนอาหาร ทำยาระบาย และช่วยอาบน้ำช้าง จะสนุกขนาดไหน ต้องตามลุ้นกันนะคะ

By STOP ME


Joojee'n Nature

 วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.43 น.

ความคิดเห็น