ใครว่าเราจะไม่อยากไปในที่ที่เคยไปแล้ว ที่นี่ได้ทลายหลักคำพูดพวกนั้นไปหมดเลยจ้า


ทางเราได้กลับมาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 และยังไม่ทันได้กลับมากรุงเทพ การจองในครั้งที่ 3 และ 4 ของพวกเราก็เกิดขึ้น 55+


ที่นี่มีดีอะไรหรอ ทำไมเราต้องกลับไปอีกรอบ บอกไม่ถูกเลย แต่ถ้าใครอยากหาที่ทิ้งร่างจากความเหนื่อยล้าในการทำงาน หรือหลีกหนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ บอกเลยว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรพลาดจริงๆ


เกริ่นมาเยอะขอขายของก่อนน้า ฝากกดติดตาม ให้กำลังใจพวกเราได้ที่เพจนี้น้า " Porjaipai : พอใจไป" ด้วยนะคร๊าบ

(ยั่วๆ มันดีงามจริงๆที่นี่)


ไปกันดีกว่า ทริปนี้เรารวมพลกันที่หมอชิต 2 ในคืนวันศุกร์ การเดินทางไปสุโขทัยมีวิธีง่ายๆ 3 วิธีน้า

🚗 ขับรถส่วนตัวไป จะใช้เวลาประมาณ5-6ชั่วโมง


🚌 รถทัวร์ ที่เห็นๆมี 3 เจ้าคือ พิษณุโลกยานยนต์ , 999 และ สุโขทัยวินทัวร์ที่เราเลือก รอบที่เลือกคือ 22:30 แบบvip ราคาค่ารถอยู่ที่ 395 บาท (อัพเดต พ.ย. 62) สามารถดูตารางรอบรถได้ที่ http://sukhothaiwintour.com/schedule.html และโทรจองตั๋วได้ที่ 055-611039 / 087-8425144 ซึ่งน่าจะเป็นรอบที่ดีที่สุด เพราะ มาถึงที่ บขส.สุโขทัยประมาณตีห้าได้


🛫 เครื่องบิน มีสายการบินเดียวคือ Bangkok airway ซึ่งค่าใช้จ่ายแล้วแต่รอบที่เลือกเลยจ้า โดยส่วนตัว แอบเล็งกะเพื่อนไว้ว่ารอบหน้าจะลองกลับเครื่องเพราะอยากเห็นแผ่นดินรูปหัวใจ


ทางเราอยากนอนกันสบายและงบน้อยเลยขอเลือกรถทัวร์จ้า ใครมีงบเยอะแนะนำเครื่องบินเลย เพราะไปเช้าวันเสาร์ นอนเต็มอิ่มสบายๆ


การเดินทางในสุโขทัย มีทั้งเช่ารถขับเอง และเช่ารถพร้อมคนขับ ครั้งนี้เราเช่าพร้อมคนขับจ้า จะได้หลับสบายๆ ฟินๆ ใครสนใจรถตู้ VIP แบบที่พวกเราใช้สอบถามได้นะคะ พี่บริการดีน่ารัก


ปะ พร้อมแล้ว ไปกันดีกว่า อย่างที่เห็นว่าเราไปถึงสุโขทัยเช้ามากกกกก เลยแวะทุ่งเสลี่ยมก่อนไปนาต้นจั่น เพราะเวลาที่จะเข้าไปที่พักได้คือประมาณ บ่ายสามโมงเย็นค่ะ จริงๆสุโทัยมีที่แวะเยอะแยะเลยแหละ แล้วแต่เลยคร๊าบบว่าเพื่อนๆมาสายไหน สายชิว สายธรรมชาติ สายประวัติสาสตร์



ในส่วนของพวกเราแวะไปเรื่อย มาถึงนาต้นจั่นบ่ายสองได้ เลยแวะพัก และติดต่อที่พักกันก่อนที่ ศูนย์กลางชุมชนบ้านนาต้นจั่น ที่นี่ก็จะมีข้าวเปิ๊บยักษ์ให้ลองชิมกัน ในส่วนของเรานั้น ขอกาแฟค่ะ ง่วงมากกก



โดยส่วนตัวชอบกาแฟที่นี่ ราคาไม่แพง ติดใจตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่มา อร่อย หอมค่ะ วิวนั่งจิบกาแฟหลักล้านนั่งรอเวลา พี่เขาแจ้งว่าบ้านพักยังทำความสะอาดไม่เสร็จ

วิวนั่งพักด้านบนคือสบาย นั่งหลับ นอนหลับไปตามกันจ้า มีปลั๊กไฟตามมุม นอนรอเวลาไปได้เรื่อยๆได้

วิวฝั่งตรงข้าม มองมาเป็นศูนย์กลางชุมชน มีขายเสื้อผ้าพื้นเมืองที่จอดรถและห้องน้ำให้บริการอยู่ด้านข้าง


นอกจากอาหารจะราคาน่ารักแล้ว แสงยังดีงาม กดชัตเตอร์ไปรัวๆจ้า



นอกจากจะมีข้าวเปิ๊บชามยักษ์ อาหารพื้นเมืองของที่นี่ เสื้อผ้าหมักโคลน และกาแฟสดแล้ว ยังมีซุ้มอาหาร และซุ้มขายของชาวบ้านที่นี่ด้วยค่ะ เราชอบน้ำอัญชันมะพร้าวอ่อนร้านนี้อร่อยนะ ลองมาชิมกันดูจ้า


ได้เวลาสามโมงนิดหน่อย มีพี่เดินมาถามว่าพักบ้านกลางดอยใช่ไหมคร๊าบ เดี๋ยวผมนำทางไป การเดินทางจากศูนนย์กลางต้องขับรถไปประมาร 3.5 กิโลเมตร เป็นทางขึ้นเขาค่ะ รถตู้ที่เราเช่าไป ไม่สามารถขับขึ้นไปได้ เลยได้ใช้บริการรถกะบะพี่เขาขึ้นไป นั่งรถมาสักพักก็ถึงแล้วจ้าาา บ้านกลางดอย




บรรยากาศคร่าวๆของบ้านกลางดอยค่ะ บ้านนี้มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สามารถนอนได้ 7 คนสบายๆ ใครไปเกิน 7 คนลองสอบถามพี่เขาได้นะคะ น่าจะกางเต้นท์หรืออาจพอเสริมเครื่องนอน นอนปลาทูได้


ใครสนใจบ้านหลังนี้สิ่งที่ต้องตัดสินใจเพิ่มเติมนะคะ

** บ้านกลางดอยอยู่ห่างจากหมู่บ้าน 3.5 ก ม อยู่ในสวน

** ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็น

** ใช้ไฟแสงสว่างจากแผงโซล่าเชล สามารถชาร์ตแบตมือถือ แบตกล้อง

** มีพัดลม และมุ้งค่ะ

ถ้าไม่ติดปัญหาใน 4 ข้อนี้นะคะ สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่เพจของชุมชนได้ว่า บ้านหลังนี้ว่างในช่วงที่คุณว่างหรือป่าว ถ้าว่างอย่าลังเลค่ะ รีบจองเลยน้าจ้า บรรยากาศดีงาม แต่ถ้าไม่ว่างในช่วงที่คุณว่าง จริงๆบ้านหลังอื่นก็มีอีก 20 กว่าหลังเลยน้า เขาจะเวียนตามคิวที่มีจัดไว้ค่ะ



นั่งชิวได้สักพัก ตาเตี่ยมเจ้าของบ้านพักก็มานั่งคุยกับพวกเรา อีกสิ่งที่ชอบจนต้องกลับมาสำหรับโฮมสเตย์ที่นี่คือ ความเป็นกันเอง อัธยาศัยของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง มาเที่ยวเหมือนอยู่บ้าน แม้ว่าเราจะไม่ได้พักบ้านเขา ก็ยังทักทาย พูดคุย ยิ้มแย้มเป็นกันเอง


ใครที่จะขึ้นจุดชมวิวตอนเช้าแจ้งเจ้าของบ้านที่เราเข้าพักได้เลยนะคะ ในส่วนของเราเนื่องจากมาพักกลางดอยแล้วไม่ต้องนั่งรถมา เดินไปนิดเดียวก็ถึงจุดเริ่มเดิน เลยนัดเวลากันไว้ที่ตี4ครึ่งค่ะ


(บ้านสวนตาเตี่ยมค่ะ อยู่ก่อนถึงบ้านกลางดอย)

พูดคุยได้สักพัก ตาขอตัวไปเตรียมขันโตกมื้อเย็นให้พวกเรา ในส่วนของพวกเราก็ขอเดินย่อยอาหารเพื่อพื้นที่ในกระเพาะสำหรับมื้อต่อไป ซึ่งจัดเต็มมากกกกกกก

(พี่พี เจ้าของภาพสวยๆเยอะมากในทริปนี้)


(เดินมาสักพักถึงทางแยก พี่ในทริปบอกว่าไปลานกางเต้นท์กันเถอะ)


(ใช่จ้า!! พี่พาเราเดินวนมาจุดเริ่มเดินขึ้นจุดชมวิวซึ่งอยู่เลยบ้านพักเรามานิดเดียว กลับที่พักมาผลาญแคลที่นี่ก็ได้)


เป็นไงละมื้อเย็นของพวกเรา ทีมงานตาเตี่ยมจัดเต็มมากจ้า ดีนะพี่เอื้อยผู้ร่วมทริปบังคับสควท กะ leg lunge ช่วยผลาญไปได้นิดนึง 55


ระหว่างรอช้างขึ้น เนี่ยแหละจุดกำเนินนาต้นจั่น EP.2 ของพวกเรา บอกก่อนว่าครั้งแรกเราพักที่บ้านอชิ แล้วพี่เจ้าของบ้านเห็นแบกขาตั้งกล้องกันมาจัดเต็มมากจ้า เลยพาเราไปถ่ายดาวกลางนาข้าว แต่มันสว่างมากก ถ่ายช้างไม่ติดเลยได้แต่ดาวเต็มฟ้า เลยโดนป้ายยามาว่า ถ้าอยากถ่ายช้างต้องมาบ้านหลังนี้เลย บ้านกลางดอย ได้ชัวร์ๆ



สองทุ่มนิดๆ หางช้างก็มาแล้วจ้าแม่ แต่มันมาด้านหน้าบ้านจ้า เห็นลางๆไหม เราเห็นนะ55 เอาไงดี ในรูปเคยเห็นมันอีกฝั่งนี่น่า พาดผ่านชิงช้า ควักมือถือมาดูปฏิทิน เราต้องมา สค ไม่ก็ กยนะ เราจะได้มุมนั้น อะเค จองใหม่ไปโลด55


ความพยายามของพวกพี่ๆเขายังไม่หมด เดินมาจุดเริ่มเดินขึ้นจุดชมวิวเลยจ้า ปรากฎช้างก็ยังไม่ได้ ในส่วนของเรานั้น น็อคเฝ้าบ้านอยู่คนเดียวไปจ้า 55


หลังจากหมดหวังจากกลางคืน พวกพี่เขาเปิดปฏินดาวดูกันต่อ ตอนตี3น่าจะถ่ายจากหน้าบ้านตะระเบียงได้นะ ตื่นกันไปอีกจ้า เเหละเราก็ประสบความสำเร็จ แค่หางลางๆก็ยังดี55 (ปลอบใจตัวเองไปว่า ไม่เป็นไรน้า เรามาใหม่ กย กัน)


เรามีนัดกับพี่นำทางไว้ ตีสี่ครึ่ง พี่ๆคนอื่นเตรียมตัวกันไปจ้า ในส่วนเรานั้นหลับต่อ นอนก่อนตื่นหลัง55 คอนเซ็ปของเราเลย


ถึงเวลาพี่นำทางมาส่องไฟหน้าบ้านเรา มอบไฟฉายให้คนละอันและนำเดินไปจุดชมวิว ระยะทางประมาณ 950 เมตร ทางชันเบาๆค่ะ รองเท้าแตะได้ แต่ผ้าใบดีกว่า



เดินขึ้นมาถึง ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีได้ พระจันทร์ยังไม่ตกเลยจ้า แต่ส้มๆข้างล่างพระอาทิตย์ใกล้ขึ้นมาทวงพื้นที่คืนแล้ว




พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น เช่นเดียวกับคนที่ค่อยๆทยอยเดินขึ้นมา ทางเราจับจองพื้นที่แคร่ด้านหน้าสุด เพราะเดินขึ้นมาถึงกลุ่มแรกสุดในวันนี้น้า55


แค่กาแฟดำธรรมดา แต่พอเจอวิวหลักล้านไป กาแฟก็อร่อยขึ้นมาเยอะเลย



จริงๆบ้านพักจะเตรียมกาแฟ หรือ โอวันติน 3 in 1 มาให้ค่ะ แล้วพี่นำทางจะมาตัดกะบอกไม้ไผ่ ต้มน้ำให้ที่ด้านบน แต่พวกเรากินกาแฟดำกันหมดเลยจ้า เลยพกกาแฟมาเติมกันเอง


คนเยอะจริงๆ เลยตกลงว่าขอแค่เช็คอินกับป้ายก็พอ55 แย่งกับคนไม่ไหวจริงๆ ขอหนีกลับมาถ่ายรูปที่ที่พักดีกว่า เพราะบ้านของเราวิวหลักล้านไม่แพ้กันเลยจ้า


เดินกลับกันไปชิวๆจ้า


และนี่คือภาพวิวหลักล้านของบ้านกลางดอยจ้า เยอะมากจริงๆ เลือกรูปไม่ถูกเลย




นั่งพัก ถ่ายรูปเพลินกันได้แพร๊บเดียว ข้าวเช้าแบบจัดเต็มก็มาเสริ์ฟถึงที่จ้า

เป็นยังไงละ จัดเต็มมากแม่!!!


บรรยากาศโต๊ะอาหารเช้าของพวกเรา ดีงามล้านดวง


พักผ่อนชิวๆก่อนลงมาข้างล่างจ้า


เบื้องหลังภาพสวยๆจากพี่เอื้อย55


จะไปแล้วน้า แชะภาพกับป้ายบ้านไว้สักนิด ปีหน้าเจอกันนะจ้า


ได้เวลาบ๊ายบายตาเตี่ยมแล้วค่ะ ตารดน้ำต้นไม้อยู่พอดี เลยได้พรจากตามายกใหญ่ ปีหน้าเจอกันอีกนะคะตา หนูจะต้องล่าช้างมีแบล็คกราวด์เป็นชิงช้าให้ได้^^

ก่อนกลับ แวะโดฟกาแฟที่คาเฟ่ชุมชน ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์กลางสักนิด อร่อยและหอมไม่แพ้อีกฝั่งเลย


สุดท้ายนี้ นาต้นจั่นก็ยังคงสวยงามเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนเดือนมีนาคมที่เรามา อาจจะคนเยอะขึ้น เพราะครั้งนี้คือช่วงพีคของเขา กลางคืนอากาศดีเย็นสบาย สำหรับใครที่อยากพักผ่อนให้ความรู้สึกเหมือนกลับมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ที่นี่เป็นที่ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ ใครอยากเสพธรรมชาติแบบสุดๆ ลองจองบ้านกลางดอยสิคะ ที่นี่ ไม่ผิดหวังจริงๆ^^


สรุปค่าเสียหาย2วัน ประมาณ 2,500 บาท แบ่งเป็น

ค่าที่พัก + ข้าวเย็นและเช้า 600 บาท

ค่ารถทัวร์ไป-กลับ 790 บาท

ค่าเช่ารถขึ้นบ้านกลางดอย 200/5 = 40 บาท

ค่ารถขึ้นจุดชมวิว 450/5 = 90 บาท

ค่ารถ+น้ำมันในสุโขทัยคนละ 752 บาท

และที่เหลือยกให้ค่าอาหารจ้า


ใครที่สนใจอยากไปที่นี่ลองติดต่อดูนะคะที่เพจของชุมชนได้เลย โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ถ้าเพื่อนๆสนใจแพลน หรือมีอะไรสอบถามเพิ่มเติม ถามกันมาได้เลยนะจ้า อย่างที่บอก ฝากเพจเราด้วยแหละ Porjaipai : พอใจไป ฝากด้วยน้า


สุดท้ายนี้ขอบคุณรูปสวยๆจากพี่ๆผู้ร่วมทริปทั้ง พี่พี พี่สุ พี่เอื้อย และพี่แซม

เจอกันใหม่ทริปหน้าฮะ


#นาต้นจั่นต้องไปแล้วแหละ

#บ้านกลางดอยมันดีจริงๆนะ

#Porjaipai

Porjaipai : พอใจไป

 วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 13.06 น.

ความคิดเห็น