Koh Sichang – เกาะสีชัง, ชลบุรี

เกาะสีชัง 2 วัน 1 คืน กำลังดี เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ เที่ยวง่าย ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ เสาร์-อาทิตย์ ชวนเพื่อน วาร์ปไปชิลล์ใช้ชีวิตติดเกาะ

— เกาะสีชังอีกหนึ่งสถานที่ตากอากาศยอดฮิตตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่ยังคงเสน่ห์ ดึงดูดให้เราได้ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ เกาะเล็กๆ ที่ความสุขไม่ได้เล็กไปตามเกาะเลย ไม่ต้องมีวันลา ไม่ใช้เวลามาก ก็สามารถพาตัวเองมาพักผ่อนกับบรรยากาศชิลล์ๆ ได้ไม่ยากนัก เอาเป็นว่าไม่ต้องคิดมาก หาจุดที่ตัวเองสบายใจ แล้วพาตัวเอง ไปตรงนั้นบ่อยๆ


— อีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อย แต่อยากไปเที่ยวทะเล ไม่ต้องตีตั๋วเสียเงินไปไหนไกล เราขอแนะนำเกาะสีชังเลย เกาะเล็กๆ แต่ความสุขไม่เล็กเลย เป็นอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี ห่างจากฝั่งศรีราชาแค่ 12 กิโลเมตร นั่งเรือชมวิว รับลมทะเลกันเพลินๆ ประมาน 45 นาที ก็ถึงเกาะสีชังแล้ว เห็นมั้ยว่าเวลาน้อยแต่อยากมีฟีลมาติดเกาะ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป


พร้อมแล้วไปกันเลย…จากกรุงเทพฯ เรามุ่งหน้าไปตามเส้นทางสาย บางนา- ตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี และไปยังท่าเรือเกาะลอย สามารถจอดรถได้ฟรี ที่บริเวณลานจอดรถเกาะลอย

ข้ามฝั่งไปยังเกาะสีชัง

▪ ขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือเกาะลอย มีเรือโดยสารออกทุกๆ 1 ชั่วโมง

▪ ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม ค่าโดยสารคนละ 50 บาท

▪ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-45 นาที


***ก่อนลงเรือจากศรีราชา แนะนำว่าให้โทรแจ้งทางโรงแรมก่อน โดยแจ้งชื่อผู้จอง รอบเรือ แล้วทางโรงแรมจะส่งรถมารอรับที่ท่าเรือ (สำหรับลูกค้าที่จองโดยตรงกับทางโรงแรมเท่านั้น) หรือสามารถใช้บริการรถสกายแลปให้ไปส่งที่โรงแรมได้เลยราคาเหมา 80 บาท

นั่งเรือชมวิว รับลมทะเลกันเพลินๆ ประมาน 45 นาที ก็ถึงเกาะสีชังแล้ว


จากท่าเรือไม่ไกลมากนักก็ถึง Somewhere Hotel Koh Sichang พนักงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วย Welcome drink ที่แสนจะสดชื่น ใช้เวลาเช็คอินไม่นาน พนักงานก็พาเราไปส่งยังห้องพัก ไม่รอช้ากระโดดขึ้นเตียง ทำตัว Lazy ก็แน่นอนหล่ะเรามาพักผ่อนนี่หน่า ส่วนห้องพักก็ดูน่ารักโปร่งโล่งสบายดี คลุมโทนสีฟ้าขาวสดใส ให้ความรู้สึกที่เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศทะเลๆ เราพักกันที่ชั้น 2 พอได้มองเห็นทะเลด้วย ใครที่ชอบพักผ่อนเหมาะกับที่นี่มาก เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากๆ

ล้างหน้าล้างตากันสักหน่อย เตรียมตัวไปตะลุยรอบๆ กันยามเย็น เราให้ที่โรงแรมหารถมอเตอร์ไซด์ให้ ค่าเช่า 300 บาท/วัน (รวมน้ำมันแล้ว)

ที่เที่ยวน่าสนใจ

▪ สะพานอัษฎางค์

▪ หาดถ้ำพัง

▪ ช่องเขาขาด (ช่องอิศริยาภรณ์)

▪ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

➖➖➖➖➖➖➖➖

การเดินทางบนเกาะสีชังมีทาง 2 เลือก

▪ จ้างรถสกายแลป เหมาเที่ยวทั่วเกาะ 250-300 บาท

▪ เช่ารถมอเตอร์ไซด์ 300 บาท/วัน (รวมน้ำมันแล้ว)


จุดแรกที่เราจะไปก็คือ สะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวทอดยาวไปยังทะเล แสงยามเย็นกับลมทะเลเบาๆ ก็ทำให้เรารู้สึกดีได้อย่างบอกไม่ถูก


สะพานอัษฎางค์ ถือเป็นอีกหนึ่ง Landmark ที่ทุกคนที่ไปเกาะสีชัง พลาดไม่ได้ที่จะเยี่ยมชมความงดงามของโบราณสถานแห่งนี้ โดยสะพานอัษฎางค์ สะพานที่ทอดยาวไปกลางทะเล ด้วยเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น จึงเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง


เรือนไม้ริมทะเล (เรือนเขียว) เป็นเรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ในเขตพระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 บรรยากาศร่มรื่น อยู่ไม่ไกลจากสะพานอัษฎางค์ ปัจจุบัน เป็นร้านกาแฟริมทะเล แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเกาะสีชัง



หาดถ้ำพัง ชายหาดเล็กๆ ฮอตที่สุดของเกาะสีชัง บนเกาะสีชังเป็นชายหาดซึ่งไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เนื่องจากมีโขดหิน ก้อนหินขรุขระกระจายอยู่ใต้น้ำมาก จะมีก็แค่ หาดถ้ำพัง ทางฝั่งทิศตะวันตกของเกาะสีชังเท่านั้นที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างค่อนข้างปลอดภัย


ช่องเขาขาด (ช่องอิศริยาภรณ์) เป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกันเป็นหน้าผาสูง ถือว่าเป็นแหล่งชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง โดยสามารถเดินไปยังแหลมที่ยื่นไปในทะเลได้โดยเดินผ่านสะพานวชิราวุธที่ตกแต่งโคมไฟเป็นรูปหงษ์สามารถเดินชมได้ตลอดแนวผา เดินเข้าไปก็มีหาดหินกลม หาดที่เต็มไปด้วยหินก้อนกลมๆ ขนาดต่างๆ จำนวนมาก ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาใช้เป็นที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเล และทรงใช้เป็นหอดูดาวด้วย ในปัจจุบันก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านพลับพลาได้



ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเกาะสีชัง ตั้งอยู่บนเขา คยาศิระ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพสักการะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องค้าขาย และการงาน บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ นอกจากจะมีถ้ำของเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่สักการะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ได้แก่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าโป๊ยเซียน ศาลเจ้าพ่อขุมทรัพย์ วิหารพระสังกัจจายน์ ศาลแป๊ะม้า - แป๊ะกง ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย และศาลเจ้าอู๋ไต้กง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สักการะในคราวเดียวกัน กับการมาสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้วย


ท้องเริ่มร้องแล้วเป็นสัญญาณว่าได้เวลากลับโรงแรมกัน

ดินเนอร์ยามค่ำคืน ก็ไม่ต้องออกไปหาอะไรข้างนอกทานเลย เพราะที่นี่มีห้องอาหาร The

Verandah Restaurant (เดอะ เวอแรนดาห์) ไว้คอยให้บริการกับแขกของโรงแรม

รวมถึงแขกข้างนอกด้วย ตกแต่งสไตล์วินเทจ เน้นสีฟ้าขาวให้เข้ากับบรรยากาศของโรงแรม พนักงานก็น่ารัก

บริการดีมากๆ ส่วนเมนูอาหารของที่นี่ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว ทั้งไทย และเทศ

เมนูของหวานก็ดี๊ดี ที่สำคัญราคาไม่แพงอีกต่างหาก ที่เด็ดสุดๆ ต้องยกให้ Pizza

เลย เอาเป็นว่าไม่ขอพูดเยอะแล้วกันเพราะหิวมาก

ตามไปดูรูปแล้วกันว่าน่าทานแค่ไหนกัน





เมนูแนะนำ ต้องยกให้ 7 เมนูโดนใจนี้เลย

🍽 เนื้อหมูติดกระดูกย่างราดซอสเห็ด เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดและฝักสด ราคา 220 บาท

(Grilled Pork Chop with Mushroom Sauce Served with French Fries and Garden Vegetables)

🍽 ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ราคา 140 บาท (Sautéed Squid with Salted Duck Eggs)

🍽 สปาเก็ตตี้สองสีผัดขี้เมาทะเล ราคา 180 บาท (Black & White Spaghetti with Spicy Mixed Seafood)

🍽 ปลากะพงทอดน้ำปลา ราคา 420 บาท (Deep-Fried Fish Topped with Sweet Chillies Sauce)

🍽 ยำมะเขือยาวเผากุ้งสด ราคา 140 บาท (Spicy Grilled Aubergine with Shrimp)

🍽 Pizza Smoke Salmon ราคา 360 บาท

🍽 เครปซูเซ็ต Crepe Suzette ราคา 260 บาท

🍽 Cranberry Cooler ราคา 110 บาท

ไหนๆ บรรยากาศดีก็ดีขนาดนี้เราไม่พลาดที่จะนั่งชิลล์จิบไวน์เบาๆ พร้อมล่ำลาคืนนี้ไปด้วยมือพิเศษบนเกาะสีชัง


มอร์นิ่ง...เกาะสีชัง รู้สึกได้ว่านอนเต็มอิ่มมากๆ ตื่นมาพร้อมความสดชื่น จิบกาแฟเบาๆ ยามเช้าที่ริมระเบียงห้อง ซึมซับความสุขให้เต็มปอด




ลงมาว่ายน้ำชิลล์ๆ สระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก สีฟ้า ตัดกันกับตัวอาคารสีขาว ได้ฟีลซานโตรินี่เบาๆ


มุมน่ารักๆ ในสวนสีเขียวก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ


เต็มอิ่มกับแล้วกับเช้าที่สดใส ก็ขอไปหาอะไรทานมื้อเช้ากันก่อนนะ



เมนูอาหารเช้าที่โคตรจะเลิฟเลยคือ ครัวซองต์ ที่นี่ดีมาก กับกาแฟร้อนๆ สำหรับอาหารเช้า ศ-อา และวันหยุด อาหารเช้าจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ / จ-พฤ อาหารเช้าเป็นแบบอาลาคาร์ท มีเมนูมาให้เราสั่งเลือกได้ตามใจชอบ สั่งได้ไม่จำกัดจะสั่งกี่จานก็ได้ แจ้งพนักงานได้เลย เมนูอาหารมีให้เลือกเหมือนกับในบุฟเฟ่ต์



ขอบอกว่าเป็น 2 วัน 1 คืน ที่กำลังดี แบบไม่รีบไม่ร้อน ได้มาพักผ่อนจริงๆ เห็นมั้ยว่าเวลาน้อยแต่อยากมีฟีลมาติดเกาะ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป... อย่ามัวแต่รอช้า หาเวลาออกไปเที่ยวกัน เกาะสีชังยังรอให้ทุกคนไปเช็คอินอยู่นะ

อาบน้ำเก็บของ เตรียมตัวไปเช็คเอ้าท์ พร้อมโบกมือลา เกาะสีชังที่น่ารักน่าชังซะไม่มี



แหละนี่ก็คือเหตุผลดีๆ ที่ต้องมาเกาะสีชัง

▪ เดินทางสะดวกไม่มีรถก็เที่ยวได้

▪ ใกล้กรุงเทพฯ แค่ 2 ชั่วโมง

▪ ค่าใช้จ่ายไม่แพง ราคาสบายกระเป๋า

▪ บรรยากาศดี มุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ


ไปจ้า ขึ้นเรือกลับฝั่งกัน

ระหว่างขึ้นเรือก็หลับไปได้แป๊บนึงก็จะถึงฝั่งศรีราชาแล้ว ก่อนขับรถกลับกรุงเทพฯ เราขอแวะไปกิน Pizza กันอีกซักรอบที่ Café Kantary (คาเฟ่ แคนทารี่) บางแสน เพราะยังติดใจรสชาติ Pizza จากเมื่อคืน


Café Kantary (คาเฟ่ แคนทารี่) บางแสน

— ชวนแชะ แวะชิม เช็คอิน คาเฟ่บางแสน 🍰เบเกอรี่ดี 🍽อาหารอร่อย 🥤เครื่องดื่มเริ่ด

เรียกว่าจัดจ้านย่านบางแสนเลยก็ได้กับ Café Kantary (คาเฟ่ แคนทารี่) ร้านเด็ดร้านดังที่หาไม่ยาก ตั้งอยู่ตรงบริเวณวงเวียนบางแสน

ร้านเบเกอรี และอาหารสุดชิค ในเครือโรงแรมเคป แอนด์ แคนทารี การันตีความอร่อยได้เป็นอย่างดีแน่นอน



ร้านใหญ่โตมีทั้งหมด 2 ชั้น ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นอย่างสวยงาม มีมุมให้เลือกนั่งเยอะมาก หรือช่วงเย็นๆ จะเลือกนั่งโซนด้านนอกก็ชิลล์ดี

มีให้เลือกเยอะอีกแล้วเรียกได้ว่าดูเมนูก็อยากจะสั่งมาชิมซะทุกอย่าง เชื่อว่าหลายคนอยากจะขับรถไปบางแสนตอนนี้เลย!!


📍 301, 303 ถ. ลงหาดบางเเสน ต.เเสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี

🕘 เวลาให้บริการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 - 23:00 น.

📱 038-386474

🖱 Facebook : Café Kantary


จบแล้วสำหรับทริป 2 วัน 1 คืน ที่เกาะสีชัง หาเวลาออกไปเที่ยวกัน เกาะสีชังยังรอให้ทุกคนไปเช็คอินอยู่นะ พร้อมแล้วไปกันเลย



ความคิดเห็น