หลังจากปิดให้บริการไปนาน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 รถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ก็กลับมาเปิดให้บริการกันเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวิ่งเร็วขึ้น กระทู้นี้จึงจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวโดยการนั่งรถไฟฟรีทั้งสองเส้นทาง คือ วงเวียนใหญ่-มหาชัย (เป็นเส้นทางที่เก่าแก่กว่าเส้นทางอื่นด้วย) และ บ้านแหลม-แม่กลอง ใช้พาหนะในการเดินทางหลากหลายรูปแบบทั้งขึ้นรถไฟฟ้า รถไฟฟรี เรือ สามล้อ รถสองแถว พาไปเดินเล่นที่ตลาดมหาชัย ดูรถไฟที่ตลาดร่มหุบ กินไม่หยุดและลงเรือไหว้พระดูโบสถ์ในต้นไม้ที่อัมพวา เป็น One Day Trip ที่คุ้มค่ากับเวลาและใช้งบประมาณที่สบายกระเป๋า ไปเริ่มกันเลยดีกว่า...
แผนการเดินทางคร่าวๆ ของเราเริ่มจาก>>>ขึ้นรถไฟฟ้าไปสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ >>>นั่งรถไฟจากวงเวียนใหญ่ไปลงมหาชัย >>>ต่อเรือข้ามฟากไปท่าฉลอม >>>จะเดินหรือนั่งรถไปก็ได้ ขึ้นรถไฟต่อที่สอง ณ สถานีรถไฟบ้านแหลม เพื่อไปลงสถานีรถไฟแม่กลอง และรอรถไฟออกจากสถานีแม่กลองเพื่อเก็บภาพตลาดร่มหุบ>>>จากนั้นต่อสองแถวไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา
วิธีการเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยฯไปสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่
ขึ้น BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ไปทางแบริ่ง
ลงสถานีสยาม เพื่อเปลี่ยนฝั่งไปทางบางหว้า (รถไฟฟ้าสายสีลม)
ลงสถานีวงเวียนใหญ่ ทางออกที่ 1 กับ 2 เดินไปจนสุดทาง sky walk ป้ายบอกไปสี่แยกตากสิน
เดินตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
จนถึงทางลงด้านขวามือ ที่มีป้ายบอกไปวงเวียนใหญ่
ลงจาก sky walk เดินตรงไปจะเห็นสะพานลอย ต้องข้ามสะพานลอยค่ะ ถ้ายืนบนสะพานทางด้านขวามือ คือสถานนีรถไฟวงเวียนใหญ่
การเดินทางโดยรถไฟ
การเดินทางครั้งนี้ใช้รถไฟสองเส้นทาง คือรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย และ สายบ้านแหลม-แม่กลอง ทั้งสองสายนี้แยกออกมาเป็นเอกเทศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวลำโพงแต่อย่างใด ที่ต้องวางแผนการเดินทางเนื่องจากรถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลองมี 4 เที่ยวต่อวัน ต้องคำนวนเวลาเพื่อไปให้ทันในรอบที่เราต้องการจะไปโดยยึดรอบรถจากบ้านแหลมไปแม่กลองเป็นหลัก
ตารางการเดินรถไฟของทั้ง 2 เส้นทาง
*** เราแนะนำรถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลองรอบ 10.10 น. เพราะจะได้ไม่เช้ามากเกินไป ไม่ควรออกจากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่เกินรอบ 08.35 น. มารอบนี้เวลาก็กระชั้นชิดพอควรแล้วนะคะ เพราะรถไฟจากวงเวียนใหญ่ถึงมหาชัยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง + เวลานั่งเรือข้ามฝากและนั่งรถไปสถานีรถไฟตีไปสักไม่เกิน 20-30 นาทีถ้าเป็นเราจะมาจากวงเวียนใหญ่รอบ 07.40 น. ถึงมหาชัย 08.39 น. ก็จะมีเวลาเดินเล่นตลาดมหาชัยนิดนึงด้วยค่ะ
แล้วถ้าไปไม่ทันรอบ 08.35 ล่ะ???
ก็จะต้องไปรถไฟสายบ้านแหลมแม่กลองในรอบต่อไป คือรอบ 13.30 น. ถึงสถานีแม่กลอง 14.30 น. แล้วรออีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อเก็บภาพตอนรถไฟออกจากสถานีแม่กลอง (รอบ 15.30 น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย) ผ่านตลาดร่มหุบกับไปสถานีบ้านแหลม ซึ่งช่วงบ่ายสามร้านค้าที่ตลาดร่มหุบบางส่วนก็ปิดร้านไปแล้ว (ย้ำว่า บางส่วนนะคะ) และถ้าจะไปเดินตลาดน้ำอัมพวาก็ต้องกลับรถตู้ค่ะ
การเดินทางโดยรถตู้
ถ้าไม่อยากนั่งรถไฟ แต่อยากมาเที่ยวตลาดร่มหุบ นั่งรถตู้มาลงตลาดแม่กลองค่ะ ถ้านั่งรถตู้มาลงแม่กลองเพื่อรอรถไฟเข้าสถานีก็เดินไปตามแผนที่นี้
หรือไม่อยากเที่ยวตลาดร่มหุบ ไม่อยากตื่นตั้งแต่เช้ามืด ลุกออกจากที่นอน 09.00 น. ออกจากบ้าน 10.00 น. นั่งรถตู้ไปเที่ยวอัมพวาอย่างเดียวก็ยังทันค่ะ ขึ้นจากอนุสาวรีย์ชัยฯ เดินไปทางห้างเซ็นจูรี่ ซอยก่อน 7-11 เดินเข้าไปเลย จะมีป้ายบอกอยู่ว่าไปอัมพวา ดำเนินสะดวก แม่กลอง ตอนซื้อบอกว่าไปอัมพวา ราคาตั๋วคนละ 80 บาท ปัจจุบันรถตู้ย้ายไปขนส่งสายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า) แล้วนะคะ ใครที่ไปรถไฟแต่ไม่อยากรีบกลับหรือกลับไม่ทันรถไฟรอบสุดท้าย อยากเดินเล่นที่ตลาดน้ำอัมพวานานๆ ก็สามารถกลับรถตู้ได้
นี่เป็นตารางรถตู้จากอัมพวา-อนุสาวรีย์ชัยฯ วันเสาร์และอาทิตย์รถหมด 20.30 น. ค่ารถคนละ 80 บาท
ทริปนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบให้เหมาะกับการเดินทางอย่างที่ตัวเราชอบ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถามได้นะคะ หรือข้อมูลตรงไหนผิดไปจากนี้ยินดีรับฟังคำแนะนำค่ะ ตอนที่เราไป เราไม่รู้ว่าตารางรถไฟเปลี่ยนเนื่องจากดูตารางเก่าก่อนปิดซ่อมบำรุงมา ทำให้เสียเวลาไปเยอะเลย วางแผนหน่อยก็ดีนะคะ ^^
มาถึงสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ถ้ายังมีเวลาเหลือหามื้อเช้ากินที่นี่ได้ค่ะ ของกินเยอะมีตลาดเช้า ร้านที่เรากินประจำคือร้านข้าวยำไก่แซ่บ จะอยู่ทางเข้าสถานีแต่วันนี้ร้านปิดเลยได้ลองกินอย่างอื่นดูบ้างจัดก๋วยเตี๋ยวไปเบาๆ ก่อน 2 ชาม อยากต่อของหวานแต่ไม่ทันรถไฟเข้ามาพอดี
อ่อ...รถไฟฟรีค่ะ ตอนรับตั๋วโดยสารนำบัตรประชาชนมาด้วยนะคะ ถ้าเป็นต่างชาติเสียค่ารถ 10 บาทค่ะ หันหน้าให้หัวขบวน เลือกที่นั่งฝั่งขวามือแดดจะไม่ร้อน
เท่าที่เคยมารถไฟถึงจุดหมายปลายทางตรงเวลา แต่วันนี้ช้าไปเกือบสิบนาที
ออกมาจากสถานีรถไฟมหาชัยเลี้ยวขวาเดินไปจนสุดทาง
ระหว่างทางมีร้านขายอาารทะเลทั้งของทะเลสด แบบแห้งก็มี ที่พลาดไม่ได้คือลอดช่องวัดเจษ อากาศร้อนๆ แบบนี้ กินแล้วชื่นใจสุดๆ ^^
พอสุดทางเลี้ยวซ้ายอีกทีเป็นท่าเรือ ค่าโดยสาร 3 บาทค่ะ สามารถนำมอเตอร์ไซด์ขึ้นเรือได้ด้วย
ใครไม่รีบแวะสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาครก่อนได้นะคะ อยู่ใกล้ๆ ก่อนถึงท่าเรือ
นั่งเรือแป๊ปนึงก็ถึงท่าฉลอมแล้วค่ะ สถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลมากสามารถเดินไปได้ (ถ้ามีเวลา) แต่ถ้ารีบจะมีวินมอเตอร์ไซด์ และสามล้อ วันนี้เราลองนั่งสามล้อไป คุณลุงน่ารักมาก เล่นมุก ทักทายผู้คนไปตลอดทาง เราถามคุณลุงว่าตัวหนูหนักไหม...ก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะแห้งๆ กลับมา ๕๕๕ นั่นคือคำตอบสินะ ทรมานผู้สูงอายุไหมก่อน?
สถานีบ้านแหลมค่อนข้างเงียบ มีร้านอาหารตามสั่งและร้านขายขนม เครื่องดื่มเล็กๆ เราต้องนั่งรออยู่ที่นี่ร่วมสองชั่วโมงครึ่งเนื่องจากดูรอบรถผิด แต่ไม่ได้มีเราแค่คนเดียว มีคุณลุงอีกท่านหนึ่งมานั่งรอด้วย ได้มีโอกาสพูดคุยกันบ้าง คุณลุงบอกว่าขึ้นรถไฟสายนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆ เมื่อก่อนหัวรถจักรไม่ใช่แบบนี้ และตรงท่าน้ำใกล้ๆ สถานีรถไฟก็เคยมีเรือข้ามฟาก ปัจจุบันน้ำมันตื้นเรือจึงวิ่งไม่ได้ เราถามคุณลุงว่าจะไปไหนคะ? คุณลุงบอกว่าวันนี้ว่างเลยมานั่งรถไฟเล่น ถึงแม่กลองแล้วก็นั่งกลับเลย ไม่ได้นั่งมานานแล้ว... คุณลุงบางท่านก็พกวิทยุมาด้วยเปิดเพลงสมัยก่อน มันเข้ากับบรรยากาศมากๆ บางคนก็มากันเป็นครอบครัว พาลูกมานั่งรถไฟเล่น...เราว่านะ รถไฟเป็นมากกว่าพาหนะในการเดินทาง เป็นสถานที่เก็บความทรงจำ เป็นสถานที่เปิดโลกให้กว้างขึ้น เป็นสถานที่กระชับความสัมพันธ์
นายสถานีบ้านแหลมน่ารักมากค่ะ รถไฟสายนี้เพิ่งกลับมาเปิดให้บริการ บางคนยังเข้าใจผิดดูตารางแบบเก่ามา รอบที่เราไปจึงมีผู้โดยสารมารอค่อนข้างเยอะจนเก้าอี้ไม่พอ นายสถานีก็ยกเก้าอี้จากข้างในสำนักงานออกมาเพิ่มให้ พร้อมอำนวยความสะดวกในการรับตั๋วรถไฟฟรีอีกด้วย
ถ้าเป็นช่วงบ่าย ขึ้นรถไฟหันหน้าไปทางหัวขบวน เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายมือค่ะ แดดจะไม่ร้อน ระหว่างทางจะผ่านนาเกลือ และต้นไม้จำพวกโกงกาง ถ้าโชคดีจะเห็นน้องลิงด้วย
ตลาดร่มหุบอยู่หน้าสถานีรถไฟแม่กลอง ผ่านสถานีบางกระบูนเมื่อไหร่ก็เตรียมจับจองที่ริมหน้าต่างได้เลย
***สำคัญมากเลยนะคะ ช่วงที่รถไฟผ่านตลาดร่มหุบ ระมัดระวังในการถ่ายรูปด้วยเพราะแผงร้านค้าที่หุบเข้าไปจะใกล้ชิดกับรถไฟมากๆ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
คนที่อยู่ข้างล่างจะถ่ายรูปขึ้นมาบนรถไฟ อยู่บนรถไฟก็จะมีความเป็น celebrity โบกไม้โบกมือ ส่งจูบ ให้เต็มที่ ประหนึ่งเพิ่งได้รับมงกุฎกลับมาถึงสยามประเทศ (แต่คนที่ถ่ายรูปเราติดไปเขาน่าจะมองว่าเป็น ชัตเตอร์กดติดวิญญาณมากกว่าค่ะ) มุมนี้จากท้ายขบวน...
เดินเล่นรอบๆ สถานีรถไฟ และไปจับจองที่ในตลาดร่มหุบ เพื่อรอเก็บภาพรถไฟออกจากสถานีแม่กลองผ่านตลาดร่มหุบเพื่อกลับไปยังสถานีบ้านแหลม
ตลาดร่มหุบเป็นตลาดที่ค่อยถูกกฎหมายสักเท่าไหร่เพราะได้สร้างบุกรุกทางรถไฟมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง อยากให้ใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการเลือกที่จะสนับสนุนสิ่งใดๆ ก็ตาม ถ้ามาเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวควรระมัดระวังในการท่องเที่ยว การถ่ายภาพ อย่าห่วงถ่ายภาพมากกว่าชีวิตและความปลอดภัยของตนเองนะคะ
ตอนที่รถไฟกำลังผ่านตลาดร่มหุบออกไป จะมีอาสมัครคอยดูแลความเรียบร้อยแต่ก็ไม่ครอบคลุมหรอกค่ะ ต้องดูแลตัวเองด้วย มีสติค่ะ! ใกล้ๆ ที่เราหลบรถไฟตอนที่รถไฟออกมาจากตลาดร่มหุบ มีนักท่องเที่ยวสามคนเป็นชาวเอเชีย นักท่องเที่ยวสองคนรวมถึงเราหลบอยู่ในซอกระหว่างแผงร้านค้า ส่วนนักท่องเที่ยวผู้หญิงอีกคนหนึ่งยืนอยู่หน้าแผง ซึ่งเราหลีกทางให้เขาเข้ามาหลบในซอกด้วย แต่เขาไม่มาเพราะอยากถ่ายรูป คนที่หลบอยู่ข้างหลังเราก็ส่งกล้องให้ผู้หญิงคนนั้นถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน พอรถไฟเข้ามาใกล้ผู้หญิงคนที่หลบอยู่หน้าแผงร้านค้าเลือกที่จะหันหลังให้รถไฟโดยที่ไม่ได้กลับมามองว่ามันพ้นไหม ซึ่งไม่พ้นค่ะ เราเลยผลักเขาไปจนชิดกับแผงร้านค้าแล้วบอกให้เขาระวังรถไฟด้วย แม่ค้าฝั่งตรงข้ามยังตะโกนดุมาเลย ต้องระวังมากๆ นะคะ ขอฝากเรื่องนี้ไว้ให้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอันดับแรกในการมาเที่ยวที่นี่
หลังจากเก็บภาพเรียบร้อยแล้ว หันหลังให้สถานีรถไฟแม่กลองหาทางเดินทะลุร้านค้าในตลาดร่มหุบฝั่งซ้ายออกไป มองหาเซเว่นและธนาคารธนชาติ ตรงนั้นเป็นที่จอดรถสองแถวสีฟ้าไปอัมพวา ค่ารถคนละ 8 บาท ถ้าไม่รีบอยากลองนั่งบัสพัดลม ตรงสถานีขนส่งแม่กลอง (ขึ้นไปดูจากแผนที่ด้านบน) สามารถนั่งไปตลาดน้ำอัมพวาได้เหมือนกันค่ะ
ถ้ามารถไฟบ้านแหลมรอบ 10.10 น. จะถึงสถานีแม่กลองประมาณ 11.10 น. รอ 20 นาที รถไฟรอบ 11.30 จะออกจากสถานีแม่กลองกลับไปบ้านแหลม รอบสุดท้ายจากแม่กลองไปบ้านแหลมคือรอบ 15.30 น. เท่ากับว่าจะมีเวลาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้ายังไม่จุใจ รถตู้จากอัมพวาไปอนุสาวรีย์ชัยหมด 20.30 น.ค่ะ
มาถึงอัมพวาเที่ยงๆ บ่ายๆ ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่คนเยอะ สามารถเดินเลือกที่นั่งและสั่งอาหารจากเรือขึ้นมากินได้แบบไม่ต้องแย่งกับใคร อาหารทะเลก็มี ส้มตำ ผัดไทย หอยทอด อบวุ้นเว้นมีให้เลือกเยอะมาก เราสามารถเลือกที่นั่งหน้าเรือส้มตำ แต่จะสั่งผัดไทยมากินก็ได้ คือจะนั่งตรงไหนและสั่งอาหารจะเรือไหนก็ได้ ณ ตอนนั้นอยากกินส้มตำกับผัดไทย เลยจัดมาทั้งสองอย่าง อย่างละ 30 บาทก็ถือว่าคุ้มค่ากับรสชาติและปริมาณ
กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาหากิจกรรมเพื่อย่อยอาหาร ครั้งนี้จะพานั่งเรือล่องแม่กลองทำบุญไหว้พระ 5 วัด คนละ 50 บาท แพงกว่านี้อย่าไป (50 บาท หมายถึงเรือที่ไปกันเยอะๆ รวมไปกับคนอื่น แต่ถ้าเหมาเรือไปแบบส่วนตัวก็ไม่ใช่ 50 บาทนะ) พาไป 5 วัด ปิดท้ายด้วยวัดบางกุ้ง โบสถ์ในต้นไม้ครั้งที่แล้วเรามาแต่ติดฝนอยู่หน้าวัดเลยทำให้ไม่ได้เข้าไปดูโบสถ์ ครั้งนี้มาเพื่อนสิ่งนี้แหละ ให้เวลาวัดละ 15 นาที แต่ถ้าวัดที่เดินไกลอย่างวัดบางกุ้งก็จะให้เวลา 25 นาที ก่อนซื้อตั๋วเราถามก่อนว่าไปวัดบางกุ้งหรือเปล่า เพื่อความชัวร์ จำไม่ได้ว่าขึ้นเรือของเจ้าไหนไป แต่เราเลือกที่มีคนไปเยอะๆ เพราะเรือรอคนเต็มจะได้ไม่ต้องรอนาน
วัดที่เราได้ไปมีดังนี้ 1. วัดภุมรินท์กุฏีทอง 2. วัดท้องคุ้ง 3. วัดบางแคใหญ่ 4. วัดบางแคกลาง 5.วัดบางกุ้ง
ระหว่างทางก็จะได้เห็นสวนผลไม้ลิ้นจี่กำลังออกช่อ เพราะปีนี้แล้ง วิถีชีวิตคนแม่กลอง บางบ้านยังอาบน้ำ ซักผ้าในคลองอยู่เลย บางวัดลัดเลาะไปตามคุ้งน้ำ สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นจาก ได้อารมณ์แบบฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ
คนขับเรือก็จะบอกประวัติความเป็นมาของวัดนั้นๆ สร้างขึ้นเมื่อไหร่ วัดนี้ต้องขออะไร ห้ามขออะไร เราฟังได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง เสียงเครื่องยนต์เรือมันดัง มีเล่นมุกด้วยนะ
"ผลไม้แถวนี้ก็จะมีส้มโอ ลิ้นจี่ ฯ แต่ผลไม้ที่รสจัดที่สุดของแถวนี้ เห็นทีจะเป็น มะนาวแหละครับ" ฮ่าๆๆๆๆ มุกลุงบ้านๆ นะ แต่จังหวะเล่นแกดี
แม่ค้าก็ใช่ย่อยนะ
มีลูกค้าถามว่า 'ส้มหวานไหม?'
แม่ค้าบอก 'มันก็หวานแบบส้มแหละจ่ะ หวานกว่านี้ก็น้ำตาลแล้ว' ฮ่าๆๆ
อ่อ... 3 ใน 5 วัดที่พาไป จะมีบริการถ่ายรูปที่ขึ้นมาจากเรือ แล้วปริ้นใส่กรอบเอามาขาย ประมาณ100 บาท ใครไม่มีกล้องติดไป ไม่ต้องกลัวไม่มีรูปค่ะ ขนาดเรามีกล้องไป ยังโดนถ่ายเลย...
ขอข้ามมาวัดบางกุ้งเลยนะ... วัดนี้จากท่าเรือเดินไกลหน่อยประมาณ 200-300 เมตร ต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง การเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ต้องแต่งกายรัดกุมค่ะ ใครนุ่งสั้นมาก็จะมีผ้าถุงให้ใส่ โบสถ์ปรกโพธิ์ ไม่ได้มีแค่ต้นโพอย่างเดียว แต่ประกอบไปด้วยต้นไม้ 4 ชนิด คือโพ ไทร ไกร กร่าง และกรุณาปฏิบัติตามข้อห้ามและป้ายที่ติดไว้ด้วยนะคะ อย่างเช่นการปิดทององค์พระ การถ่ายรูปนอกโบสถ์ทางหน้าต่างให้เห็นองค์พระด้านใน ก็ห้ามปีนป่าย มีป้ายบอกชัดเจนค่ะ
วัดค่ายบางกุ้งก็ไม่ได้มีแค่โบสถ์ในต้นไม้นะ มีสวนสัตว์ขนาดย่อมๆ ภายในวัดด้วย เดินเข้าไปตกใจเลย เจออูฐตัวเบ้อเร่อ น้องแกะ น้องกวางมาเป็นฝูง สามารถซื้อผักบุ้งมาป้อนได้ ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าอูฐกินผักบุ้ง
ใช้เวลาสองชั่วโมงครั่งทัวร์ไหว้พระ 5 วัดก็เสร็จเรียบร้อย คุ้มค่า 50 บาทมากๆ (ควรหาของกินรองท้องไป เพราะของขายตามวัดส่วนใหญ่จะเป็นพวกน้ำดื่มและของกินเล่นเล็กๆ น้อยๆ) เราชอบนะ ทัวร์ไหว้พระ 5 วัด คุ้มค่าดีค่ะ เรือที่เราไปก็บริการดีแต่ถ้าเพิ่มเติมเสื้อชูชีพให้เพียงพอต่อจำนวนคน จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ
เราเลือกกลับรถตู้ค่ะ เพราะอยากมีเวลาเดินเด่นอีกนิด หาของกินเล็กๆ น้อยๆ ก่อนกลับ
อีกร้านที่ทำให้หวั่นไหวยอมควักเงินเนื่องจากพ่อค้าหน้าตามุ้งมิ้ง เอ้ย! ขนมหน้าตามุ้งมิ้งมากๆ เป็นมาชเมลโล่กับเจลลี่เสียบไม้น่าตาน่ารักแล้วไปจุ้มกับช็อคโกแลตดิป มีให้เลือก 3 รสชาติ ช็อคโกแลต แอปเปิ้ล สตอเบอรี่ อย่างที่เราเลือกมาไม้ละ 10 บาท โดนไป 2 ไม้ เฮ้อ... เเพ้ของมุ้งมิ้ง
ร้อนๆ ต้องหาของเย็นมาดับ ไปเจอร้านขายไอติมร้าน "ศรีมาลา" รสชาติน่าสนใจมาก มีรสผลไม้ต่างๆ ไม่พอมีรสดอกไม้ด้วย ดอกบัวนมสด ดอกเข็ม ดอกดาหลา หลายดอกมากๆ และรสชาติแปลกๆ อีกเยอะเลย ที่เราลองชิมคือฝรั่งค่ะ แต่โรยผงบ๊วยมาด้วยรสชาติเหมือนกินฝรั่งแช่บ๊วยจริงๆ อร่อยชื่นใจ
หอยเชลล์ย่างจานละ 50 บาท
ข้าวผัดปู จานละ 30 บาท มาพร้อมน้ำจิ้ม Seafood แซ่บๆ
ผัดไทยเกี๊ยวกรอบมุ้งมิ้งก็มา จานนี้ 40 บาท
ขนมไทยก็มีให้เลือกซื้อมากมาย
ตกเย็นตลาดน้ำอัมพวาก็กลับมาคึกคัก บนสะพานข้ามคลองคนแน่นมาก ถ้าค้างที่นี่สักคืนก็จะได้นั่งเรือชมหิ่งห้อยด้วย รูปแบบทริปเราสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับตัวเราเองได้เสมอ แค่ตั้งจุดหมายไว้แล้วไปให้ถึง ก็คงเหมือนกับชีวิตของตัวเราเองนั่นแหละ
เราชอบทริปนี้นะ ตื่นแต่เช้ามืด เดินทางหลายต่อ ต้องรอท่ามกลางอากาศร้อนเพื่อถ่ายรูปรถไฟ ทำให้เรารู้จักรอ และเมื่อสิ่งที่เรารอคอยมาถึง มันคุ้มค่า รู้สึกดื่มด่ำประทับใจในสิ่งนั้นมากๆ ตบท้ายให้รางวัลตัวเองด้วยการกินกระจายที่ตลาดน้ำอัมพวา...บางคนตั้งคำถามกับเรามากมายไปเที่ยวหรือไปเหนื่อย คนที่ชอบเที่ยวเหมือนกันคงเข้าใจ ^^
ใครที่ชอบนั่งรถไฟเที่ยว ห้ามพลาดทริปนี้เลยนะคะ ^^
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
BTS จากอนุสาวรีย์ไป BTS วงเวียนใหญ่ 42 บาท
ค่าเรือข้ามไปท่าฉลอม 3 บาท
นั่งสามล้อไปสถานีรถไฟบ้านแหลม 40 บาท (ถ้าเป็นวินมอเตอร์ไซด์ถูกกว่านี้)
รถสองแถวไปอัมพวา 8 บาท
ค่าทริปลงเรือไหว้พระ 5 วัด 50 บาท
ค่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ 80 บาท (กลับรถไฟถูกกว่านี้)
ค่ากินตามงบ ทำบุญตามกำลังศรัทธา
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ ^^
แป้งเจอนี่เจอนั่น
วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 23.33 น.