พอเข้าหน้าร้อนทีไร จุดมุ่งหมายของการพักผ่อนก็หนีไม่พ้นทะเลแน่ๆ ไหนๆก็จะเข้าช่วงวันหยุดยาวอย่างสงกรานต์แล้ว
เลยมานำเสนอรูปแบบทริปเผื่อจะมีคนสนใจ แต่บอกไว้เลยว่า สายกิน เน้นๆชอบชัวร์
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากการอัดอั้นตันใจว่าไม่ได้เที่ยวไหนเลยตั้งแต่ปีใหม่ เพราะมีงานรุมเร้าตลอด
เมื่อสบโอกาสเลยจัดหนักยาวๆ โดยจุดมุ่งหมายของเราคือทั้งเที่ยว และแสวงหาวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มที่คุณจะไม่มีวันได้เห็นถ้ายังคงเที่ยวอยู่แค่ในเมือง ...ไม่ใช่ตอบสนองแค่เรื่องการพักผ่อน แต่เราอยากได้ความรู้เรื่องอาหารมากขึ้น เพราะไหนๆก็ทำงานออกแบบเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว
เราเริ่มต้นจากการทำงานในเช้าวันศุกร์ของกรุงเทพฯ ด้วยตอนบ่ายที่รถติดทำให้กว่าจะเริ่มเดินทางจริงๆก็ปาเข้าไป 4 โมงเย็น
จุดหมายที่ตั้งไว้จริงๆคือ จังหวัด ระนอง จังหวัดที่เพิ่งมาบูมเพราะเกาะหัวใจพม่า ... แต่สิ่งที่เราตามหาไม่ใช่เกาะหัวใจพม่า
แต่เป็น"ฟาร์มปูนิ่ม"ที่ทำกันอย่างแพร่หลายในจังหวัดระนองต่างหาก! (จริงๆจันทบุรีก็มีนะ แต่เราแค่หาเรื่องเที่ยวภาคใต้)
ด้วยความรู้ด้านปูนิ่มที่มีอยู่แค่ในเมนูอาหารว่าเออ...อร่อยจังเนอะ กินได้ทั้งตัว สะดวกสุดๆไม่ต้องมาเสียเวลาแกะ แต่ว่าการจะเป็นปูนิ่มสักตัวมาให้เรากิน มันมีที่มาจากไหนกันล่ะ?
เราเริ่มจากการค้นหาข้อมูลในอินเตอเร์เน็ต ทำให้รู้เรื่องราวของปูนิ่มมากขึ้น แต่แค่รู้อย่างเดียวก็คงไม่พอ เราถึงต้องเดินทางถึง 600 กิโลนิดๆ เพื่อมาสัมผัสกับฟาร์มปูนิ่มเป็นๆให้ได้สักครั้งในชีวิต
ด้วยความน่ารักจากคุณน้าคนขับรถที่พาเรามาถึงฟาร์มแห่งหนึ่ง ของเจ้าของที่มีนามว่า พี่โนโน่ ที่ยินดีมอบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องปูนิ่ม ทำให้ทริปปูนิ่มของเราถูกเติมเต็ม ไปทั้งความรู้ ความสนุก และประสบการณ์จริง
ปูที่ใช้ทำปูนิ่มคือปูทะเลตัวดำๆนี่แหละ ที่คนใต้เรียกกับว่าปูดำ ปูดำนี้มีที่มาจากประเทศพม่า ทางพี่โนโน่ซื้อมา จากนั้นก็เริ่มทำการคัดปูเป็น และแบ่งตามขนาดของปู
โดยปกติสัตว์มีเปลือกอย่างปูหรือกุ้ง จะมีการลอกคราบเป็นเรื่องปกติเพื่อทำให้ตัวใหญ่ขึ้น ทุกๆ4 ชั่วโมง คนงานชาวพม่าจะต้องมาดึงเชือกเพื่อสาวดูว่ามีปูตัวไหนลอกคราบแล้วบ้าง จากนั้นจึงทำการนำปูไปแช่น้ำเปล่า เพื่อให้ปูหยุดแข็ง สิ้นกระบวนการที่ฟาร์ม ก็นำส่งโรงงานเพื่อทำการแช่แข็ง(แต่ก็มีบางส่วนที่แช่ที่ฟาร์มเลย) ดังที่เราๆท่านๆเห็นกันในซุปเปอร์มาเก็ตโซนของทะเลแช่แข็งนั่นแหละ
เพราะความใจดี พี่โนโน่อนุญาตให้ถ่ายรูปทำวีดีโอได้โดยไม่บ่นสักคำ แถมอธิบายให้เด็กเมืองอย่างเราเข้าใจได้ง่ายด้วย อีกทั้งยังยอมใจอ่อนขายปูนิ่มเป็นๆให้เราไปทำอาหารจำนวน 1 กิโลถ้วนให้เราอีก ...การได้มาซื้อของถึงแหล่งผลิตนี่ก็เป็นความฟินอย่างหนึ่งของคนทำอาหารนะ : )
ข้อมูลฟาร์มปูนิ่มและการเข้าชม
ฟาร์มของพี่โนโน่อยู่แถวท่าเรือแกรนด์อันดามัน ถ้าออกจากท่าเรือให้เลี้ยวขวาไปต่อ ด้านในมีฟาร์มปูเยอะแยะ ขับไปสักประมาณ 400 เมตรก็ถึง
พอดีเราจำเบอร์โทรพี่เค้าไม่ได้ แต่ใช้โทรติดต่อจากเบอร์ของเจ้าของฟาร์มปูนิ่มเก่า ชื่อคุณสุชาดา เบอร์โทร 0-7782-2107
อีกที่หนึ่งที่เราปักหมุดกันไว้ว่าต้องไปให้ได้คือ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา
การเดินทางไปเกาะยาว เราขึ้นจากท่าเรือบางโรงที่ภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะยาวน้อยแล้ว …ต่อรองราคาค่าเดินทางในเกาะจนปวดหัว ก็มีพี่วินใจดี ขับพาเรามาที่เช่ารถมอไซต์ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อมาเจอกับเจ้าของร้านที่ใจดีอีกเช่นกัน…ทั้งสองบอกเราว่า กระชังบ้านมังกร เดินทางไม่ไกล ขี่มอไซต์ไปไม่นานก็ถึง
ระหว่างทางที่ไปหา พี่บังหนีด ของกระชังบ้านมังกร ไม่มีป้ายบอกทางสักนิด…เรียกได้ว่าอยากเจอของจริงต้องตามหาให้เจอ!
เมื่อได้เจอตัวพี่บังหนีดตัวเป็นๆ ประสบการณ์ของการเป็นชาวเลของเกาะยาวน้อยก็ถูกถ่ายทอดมาที่เราอย่างเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่าพี่เค้าปล่อยของไม่มีกั๊กเลยทีเดียว ระหว่างเดินอยู่บนกระชัง แวะบ่อนู้นบ่อนี้ไปก็เพลินตาดีแท้ เพราะต่อให้เราไปเที่ยวดำน้ำเองหรือไปอควาเรียมก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับปลาขนาดนี้
แต่ตัวที่เรียกร้องให้เรามาที่นี้คือ กุ้งมังกรเจ็ดสีตัวใหญ่ ไซส์ 7 ขีดขึ้นไปต่างหาก! และแน่นอนว่าเราต้องขอซื้อสักตัวเพื่อกลับไปทำอาหารกินเองให้มันฟินสมใจที่เดินทางร่วม 800 กิโล มาก็เพื่อสิ่งนี้! (คิดไปคิดมาราคาก็ไม่ได้ถูกเท่าไร แต่แลกกับประสบการณ์..คุ้ม!)
ทำอาหารกัน !!!
เนื่องจากเราคุยกับพี่บังหนีดนานพอสมควร จึงได้เนื้อหาเยอะจนต้องมาตัดอีกคลิปวีดีโอแทน ใครที่สนใจอยากไปเยี่ยมชมกระชังบ้านมังกรของพี่บังหนีดก็ไม่ใช่เรื่องยาก โทรติดต่อพี่เค้าว่าจะเข้าชมวันไหนกี่โมง ซึ่งค่าชมก็ต้องบอกว่าถูกมาก! แค่ 50 บาทต่อคนเท่านั้น คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
ข้อมูลการเดินทางไปเกาะยาวน้อยและการเข้าเยี่ยมชมกระชังบ้านมังกร
นั่งเรือจากท่าบางโรง ของเรานั่งรอบ 11 โมง สามารถดูตารางเวลาได้จากเว็บนี้
http://www.kohyaohomestay.org/journey.html
ค่าเรือจากท่าเรือบางโรงภูเก็ต 200 บาท/คน/เที่ยว
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ขึ้นมาก็หาที่เช่ามอไซด์ หรือจะนั่งสองแถวก็ได้ไม่ว่ากัน แค่คิดราคาต่อหัวแพงมากคือ 200 บาท ก็เข้าใจนะว่าบนเกาะมันเลยอัพราคาได้ แต่เราขอเลือกที่จะขี่มอไซด์ไปกันเองละกัน
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 200-300 บาท
จากนั้นก็ขี่มาตามทางเพื่อไปหาพี่บังหนีด ถามคนชาวบ้านเอารู้หมด ว่ากระชังพี่บังหนีดไปทางไหน กระชังจะอยู่แถวแหลมไซ ลองถามดูนะ
ค่าเข้าชมกระชัง 50 บาท/คน ให้โทรนัดเวลาพี่เค้าไว้ก่อนว่าเค้าสะดวกตอนไหน อย่าลืมถ้าหากไม่ได้พักอยู่บนเกาะ เช็คเวลาเรือออกด้วยนะ จากนั้นไฮไลท์ของงานคือกุ้งมังกร ค่าเสียหายอยู่ที่ 3000 บาท/กิโลกรัม
เบอร์โทรพี่บังหนีด 081-270-7393สำหรับที่พักในจังหวัดระนอง คราวนี้เราได้ไปพักที่ The Hidden Resort Ranong ซึ่งถือว่าเป็นที่พักที่ดีที่สุดของทริปล่องใต้ครั้งนี้เลย
ตัวที่พักอยู่ห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย เข้าซอยจนสุดทางจึงจะเจอรีสอร์ทที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่พักนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดระนองที่เป็นจังหวัดเงียบๆจังหวัดหนึ่ง บวกกับความสวยและสงบของรีสอร์ทก็เรียกได้ว่าที่นี่เหมาะแก่การมาพักผ่อนสุดๆ ใครผ่านมาระนองก็มาลองพักที่นี่ดูได้ แต่ด้วยความที่ห้องพักมีน้อย เพราะทำที่พักเป็นหลังๆ ทำให้เต็มไวมาก ตอนแรกเราเลือกว่าจะนอนแค่คืนเดียว แต่พอมาเจอที่จริงจะขอเบิ้ลอีกคืนตอนแรกพนักงานก็บอกว่าว่าง เราเลยชะล่าใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยไปบอกก็ได้ สักพักก็เต็ม อดนอนชิลๆไปอีกคืนเลย
เว็บไซต์รีสอร์ท
ใครที่ชอบอาหารเป็นชีวิตจิตใจ สงกรานต์นี้ลองเปลี่ยนแนวเที่ยว มาเป็นเที่ยวแบบนี้ดูนะ มันยิ่งกว่าการได้เห็นผ่านเน็ตอีกนะ เรียกว่าการเดินทางไกลเพื่อสิ่งนี้มันคุ้มสุดๆจริงๆ
รักประเทศไทย เที่ยวเชิงอนุรักษ์ แล้วจะเห็นอะไรดีๆนะ : )
ปล. ภาพถ่ายและวีดีโอทั้งหมด ถ่ายจาก iphone 5s,6s,cannon 60D
Surf Termpaisit
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.28 น.