ภูกระดึงครั้งที่ 6 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ของเจ้าหนึ่งที่ไม่ค่อยประทับใจนัก ไม่ขอพูดถึงแล้วกัน รถออกจากหมอชิต 20:30 น. มาถึงผานกเค้า 3:30 น. เป็นครั้งแรกที่เห็นร้านเจ๊กิมยังไม่เปิด ปกติมาถึงร้านเปิดแล้วตลอด

xv05i5dlbjd8

นั่งท้าลมหนาวได้ครู่ใหย๋ๆ ร้านเจ๊กิมเปิดเราก็เข้าไปทำธุระส่วนตัวก่อนมากินมื้อเช้าง่ายๆ

rds2gaa5azjv

พออิ่มก็มีคนตะโกนชวนจอยสองแถวไปด้วยกัน สรุป 8 คน 40 บาท มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังมืดอยู่เลย และหนาวจนต้องมาขอเจ้าหน้าที่ผิงไฟ

rbr41wbir34f

พอแสงเริ่มมาก็เริ่มออกมาเก็บภาพที่หลักกิโลเมตรที่ 0 ของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

a9y7ygdlimnt

เจ้าหน้าที่เปิดช่องสำหรับจ่ายค่าเต็นท์แล้ว จากนั้นมาซื้อประกันสำหรับคนไทยที่เที่ยวอุทยานแห่งชาติ ระยะประกัน 7 วัน 10 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งให้ถ่ายรูปบัตรที่จ่ายค่าธรรมเนียมกับบัตรประกันไว้เป็นหลักฐาน

v14cqzyvynmj

จากนั้นเดินมาถ่ายรูปกับซุ้มทางขึ้นภูกระดึงก่อน คนน้อยตั้งมือถือถ่ายได้ง่าย

tap1tesl9k8b

เดินย้อนมาฝากกระเป๋ากับลูกหาบ ค่าจ้างแบกสัมภาระกิโลกรัมละ 30 บาท และซื้อแท็กติดกระเป๋าใบละ 5 บาทต่อกระเป๋า 1 ใบ ด้านล่างจะจ่ายเพียงบัตรติดกระเป๋า 5 บาทเท่านั้น ส่วนค่าจ้างแบกนั้นไปจ่ายด้านบนตอนกระเป๋าไปถึงแล้ว เดินมาที่ป้อมทางขึ้นลงชื่อพร้อมเวลา 7:25 ถึงเวลาเริ่มเดินเท้าขึ้นภูกระดึงกันแล้ว ใครต้องการผู้ช่วยผู้พิชิต (ไม่ไผ่) จะมีวางไว้ด้านข้าง สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย ส่วนเราไม่ถนัด

9qeecknt7w54

เดินได้ไม่ไกลนักจะเจอป่าไผ่ ตอนนี้เป็นสีทองอร่ามสวยไปอีกแบบ ตอนเขียวๆ ก็สวย

j9loiqteqfx7

เส้นทางวัดใจก็อยู่ที่ช่วงแรกนี่แหละ สำหรับคนที่มาพิชิตภูกระดึงครั้งแรกอย่าเพิ่งถอดใจกัน พอเดินขึ้นมาถึงป้าย "ซำแฮก" เราก็แฮกๆๆๆๆๆ ไปเยอะแล้ว

ykffbhio7q7e

แวะพักพร้อมเก็บภาพที่ซำแฮกก่อนเดินต่อ

g4acyyrml0ks

ก่อนออกเดินต่อเราแวะอุดหนุนแตงโม ก็ซื้อทั้งแดงและเหลือง อุดหนุนแบบกระจายรายได้ จนแม่ค้าแซวแล้วว่าจะไม่มีมีถือแล้ว

2f8ed3g51qgz

ระหว่างทางที่เดินขึ้นก็จะเจอลูกหาบ เจอคนสวนลง เจอวิวข้างทาง เจอร้านค้า ให้เพลินตลอดทาง

0ofkx513nos0
8ana987mva9g

เดินมาถึงหลังแปแล้ว ใช้เวลาไป 130 นาที เอ๊ะ...ทำไมเร็ว 5555+ มาถึงก็ต้องเก็บภาพกับป้ายผู้พิชิตสักหน่อย

7l59waauj2vc

เมเปิ้ลที่หลังแปเริ่มแดงแล้ว ก็ต้องมาเก็บภาพสักนิด

m22pak99jdkt

มาคนเดียวก็ตั้งมือถือกับกระบอกไม้ไผ่ไว้ที่พื้นเพื่อเก็บภาพ และนี่ก็คือภาพสุดท้ายที่เมเปิ้ลแดงต้นนี้ก่อนโดนแตะมือถือกระจายไปทางกระบอกไม่ไผ่ไปอีกทาง

hq0id20zy53h

เราเริ่มเดินต่อไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ระหว่างทางมีอะไรมากกว่าแค่ทางผ่าน

kni8somn9cgm

ไม่นานก็มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางแล้ว

gohil7oejzyt
43gi0xxt8vni

ติดต่อเรื่องเต็นท์เช่าเครื่องนอน ให้เรียบร้อย เราได้เต็นท์เบอร์ 1 เจ้าหน้าที่บอกมาติดต่อคนแรก ปกติเราจะไม่นอนลานกลางนี้ เพราะเสียงดัง แต่ก็เป็นการจัดระเบียบเต็นท์ให้ง่ายกับการดูแลของเจ้าหน้าที่

czjb36i1hoat

ระหว่างรอกระเป๋าก็เดินมาที่ต้นสนอายุกว่า 222 ปี

p248tih4f089

หลับไปได้ 1 ตื่น กระเป๋ามาถึงบ่าย 2:40 พอได้กระเป๋าแล้วเราก็พุ่งตัวออกเดินเส้นริมผากันเลย เป้าหมายก็ต้องไปให้ถึงผาหล่มสักก่อนอาทิตย์ตกให้ได้

z7i171o5jdcm

เดินจากลานกลางเต็นท์มาที่ผาหมากดูก 2.2 กม. เส้นทางนี้เดินง่าย สบาย ใช้เวลาไม่นาน

sn2x8b2nqyse

ออกจากผาหมากดูกมาต่อที่ผาจำศีล ผานี้เงียบๆ สงบๆ ไม่ค่อยมีผู้คนนัก

80ugp27jtg51

แวะเก็บภาพไม่นานก็เดินต่อมาที่ผานาน้อย ผานี้มีร้านค้าเช่นเดียวกับผาหมากดูก ส่วนผาจำศีลไม่มี

v8svhbxf10va

ออกจากผานาน้อยก็มาถึงผาเหยียบเมฆ ผานี้คนเยอะ เราก็ชอบผานี้ ถ่ายรูปสนุก

jipqgzzwf9nb

มาถึงทีไรก็ต้องมากระโดดทุกที รอบนี้ตั้งมือถือถ่ายเอง กระโดดเลยเฟรมกันเลย ไม่มีโอกาสได้ซ่อมถ่ายใหม่ มีหลายคนรอคิวถ่ายรูปอยู่

o25vt7i1yo5x

ไม่ไกลกันนักก็ถึงผาแดง ผานี้ถ่ายรูปน้อยสุด

xk7poic6i7bj

เดินต่อไปผาหล่มสัก เป้าหมายในการเดินของวันแรก วันนี้คนเยอะ ต่อคิวถ่ายรูปกันเยอะมาก เราก็ด้วย

cspi9hbi1avk

รอบนี้ได้คนใจดีถ่ายรูปให้ และถ่ายรูปสวยด้วย ต้องขอบคุณน้ำใจที่ถ่ายรูปให้

g056zccl673e

อยู่ยันแสงหมด ก็เริ่มเดินกลับ ขากลับเราทำเวลาพอสมควร ต้องเดินเร็วกลับลานกางเต็นท์

9v9liw29h9ep

ขากลับเราเดินเร็วแซงหลายกลุ่มแบบไม่ได้แวะพัก เราไม่ได้ทำ new low ไม่ใช่นักกีฬา ที่เราเดินเร็วเพื่อให้ร้อนจะได้อาบน้ำ-สระผมได้อย่างสบาย ถึงเต็นท์ 2 ทุ่มรีบวิ่งไปอาบน้ำ-สระผม และรีบยัดตัวเข้าถุงนอนเลย คืนแรกนอนเร็ว แต่ก็ตื่นเพราะเสียงพูดคุยกัน หลายคนที่ยังไม่เคยนอนเต็นท์ หรือลืมไปว่าเต็นท์ไม่เก็บเสียง พูดอะไรแค่เบาๆ ก็ได้ยินแล้ว

เช้าวันที่ 2 ของทริปตื่น 4:45 เพื่อไปดูอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระหว่างรอเวลาก็เก็บภาพดวงจันทร์ยามเช้ามืดสักหน่อย

9y1sp99f33x7

การมาเที่ยวภูกระดึงสิ่งที่ห้ามลืมเอามาเลยคือไฟฉาย เพราะใช้ทั้งไปดูอาทิตย์ขึ้นและอาทิตย์ตก ระหว่างทางไปผานกแอ่นก็ต้องใช้ไฟฉาย พอมาถึงก็เลือกทำเลกันตามชอบได้เลย ส่วนเราชอบด้านซ้าย มากี่ครั้งก็มาฝั่งนี้ นั่งรอแสงท่ามกลางลมแรงๆ อากาศหนาวๆ ฟินมาก

5ugl2vzp0092

รอจนคนกลับเกือบหมดเราก็ได้ภาพอย่างที่อยากได้แล้ รอบนี้ไม่โดนแตะมือถือกระจายด้วย

oxiqy5isblxh

เดินต่อมาที่ลานวัดพระแก้ว ระหว่างทางแวะเก็บภาพ เซตนี้ถึงขั้นต้องนอนถ่ายเพื่อให้มือนิ่ง

r02nfe47aiu8

ลานวัดพระแก้วไม่มีคนแล้ว เราช้าอยู่คนเดียว

zx0lla7clycg
qx0st9hmlb70

หมกตัวในเต็นท์จน 10 โมงก็ออกไปกินมื้อเช้า และเตรียมเสบียงเพื่อไปเส้นน้ำตก สรุปออกเดินจากลานกางเต็นท์ 11 โมง

61lwf4gjwwtb

ระหว่างทางจากลานกางเต็นท์ไปน้ำตกวังกวาง

w1lumgwcvfm4

ถึงแล้วน้ำตกวังกวาง ช่วงนี้ของทุกปีน้ำก็ไม่ค่อยมีแบบนี้ตลอด ใครอยากเห็นน้ำเยอะๆ แนะนำมา 1 ตุลาคม น้ำจะเยอะมาก

v5ayyu8s0k3s
oeb56bby8uye

เราก็ชิลล์กับเส้นน้ำตกตลอดเส้นทางจากน้ำตกวังกวางไปน้ำตกเพ็ญพบใหม่

7t5dk894g6d8

น้ำตกเพ็ญพบใหม่เมเปิ้ลแดงสลับเขียวสวยไปอีกแบบ

vyrx15p708d4
af8ymx5vopo1

เดินไปนั่งตรงจุดที่ปกติถ้ามีน้ำจะไปไม่ได้ เราว่าจุดนี้เสียวมากกว่าผาหล่มสักอีก ตั้งมือถือถ่ายอีกเช่นเคย

bh6feoh0m2a4

จากนั้นก็เดินลงมาด้านล่างของน้ำตกเพ็ญพบใหม่ ด้านล่างก็จะมีเมเปิ้ลแดงอีกจุด

53dgpjhhr5xm
gdnum5sirnvk

เดินต่อในเส้นน้ำตก เส้นทางนี้พอไม่มีคนแล้วถ่ายรูปสนุกจริงๆ

y2yrwi7gkmv0
5jx6y04ixwf8

น้ำตกโผนพบ มีคนเล่าว่า โผน กิ่งเพชร เป็นผู้พบตอนมาเก็บตัวฝึกซ้อมบนภูกระดึงก่อนไปแข่งโอลิมปิก

vvhgm9ns4uq6

ระหว่างทางจากน้ำตกโผนพบไปน้ำตกเพ็ญพบก็มีหลายจุดให้ได้หยุดชื่นชมและเก็บภาพไปด้วย

cs73bgky1p31

น้ำตกเพ็ญพบ เราเดินตามลานหินไป ถ้าช่วงมีน้ำก็คงไปไม่ได้

p3x7uhaaowvb

ก่อนจะถึงน้ำตกถ้ำใหญ่เราก็แวะอีกนานพอควร

9b06u3izqt0z

พอถึงน้ำตกถ้ำใหญ่ก็มีเมเปิ้ลแดงนิดหน่อยพอให้ได้สนุก ปกติที่นี่จะเป็นไฮไลต์ถ้าเมเปิ้ลแดงพร้อมกัน

da5kesh3tfcl
9wjmkurs6f8o
o6etkjkqdcjh

เดินขึ้นมาจนถึงด้านบนก็เลี้ยวขวาไปน้ำตกธารสวรรค์ ปกติเราจะแวะกินมื้อเที่ยงและนอนกลางวันที่นี่ จะมีมุมที่หินยื่นออกไปใต้ร่มไม้พอดี แต่วันนี้เวลาไม่เอื้อแล้ว บ่าย 2 กว่าแล้ว

9050xbkyu8kg

เดินต่อมาที่สระอโนดาต ระหว่างทางของเส้นทางนี้ สวยไปอีกแบบ

62fowrmoevc7

เดินผ่านทุ่งโล่งๆ แดดดีๆ เหมาะกับการเดินอาบแดดมาก และแล้วก็มาถึงสระอโนดาตก่อน 3 โมงจนได้

tefwby63xm7k
rmbh847hvl7j

เราต้องไปต่อแล้วหยุดนานไม่ได้ ทุ่งโล่งๆ สลับทิวสนมีไปตลอดเส้นทางจนถึงน้ำตกสอเหนือ

zwlqss5m7etf

รอบนี้ที่น้ำตกสอเหนือเราไม่ได้ลงด้านล่าง เวลาไม่พอแล้ว ใกล้เวลาพี่ใหญ่ออกหากิน เราไม่ควรแวะนาน

7sl0kowznj05
9vz4d6j04j7e

ตลอดเส้นทางจากน้ำตกสอเหนือ จะมีจุดดูดพลังที่แยกสถานีทวนสัญญาณสื่อสาร จุดนั้นจะเป็นทรายขาวละเอียด ใช้เวลากับที่นี่นาน เดินแรงทรายก็เข้ารองเท้า ดีดขึ้นหัว

68b23n48llsb

เรามาถึงผาหล่มสัก 4 โมงนิดๆ ถือว่าเราไม่เสี่ยงมากนัก ออกมาถึงก็จัดแตงโมสักชิ้น ร้านนี้ไม่แคะเม็ดออกให้ ไม่โอเคเลย

j2xh3suclc7e

แวะมาจิบกาแฟร้านพี่นก และนั่งคุยกับน้องที่เจอก่อนขึ้นภู

a61lu0tci9qq

หามุมสงบๆ นั่งรอแสงสวยๆ ก่อนค่อยออกมาต่อคิวถ่ายรูปที่มุมมหาชน

64v9c6igipj3

แสงเริ่มสวยแล้ว

cwc4byptic6i

เดินออกมาต่อคิวถ่ายกับมุมเดิมเมื่อวาน รอบนี้ได้น้องที่ผิงไฟด้วยกันถ่ายให้ น้องถ่ายรูปสวยมาก

zsqg5a2ftger

วันนี้เราไม่รอฟ้ามืดแล้วรีบกลับเลย เดินเร็วให้ร้อนเพื่ออาบน้ำ-สระผมอีกเช่นเคย ระหว่างทางฟ้าสวย แสงสวย ดวงจันทร์ก็สวยมาก

oxwtrv92mnwq

หลังจากอาบน้ำ กินข้าว ก็มาแวะจิบกาแฟ ขอบอกว่า กาแฟสดโซนลานกางเต็นท์เข้มมาก และเข้มทุกร้านเลย เรากินอ่อนก็ไม่ค่อยโอเคนัก

3u2l5cy269ae

คืนนี้น้องกลุ่มเดิมเขาก็ยังคุยเสียงดังอยู่ เราได้ยินเขาชัดเจนว่าจะเอาทิชชู่เปียกเช็ดอันนั้นอันนี้ สุดท้ายก็ใส่หูฟังนอน

เช้าวันที่ 3 ของทริป เราเลือกไม่ไปชมอาทิตย์ขึ้น เลือกที่จะฝากกระเป๋าตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อให้ไม่พลาดรถเที่ยวบ่าย บริเวณลานกางเต็นท์ก็จะแสงสวยไม่แพ้กัน

h0kej27ice4x

พอเริ่มแดดออกก็รีบไปกินมื้อเช้าที่ร้านเดิม ร้านพี่โจ้ เรากินร้านนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ขึ้นภู แกใจดี อยากกินอะไรถ้าบอกล่วงหน้าแกก็สั่งข้างล่างขึ้นมาส่งให้

ze3ykp3y2cwx

ได้เวลาที่เราต้องคืนเครื่องนอน ออกเดินมาที่ต้นสนที่ ร.9 และสมเด็จฯ ทรงปลูก

borxsq8o7nmb

เดินต่อมาที่พระพุทธเมตตา หลังจากสักการะเสร็จก็กวาดลานด้านหน้าองค์พระก่อนลงภู

ce9vk000pp8c
l09ujc8v3fhv

ก่อนลงแวะที่อ่างเก็บน้ำวังกวาง ที่นี่ทากุจะยังคงเริงร่ารอกระโดดเกาะขาทุกคนอยู่ ใครกลัวทากุอย่าไปเลย

hl0tlsp58eh0
wwt4wu3sh0vo

ขากลับเดินมาทางศาลเจ้าปู่ผาคำ

esggodpeacmk

ค่อยๆ เดินเรื่อยๆ ก็มีหลายมุมให้เก็บภาพก่อนลง

faa1dg3yymks

มาเก็บภาพต้นเมเปิ้ลอีกครั้ง รอบนี้เข็ดไม่ตั้งมือถือแล้ว แค่ยกถ่ายพอ

s9zs60pxofcc
xcb7hvhcjj56

ขาลงเราไม่ค่อยชอบเลย มันต้องเกร็งขา จิกนิ้วเท้า ไม่ชิลล์เลย ระหว่างทางก็สวนกับพี่ลูกหาบหลายคน ต้องขอบคุณพี่ๆ ลูกหาบด้วยที่ช่วยให้เราเดินตัวเปล่าพาตัวเองขึ้น-ลงภูกระดึงได้

3w0r3ev1hhvo

ขาลงเราก็แวะซื้อแตงโมที่ซำแฮกอีกครั้ง แต่เลือกร้านที่เรายังไม่ได้ซื้อตอนขาขึ้น

b2mfk2xqey52

ขาลงมุมนี้ก็สวยดี

14be9i7t2acm

เดินลงมาเรื่อยๆ แวะคุยกับหลายคนที่เห็นเราแทะแตงโมยั่วยวนคนเดินขึ้น ลงมาถึงตีนภูเราใช้เวลา 155 นาที ยาวนานกว่าขาขึ้นอีก สำหรับคนที่เอาผู้ช่วยผู้พิชิตไปก็วางคืนกันด้วย คนหลังๆ จะได้มีผู้ช่วยผู้พิชิตใช้

j32k7wq39lbj

ลงมาเจอกระเป๋านอนรออยู่แล้ว จ่ายเงินเสร็จก็รีบไปอาบน้ำ มื้อเที่ยงก็กินร้านที่มีป้ายว่ากะเพราเนื้อ ร้านนี้มีป้า 2 คนขาย ป้าแกแถมกล้วยน้ำวามาด้วย ปกติเราไม่กินกล้วยน้ำว้า แต่พอป้าแกให้มาก็เลยกิน

8mv3dp2w5rth

พออิ่มก็เดินผ่านอาคารของอุทยานฯ มุมนี้ขาขึ้นยังไม่มีแสง ขากลับมีแสงแล้ว

owniblndabe9

ขากลับรถสองแถว 9 คนตกคนละ 35 บาท มาถึงร้านเจ้กิม แสงบ่ายแรงไปนิดแต่ก็ได้ภาพผานกเค้าในอีกแบบ

z9qppwmf0fnh

ขากลับเราจองรถบ่าย 3 แต่รถมา 4 โมง ขากลับรถธรรมดาแต่เราประทับใจมากกว่ารถ vip ขามาอีก จบทริปภูกระดึง 3 วัน 2 คืน ด้วยอาการขาตึงมาก นิ้วเท้าเจ็บตอนลงภู เป็นทริปที่ได้ new low อุณหภูมิ 3 องศา รอบก่อนเจอ 4 องศา ถึงคนมาเที่ยวภูกระดึงจะเปลี่ยนไป แต่ภูกระดึงภูเขารูปหัวใจยังคงเหมือนเดิม

ปล. ห้ามลืมไฟฉาย

vi252uly76sw
ความคิดเห็น