เกาะตาชัย ขาวใส ใครๆก็ไปกัน พังงา

ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ผมมีโอกาสไปทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งทางภาคใต้ นั้นเป็นเพราะสถานการณ์ในกทม.ขณะนั้นเกิดวิกฤติการเมืองอย่างรุนแรงทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลงชั่วคราว และบริษัทผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมถูกส่งตัวไปทำงานอยู่แถวเขาหลัก จ.พังงาอยู่ 2 เดือนช่วงเดือน กพ - มี.ค แต่วิกฤติในครั้งนั้นทำให้ผมได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัดมากมาย และเกาะตาชัย ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่จะมารีวิวให้ชมกัน

ผมซื้อทัวร์ที่แหล่งท่องเที่ยวเขาหลัก แน่นอนที่นี่เป็นที่สิงสถิตย์ของผมในช่วงนั้น เดินเที่ยวเดินมาหาอะไรกินแทบทุกวัน เดินไปถามราคาทัวร์ตามเคาน์เตอร์ทัวร์บริเวณนั้นอยู่เรื่อยๆ สอบถามราคาทัวร์แบบ one day trip ตามเกาะต่างๆ แล้ว rate ของราคาทัวร์จะตกอยู่ที่ 1,800 - 2,700 แต่บังเอิญ ผมรู้จักกับบ.ทัวร์ที่ตั้งอยู่ที่ทำงานผมจึงได้ราคาพิเศษมา เป็นของ LOVE Andaman

วันเดินทางมาถึงทาง บ.ทัวร์จะส่งรถมารับลูกทัวร์ตามโรงแรมต่างๆแถวเขาหลักไปขึ้นเรือที่ท่าเรือทับละมุ จากเขาหลักมาท่าเรือใช้เวลาประมาณ 15 นาที มาถึงท่าเรือทำการลงทะเบียนตรงร้านสมาคมภริยาทหารเรือ แจกริชแบนด์ของบ.เป็นสีต่างๆเพื่อเป็นจุดสังเกตุว่ามาเรือลำไหนและไกด์คนไหน ตรงจุดนี้จะมีของว่างให้ทานเล่นพวกขนมปัง กาแฟ ผลไม้ และมีกล้องถ่ายใต้น้ำให้เช่า และมารับตีนกบกับ snorkel สำหรับดำนำ ส่วนรองเท้าเขาห้ามนำขึ้นเกาะ ฝากไว้ตรงท่าขึ้นเรือนั่นแหละ

วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส แดดแรง แต่มีคลื่นลมอยู่บ้างทำให้นั่ง speedboat ไม่เป็นสุขนัก เพราะต้องโยนตัวตามจังหวะกระแทกกระทั้นที่เรือพุ่งตัดคลื่นไป ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง เกาะตาชัย

ตามโปรแกรมเราจะดำนำกันก่อนเข้าเกาะ แล้วไปทานอาหารกลางวันกันบนเกาะ เล่นน้ำชายหาด ตามหาปูไก่ และเดินไปจุดชมวิวหลังเกาะ และออกจากเกาะประมาณบ่าย 3 โมง ผมจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพใต้น้ำเพื่อลงไปชมปะการังที่มองเห็นอย่างชัดเจนภายใต้น้ำทะเลสีเทอร์คอยซ์

ผมพบว่าปะการังแถบเกาะตาชัยนี้อยู่ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรมมากมีปะการังตายอยู่หลายจุด ดูเหมือนหญิงสาวที่ป่วยหนักไร้คนดูแล ปะการังที่พบส่วนใหญ่จะเป็นปะการังสีน้ำเงิน ปะการังรังผึ้ง ปะการังโขด

ไกด์ปล่อยให้เราดำน้ำกันอยู่สักพักก็เป่านกหวีดเรียกขึ้นเรือเข้าสู่เกาะเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกัน

บริเวณที่พักของเจ้าหน้าที่ เกาะตาชัยจะไม่อนุญาติให้ค้างแรมบนเกาะน่ะครับ ส่วนอาหารทางบ.ทัวร์จะจัดเตรียมไว้ให้ อาหารเป็น buffet เป็นพวก ผัด ทอด ต้มยำ แกงจืด ส้มตำ มีของหว่านเป็นผลไม้ ไอศกรีมรวมทัง ชากาแฟน้ำผลไม้ไว้บริการไม่อั้น

จากนั้นมีกิจกรรมเดินป่าหาปูไก่ กับตามหาหอยมรกต ซึ่งแน่นอนว่านักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้อย่าหวังที่จะได้เห็นตัวพวกมันตามชายหาด เพราะฉะนั้นเราจึงต้องไปตามหามันเอง ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวจีนอยู่พอสมควร ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันไปตลอดทาง ถ้าผมเป็นปู คงไม่มีความสุขนัก อุตส่าห์หลบมาอยู่ในป่าแล้วก็ยังมาตามหาพวกตรูอีก

จากนั้นก็ไกด์ก็ปล่อยพักผ่อนกันตามสบาย ใครจะเล่นน้ำ ทำกิจกรรมบนชายหาดก็ทำไป ผมก็ได้แต่เดินหามุมถ่ายภาพ แอบส่องความสนุกของสาวๆตามชายหาดบ้าง เพราะมันเป็นสีสันต์ของทะเลหน้าร้อน หันไปทางซ้ายเป็นโซนตะวันตก เห็นฝรั่งใส่บิกินี่สีเขียวกำลังเก็บภาพตามชายหาด อีกคนก็กำลังลงเล่นน้ำที่ฉากหลังเป็นเรือเหมือนกำลังถ่ายแบบ

หันไปทางขวาเป็นโซนตะวันออก ทำให้ชายหาดที่ขาวอยู่แล้วยิ่งขาวกว่าเดิมด้วยทั้งจีน เกาหลี

แล้วตรงหน้าผมล่ะ มีน้องๆวัยรุ่นคนไทยกลุ่มหนึ่งโพสท์ท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน (ขออนุญาติน้องๆด้วยน่ะครับ)

ผมใช้เวลาเดินเล่นเพื่อเก็บภาพความสนุกบนชายหาดไปเรื่อยๆ ทั้งมีคนให้ช่วยถ่ายภาพบ้าง ร่วมถ่ายกับเขาบ้าง

ทะเลบ้านเราสวยจนมีคนต่างชาติต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อถ่าย pre-wedding กันเลยทีเดียว

หลังจากเก็บภาพตามชายหาดอยู่กันพอสมควร ไกด์ก็เรียกให้ไปชมวิวกันหลังเกาะ ใครจะไปกก็ได้ไม่ไปก็ได้ ผมเลือกไปชมวิวหลังเกาะ ต้องไต่ขึ้นเนินเตี้ยๆไปสักระยะหนึงก็จะมองเห็นวิวหลังเกาะอย่างเต็มตา แต่แดดร้อนมากจะไม่มีที่ร่มสักเท่าไหร่ และไม่มีรองเท้าใส่ต้องรีบเดินกันเลยทีเดียว จากที่เคยเห็นภาพมุมนี้ สมัยก่อนจะเต็มไปด้วยลานหินเต็มไปหมด แต่ภาพที่เห็นหินหายไปแทบไม่เหลือ เป็นเพราะอะไร ก็เพราะค่านิยมในการก่อหินเป็นเจดีย์นี่แหละ หรือไม่ก็เขวี้ยงหินลงน้ำกัน

ถึงเวลาเดินทางกลับตอนบ่าย 3 โมง ระหว่างทางนั่งคิดอะไรไปเรื่อยว่า ถ้าประเทศเราสามารถบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวสวยๆเหล่านี้ และอนุรักษ์กันอย่างเต็มที่อย่ามองเพียงแค่ตัวเลขและตัวเงินของนักท่องเที่ยว เราจะมีท้องทะเลที่สวยงามไว้ให้ลูกหลานได้ดูกันในวันข้างหน้าและตลอดไป