ด้วยความที่ไทยแลนด์บ้านเราหมดหน้าหนาวซะแล้ว 😂 ช่วงปีใหม่นี้เราเลยขอไปออกทริปที่อากาศเย็นๆสบายๆไม่หนาวเกินทน 'เวียดนามเหนือ' ก็เป็นตัวเลือกนึงที่ตอบโจทย์มากๆ เพราะช่วงนี้อากาศเย็นสบาย (15-20องศา) เที่ยวง่าย แถมยังวิวสวยปังมากกก! 

ทริปนี้เราไปตะลุย 3 เมือง 'Hanoi - Halong - Sapa' 6 วัน 5 คืน แต่ละเมืองก็จะมีเอกลักษณ์ต่างกันออกไป อย่างฮานอยก็จะเน้นเดินเที่ยวในตัวเมือง/Halong Bay เที่ยวชมอ่าวชื่อดัง/Sapa ภูเขานาขั้นบันไดสุดอลัง ⛰

ใครกำลังหาที่เที่ยวช่วงต้นปี ต้องมาดู! ✨ อ่านแล้วเที่ยวตามได้แน่นอนจ้าาา

::North Vietnam Trip::
🔅 
Day 1 🔅
- Arrive Noi Bai Hanoi Airport
- Check-in Picturesque Homestay
- เจดีย์ Tran Quoc
- เดินชมเมืองฮานอย
- บาร์ลับ Kumquat Tree

🔅 Day 2 🔅
- Halong Bay 1 day tour 08.30-21.00
 [ทานอาหารเที่ยงบนเรือ พายเรือคายัค/นั่งเรือไม้ไผ่/ชมถ้ำ Thien Cung]
- ขึ้นรถไฟนอน Chapa Express ไป Sapa

🔅 Day 3 🔅
- Check-in Silk Path Grand Resort & Spa Sapa
- ขึ้นยอดเขา Fansipan Legend
- เดินชมเมือง Sapa

🔅 Day 4 🔅
- Cafe in the Clouds
- Check-in Topas Ecolodge

🔅 Day 5 🔅
- Sapa Lake
- Viet Emotion
- ขึ้นรถไฟนอน Chapa Express กลับ Hanoi

🔅 Day 6 🔅
- Runam Bistro
- Hoan Kiem Lake
- St.Joseph's Cathedral
- Gong Cha

✈️ ตั๋วเครื่องบิน: ขาไป Thai Lion Air + ขากลับ AirAsia 5,045 บาท

🏨 ที่พัก:
Hanoi > Picturesque Homestay 439 บาท, Tomodachi House 147 บาท
Sapa > Silk Path Grand 1,045 บาท, Topas Ecolodge 5,052 บาท

⛴ Halong Bay 1Day Tour 4hrs Cruising $35

🚠 กระเช้า,รถรางขึ้น Fansipan 820,000VND

🚂 รถไฟ Chapa Express Train + Shuttle Bus LaoCai to Sapa ไป-กลับ $72
จองออนไลน์ที่ ChapaExpressTrain.com 

📞 Simcard: Viettel แบบ7วัน ไม่มีโทร 250,000VND (ซื้อที่สนบ.)

🚖 การเดินทางในเมือง: ใช้ Grab (ชัวร์กว่า กันโกง แต่มีให้เรียกน้อย), โบก Taxi (ต้องใจนักเลงพอตัว ชอบเรียกเงินไม่กดมิเตอร์ บางมิเตอร์ไหลไวกว่าเน็ต5g) 

🚐 รถรับส่งสนบ.ฮานอย: ขามา $25/คัน รถตู้นั่งได้ 10 คน, ขากลับ 300,000VND ฟอร์จูนเนอร์สำหรับ 5 คน 


🔅 Day 1 🔅

เราลงไฟล์ทเช้า 09.30 ที่ Noi Bai International Airport วิธีเดินทางเข้าเมืองก็มีหลายวิธีเช่นรถบัสหรือ taxi แต่เรามากันหลายคนด้วยความสะดวกเลยจองรถตู้กับที่พักในฮานอย (Picturesque Homestay) ในราคา $25/คัน นั่งได้ประมาน 10 คน ใช้เวลาเดินทางจากสนบ.ไปที่พัก 50 นาที

หลังจาก Check-in เสร็จเที่ยงๆเราก็ไปเดินหาอะไรกินกันจ้าา เดินจากที่พักมาเรื่อยๆเจอร้านชานมไข่มุก!!! ชาวไทยอย่างเราจะรอช้าอยู่ใย รีบพุ่งตัวเข้าไป ร้านตกแต่งสีเหลืองน่ารักๆ 'Auntie Kim' เราสั่งเมนู signature ของร้านแต่เป็นแบบไข่มุกขาว (55,000VND) รสชาติหอมอร่อย แปลกใหม่ไม่เหมือนชานมบ้านเรา แนะนำเลยค่าาา

จุดหมายต่อไป 'เจดีย์ Tran Quoc' (เตริ่นกว๊อก)
เจดีย์พุทธทรงสูงเก่าแก่สีแดงที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ Ho Tay Lake ภายในวัดบรรยากาศร่มรื่นดีม้ากกก เป็นสถานที่สักการะของชาวเวียดนามและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของฮานอยเลยจ้า 

⏰  เปิดทุกวัน 08.00-16.00
💰 เข้าชมฟรี 

ช่วงเย็นๆเราออกมาทานอาหารและเดินชมเมืองฮานอย ในตัวเมืองจะบรรยากาศเหมือนยุโรปเลยแก แล้วช่วงนี้บ้านเค้าติดไฟประดับกันทั่วเมือง ถ่ายรูปมาสวยม้ากกก 

ช่วงค่ำจะไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจาก drinking กัน! 🍸
เราขอนำเสนอบาร์ลับที่คุณเพื่อนในทริปไปเสาะหามา 'Kumquat Tree' บาร์ที่ซ่อนอยู่ในซอกตึก ไม่มีป้ายบอกด้านหน้า มีแค่ 'ประตูสีแดง' กับป้ายเล็กๆด้านข้าง แถมจะเข้าร้านเราต้องโทรไปขอรหัสเปิดประตูกับร้านก่อนนะ 😉

Code ลับที่เราได้มาวันนั้นคือ 'C21' เปิดประตูเข้าไปด้านในจะตกแต่งด้วยไฟประดับแบบลึกลับๆ ต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 จะเป็นตัวร้านค่า บรรยากาศในร้านก็จะตกแต่งด้วยไฟนีออน ได้รูปเกร๋ๆ เป็นร้านสไตล์นั่งชิลนั่งดื่มสวยๆไม่ตื้ดจ้า


🔅 Day 2 🔅

วันที่ 2 เราซื้อทัวร์ Halong Bay กับที่พัก ราคาคนละ $35 ในโปรแกรมก็จะพาเราไปล่องเรือชมอ่าวฮาลอง กินข้าวเที่ยงบนเรือ กิจกรรมพายเรือคายัคหรือนั่งเรือไม้ไผ่ และเดินชมถ้ำ Thien Cung ตามแพลนแล้วรถจะมารับที่ที่พัก 8.30 และมาส่งตอน 20.00-20.30 

โชคไม่เข้าข้างเราเลยเพราะ PM2.5 หนาาามากกกก วิวเกาะในอ่าวเห็นลางๆ ใครมาก็พกแมสมาด้วยจะดีมากจ้า 
อาหารบนเรือก็จะเป็นอาหารซีฟู้ดสไตล์เวียดนาม กุ้ง ปลา ผัดผัก รสชาติบ้านเค้าก็จะจืดๆผักเยอะๆหน่อย 

ใช้เวลาล่องเรือและทานอาหารประมาน 40 นาที ก็จะถึง Floating Village ที่ให้นักท่องเที่ยวมาพายเรือ แพคเกจทัวร์ที่เราซื้อยังไม่รวมค่าพายเรือ เค้าจะมี 2 options ให้เลือกคือ พายเรือคายัค (พายเอง) และ นั่งเรือไม้ไผ่ (มีคนพายให้) คนละ 30,000VND ใช้เวลาตรงนี้ 45 นาที

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเรือต่อไปยังถ้ำ Thien Cung (เทียนกุง) ถ้ำใจกลางอ่าวฮาลองขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยยิ่งใหญ่อลังการ ถ้ำนี้เดินสบายๆเพราะเค้าทำทางเดินไว้สำหรับนักท่องเที่ยวค่า พาเด็กหรือผู้หลักผู้ใหญ่มาก็ยังเดินง่าย 

เราใช้เวลานั่งรถกลับไปฮานอยประมาน 3 ชม. ตามแพลนจะถึงประมาน2ทุ่มแต่เอาเข้าจริงคือเลทไปชม.นึง!! (เพราะทัวร์บังคับแวะลงจุดซื้อของฝากนานมากกก) ทำให้เราเกือบจะตกรถไฟไปซาปา (ตกไปแล้วด้วย2คน) เราจะต้องไปถึงสถานี Tran Quy Cap ตอน 3 ทุ่ม เพราะรถไฟออก 4 ทุ่ม แต่เราขึ้นรถไฟตอน 21.59 คือเฉียดตายมากกกกกก 😂 

เราเลือกรถไฟของ Chapa Express เพราะเห็นว่าเค้ามี Lounge ให้นั่งรอที่สถานี Lao Cai ปลายทางของเรา แล้วในรถไปก็ดูสวยน่านอนมากกก ❤️ เหมือนรถไฟฮอกวอตเลยแก ค่ารถไฟเราเลือกแบบถูกสุด $33/คน กับรถ Shuttle bus ไปส่ง Lao Cai-Sapa $3/คน จองในเว็บ ChapaExpressTrain.com
ใน 1 cabin สามารถนอนได้ 4 คน ใช้เวลาเดินทาง 8 ชม. ถึงซาปา 6 โมงเช้าจ้าา

ในการมาซาปาเนี่ยเราจะต้องนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Lao Cai (ลาวไก) ก่อน และนั่งรถเข้าเมืองซาปาต่อประมาน 1 ชม. รถที่เราจองกับ Chapa ก็จะไปส่ง เราที่รีสอร์ทเลย 


🔅 Day 3 🔅

รีสอร์ทที่เราพักวันนี้ก็คือออ...! 'Silk Path Grand Resort&Spa Sapa' จะบอกว่ามันดีย์ม๊ากกกก เราจองห้องถูกสุด แบบ Garden view ห้องละ 2,000บาท ตกคนละพัน แต่ความอลังของรีสอร์ท วิว การบริการคือเกินไปมากมากมากกก!! 😍 

ตัวรีสอร์ทจะอยู่สูงขึ้นไปจากตัวเมืองนิดนึง ทำให้เห็นวิวเมืองซาปาทั้งเมืองและวิวภูเขาได้จากบนที่พักเราเลย การตกแต่งของรีสอร์ทก็คือหรูมากเว่อ ห้องนอนก็ดีมาก ห้องหรูนอนสบาย มีประตู connect หาเพื่อนห้องข้างๆได้ มีบริการรถ buggy ไปรับ-ส่งในตัวเมือง 

ด้วยความที่เรามาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ น้ำยังไม่ได้อาบ เราเลยมาอาบน้ำแต่งตัวกันที่รีสอร์ทในส่วนของห้องน้ำสระว่ายน้ำ เพราะยังเช้าเลยยังเช็คอินไม่ได้ ทางรีสอร์ทบอกเราเลยว่าใช้ได้ตามสบาย don't worry เลยจ้า

หลังเสร็จกิจ เราก็พร้อมลุย! เพราะวันนี้อากาศแจ่มใสไร้เมฆหมอก manager ของโรงแรมเลยแนะนำให้เราไปขึ้นเขา Fansipan Legend วันนี้เลย เพราะพยากรณ์อากาศพรุ่งนี้ฝนตกจ้าา

Fansipan Legend หรือที่เรียกกันว่า หลังคาแห่งอินโดจีน เพราะด้วยความสูงกว่า 3143 เมตร ก็คือเขาที่สูงสุดในลาว-เวียด-กัมพูชานั่นเอง สมัยก่อนคนเขาขึ้นไปโดยการ trekking กันนานหลายวัน แต่เดี๋ยวนี้เค้ามีทั้งรถราง ทั้งกระเช้าพาเราขึ้นไปสบายๆในไม่กี่นาที 

ตั๋ว Fansipan: ซื้อตั๋วที่ Sun Plaza (ตึกเหลือง) เราซื้อแพคเกจ รถรางแดงขึ้นไปสถานี Cable car + กระเช้า Cable car + รถรางขึ้นยอดเขา สำหรับขาไป และขากลับ Cable car + รถรางแดง ราคา 820,000VND/คน 

ข้อควรรู้ในการขึ้นเขา Fansipan: ข้างบนยอดเขาหนาวและลมแรงมากกกกก มากกว่าตัวเมืองเป็นเท่าตัว ตอนเราไปในเมือง 17 แต่บนเขา 8 องศา ควรใส่เสื้อหนาๆกันลม มีถุงมือและหมวกยิ่งดี 


ต่อแรก: รถรางแดง
หลังจากซื้อตั๋วที่ Ticket booth เสร็จแล้ว ก็เดินตามทางมาขึ้นรถรางได้เลย รถรางจะพาเราขึ้นไปที่ Cable Car Station ใช้เวลาประมาน 10 นาที ระหว่างทางสามารถชมวิวสวยๆของภูเขานาขั้นบันไดได้ค่า 

ต่อที่สอง: Cable Car
กระเช้าที่นี่คือเลื่องชื่อมาก เพราะเป็นกระเช้าระยะทางยาวกว่า 6 กม.! พาเราขึ้นเขาไปแบบ nonstop ไม่มีหยุดพัก ใช้เวลา 15-20 นาที เราจะค่อยๆขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆให้เสียวเบาๆ กระเช้าจะไปหยุดสถานีด้านบน มีจุดแวะพักซื้อของฝาก/เข้าห้องน้ำ/หลบลมหนาว

ต่อที่สาม: รถรางมินิ
ใครอยากประหยัดเงินจะไม่เอาแพคเกจที่มีอันนี้ก็ได้ สามารถเดินขึ้นไปที่ยอดเขาได้ บันไดประมาน 600 ขั้นเท่านั้นเอ๊งงง 😂 แต่ให้สบายๆก็ซื้อเถอะจ้า5555 ใช้เวลานั่งแค่ 5 นาที แล้วขาลงก็เดินลงได้ ประมาน 10 นาที

ด้านบนยอดเขา Fansipan Legend ในระดับความสูง 3143 เมตร ก็จะมีทั้งเจดีย์ พระพุทธรูป และวัดให้สักการะอยู่ด้านบน ที่แจ๋วคือวิวด้านบนจะเหมือนภาพ timelapse อยู่ตลอดเวลา เพราะลมพัดเมฆไปไวเว่อ
สรุปแล้ว ใครจะขึ้นมา Fansipan ควรเผื่อเวลาสัก 3 ชม. ในการเดินทางขึ้น-ลงเขาและชมวิวด้านบนค่า 😊

หลังจากลงเขามาก็เป็นช่วงเย็นๆแล้ว เราก็เลยเดินเล่นชิวๆใกล้ๆ Sun Plaza อีกนิดหน่อย เก็บภาพยามเย็นของเมือง Sapa มาฝาก ❤️


🔅 Day 4 🔅

มาถึงวันที่ 4 แล้วจ้าา วันนี้ไม่มีโปรแกรมเที่ยวอะไรมากเพราะตื่นสาย55555 เรา check-out จาก Silk Path ประมาน 11.30 แล้วไปลองร้านอาหารวิวดีตามรีวิวที่ดูมา 
'Cafe in the Clouds'
ร้านอาหารเวียดนามที่สามารถนั่งชมวิวภูเขาได้แบบ slowlife โชคไม่ดีที่ฟ้าปิด (เหมือนที่ manager บอกเมื่อวานเป้ะ) วิวเลยมองเห็นไม่ชัด แต่บรรยากาศก็ชิวอยู่นะ

แต่ข้อเสียของร้านนี้อย่างใหญ่หลวงเลยคือ...! สภาพร้าน โต้ะอาหารมันสกปรก เก้าอี้นี่สนิมเขรอะเลย แถมเฮียคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนคุมร้านคือหน้าท้าต่อยมาก ไม่รู้ว่าไปโมโหใครมา5555 แต่พนง.คนอื่นโอเคเลยนะ 

และ Highlight ในทริปนี้ของเราก็มาถึง แถ่นแทนแท๊นน...! ✨ 'Topas Ecolodge' ที่พักสุดชิค ฮิปๆบนยอดเขาาา 
หลายๆคนน่าจะเคยเห็นรีวิวจากหลายเจ้าอยู่ เพราะวิวมันสวยอลังปังมากค่าาา เราเลยไม่พลาดที่จะจองอย่างเร่งด่วนเพราะห้องเต็มไวมาก 

ในการไปที่ Topas เราจะต้องนั่งรถออกไปจากตัวเมืองซาปาประมาน 1 ชม. สามารถจอง Shuttle bus กับ Topas เองได้เลยผ่าน email ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จุดขึ้นรถจะอยู่ที่ Topas Office ในตัวเมืองแถว Sapa Lake

🚐 ตาราง Shuttle Bus 🚐
> From Sapa to Topas Ecolodge
Departure: 7:30am / 13:15pm

>From Topas Ecolodge to Sapa
Departure: 9:00am / 12:00pm / 15:30pm

'Topas Ecolodge' เป็นที่พักที่ได้รับการยกย่องจาก National Geographic ว่าเป็น 'Unique Lodge of the World' ด้วยความ eco ของรีสอร์ทที่งดการใช้ single use plastic และรักษาสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้ว่าในตัวรีสอร์ทจะมีแปลงผัก organic เป็นของตัวเอง และแจกกระติกน้ำไม้ไผ่ให้ลูกค้าทุกคนเติมน้ำดื่มและนำกลับบ้านได้จ้า 

ตัวรีสอร์ทจะเป็นบังกาโลจำนวน 33 หลัง ตั้งอยู่บนยอดเขาในพื้นที่ของ Hoang Lien National Park ทุกหลังสามารถเห็นวิวได้หมด ส่วนของเราจองเป็นห้องประเภท Executive Premium ราคาหลังละ 10,000 บาท นอนได้ 2 คน เสริมเตียงได้อีก 1 คน (+$65) 

ที่เด่นที่สุดของที่นี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก...! สระว่ายน้ามมมม 💦 Infinity Pool ที่เห็นวิวภูเขาสลับทับซ้อนกันอย่างสวยงาม แต่... ฟ้า! ปิด! จ้า! 😂 ถือว่าบุญเราใช้หมดไปแล้วตอนขึ้นรถไฟทัน55555 แต่ถึงจะฟ้าปิดแต่ก็ยังสวยอยู่น้าาา(ปลอบใจตัวเอง)

ขึ้นมาบนรีสอร์ทนี้แล้วเราไม่สามารถไปไหนได้เพราะอยู่บนยอดเขา5555 ในรีสอร์ทก็มีกิจกรรมให้ทำอยู่บ้าง อย่างเช่น สปา (วิวห้องสปาสวยมาก ✨) ว่ายน้ำ เดินถ่ายรูปรอบรีสอร์ท หรือจะเดินไปชมหมู่บ้านบนเขาข้างเคียงก็ได้ ส่วนมื้อเย็นกับมื้อเช้าก็กินในรีสอร์ทนี่แหละ


🔅 Day 5 🔅

เรา check-out จาก Topas และนั่งรถลงมาในตัวเมืองรอบเที่ยง ฝากกระเป๋าไว้ที่ Topas office เพราะเย็นนี้เราต้องขึ้นรถไฟกลับฮานอยกัน 
ด้วยความที่ office อยู่ใกล้ทะเลสาบ Sapa เลยเดินไปแวะชมสักหน่อย วันนี้ฝนตกพรอมแพรม 

มาลองชิมอาหารตามรีวิว ร้าน 'Viet Emotion' ร้านอาหาร fusion มีทั้งเวียดนามและอิตาเลี่ยน ในซาปาจะมี 2 สาขาอยู่ใกล้ๆกันแหละ เราไปสาขา 2 ตัวร้านน่ารัก มี 3-4 ชั้น อาหารอร่อยถูกปาก เราสั่งกันเยอะมากกกแถมยังมีไวน์อีก เช็คบิลตกคนละ3ร้อยกว่าบาท งง! 😂
ตอนเย็นเรากลับมารอรถ Shuttle bus ของ chapa express ที่เรานัดไว้ 17.00 เพื่อพาเราไปส่งที่ LaoCai Station เราสามารถแจ้งได้เลยว่าจะให้รถไปรับที่ไหน เราเลยให้ไปรับที่ Topas office ที่ฝากกระเป๋าไว้ และขึ้นรถไฟนอนกลับฮานอยเหมือนขามาตอน 21.40 จ้าา 🔅


🔅 Day 6 🔅

มาถึงวันสุดท้ายยย ✨ เรามาถึงฮานอยตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ด้วยความที่มีประสบการณ์เที่ยวเวียดนามมาแล้ว เลยรู้งานว่าต้องหาที่นอนต่อสิจ้าาา 😆 เราเลยจอง hostel ชื่อ 'Tomodashi House' คนละร้อยกว่าบาทไว้นอน+อาบน้ำตอนเช้า อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Tran Quy Cap 600เมตร

พักผ่อนกันถึงเที่ยงๆ ก็ฝากกระเป๋าและจองรถไปส่งสนบ.กับที่พัก คันละ 300,000VND สำหรับ 5 คน เหลือเวลาครึ่งวันก่อนไปสนบ.เราก็ไปตะลุยเมืองฮานอยกันค่าา

'Runam Bistro' ร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆในย่านวงเวียนที่มีช้อปแบรนด์เนมเยอะๆ (ไม่รู้เรียกว่าอะไร555) เห็นหน้าตาเมนูแต่ละอย่างเค้าดู creative ดี ราคาก็ไม่แพงมาก เลยมาลองสักหน่อย (คนอื่นน่ะลอง ดิฉันกินได้แต่ซุป 😢) เพื่อนๆบอกว่าเมนูที่เป็นสเต๊กเนื้อดีย์มาก ชิ้นใหญ่เบิ้ม แต่ราคาแค่ 500บาท

เวลาเหลือเยอะแถมฝุ่นวันนี้ ไม่เยอะเท่าวันแรก เราเลยเดินชิวในเมืองกันไปเรื่อยๆ ผ่าน 'ทะเลสาบ Hoan Kiem' (ฮหว่านเกี๊ยม) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง รอบทะเลสาบเป็นสวยชนสาธารณะและร้านกาแฟ กลางทะเลสาบมีวัดและสะพานแดงอยู่ด้วย (แต่เดินไปไม่ถึง เมื่อยก่อน5555) 


'St.Joseph's Cathedral' โบสถ์เก่าแก่ใจกลางเมืองฮานอย ช่วงคริสต์มาสต์หน้าโบสถ์จะตกแต่งต้นไม้ต้นยักษ์ วันที่เรามามีคนจัดงานแต่งอยู่ในโบสถ์ด้วย คนทั่วไปสามารถเข้าชมด้านในได้ค่า

และทริปเวียดนามเหนือ 6 วันของเราก็จบลง ❤️ ถือว่าเป็นทริปที่สนุกและประทับใจมาก แถมได้ป่วยวันสุดท้ายด้วย 😂 สำหรับใครอยากอ่านรีวิวเวียดนามใต้ต่อ ขออันเชิญที่ลิ้งค์นี้เลยจ้าาา >>> สะกิดชาวแก๊งค์ตะลุยเวียดนามใต้ Dalat - MuiNe - HoChiMinh 5วัน 4คืน 

LEFT HOME หนีออกจากบ้าน

 วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.30 น.

ความคิดเห็น