วันนี้เป็นวันที่ 2 ของทริปท่องญี่ปุ่นตะวันตกคนเดียว 7 วัน 9 เมืองของเราค่ะ ตามแผนคือช่วงเช้าจะออกเดินทางจากฟุกุโอกะ ไปปั่นจักรยานเล่นรอบเมืองยามากุจิ แล้วช่วงบ่ายเที่ยวเกาะมิยาจิม่า มรดกโลกที่โด่งดังเรื่องเสาโทริอิสีแดงกลางทะเล

ถึงจะตั้งชื่อตอนว่า 'ตามรอยโคนัน' แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจไปตามรอยตั้งแต่แรกหรอก พอกลับไทยแล้วถึงเพิ่งนึกได้ว่า เอ๊ะ! คุ้นๆ ว่าโคนันเคยมาเยือนที่มิยาจิม่ากับฮิโรชิม่านี่ (ทั้งสองเมืองอยู่ติดกัน) เลยลองเอารูปที่ถ่ายไว้มาเทียบ

"เห้ย! เป๊ะเว่อร์" ราวกับจงใจเดินตามรอยเท้าโคนันทีละก้าวอะ เลยขอโมเมว่านี้คือทริปตามรอยโคนัน ภาคเกาะมิยาจิม่าละกันนะ

หากใครจะไปเกาะมิยาจิม่า ก็มักจะเริ่มกันที่สถานีฮิโรชิม่าค่ะ พวกคุณลุงโคโกโร่ก็เช่นกัน! เพราะเกาะมิยาจิม่าตั้งอยู่ในจังหวัดฮิโรชิม่า จึงมีแพ็กเกจท่องเที่ยวยอดนิยม Hiroshima - Miyajima 1 Day Trip เพราะเกาะอยู่ห่างจากใจกลางฮิโรชิม่าไปราว 45 นาทีเท่านั้น แต่เราว่าเที่ยวเมืองละวันเต็มๆ สนุกกว่าค่ะ เพราะแต่ละที่มีอะไรให้ดู ให้ทำเยอะมาก วันเดียวไปดูบรรยากาศได้ แต่เที่ยวไม่หมดจริงๆ

เมื่อมาถึงฮิโรชิม่าแล้ว เราต้องต่อรถไปอีกครึ่งชั่วโมง ลงที่สถานีมิยาจิมากุจิค่ะ เลือกไปได้หลายเส้นทางค่ะ ทั้งรถไฟฟ้า Tram, รถบัส และรถไฟท้องถิ่น JR แน่นอนว่าเราถือบัตร JR Pass อยู่ เลยต่อรถไฟท้องถิ่นค่ะ ฟรีขึ้นได้เลย ดูขบวนรถไฟดีๆ ก่อนนะ เพราะมีหลายชานชาลาละลานตามาก แต่ทีนี่มีป้ายบอกขบวนรถไฟ เวลารถ และชานชาลาภาษาอังกฤษบอกตลอดค่ะ เลยไม่ต้องกลัวหลงเลย เพื่อความชัวร์เราสะกิดถามน้องนักเรียนหญิงน่ารักที่ยืนต่อคิวอยู่ข้างหน้าว่า "รถคันนี้ไปมิยาจิมากุจิได้มั้ยคะ?" น้องดูลนลานในทีแรก อาจเพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง เราเลยทวนช้าๆ อีกครั้ง น้องพยายามสะกดทีละคำว่า "มิ-ยา-จิ-มา-กุ-จิ โอเค!" พร้อมทำมือโอเคและยิ้มหวานอย่างน่าเอ็นดู

เวลาเกือบสิบเอ็ดโมง เราก็มาถึงสถานีมิยาจิมากุจิแล้ว จากสถานีรถไฟข้ามถนนไปหนึ่งไฟแดงก็จะเห็นท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฝาก ที่พร้อมจะพาเราสู่เกาะมรดกโลกมิยาจิม่าแล้วค่ะ

ความเซอร์ไพรส์คือต้นไม้นี้ยังอยู่ทรงเดิมเป๊ะแบบในโคนันเลยค่ะ ซึ่งโคนันฉายไปเมื่อปี 2009 เรามาเที่ยวปี 2019 สิบปีผ่านไปอยู่ทรงไหนทรงนั้น หนักแน่นมั่นคงจริงๆ

เรือข้ามฝากมี 2 เจ้าค่ะ สีน้ำเงินน่าจะเป็นของเอกชน ส่วนสีแดงเป็นของ JR ค่ะ แน่นอนว่าเราใช้ JR Pass ที่ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือเฟอร์รี่ฟรีได้ด้วย คุ้มสุดๆ เลย มีเรือออกทุก 15 นาที รอไม่นานค่ะ สักพักเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ก็พานักท่องเที่ยวกว่า 40 ชีวิตข้ามฝาก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี คนไทย คนจีน ไต้หวัน และมีต่างชาติฝรั่งเพียงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อวานเราไปยูฟุอิน ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศของชาวญี่ปุ่นมา ก็ไม่เจอฝรั่งเลยแม้แต่คนเดียว

ใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็มาถึงเกาะมิยาจิม่าแล้วค่ะ สิ่งมีชีวิตแรกที่ออกมาต้อนรับเรา ไม่ใช่คนท้องถิ่น หรือกุ้งหอยปูปลาในทะเล แต่เป็นเจ้าแบมบี้กวางน้อย มันรีบโดดหย็องแหย็งจากริมชายหาดมาหานักท่องเที่ยว แล้วดมฟุดฟิด หวังว่าจะมีขนมกวางเลียติดไม้ติดมือมาฝากมันบ้าง เกาะนี้เป็นเกาะกวางครองค่ะ ไม่ต้องไปถึงนารา ก็เจอกวางเต็มเมืองได้ น้องๆ เชื่องมาก ถ้ากระดิกนิ้วเรียกมันก็เดินมาหานะ แล้วดมรอบๆ ตัวเรา พอรู้ว่าไม่มีของกินให้หรอกนะ มันก็สะบัดก้นให้และเดินต่อไป

มาถึงปุ๊บก็ต้องรีบตรงไปยังแลนด์มาร์คของเกาะ เสาโทริอิสีแดงกลางทะเลที่ตั้งตงาดมาเกือบสหัสวรรษหนึ่งแล้ว เอ๋ เสาใหญ่แดงแปร๊ดขนาดนั้นมันน่าจะโดดเด่นอยู่ข้างทะเลนี้นา อยู่ไหนนะ? เห็นแต่นั่งร้านผ้าคลุมสีขาวคลุมอะไรอยู่ไม่รู้ พอลองเปิดโลเคชั่นในกูเกิ้ลแมพส์เทียบ ชัดเลย ตำแหน่งของนั่งร้านนั้นมันคือที่ตั้งของเสาโทริอิสีแดงค่ะ ไม่นะ เขาปิดซ่อมบำรุงอยู่ค่า ปิดมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2562 และเห็นว่าใช้เวลาซ่อมอย่างน้อยหนึ่งปีเต็ม บทเรียนครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า ถ้าจะไปเที่ยวที่ไหน โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมโบราณ อย่าลืมเช็คภาพปัจจุบันก่อนนะ ไม่ใช่ดูจากโคนันเมื่อสิบปีที่แล้ว ฮ่าๆ

ถึงไม่ได้เห็นเสาจริง แต่ยังมีเสาจำลองอยู่หน้าศาลเจ้าค่ะ ตั้งอยู่บนชายหาดใกล้ๆ กันเลย ดูเป็นศาลเจ้าที่ใหม่มาก น่าจะตั้งได้ไม่นานมานี่เอง

จุดชมวิวที่เห็นเสาโทริอิสีแดงได้ดีที่สุดคือศาลเจ้าอิตสึกุชิมะค่ะ เวลาที่เราไปเป็นตอนเที่ยงนิดๆ เป็นช่วงน้ำลงเลยไปเดินเล่นถ่ายรูปที่ชายหาดได้ แต่พอตกเย็นเป็นช่วงน้ำขึ้น พอถึงกลางคืนน้ำจะท่วมฐานมิด ศาลเจ้าจะเปิดไฟประดับสีทองอร่าม สว่างตัดกับความมืดมิด จนเหมือนศาลเจ้าลอยอยู่กลางทะเลเลยค่ะ

ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ศาลเจ้าอิตสีกุชิมะค่ะ หากใครชอบดูวัตถุโบราณต้องไม่พลาด ซึ่งเราพลาดไปแล้ว น้ำตาไหล ใครตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์บนเกาะนี้ให้จำหน้าตาตึกไว้ดีๆ ค่ะ เพราะหน้าตึกไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกไว้ เราตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์นี้แหละ แล้วก็เดินเลยผ่านไปเฉย เพราะไม่รู้ว่าเป็นที่ที่เราตามหาอยู่ พอกลับมาเปิดดูโคนันถึงกับตบคอมปังเลย เห้ย! ฉันเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ที่ตามหาอยู่ไปเฉย


ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ศาลเจ้า จะเป็นวัดไดกันจิ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นค่ะ ว่ากันว่าวัดนี้ถูกบูรณะในปี 1201 ซึ่งก็กว่า 800 ปีมาแล้ว! มีพระพุทธรูปที่ถูกบันทึกว่าเป็นสมบัติแห่งชาติอยู่ถึง 4 รูป และหนึ่งในนั้นคือพระพุทธรูปยาคุชิ เนียวไร! ขอสารภาพว่าไม่สันทัดเรื่องศาสนา แต่ตื่นเต้นมาก เพราะคุ้นว่าชื่อพระองค์นี้ปรากฏอยู่ในโคนัน เดอะมูฟวี่ 7 คดีฆาตกรรมแห่งเมืองปริศนา

ระหว่างทางไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าจะเจอกับเซนโจคาคุและเจดีย์ห้าชั้น อยู่ติดกับศาลเจ้าอิตสึกุชิมะเลยค่ะ เซนโจคาคุมีความหมายว่า ‘ศาลาเสื่อหนึ่งพันผืน’ เพราะที่นี่มีพื้นที่เท่ากับเสื่อทาทามิประมาณ 1,000 ผืนนั้นเอง ดูจากภาพแล้วข้างในหน้าขึ้นไปมาก เป็นจุดชมวิวที่สวยเลย น่าเสียดายที่เวลาไม่พอเลยอดขึ้นไป

ไฮไลท์จริงๆ ของเกาะเราว่าไม่ได้อยู่ที่หาดทราย แต่อยู่บนภูเขามากกว่า ในโคนันอาจจะไม่ได้ไป แต่เราได้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามิยาจิม่า ปีนเขา ไหว้พระ ชมวิวบนยอดเขามิเซน จุดนี้ชาเลนจ์กล้ามขามากค่ะ ทำให้กลับมามองร่างกายตัวเองว่า ฝันจะไปปีนเขาที่เนปาลหรอ ยังเร็วไปสิบปียัยหนู! แอบเขินหนักไปอีกตอนเดินสวนคุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นที่ใช้ไม้เท้าช่วยปีนเขา ทั้งคู่เดินแบบสบายๆ คุยกันกระหนุงกระหนิงน่ารักมาก หันมามองตัวเรา มือซ้ายยาพ่นหอบ มือขวาพิมเสน เดินไปดมไปจนถึงยอดเขาเลยค่ะ

และแล้วการท่องญี่ปุ่นวันที่สองก็จบลงด้วยการไปนั่งหอบแห่กๆ อยู่กลางลานหินทรายบนยอดเขามิเซน เกาะมิยาจิม่าตอนสี่โมงเย็น เหม่อมองทะเลเซโตะที่เป็นป้อมปราการโอบล้อมเกาะนี้ไว้และตะโกนในใจว่า 'มาถึงแล้วโว้ย!' อยากจะทำมือและตะโกนออกมาแบบลูกเสือว่า เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! แต่ก็ดีใจชื่นชมตัวเองได้เพียงไม่กี่วิก็ต้องดมพิเสนอีกครั้งเมื่อคิดว่า 'แล้วฉันจะลงยังไงวะเนี่ย!'

รู้หมือไร่? ตาลุงโคโกโร่เป็นโรคกลัวความสูง... ดิฉันก็เช่นกัน


Facebook: Cookie Lifelong Learner

Website: cookiepong

Cookie - Lifelong Learning

 วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.28 น.

ความคิดเห็น