pljgfid53oln

เปิดประสบการณ์เดินป่าไทย  "ม่อนจอง"

ทริปนี้เรามาเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปี 2019 ต้อนรับปี 2020 กันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย 

จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ 3 ชั่วโมงกว่า 

กับระยะทาง 221 กิโล กว่าจะขับรถพาน้องๆ มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง

น้องๆ หลังรถก็หลับคอพับกันไปหลายตื่นแล้ว...ทริปนี้เราขับรถไปจอดไว้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวม่อนจอง 

ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านมูเซอ แล้วเหมา 4WD ที่ศูนย์บริการเข้าไปยังจุดเริ่มเดิน

ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ห่างจากหมู่บ้าน 16 กิโล 

แล้วต้องเดินเท้าขึ้นเขาต่ออีกประมาณ 4 กิโล (ทางชันโหดมากกก โหดปะล่ําปะเหลือ)

jl65lyiq5ly7

เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอน 06.00 น.  แบบว่าตื่นตีห้าปุ๊บ โทรปลุกน้องๆ 

ผู้ร่วมชะตากรรมในทันที  หลังจากรับกันขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางไปยัง

ศูนย์บริการท่องเที่ยวดอยม่อนจองทันที...

กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงกับระยะทางสองร้อยกว่ากิโลจนคนขับต้องเปลี่ยนมือกัน

ส่วนผู้โดยสารก็หลับคอพับไปหลายตื่น เมาหัวก็เมา จะอ้วกก็จะอ้วก

แต่ทุกคนก็ต้องอดทนกับทางโค้งที่ทำเอาดมยากันไปเกือบทั้งคันรถ (ยกเว้นคนขับแบบเรา) 555+

เราเดินทางมาถึงหมู่บ้านมูเซอปากทางทำเรื่องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อต่อรถ 4WD เข้าไปยังจุดเดินเท้า

(ทางโหดมาก อย่าเสี่ยงเอารถเข้าไปเองจะดีกว่า) และที่นี่เขาเลี้ยงหมูเดินไปมาเหมือนหมาเลยนะเธอ

55jlbmmhclj2

เราได้เพื่อนร่วมทริปที่เดินทางมาจากชลบุรีอีก 2 คน รวมกลุ่มหารค่า 4WD กัน 1 คัน 3,000 บาท 

ตกคนละ 375 บาทเท่านั้น ส่วนค่าลูกหาบนั้น 600 บาทสำหรับ 2 วัน 1 คืน 

โดยลูกหาบ 1 คนแบกของไม่เกิน 20 กิโล แก๊งเราจ้างลูกหาบแบกของส่วนกลางเพียงคนเดียวเท่านั้น 

สรุปหารค่าลูกหาบกันแค่คนละ 100 บาท

จากนั้นเราก็ออกเดินทางกระโดดขึ้นหลังโฟวิว นั่งหัวโยกกันไปตลอดทาง 

คือทางโหดแบบ โครตโหดเลยโว้ยยย ทั้งชัน ทั้งแคบ อารมณ์แบบต้องคนพื้นที่ชำนาญจริงๆ 

ถึงจะขับเส้นทางนี้ได้ หันไปถามน้องๆ ว่า "ไหวกันไหมวัยรุ่น" 

น้องบอก กลับบ้านต้องไปเช็คปอดหน่อยแล้วพี่ ฝุ่นตลบอบอวลตลอดทาง!!! 

ที่คิดกับจินตนาการไว้มันไม่ใช่แบบนี้นะพี่!! (เนี่ยแหละ เปิดประสบการณ์ใหม่ 555) 

หายใจกันให้ทันก่อนอ่ะตอนนี้ ทั้งฝุ่น ทั้งตูดนี่ระบมไปตามๆ กัน

c5eai90cwggo

ก่อนจะมาถึงที่นี่จะมีเอกสารให้กรอกชื่อของนักท่องเที่ยว (ต้องกรอกชื่อทุกคนให้ครบ) 

แล้วเอามายื่นเข้าอนุญาติเข้าพื้นที่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย

และเนื่องจากเรามาในวันที่ 31 ธันวา 62 อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศ

เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!! 

(โอ๊ยยย โชคดีกันไปอีก จริงๆ ศึกษาข้อมูลมาก่อนหน้าแล้ว เลยชวนน้องมากันวันนี้ 55) 

ถ้ามาปกติก็เสียค่าเข้าคนละ 20 บาทค่ะ 

แล้วก็เสียค่าบริการกลางเต็นท์ในพื้นที่หลังละ 50 บาท แต่เรามาวันนี้เลยยกเว้นค่าบริการ

heub8oudr1zc

นั่งหัวโยก สนุกเฮฮากันมาหลังกระบะตลอดระยะทาง 16 กิโลมายังจุดเดินเท้า 

ทีนี้ก็ถึงคราวของจริงกันแล้ว...แนะนำเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนมาเดินป่าที่นี่ 

เรื่องรองเท้าก็สำคัญเช่นกัน รองเท้าดีจะช่วยเซฟเท้าเราได้ดีมาก 

(แอดมินผีบ้าซื้อ adidas คู่สองพันมาเดินป่า เพิ่งใส่ได้แค่ 3 วัน เดี๋ยวมาดูสภาพกัน) 

เหมือนมาทดสอบความแข็งแรงของรองเท้ารุ่นนี้กันด้วย จะเป็นยังไงโปรดติดตามตอนต่อไป...

1g3ot48iwemv

เดินไปหอบไป แวะพักกันเป็นช่วงๆ ระหว่างนั้นก็หันไปถามน้องว่า "เป็นยังไงทริปนี้" 

น้องหันมามองแรง ฝากบอกคนที่จะมาที่นี่ว่า "หนีปายยยยย มันเป็นกับดัก!!" 

แต่อย่าเพิ่งคิดว่ายากถ้ายังไปไม่สุด ดังนั้น...ตามกันมาเลยว่าจะเป็นยังไงต่อจากนี้...

9jiicaut0gxr

นี่คือภาพที่หลังจากเดินมาได้ประมาณชั่วโมงกว่า 

ขอแสดงความยินดีด้วย คุณเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว 555+ 

น้องบอก "พี่ๆ เมื่อไรจะถึงวะ ไหนบอกนิดเดียวไง"

eti6q8nd3nxr

1uk3lozps854

จุดถ่ายภาพจุดแรกที่มาถึงคือ "ภูหินช่อ" 

เราพักแวะดื่มน้ำ นั่งพักให้หายเหนื่อย ระหว่างนั้นก็รอคนอื่นๆ เก็บภาพกันก่อนแล้วค่อยเดินกันต่อ

fo84oaawse50

crktvuxkns68

1d21bdv8brak

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ "เนินหมาหอบ" หรือที่เรียกกันว่า "เนินฮิปฮอบ" 

เอาจริงๆ นะ หมาไม่ได้หอบหรอก แต่คนเนี่ยแหละที่เดินหอบ 

หมามันคงไม่พาตัวเองมาทรมานเล่นๆ บนเนินนี้แน่ๆ 555+

2m7saudrlho3

ระหว่างที่รออีกสองคนที่กำลังตามหลังมา 

เริ่มรู้สึกสงสารน้อง พี่ไม่ได้หรอกน้องให้มาทรมานเล่นนะ 

แต่เดี๋ยวเห็นของจริงข้างบนจะรู้เองว่ามันคุ้มค่าเหนื่อย

o6l6m51wljrl

และในที่สุดพวกเราก็เดินทางขึ้นมาถึงจุดสูงสุด  ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

ที่เราจะพักแรมตั้งแคมป์กันในวันนี้...แล้วดูสภาพรองเท้าของแอดมินเพจเที่ยวให้โลกจำ 

การเดินป่าที่นี่ทำให้รองเท้าคู่สองพันกลายเป็นรองเท้ามือสองตลาดนัดไปเลยจ้า 555 

แต่เอาจริงๆ มันก็เซฟเท้าได้ดีมากๆ เลยนะ ความทนแข็งแรงก็ถือว่าเอาเรื่อง 

เพราะกลับจากทริปแล้วเอามาซักก็ใหม่เอี่ยมกริ๊งเหมือนคู่ใหม่ 

แค่เลอะดิน เลอะฝุ่นตอนไปเดินป่าเฉยๆ สภาพพื้นรองเท้าก็ยังดี 

ทนแข็งแรงเหมือนเดิม 

(แนะนำเอารองเท้าแตะมาไว้ใส่เดินแถวเต็นท์กันด้วยนะจ๊ะ 

เพราะกว่าจะเดินขึ้นมาถึงนี่ได้ก็เหนื่อย ปวดเท้า อย่างน้อยก็ได้พักเท้าไปด้วย)

s0vnjpj5i5q5

หลังจากกางเต็นท์จับจองพื้นที่สำหรับพักแรมในคืนนี้กันเรียบร้อยแล้ว

เราก็ออกจากเต็นท์เพื่อเดินขึ้นมายังเนินหญ้าสีทองที่ใครๆ เขาก็ต้องมาที่นี่กันแหละ

4xyl911e5e9t

ม่อนจองเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เรารู้สึกว่ามันสงบ สวย คุ้มค่ากับความเหนื่อย 

คนไม่เยอะวุ่นวายเหมือนม่อนอื่นๆ ในเชียงใหม่ 

(หรือเพราะมันลำบากทรมานสังขารเขาเลยไม่มากันวะ?) 

คงจะมีแต่คนที่หลงรักการเดินป่า ชอบการผจญภัยลุยๆ เท่านั้นกระมัง

ที่จะบ้าพาตัวเองมาลำบากในป่าลึกขนาดนี้

64ygliqjq7kw

ixsdas3jh0d4

zv09apv4i3yk

มันดีจริงๆ นะ เหนื่อยเหมือนเดิน 20 โล 

แข้งขาเหมือนจะหลุดออกจากกันจนแทบยืนไม่อยู่ 

แต่พอได้มาเห็นวิวหลักล้านแบบนี้ หายเหนื่อย ชื่นใจเลยล่ะ

i5u9twkr4nmi

mz41t39548g6

ผาหัวสิงห์...ไฮไลท์ของม่อนจองเลยล่ะ ก็บอกแล้วว่าสิ่งสวยๆ งามๆ มักมีกับดักซ่อนอยู่ 

แต่มันก็คุ้มกับการที่ต้องเสี่ยงแลกกับความเหนื่อยนั้น 

การมาศึกษาธรรมชาติที่นี่ เราควรให้เกียรติป่าและสัตว์ป่าด้วย 

เรามาบ้านเขาก็อย่าเสียงดังจนรบกวนสัตว์ป่า ขยะอย่าทิ้งเรี่ยราด 

เอาอะไรขึ้นมาก็แบกกลับลงไปด้วยนะจ๊ะ

ภาพนี้ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่มาเจอกันที่นี่มาก 

ยินดีที่ได้รู้จักมิตรภาพใหม่ของการเดินทางในครั้งนี้

Cr. flok phuriphat

g0xxxpw866mp
26vete1k21bn

แสงสุดท้ายของปี 2019 ถ้าถามว่ามีอะไรอยากจะบอกมั้ย...เราคงบอกได้แค่ว่า "โชคดีนะ" 

ยินดีที่ได้รู้จักใครหลายๆ คน และขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเราได้บังเอิญผ่านเข้ามาเจอกันในชีวิต 

ขอบคุณคนที่ยังอยู่ และขอให้ปีต่อไปเป็นปีที่ดี 

และเราก็จะยังคงออกเดินทางท่องเที่ยวต่อไป (ไม่ทิ้งความฝันของการออกเดินทาง) 
เพราะเราได้หลงรักการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไปแล้ว 

สัญญาว่าจะลงรีวิวให้ดูกันต่อไปเรื่อยๆ จ้า 

(จะครบรอบเปิดเพจ 1 ปีแล้วนะ) #เที่ยวให้โลกจำ

ac6pzfqxz6au

การเดินทาง มิตรภาพ เพื่อนร่วมทาง ความทรงจำ 

ประสบการณ์เดินป่าไทยครั้งแรกของน้องๆ

แสงสุดท้ายของปี 2019

5hwh6noq7r1p

hpvtecev64il

ที่นี่มีห้องน้ำค่ะ แต่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการอาบน้ำ 

(ใช่แล้ว การเดินป่ากับการไม่อาบน้ำเป็นเรื่องปกติจ๊ะ) 

ถึงจะมีห้องน้ำแต่ก็เป็นเพียงห้องส้วมชั่วคราวที่เจ้าหน้าที่สร้างขึ้นมาไว้เท่านั้น 

เมื่อหมดฤดูกาลท่องเที่ยวและปิดดอยแล้วก็จะรื้อทิ้ง 

เพราะถ้าไม่รื้อสัตว์ป่าอย่างช้างก็จะมาพังห้องน้ำอยู่ดี 

โดยน้ำที่ต่อขึ้นมาให้ใช้บนนี้น่าจะเป็นน้ำจากลำธารข้างล่างในป่านี่ล่ะมั้งนะ 

และเมนูอาหารสำหรับคืนนี้ของเราก็คือสุกี้ แต่ระหว่างต้มน้ำรอทำสุกี้นั้น

เราก็มีอีกเมนูมานำเสนอน้องๆ ผู้ร่วมทริป "ข้าวจี่" (อีสานบ้านเฮาเอง) 

อากาศหนาวๆ มันก็ต้องจี่ข้าวชุบไข่ร้อนๆ อร่อยจริงๆ ต้องลอง..

อ้อ ลืมบอกไปว่าเสบียงที่เตรียมมาเราควรเตรียมมาเผื่อลูกหาบและคนขับรถด้วยนะจ๊ะ 

แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องก่อไฟ ใครก่อไฟไม่เป็นลูกหาบช่วยคุณได้ 

เพราะเขาจะนอนอยู่ใกล้ๆ เรานี่ล่ะค่ะ โดยลูกหาบจะมีเปลมาผูกนอนตามต้นไม้ใกล้ๆ เต็นท์ของเรา 

กลางคืนดึกๆ ก็จะคอยหาฟื้นมาเติมไฟอยู่ตลอดเพื่อคลายความหนาว 

(เพราะเขาไม่ได้นอนเต็นท์แบบเรา ข้างนอกดึกๆ อากาศเย็นมาก 13 องศา แล้วลมก็แรงเวอร์วัง) 

ควรยึดเสาเต็นท์ให้ดี ไม่งั้นปลิวววว ส่วนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กัน 

บางกลุ่มก็เอากีต้าร์มาเล่น ร้องเพลงแหกปาก พุธโธ พุธถัง ธัมมะ ธัมโม 

ภาวนาขอให้ช้างป่าอย่าตื่นแล้ววิ่งเข้ามาพังเต็นท์ 555+ 

(เอาจริงๆ ปะ เที่ยวป่าแบบนี้เราว่าอย่ามารบกวนสัตว์ป่าและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะดีกว่า ก็เข้าใจแหละว่าอยากสนุก เฮฮากัน แต่ก็คุยกันเบาๆ ดีกว่ามั้ยอ่า -*- )

2zvvxpkjs38n

ด้วยความล้าและเหนื่อยมาทั้งวันกับการเดินแบกของข้ามเขาหลายลูกกว่าจะขึ้นมาถึงข้างบนนี้ได้ 

  หลังท้องอิ่มกันแล้วน้องๆ ก็เข้าเต็นท์นอนสลบกันไปยกแก๊ง 

แต่พี่ร่วมทริปอีก 2 คนที่มาเจอกันที่นี่แล้วตั้งแคมป์ด้วยกันก็ชวนไปดูดาว 

  ซึ่งเราเองก็ตั้งใจว่าจะไปถ่ายดาวอยู่แล้ว เราเลยนัดเวลากันตั้งนาฬิกาปลุกตอน 5 ทุ่ม

เพื่อเดินขึ้นไปดูดาวบนเขา ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกลมาก 

แล้วก็ถือโอกาสขึ้นมานับถอยหลังข้ามปีบนนี้ด้วย (พกไฟฉายกันไปด้วยนะจ๊ะ อันนี้สำคัญมากๆ) 

แต่พอถึงเวลาที่ต้องตื่นจริงๆ ปรากฏว่ามีแค่เรากับน้องบัดดี้ร่วมเต็นท์

ที่เดินขึ้นมาดูดาวกับพี่ๆ ร่วมทริป 2 คนเต็นท์ข้างๆ กัน ส่วนคนอื่นที่เหลือ "หลับ!!" 

แล้วเราก็เป็นคนแรกที่เดินนำขึ้นมาบนนี้ คือไม่มีใครอยู่บนนี้เลยสักคน!! 

  แต่เหมือนจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเห็นเราเดินมาก็เลยตามขึ้นมาอีกสามสี่คน 

คือบอกเลยว่าดาวบนนี้สวยมากกกกก แบบอลังการเวอร์วังมากๆ 

นี่ถือเป็นภาพแรกของปี 2020 ที่ถ่ายมาได้เลยล่ะ!!

an1rdy838608

เช้าวันต่อมาเราตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง หวังว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น

และเดินขึ้นไปบนยอดผาหัวสิงห์ที่อยู่สูงสุด แต่สิ่งที่เจอคือ "หมอก" ลงหนามากจ้าาาา 

แล้วน้องก็ตื่นไม่ครบคน ไอ้ที่ไปดูดาวด้วยเมื่อคืนก็สลบ หายแซ่บอยู่ในเต็นท์ 

ไอ้คนที่ไม่ได้ไปดูดาวเมื่อคืนก็ตื่นลากสังขารตามขึ้นมาบนนี้แทน (เปลี่ยนเวรกันมา)

6u9vd8xxshvl

มา 6 คน รวมเพื่อนใหม่อีก 2 คนเป็น 8 คน 

แต่ตอนเช้าเอาเข้าจริงๆ ตอนเดินมาผาหัวสิงห์เหลือกันอยู่แค่นี้

ba5ojzccwhi4

r8z27d3wxjjx

ระหว่างทางไปผาหัวสิงห์ 2 กิโลกับอีก 100 เมตร

อุณหภูมิประมาณ 12 องศาได้ หมอกกับน้ำค้างลงแบบเปียกเลยจ้า

0agxnlup0i96

หมอกลงหนาไม่เห็นอะไรเลย

cxzkxrxzh8tg

ใกล้ถึงยอดผาหัวสิงห์แล้วนะ

7qombbzsov1c

ประสบการณ์เดินป่าไทยครั้งนี้ประทับใจจริงๆ นะ คงเป็นอีกความทรงจำที่ดี

66d6iinquwaj

ระหว่างทางขึ้นไปก็เจอขี้อะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่าเป็นขี้ช้างหรือสัตว์ชนิดไหนสักตัว 

(แต่ช้างเดินขึ้นมาบนนี้ด้วยเหรอ?) เนี่ยๆ เรามาถึงจุดสูงที่สุดของดอยม่อนจองแล้ว 

เย้ๆๆๆ ผาหัวสิงห์ที่มีลักษณะคล้ายหัวสิงห์หากมองจากไกลๆ มา 

แต่พอมายืนอยู่ข้างบนนี้บอกเลยว่าทางขึ้นชันมาก แล้วก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 

แต่ถือว่ามาคุ้มแล้ว ไม่เสียเที่ยว ลมแรงแบบป้ายล้มกองอยู่ที่พื้น 

ต้องยกขึ้นมาถ่ายกันเอง แล้วก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มสองกลุ่มขึ้นมาเหมือนกัน 

คือคนขึ้นมาน้อยมาก เพราะตอนเช้าหมอกจะบังหัวสิงห์มิดจนมองไม่เห็นอะไรเลย 

ถ้าอยากได้ภาพหัวสิงห์ควรถ่ายช่วงบ่ายๆ เย็นๆ

by2hz22vkdht

ถึงเวลาเดินทางกลับกันแล้ว เราเดินขึ้นผาหัวสิงห์ตั้งแต่หกโมงเช้า 

กว่าจะลงมาถึงจุดกางเต็นท์เพื่อกินข้าวเช้ากันก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงเช้าแล้ว

3p5knokkb63h

หลังจากเก็บเต็นท์ เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางฝ่าหมอกหนาบนดอย

เพื่อเดินทางกลับ นี่ขนาดเกือบเที่ยงหมอกยังหนาอยู่เลย 

ทางลงชันเอาเรื่อง แวะเก็บภาพบนดอยหมาหอบกันหน่อยก่อนกลับ

ru8hg88lup9x


ระหว่างเดินลงไปก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินสวนขึ้นมา 

พวกเราก็ได้แต่โบกมือให้เขาแล้วบอกว่า "โชคดีนะ" 

(หนทางข้างหน้ารอเจ้าอยู่อีกไกล) 555+

3pj09onjayse

สรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้ทั้งหมด

- ค่าน้ำมันรถไปกลับ 845 บาท

- เสบียงอาหารสำหรับ 6 คนรวมลูกหาบ 1 คน 934 บาท

- กราวชีท 358 บาท (เราซื้อกราวชีท 2 ผืนไปปูรองพื้นเต็นท์กับเอาไว้เป็นที่นั่งเล่นนั่งกินข้าวกัน)

- ค่ารถ 4WD 3,000 บาท (มีพี่ 2 คนมาแจมอีก 2 คนหารค่ารถ)

- ค่าลูกหาบ 800 (ขากลับเราให้เขาแบกของบางส่วนเพิ่ม เลยเพิ่มเงินให้อีก) 

ปกติค่าลูกหาบสำหรับ 2 วัน 1 คืนแค่ 600 บาท

- ค่าข้าวเที่ยง (ที่ได้กินตอนบ่ายสาม กว่าจะเดินลงมาถึงข้างล่าง) 240 บาท 

มีร้านอาหารที่หมู่บ้านมูเซอหน้าศูนย์บริการท่องเที่ยว

รวมทั้งทริปแล้ว : 6,177 หักค่ารถที่หารกับพี่ 2 คนในทริป เหลือ 5,427 บาท

เฉลี่ยตกคนละ : 905 บาท (สำหรับพวกเรา 6 คน)

---------------------------------------------

เปิดให้ขึ้นดอย : พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ (ของทุกปี)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : 092 - 5597201 (ชุมชนบ้านมูเซอ)

หรือทำเรื่องจองได้ที่ : doimonjong.web.app

พิกัด : ดอยม่อนจอง อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

แผนที่ : https://goo.gl/maps/cRd2ZbNH7nNJ4Vcn7


#เที่ยวให้โลกจำ #ม่อนจอง #ดอยม่อนจอง #อมก๋อย #เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย #เชียงใหม่ #เที่ยวเหนือ #เที่ยวป่า #เดินป่า #เดินป่าไทย #เดินป่าเหนือ #เดินป่าเชียงใหม่ เที่ยวให้โลกจำ

ความคิดเห็น