แนะนำร้านแรก ของปี 2563  กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ขอชี้เป้าไปที่ร้าน House of Cheeva ด้วยว่า เป็นร้านอาหารที่ไปกินมาแล้ว รู้สึกโปรดปราน สามารถพูดได้เต็มปาก เต็มคำว่า "อร่อย" โดยความอร่อย ไม่ได้มาจากเพียงรสชาติของอาหารเท่านั้น หากแต่หมายรวมไปถึง รายละเอียดต่างๆ ภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศ ความสะอาดของสถานที่ ความใส่ใจของพนักงานที่ดูแล สัมผัสได้ถึง ความใส่ใจ ที่ต้องการบริการ อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ด้วยความจริงใจ... 

 อาหารร้าน House of Cheeva ให้บริการเมนูอาหารจานเดียว เป็นอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์ฟิวชั่นฟู้ด โดยเจ้าของร้านบอกหนักแน่นว่า แต่ละเมนูที่คัดสรรมาให้บริการนั้น ล้วนใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้อาหารจานอร่อย เน้นเสิร์ฟคุณภาพ...หน้าตาอาหาร ไม่ได้ตกแต่งให้หน้าตาดูสวย หวือหวา  ดูเรียบๆ แต่รสชาตินั้น กลมกล่อมลงตัว แทบไม่ต้องใช้เครื่องปรุงใดๆ เพิ่มอีกเลย เจ้าของร้าน บอกว่า ส่วนตัวแล้ว รักสุขภาพ ซึ่ง House of Cheeva เน้นสุขภาพ โดยมีบริการในส่วนของ Yoga ด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอาหาร ไม่ได้เรียกว่า สุขภาพแจ๋นจ้า..าาา  เพราะความอร่อย ต้องเดินสายกลาง  เอาละ ไม่พูดมาก แนะนำเมนู กินแล้วดีต่อความรู้สึกกันดีกว่า เมนูแรก คือ Classic Carbonara with Onsen Egg ราคา 150 บาท  เส้นสปาเก็ตตี้ อยู่ในระดับ AI Dente [อัลเดนเต้] ในรสสัมผัสของ ไทยสไตล์ คือ เส้นจะไม่กรุบๆ เท่ากับสากล เพราะเพิ่มเวลาในการลวกอีก 1 นาที  การปรุงใช้น้ำมันมะกอกเพียงเล็กน้อย ใส่น้ำสต๊อกอย่างดี ใส่ พาร์เมซานชีส เสิร์ฟพร้อมไข่ออนเซ็น ซึ่งใช้วิธีซูวี ประมาณ 45 นาที ให้ไข่สุกในระดับที่พอดี  เนื้อไข่เยิ้มน่ากิน..ไร้กลิ่นคาว ลูกค้า ต้องเทไข่ออกจากเปลือก (กระเทาะเปลือกด้านบนไว้ให้) แล้วคลุกเคล้าเข้ากับสปาเก็ตตี้เอง คาเรกเตอร์ของ สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ร้านนี้ ไม่เยิ้มไปด้วยครีมข้นๆ เป็นแบบแห้งๆ จะดูครีมมี่ ขึ้นมาหน่อย หลังจากคลุกไข่ออนเซ็นแล้ว ในจาน จะมี เบคอนกรอบ โรยมาให้ด้วย แต่ร้านนี้ ไม่ได้ใช้เบคอน เพราะจะมีรสเค็มเกินไป จึงเลือกใช้ หมูสามชั้นหั่นบาง นำมาทอดให้กรอบ บอกเลยว่า "กรุบกรอบ" เข้ากันอย่างมาก อร่อยอย่างแรง   

สำหรับ เมนูแนะนำ ถัดมา ควรค่าแก่การออร์เดอร์มากิน  ก็คือ Sous Vide Pork Steak with Caesar Salad ราคา 180 บาท และ Teriyaki Salmon Salad  ราคา 280 บาท ความโดดเด่นอยู่ที่ วัตถุดิบที่เป็นเนื้อหมู และ เนื้อปลาแซลมอล เพราะมีเสิร์ฟกันแบบ เนื้อนุ่มๆ มีความชุ่มฉ่ำ  ด้วยเลือกใช้การซูวี ในการปรุงสุก ทั้งสองเมนู เสิรฟ์มาพร้อมสลัดผัก เลือกใช้ผักไฮโดรโปนิกส์ กินกันได้อย่างสบายใจ ผักมีความหลากหลาย ก่อนนำมาเรียงในจาน จะต้องผ่านการสะบัดน้ำให้แห้งที่สุด เพื่อให้น้ำสลัดเข้ากับเนื้อผักได้อย่างดี ไม่เฉอะแฉะ 

ปลาแซลมอน ที่ขึ้นชื่อว่า ปรุงสุก แล้วอร่อยได้ยาก เพราะถ้าเนื้อสุกเกินไป เนื้อจะแข็งและแห้ง แต่พอนำมาผ่านกระบวนการซูวี แม้ว่าเนื้อปลาจะหั่นมาชิ้นหนาๆ แต่เนื้อก็สุกอย่างถ้วนทั่ว โดยเนื้อสัมผัสของปลา ยังคงความนุ่มละมุน ไร้กลิ่นคาว เข้ากับซอสเทอริยากิ ราคาจานละ 280 บาท ถือว่าคุ้มกับความอร่อย 

Spicy Basil Salmon with Ink Spaghetti  ราคา 190 บาท กับ Spicy Pesto Prawn Penne ราคา 150 บาท  ทั้ง 2 เมนู ฟิวชั่นกับรสชาติความเป็นไทย ได้กลิ่นหอมของใบกระเพรา กับใบโหระพา มีรสชาติเผ็ดเล็กๆ เสริมเข้ามาให้ได้รสสัมผัสเพียงเล็กน้อย เชฟ ใส่น้ำปลาชั้นดีเข้าไปด้วย ทำให้ได้กลิ่มหอมของน้ำปลาแท้ๆ เจือรสเค็มเป็นเอกลักษณ์ไทยๆ อร่อยมากๆ 

  นอกจากเมนูอาหารคาวจะอร่อยแล้ว อาหารหวาน อย่างเบเกอรี่ และ เครื่องดื่ม ก็อร่อยจนต้องกล่าวถึง เมนูขึ้นชื่อของร้าน ได้แก่ Cotton Cheesecake ราคาชิ้นละ 100 บาท เนื้อแป้งนุ่มเด้งในปาก ชีสใส่ในระดับที่พอดี ไม่ประโคมใส่เยอะจนเลี่ยน เมนูนี้ ลูกค้าติดอกติดใจ จนหลายๆ คนมาขอเรียน ซึ่ง House of Cheeva ก็มีบางโอกาสเปิดสอนให้ผู้ที่สนใจ เรียนจบ ทำขายได้เลยทันที ใครสนใจ ก็ลองสอบถามกับที่ร้านกันดู   

Flourless Chocolate Cake (เค้กไร้แป้ง) ราคาชิ้นละ 100 บาท โดยชิ้นนี้ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ยกนิ้วให้  ด้วยส่วนตัวเป็นคนชอบกินเค้กช็อกโกแลต เป็นทุนเดิม มาเจอชิ้นนี้ เป็นเค้กไร้แป้ง เนื้อเค้กมาจากไข่ ผสมกับ ช็อกโกแลต Valrhona อยู่ใน 10 อันดับ ที่ดีที่สุดในโลก จากประเทศฝรั่งเศส โดยมีรสชาติหวานอ่อนๆ เข้มข้นด้วยช็อกโกแลต กินแล้วสบายใจ เรื่องน้ำหนักตัว 

   ปิดท้ายด้วย Tiramisu ราคาถ้วยละ 120 บาท เนื้อสัมผัสละมุน ใส่ปากแล้วละลายซาบซ่านไปกับความรู้สึก ที่ละเลียดอยู่ในลิ้นและปาก เป็นเมนู ที่เจ้าของร้าน ลงมือทำเองกับมือ ด้วยประสบการณ์และผ่านการเรียนทำอาหารมาจากหลายๆ สถาบัน สำหรับเมนูนี้ ความหวานอยู่ในระดับที่พอดี ไร้กังวัลเรื่องน้ำหนักตัวอีกเช่นกัน 

ในส่วนของเครื่องดื่ม กาแฟร้อน และ เครื่องดื่มเย็น ต่างๆ ก็มีให้บริการภายในร้าน โดยเฉพาะกาแฟคั่วบดนั้น จะเลือกจากแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยสูตรของ House of Cheeva ไม่ได้เน้น ความเข้มข้นจัดจ้านของรสกาแฟ แต่เน้นที่ความละมุนกลมกล่อม ใส่กาแฟเพียง 1 ช๊อต จิบแล้วไม่ต้องกลัวกลับบ้านไปนอนตาค้าง เครื่องดื่มเย็น ราคาอยู่ประมาณ 80 - 85 บาท เท่านั้น  อาทิ Orange is the New Black , Iced Chocolate   เป็นต้น 

ที่น่าสนใจ ขนาบข้างมากับอาหาร ก็คือ Yoga Studio โดยเปิดสอน Basic Yoga, Mat Pilates และ Hommock Yoga ด้วยครูผู้ฝึกสอนระดับมืออาชีพ ที่มีความชำนาญ สอนเข้าใจง่ายๆ ได้ผลจริงจัง ภายใต้บรรยากาศที่เป็นคนเอง ระหว่างผู้เข้าเรียนด้วยกัน ราคาก็แสน Amazing ภายใต้เงื่อนไขที่ไร้กาลเวลา เฉลี่ยครั้งละ 250 บาทเท่านั้น  (คอร์ส จำนวน 20 ครั้ง 5,000 บาท)  มาที่นี่ กินอร่อย สุขภาพดี มีเพื่อน เติมความสุขและคุณภาพชีวิตแบบชิลล์ๆ

พิกัด House of Cheeva ตั้งอยู่ในซอย ลาดพร้าว 62 เข้าซอยไปเพียง 200 - 300 เมตร เท่านั้้น เป็นตึกใหญ่สวยงาม พื้นที่สงบ บริเวณ ชั้น 1 เป็น ร้านอาหารและคาเฟ่ อีกส่วนหนึ่งจะเป็น ห้องฝึก Yoga ที่ได้มาตรฐาน ที่สำคัญห้องน้ำสะอาด มีที่จอดรถ สะดวกสบาย สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกไปที่ Facebook  House of Cheeva

กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว

 วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.04 น.

ความคิดเห็น