..บนเนื้อที่สี่แสนกว่าไร่ของผืนป่าตะวันตกของแนวเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติและเป็นป่าผืนเดียวกับป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีความอุดมสมบูรณ์ หลากหลายทางพันธ์ุพืชและสัตว์ป่า เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์จุดเด่นทางธรรมชาติ และเรื่องราวความสวยงามที่สุดลี้ลับที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ห่างไกลผู้คน

    ย้อนกลับไปเมื่อ 7-8 ปีก่อน ที่ผมได้ยินเรื่องราวการผจญภัยที่ต้องเดินป่า ปีนเขา เผากระท่อม เอ๊ย !และ ลอยคอเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด ณ.สถานที่แห่งหนึ่งหลังกลับจากการพิชิตเขาช้างเผือก มันทำให้ต่อมการผจญภัยของผมเริ่มสั่นขึ้นมาทันที รวบรวมสมาชิกพี่น้องเพื่อนฝูงทั้งที่อยากไปและโดนหลอกไปกันได้ 10 คนติดต่อผู้จัดอารมณ์ดีมีนามกรว่า "สมปอง แห่ง ใบสน 2 ใบ" บึ่งรถตู้กลางดึกออกจากกรุงเทพ ปลายทาง อุทยานแห่งชาติลำคลองงู...

จากตัวเมืองกาญจนบุรีเดินทางสู่อำเภอทองผาภูมิตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 แล้วเดินทางต่อไปอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงบริเวณสามแยกพุทโธเลี้ยวขวาไปประมาณ 12 กิโลเมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู แต่เราจะเลยเข้าไปอีก 15 กิโล เพื่อตั้งแคมป์พักแรมยังหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ ลง.1 เขาพระอินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดหมายที่เราจะไป 

  เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากจัดแจงอาหารเช้าเรียบร้อย รถกระบะได้พาเราไปยัง "ถ้ำเสาหิน" ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของเราไป 10 กิโล ซึ่งอยู่ปลายสุดของของกลุ่มถ้ำลำคลองงู อันเป็นเป้าหมายแรกของพวกเราในวันนี้ 

จากจุดเริ่มเดิน สภาพภูมิประเทศจะเป็นภูเขาหินปูนลักษณะเดินลงหุบไปเรื่อยๆ พืชพรรณเปลี่ยนไปตามลำดับความสูง จากป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ ไปสู่ป่าดิบแล้งที่อยู่บริเวณใกล้ลำห้วย สภาพอากาศค่อนข้างร้อนเพราะเราเดินกันอยู่ในหุบเขา ระยะทางแค่ 4 กิโลแต่เดินไม่ง่าย เส้นทางเดินค่อนข้างลาดชันและลื่น เดินลำบากเพราะบางจุดต้องปีนป่าย และเดินไต่ไปตามก้อนหินใหญ่น้อยที่มันถล่มลงมาขวางเส้นทาง  

ในที่สุดพวกเราก็ลงมาถึงริมธารน้ำตก อันเป็นต้นน้ำของ ลำคลองงู เรานั่งพักผ่อนกินข้าว ล้างเนื้อล้างตัวขับไล่ความเหน็ดหนื่อยเมื่อยล้ากันสักพักก็เดินเรียงหน้ากันเข้าไปในถ้ำโดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลกันอย่างใกล้ชิด  ตรงจุดนี้ผมต้องเอาซองกันน้ำมาใส่กับกล้อง DSLR ซึ่งสมัยนั้น gopro ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก จึงต้องหาซื้ออุปกรณ์กันน้ำที่ทั้งใช้งานยากและลำบากมาถูๆไถๆไปพลางก่อน  

จากปากถ้ำเราเดินลงไปสักระยะหนึ่ง กลิ่นฉุนกึกลอยเข้ามากระทบปลายจมูก  มีเสียงพรึ่บพรับ และแหลมเล็กของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้นจนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหาต้นตอของเสียง เป็นฝูงค้างคาวเกาะอยู่เต็มเพดานถ้ำไปหมด ถึงจุดที่เราต้องลอยคอเรียงเดี่ยวเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด ผมค่อยๆก้าวลงไปใน้ำที่เย็นเฉียบ ว่ายเกาะสายเชือกไปเรื่อยๆ โดยมีแสงจากไฟฉายคาดหัวคอยนำทางให้เท่านั้น น้ำที่ผสมขี้ค้างคาวกระเด็นมาเข้าปากจากการว่ายน้ำให้ความรู้สึกแหยะๆไปบ้าง ยังดีที่น้ำภายในถ้ำเป็นแบบน้ำไหล ถ้าเป็นน้ำนิ่งไม่อยากจะบรรยาย จากปากถ้ำลอยคอเข้ามาไม่กี่เมตร ก็ถึงจุดที่เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเห็น เสาหินปูนที่สูงที่สุดในโลกลงกินเนสบุ๊คไว้ที่ความสูง 62.5 เมตร หรือขนาดคน 35 คนต่อตัวกัน ซึ่งมันก็คือหินงอกหินย้อยที่ใช้เวลานับล้านปีจึงมาเชื่อมต่อกันเป็นเสาหินปูนที่มีความสูงขนาดนี้ 

จบภารกิจพิชิตถ้ำเสาหินในวันแรกกันอย่างสมบุกสมบัน ขากลับไม่มีภาพมาให้ชมเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะคว้ากล้องมาถ่ายภาพได้ เราเดินลงมาเท่าไหร่ เราต้องไต่ขึ้นไปเท่านั้น สุดๆจริงๆ กลับมาถึงแคมป์ต้องรีบเอากล้องมาผึ่งลมไล่ความชื้นกันเป็นการด่วน แนะนำว่าไม่ต้องแบกกล้องใหญ่เข้าไปถ่ายในถ้ำเสาหินให้เมื่อยตุ้ม เพราะลำพังแค่แสงจากไฟฉายไม่กี่กระบอกมันไม่เพียงพอที่จะถ่ายออกมาได้ดังใจเรา ถ้าสมัยนี้พกมือถือตัวเดียวง่ายกว่ากันเยอะ หลังจากนั้ันก็อาบน้ำอาบท่าล้อมวงกินข้าว กินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วแยกย้ายกันเข้านอน  เพื่อรอทำภารกิจต่อไปในเช้าวันรุ่งขึ้น 

    เช้าวันต่อมาเราเดินทางกันไปที่ถ้ำนกนางแอ่นที่อยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 4 กิโลเมตร   เส้นทางก็เดินไต่ลงหุบเหมือนเมื่อวาน แต่เดินง่ายกว่าและขากลับไม่ต้องเดินไต่ขึ้นกลับมาทางเก่าเหมือนถ้ำเสาหินที่เล่นเอาแทบรากเลือดไปตามๆกันเมื่อวานนี้ 

เราเดินชื่นชมธรรมชาติกันมาสักครู่ก็ถึงจุดชมวิวผานกนางแอ่น แวะชักภาพแล้วเดินลงหุบกันต่อไปจนถึงประตูปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งจุดนี้จะเรียกว่า "ประตูทะลุมิติ" ซึ่งทางเข้าก็ค่อนข้างคับแคบและต้องมุดลอดผ่านไปเจออีกฝั่งของถ้ำที่เปรียบเสมือนอีกโลกหนึ่ง ซึ่งตั้งแต่จุดนี้เส้นทางจะค่อยๆเปลี่ยนไป เหมือนเราหลุดไปอยู่ในยุคจูราสสิค 

ถ้ำนกนางแอ่นเป็นถ้ำที่เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกเหมือนปล่องภูเขาไฟ เป็นถ้ำเปิดขนาดใหญ่ และมีความยาว 3 กม.ซึ่งความใหญ่โตของถ้ำที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ราวกับเป็นโบกี้รถไฟมาต่อกัน โดยมีสายน้ำที่เป็นต้นน้ำของห้วยลำคลองงูไหลลัดเลาะ ผ่านถ้ำนู้นออกถ้ำนี้วกไปวนมาอยู่ภายในกลุ่มถ้ำลำคลองงูแห่งนี้

ถึงปากทางเข้าถ้ำแล้ว อันนี้ถือว่าเป็น window แรก ถ้ำนี้เป็นถ้ำเปิด มีแสงสว่าง ไม่ต้องใช้ไฟฉาย.... หายใจได้สะดวก ไม่อับชื้น มองเห็นได้ชัดเจน เพราะผนังถ้ำพังลงมาเป็นช่วงๆ ....(เรียกว่า Karst window เป็นลักษณะทางภูมิศาสตร์อย่างหนึ่ง เกิดจากเพดานถ้ำที่ถล่มลงมา โดยต้องมีลำธารน้ำไหลผ่านพื้นที่บริเวณนั้นด้วย...... ถ้ำนกนางแอ่นมีลักษณะของ Karst window ถึง 4 แห่ง )  ก็ออกมา เราปีนป่ายกันต่อเพื่อไปยังจุดที่ต้องเริ่มลอยคอไปตามน้ำ

เส้นทางดูลึกลับราวกับว่าจะมีไดโนเสาร์ตัวบิ๊กเบิ้ม โผล่พ้นพุ่มไม้ออกมา พันธ์พืชดูแปลกตา บางช่วงบางตอนของก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกสายน้ำกัดเซาะมาชั่วนาตาปีจนผุกร่อนจนเกิดเหลี่ยมคม เผลอเหยียบพลาดพลั้งคงเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง เราเดินมาสุดปลายทาง มีจุดเสียวอยู่นิดหน่อยโดยการกระโจนลงลำธาร   แล้วลอยคอชื่นชมธรรมชาติ ปล่อยใจปล่อยกายไหลไปตามสายน้ำจนถึงปากทางเข้าถ้ำ 

ลอยคอไปสักพักก็ ก้าวขึ้นฝั่งเดินทางต่อเข้าไปยังจุดที่สนุกตื่นเต้นอีกจุดหนึ่ง เป็น window ที่ 2 ทางเข้าน้ำไหลแรงมากต้องขึงเชือก และพยายามเกาะเชือกไว้ให้แน่นไม่ยังงั้นน้ำจะพัดพาเราลอดใต้ถ้ำไปโผล่ที่ไหนไม่รู้

เข้าสู่ window ที่ 3 นี้เพดานถ้ำสูงมากจนเรากลายเป็นคนแคระไปในพริบตา มีหินงอกหินย้อยลวดลายต่างๆงดงามยิ่งนัก

พอเข้ามา window 4 ภายนอกว่าอลังการแล้ว ภายในต้องตะลึงกับบรรยากาศชวนให้จินตนาการ เพราะว่ามองไปทางไหน ก็ชวนให้นึกถึงสัตว์ประหลาดในหนังได้เป็นอย่างดี ทั้งเอเลี่ยน อนาคอนด้า จระเข้ล้านปี และมือแม่นาค แต่บนความน่ากลัวก็แฝงด้วยความสวยงามของหินงอกหินย้อย 

และแล้วก็มาถึงจุดวัดใจที่สำคัญ ที่จำเป็นต้องกระโดดจากด้านบนของถ้ำลงมายังผืนน้ำที่มืดมิดด้านล่าง ความสูงเกือบ 10 เมตรได้ จุดนี้ต้องทำใจกันอยู่นาน แต่พอโดดลงมาแล้วถึงรู้ว่าจริงแล้วมันมีทางเดินปกติลงมาด้านล่างได้ แต่ถ้าไม่หลอกกันเดี๋ยวจะไม่ครบรสชาติ  

ในที่สุดก็ถึงตอนจบ พวกเราออกเดินทางกลับแค้มป์โดยสวัสดิภาพ และเก็บภาพความทรงจำเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ต้องขอขอบคุณทางทีมเจ้าหน้าที่ของหน่วยอุทยานลำคลองงูที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี 


ประชาสัมพันธ์ ฤดูกาลท่องเที่ยวลำคลองงูปี 2563 เริ่มเปิดจองแล้ว 

อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ประชาสัมพันธ์เรื่องการเปิดท่องเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยวถ้ำเสาหิน และถ้ำนกนางแอ่น
1.อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จะดำเนินการเปิดแหล่งท่องเที่ยวถ้ำเสาหิน และถ้ำนกนางแอ่น ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ถึง วันที่ 4 พฤษภาคม 2563
2. รับลงทะเบียนล่วงหน้าทางโทรศัพท์ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ถึง วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เวลารับลงทะเบียน 13.00 น. – 15.00 น. (สมาชิกจำนวนกลุ่มไม่เกิน 10 คน /ต่อสาย/ช่วงเวลาที่กำหนด)
3.นักท่องเที่ยว ควรมีช่วงอายุ 15 ปี – 60 ปี มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ความดันโลหิต และสามารถว่ายน้ำได้เท่านั้น
4. นักท่องเที่ยวควรศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวถ้ำเสาหิน และถ้ำนกนางแอ่น และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวถ้ำมาเป็นอย่างดี ก่อนตัดสินใจลงทะเบียนกับทางอุทยานฯ
5. เมื่อนักท่องเที่ยวลงทะเบียนทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วให้ส่งหลักฐานการลงทะเบียน(เงินมัดจำคนละ 500 บาท เลขที่บัญชี 020261466609 ธ.ออมสิน สาขาทองผาภูมิ ชื่อบัญชี อุทยานแห่งชาติลำคลองงู) และสำเนาบัตรประชาชนสมาชิกทุกคน จำนวน 1 ชุด ทาง Email : [email protected] ภายในเวลา 3 วัน หลังลงทะเบียน หากเกินกำหนดเวลา ทางอุทยานฯ จะตัดสิทธิ์ให้นักท่องเที่ยวในลำดับถัดไป
#เบอร์โทรศัพท์รับลงทะเบียน (***เปิดรับสายตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไปเฉพาะช่วงเวลาลงทะเบียน จนกว่าจะเต็ม)
: 082 – 247 – 3352
#เบอร์โทรศัพท์สอบถามข้อมูล (สำนักงาน)
: 084 – 913 – 2381
E – mail ส่งข้อมูลการลงทะเบียน : [email protected]
สำหรับรายละเอียดข้อกำหนดและขั้นตอนการลงทะเบียนท่องเที่ยวอื่นๆ ตามภาพ

https://www.facebook.com/Lamkhlongngu.np/


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด


สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 19.28 น.

ความคิดเห็น