ดอยที่ 2 ของปี 2019
"เก็บไปแค่ภาพถ่าย ทิ้งไว้แค่เพียงรอยเท้า"
เป็นสโลแกนของ
"ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่"
หนึ่งในดอยที่เคยบอกตัวเองว่าต้องไปสักครั้งในชีวิต
และผมใช้เวลา ไป-กลับ ดอยๆนี้จาก กทม.
ด้วยเวลาแค่เพียง เสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น!!!
================================================
หากคุณเป็นคนที่มีเวลาเป็นข้ออ้างในการเดินทางแล้วละก็
ผมอยากให้คุณลองเปิดใจ และเสาะหาวิธีการเดินทางใหม่ๆ
การเดินทาง ไป-กลับ กว่า 1,500 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร ไปจนถึง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนที่มีเวลาน้อยในการเดินทาง
แต่ไม่ใช่สำหรับผม เนื่องจากผมเป็นนักวางแผนการเดินทาง
ทุกวินาทีที่ใช้ ต้องคุ้ม!
ผมจึงเลือก นั่งรถทัวร์จาก กรุงเทพฯ รอบเวลา 1 ทุ่มกว่าๆ
เพื่อเดินทางไปถึงตัวเมืองเชี่ยงใหม่เช้ามืด ก่อนจะให้รุ่นน้องมารับ
และบึ่งรถไปที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวด้วยกัน
และเดินขึ้นดอยไปในวันนั้นเลย
ซึ่งขากลับก็ไม่แตกต่าง ผมนั่งรถทัวร์ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยรอบ ทุ่มกว่าๆ เพื่อกลับมาถึงกรุงเทพมหานครในเช้ามืดของวันจันทร์ เพราะมีภารกิจนั่นคืองานประจำรอผมอยู่
================================================
รีวิวในทริปนี้ อาจไม่ได้พูดถึงการเดินทาง หากเพื่อนๆมีคำถาม
สามารถ inbox มาถามผมได้ตลอดนะครับ
================================================
เราลองไปดูกันถึงความทรงจำของผมกับสถานที่ที่เหมือนเราอยู่เหนือทุกสิ่งด้านล่าง
"ดอยหลวงเชียงดาว"
================================================
ทริปนี้ภาพนิ่งทั้งหมดมาจาก
กล้อง
Sony A7Riii
เลนส์
24-70 mm F2.8 GM
16-35 mm F2.8 GM
70-200 mm F2.8 GM
แต่ที่ใช้มากที่สุด เรียกได้ว่า 90% จะเป็น 24-70mm F2.8 ครับ
#theplanner
#ดอยหลวงเชียงดาว
#sony
#sonythailand
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ภาพการชมพระอาทิตย์ตกบนดอยหลวงเชียงดาว
เป็นภาพที่ลืมไม่ลงไปอีกแสนนาน
จุดเริ่มต้นของการขึ้นดอยในครั้งนี้
หลังจากที่เราทำการจองผ่านทาง
http://www.chiangdao-wildlife.com/page/reservation.php
เรียบร้อยแล้ว เราจะต้องเดินทางมาที่
"เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว"
https://goo.gl/maps/DDFC3CGPPTN2
ก่อนเวลา 8:00 เพื่อลงทะเบียนเตรียมขึ้นดอย
การลงทะเบียนนั้น สิ่งที่เราจะต้องนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก็คือ
แบบฟอร์มการสมัครผ่านทางเว็ปไซต์
สำเนาบัตรประชาชนของทุกคนที่จะขึ้นดอย
แนะนำตัวละคร 1
"น้องหมู" หากใครเคยอ่านผ่านๆรีวิว "ม่อนจอง" ดอยแรกในชีวิตของผม ก็อาจจะเห็นไอ้น้องหน้าโหดนี่โผล่เข้าไปบ้างบางซีน เพราะมันนี่แหละ ทำให้ชีวิตผมติดดอย ติดเที่ยวธรรมชาติ ไอ้บ้าเอ้ย ขอบคุณเอ็ง
แนะนำตัวละคร 2
"น้องเบ๊นซ์" รุ่นน้องสมัยเรียนมหาลัย ซึ่งเป็นเพื่อนน้องหมู เป็นสารถีของเราในทริปนี้ที่ทำการ ไปรับ ไปส่ง จากเชียงใหม่ สู่เชียงดาว
เมื่อเหล่านักเดินป่าลงทะเบียนเสร็จแล้ว
พี่ๆเข้าหน้าที่จะแพ็คเรารวมกัน อัดเป็นปลากระป๋อง
และผลักเราเข้าสู่ห้องอบรมพื้นฐาน
สำหรับให้ข้อมูล และแจ้งให้ทราบถึงข้อห้าม รวมถึงกฎระเบียบต่างๆที่ควร และไม่ควรปฏิบัติบนดอย
ไฮไลท์ ประจำปีนี้
"ไม่มีส้วมหลุมแล้วนาจา"
หมดปัญหานั่งยองๆ และปวดเข่าอีกต่อไป
เมื่อพี่ๆเขามี นวัตกรรมใหม่! เก้าอี้เจาะรู!!!
จากภาพที่แล้ว เราจะเห็นได้ว่า หากเราอยากถ่ายหนัก
จะต้องใช้ถุงดำในการรองที่นั่งเพื่อขับถ่ายไปแล้ว
เรามาดูอุปกรณ์ในถุงยังชีพที่พี่ๆเขาเตรียมไว้ให้กัน
1. กระดาษทิชชู่ (ตอนนี้ทางดอยห้ามนำทิชชู่เปียกขึ้นดอยแล้วนะครับ)
2. ถุงดำ สำหรับถ่ายหนัก
3. ถุงเงิน..... สงสัยล่ะสิ เอาไว้ทำอะไร หึหึหึ
มันคือถุงฉี่เว้ย ข้างในถุงเมื่อเปิดมา เราจะพบซองใสเล็กๆ ที่มีผงลักษณะคล้ายผงซักฟอกข้างใน
วิธีการใช้คือ เปิดปากถุงสีเงิน ฉีกซองใส เทมันลงไป แล้วฉี่ซะ
ฉี่จะจับตัวกับผงและดูดน้ำเข้าไปจับตัวเป็นวุ้น
เนื่องจาก ตอนนี้เขาห้ามไม่ให้นักเดินป่า ปัสสาวะ เรี่ยราดข้างทาง
เหตุเป็นเพราะ หากช่วงเวลาเปิดดอยนักเดินป่าปัสสาวะข้างทางมากๆเข้า สัตว์ป่าจะคุ้นชินกับกลิ่นปัสสาวะของนักท่องเที่ยว และจะไม่ระมัดระวังตัวในช่วงปิดดอย ที่จะมีพรานล่าสัตว์ แอบบุกรุกพื้นที่ขึ้นไปล่า อาจเป็นเหตุให้สัตว์บางชนิดโดนล่าและสูญพันธุ์ได้
***ยิ่งไปกว่านั้น!!! ไอ้ถุงเงินๆที่เราฉี่ๆใส่กัน
เรา
ต้อง
เก็บ
ลง
มา
ทิ้ง
ข้าง
ล่าง
เอง
นะ
จ้ะ"
นี่คือพี่ลูกหาบสุดหล่อของเรา
"พี่ต้าร์"
การจองลูกหาบ เราสามารถคีย์หน้าเว็ปไซต์ได้ว่าต้องการลูกหาบกี่ท่าน
แต่การชำระเงิน เราจะต้องมาชำระที่ลูกหาบเองหน้างาน
เมื่อแพ็คของกันเรียบร้อย
เราก็พร้อมออกเดินทางจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ไปถึงจุดปล่อยเดินแล้ว
นั่งรถกระบะ 4WD มาประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็จะมาถึงจุดปล่อยตัวครับ
9:30 น. โดยประมาณ
ระยะทาง 8,500 เมตร หรือ 8.5 กิโลเมตร
ดูเป็นระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินเอื้อม
แต่อย่าลืม ว่ามันไม่ได้อยู่ในแนวราบ...
การเดินป่าที่เชียงดาวนี้ ไม่ได้เป็นเส้นทางที่ยากนะครับ
แต่เป็นเส้นทางที่มีความชันสูงในบางช่วง มีป่าทึบเป็นบางแห่ง
วิวระหว่างเดินก็งดงามมาก
ซึ่งเราจะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-6 ขั่วโมง จากจุดปล่อยเดินไปจนถึงจุดตั้งแคมป์
มองไปไกลๆนั่น......
ด้วยในใจหวังว่า จะเป็นยอดที่เราจะไปพิชิตกัน เพื่อเป็นกำลังใจระหว่างเดินว่า อย่างน้อยเราก็เห็นเป้าหมาย
และไอ้หมูก็ดับฝันผมด้วยคำที่ว่า
"ไม่ใช่พี่ อีกหลายลูกเลย"
เข้!
ซึ่งไอ้ลูกไกลๆนั่นล่ะครับ
ที่ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี!!!
เมื่อไหร่จะถึงวะ!
การแหงนกล้องขึ้นฟ้าเป็นมุมฉาก และได้พบกับแสงแดดสาดส่องลอดผ่านร่มไม้ ทำให้เรารู้ตัวว่า นี่ใกล้เวลาเที่ยงแล้วสินะ เราคงต้องทำเวลามากกว่านี้ เพื่อให้ถึงจุดกางเต็นท์เร็วขึ้น จะได้มีเวลาพักผ่อนก่อนเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก
การเดินทางรอบนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในรอบที่นักเดินป่าจองเต็มอัตรา
อาจเพราะทั้งเป็นวันเสาร์ด้วย และยังเป็นรอบสุดท้ายของปี ที่จะเปิดให้นักเดินป่าขึ้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้วยครับ
เดาสิ.... ยอดนั้นมั้ย??
เออถูก คำตอบก็ยังไม่ใช่อยู่ดี
เกร็ดความรู้
ระหว่างเดินป่า น้องหมู ผู้เคยมาพิชิตดอยนี้เป็นรอบที่ 3 ก็ได้ให้เกร็ดข้อมูลกับผมไว้ว่า ระหว่างทางเดินของดอยหลวงเชียงดาว เราจะได้พบเจอกับซาก ฟอสซิลหอย......
สิ่งแรกที่แล่นมาใในหัวเลย
"หมู อำกูละ สูงเป็นพันๆเมตรจากระดับน้ำทะเล หอยห่าไรมาอยู่นี่"
หมูเลยเล่าต่อไปว่า ก่อนเปลือกโลกจะขยับตัวครั้งใหญ่ ดอยหลวงแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ใต้ทะเลมาก่อน (กี่ล้านปีวะนั่น) จนเมื่อครั้งเปลือกโลกเคลื่อนตัว ดอยหลวงนี้ก็ได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ตั้งตระหง่านจนเป็นหนึ่งในดอยที่สวยที่สุดในประเทศไทย
หากคุณเดินมาจนพบกับป้าย
"กิ่วลม"
ให้คุณรู้ไว้ 2 ข้อ
[ce
ถึงแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ป้าย จุดสูงสุด นี่แหละ คือเครื่องยืนยัน ว่าเรามาถึงแล้ว
2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล คือความสูงที่เราพิชิตได้ในครั้งนี้
(หมูบอกว่าเมื่อก่อนมันมีธงชาติไทยนะ ไม่รู้หายไปไหนแล้ว)
17:30 น.
เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่บอกลาขอบโลกไป ทำให้เราได้นั่งพักผ่อน ซึมซับกับธรรมชาติ และคุยกับเพื่อนร่วมทางถึงเรื่องต่างๆ
ถ่ายรูปเล่นดีฝ่า
สองสาวพี่น้อง
เน็ต กับ แนน
เป็นผู้ร่วมเดินทางบนรถ 4WD กับเรา
เป็นสองพี่น้องที่น่ารักและถึกมากๆ เดินไม่บ่นเลย
ขอรูปบ้าง
สวยเนอะ
ผู้ร่วมเดินทาง
เอ้อ! บนดอยหลวงโคตรอุดมสมบูรณ์
บางครั้ง เราจะเจอ "กวางผา" เดินดอยขึ้นมาสอดส่องนักท่องเที่ยว
อันนี้เป็นภาพซูมจากยอดดอยหลวงไปถึงยอดอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่ชี้ชวนให้นักเดินป่าหันไปดูกวางผาที่ขึ้นมาทักทายนักท่องเที่ยว
18:10 น.
ก็ถึงเวลาที่ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้า
พวกเรา เหล่านักเดินป่า ก็ได้เวลาเก็บสัมภาระ เตรียมตัวกลับลงไปพักผ่อนที่เต้นท์ของตัวเอง
***ห้ามลืม!!! พกไฟฉายขึ้นไปที่จุดชมพระอาทิตย์ตกเด็ดขาด เพราะขาลงสภาพแวดล้อมจะมืดเร็วมาก ทำให้เรามองทางไม่สะดวก และอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ครับ
สิ่งที่ผมดีใจและเสียใจที่สุดคือ "ดาว"
เพื่อนๆหลายคนที่ติดตามกันมาก็จะรู้ว่าผมชอบออกไปถ่ายรูป ไปนอนดูดาว มากๆ และสิ่งที่ผมอยากเจอที่สุดคือ พี่ช้างเผือก ซึ่งตั้งแต่ทำเพจมา ผมเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียว
อาจจะเพราะเราไม่สามารถหาเวลาเดินทางที่เหมาะเจาะกับเขาได้สักทีด้วย
ทำให้ครั้งนี้ ผมดีใจที่ได้มานอนหลับท่ามกลางการโอบล้อมของดวงดาวนับล้าน แต่ก็เสียใจที่ไม่ได้พบเจอสิ่งที่รักอย่าง ทางช้างเผือก
04:30 น.
พี่พระจันทร์ในวันนั้นก็ช่างสว่างไสว และดวงใหญ่โตเลื้อเกิน
ผมตื่นขึ้นมาเช้ามืดวันใหม่ เพื่อเตรียมตัวขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นผ่านทาง "กิ่วลม" ซึ่งทางเดินเส้นนี้ ก็ยังคงต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการเดินทางอีกเช่นเดิม
อย่าลืมไฟฉายนะจ้ะ
มาแล้ววววววววว ไข่แดงของวันใหม่
การเดินป่าเดินเขา
โดยเฉพาะป่าเขาที่ลำบาก ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
มันทำให้ผมสุขใจทุกครั้ง ที่ได้เห็นเพื่อนร่วมทาง
แม้จะไม่ได้คุยกันเลยก็ตาม
เพราะเส้นทางแสนลำบากที่เราผ่านมาเหมือนกัน
มันคัดกรองมาแล้ว ว่าคุณเป็นคนที่มีเคมีบางประเภทที่ตรงกัน
ดอยเหล่านี้ คัดสรรแล้ว ว่าเหมาะกับคนที่มีความ "รัก"
ในธรรมชาติ และความสงบ อย่างแท้จริง จนคุณสามารถละทิ้งความสะดวกสบายต่างๆในชีวิตประจำวัน เพื่อมาพบเห็นสิ่งที่คนส่วนมาก ไม่เลือกที่จะมาพบเจอ
มองไปตรงกลางภาพ
คุณจะเห็นจุดกางเต้นท์ของพวกเรา
และข้างบนจุดกางเต้นท์ นั่นคือดอยหลวงเชียงดาว
ที่เราไปพิชิตเมื่อเย็นวาน
ความประทับใจในการเดินทาง
อยากฝากสโลแกนจากพี่ๆเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวไว้
"เก็บไปแค่ภาพถ่าย ทิ้งไว้แค่เพียงรอยเท้า"
ช่วยกันรักษาความสะอาด รักษาธรรมชาติ เพื่อให้เขาคงอยู่กับเรา กับประเทศเรา ไปนานๆ ให้เพื่อนเรา น้องเรา พี่เรา ลูกหลานเรา ได้มีโอกาสมาเห็นความสวยงามอย่างที่เราเคย
สำหรับ รีวิว ดอยหลวงเชียงดาวนี้
เตริกขอจบไว้เพียงเท่านี้นะครับ
กำลังจะผลิต VDO สำหรับทริปนี้ให้เพื่อนๆได้เสพกันในเร็ววัน
รอหน่อยเน้อ
แล้วก็อย่าลืมนะ
ผมยังคงสนับสนุนให้ทุกๆคน
ออก ไป เที่ยว
จะกับเพื่อนหรือคนเดียวก็ตาม!!!
#theplanner
TurkTS
วันพฤหัสที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 13.07 น.