ทริปนี้เป็นทริปที่อยากไปแล้วไปซื้อตั๋วเดินทางเลย ออกเดินทางด้วยรถนครชัยแอร์ รอบรถ 22:25 บนรถก็จะอิ่มๆ หน่อย แต่ก็ไม่ชอบเบอร์เกอร์แช่แข็งมากนัก (โซเดียมสูงมาก)

เราลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาฬสินธุ์ เวลา 05:25 เดินงงๆ จะไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อถามวิธีการไปพระธาตุยาคู แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ ก็เลยเดินวนจนได้ยินเสียงรถไปร้อยเอ็ดจะออกเที่ยว 05:50 จะการดูเส้นทางใน google ต้องใช้เส้นไปร้อยเอ็ด เลยเดินมาถามที่ตู้ขายตั๋ว พี่เจ้าหน้าที่อธิบายดีมาก บอกให้ลงที่ตลาดกมลาไสย รอต่อรถสองแถวได้เลย ค่าโดยสาร 15 บาท

พอถึงตลาดเหมือนกับยังไม่มีคน รถสองแถวไม่มี เลยตัดสินใจเข้าร้าน 7-11 ซื้อกาแฟ แล้วถามทางน้องๆ ในร้าน ทุกคนอธิบายดีมาก เป็นการเริ่มต้นทริปนี้ที่ดีมาก ทุกคนให้ความช่วยเหลือดีจนประทับใจ สุดท้ายไม่มีสองแถวจนต้องใช้บริการพี่วินในราคา 80 บาท

นั่งรถฟ่าลมหนาวมาจนถึงพระธาตุยาคู แต่พี่วินยังคงพาเราอ้อมไปอีกฝั่ง พอเราลงต้องหันไปไหว้ขอบคุณพี่แกอีกครั้งเลย มาทันอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี

มาถึงเช้าๆ แบบนี้คนน้อยมาก อากาศดีมาก เดินถ่ายรูปได้สนุกมาก พระธาตุยาคู หรือ พระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐปรากฏการก่อสร้าง ๓ สมัยด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมมีบันไดทางขึ้น ๔ ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ เราตื่นตาตื่นใจกับธุงกว่า 1,600 ต้น

เดินต่อมาที่ทางเข้าวัดป่าพระธาตุยาคู

เดินเข้ามาจนเกือบถึงบริเวณวัดก็มีเจ้าถิ่นวิ่งออกมาต้อนรับ น้องน่ารักมาก เป็นมิตรสุดๆ

เจอแม่ๆ ที่มาช่วยกวาดบริเวณวัดชวนเข้ามากราบพระด้านใน และมาร่วมถวายภัตตาหารกับพระ (ทั้งวัดมีรูปเดียว) 

ได้สนทนากับท่าน รวมทั้งพ่อๆ แม่ๆ ทุกคนชวนเรากินมื้อเช้าด้วย แต่เรากินอิ่มมาจาก 7-11 แล้วเลยขอนั่งกินแค่แตงโม หลังจากสนทนากับพระคุณเจ้าสักพักใหญ่เราเลยขอลาท่านเพื่อจะเดินทางต่อ เดินออกมาด้านหน้าก็มีในส่วนซุ้มบ้านต่างๆ ที่มีของพื้นบ้านขึ้นชื่อมาจำหน่าย

เดินมาเก็บภาพที่ซุ้มประตูเข้างานสักนิด ตอนนี้สายแล้วคนเยอะมาก

ถึงเวลาที่ต้องกลับเข้าเมืองแล้ว ถามพี่ๆ ที่มาอำนวยจราจร แกบอกเดินไปรอที่ป้ายทางเข้าได้เลยมีรถสองแถว เดินมารอด้านข้างทางตามที่พี่เขาบอก

รอรถอยู่ 30 นาทีก็ไม่มีมาจนมีพี่ตำรวจมาถามว่าเราจะไปไหน เราก็เลยบอกรอรถเข้าตลาดกมลาไสย พี่ตำรวจบอกไม่มีสองแถววิ่งนะ แล้วก็ให้เราติดรถมาลงที่ตลาดกมลาไสยด้วย พี่ตำรวจต้องเข้าสถานีตำรวจพอดี ขอบคุณที่ใจดีกับคนต่างถิ่น

ขากลับเข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์ด้วยรถสองแถว ค่ารถ 10 บาทแต่ลงที่ตลาดเทศบาล เราก็เลยเดินเล่นหาของกิน และเดินชมเมืองมาที่สถานีขนส่งเพื่อต่อรถไปที่จังหวัดมหาสารคาม ไปยังไงก็ไม่รู้ ก็ได้ยินเสียงคนคุมคิวรถบอกรถไปมหาสารคามมาแล้ว ขึ้นรถได้เลย ค่ารถ 45 บาท พอมาถึงมหาสาราคามต่อรถสารคาม-บุรีรัมย์ มาลงที่แยกนาดูน ค่าโดยสาร 57 บาท

ลงรถที่แยกนาดูนเจอพี่วินเราก็โดดขึ้นเลย ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน แต่พี่แกซิ่งมาก พอมาส่งเราพี่เขาบอกเก็บเบอร์ไว้ขากลับให้โทรบอกเดี๋ยวมารับ ค่ารถขาละ 80 บาท 

พระธาตุนาดูนเป็นพุทธมณฑลแห่งภูมิภาคอีสาน เป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน องค์พระธาตุมีความสูง 50.50 เมตร จำลองรูปทรงแบบสมัยทวารวดี ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบ ก่อสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2530 มาถึงก็เดินรอบองค์พระธาตุก่อนเลย

มาร่วมถวายสังฆทาน พร้อมผูกข้อมือและรับไม้ที่แขวนระฆังบริเวณพระธาตุ

จากนั้นเดินเข้ามาชมพิพิธภัณพ์นครจำปาศรี วันที่ไปเปิดให้ชมแค่โซนเดียว คือ โซนที่ 1 พุทธศาสนาศาสตร์แห่งบูรพาทิศ

ออกมาเดินชมร้านที่มาออกร้านขายในงานประจำปีของพระธาตุนาดูน

เดินชมและแวะกินข้าวจนเรียบร้อยก็โทรตามพี่วินมารับ รอไม่นานพี่แกก็มาถึง เรานั่งรถต่อกลับมาขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ จบทริปบุญที่ประทับใจ

ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 05.25 น.

ความคิดเห็น