สวัสดีครับชาวพันทิป หลังจากที่ได้ติดตามกระทู้ของเพื่อนๆ มามากมาย
ผมก็อยากแบ่งปันประสบการณ์การเที่ยวของผมกับผองเพื่อนบ้าง
ทริปนี้จะเป็นการเดินทางไปภาคใต้
โดยมีจุดหมายแรกคือเกาะพะงัน เราจะไปสนุกกันที่ฟูลมูนปาร์ตี้ แล้วไปต่อที่คีรีวง และจบลงที่ประจวบคีรีขันธ์
มีธีมหลักของทริปนี้คือ Low Price High Experience
มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 5 ชีวิต และเราตั้งงบไว้คนละ 4000 บาท
เดินทางในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ กลับ 26 กุมภาพันธ์ 2559



จะเป็นอย่างไร ต้องมาดูกันครับ =D

1st Destination : Full moon party @ Koh Phangan


22 กุมภาพันธ์ 2559

เราเริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเราเลือกเดินทางโดยใช้รถทัวร์ บขส. จาก สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ไปท่าเรือนดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ราคา 557 บาท เราเดินทางตอนกลางคืนเพราะว่าตอนกลางวันมันร้อน ใครที่คิดว่ารถของบขส. นั่งไม่สบาย ถูกของคุณครับ นั่งขดตัว แถมหนาวอิ๊บหาย!!

ได้ตั๋วมาแล้ว กายพร้อม ใจพร้อม


23 กุมภาพันธ์ 2559

เช้าวันต่อมา เราถึงท่าเรือดอนสักประมาณ 6 โมงเช้า เรือจะออกเวลา 7.30 นาฬิกา สำหรับค่าเรือไปเกาะพะงันเราไม่ต้องลงไปซื้อข้างล่าง จะมีคนขายตั๋วขึ้นมาขายบนรถทัวร์เลย ราคา 210 บาท ระหว่างที่ ร. (รอเรือ) เราก็ทำธุระส่วนตัวกันไป ซึ่งเรากะจะทานข้าวที่ท่าเรือซึ่งคิดว่าราคาน่าจะถูกกว่าบนเกาะ แต่ที่ท่าเรือดันทะลึ่งไม่มีข้าวขายเลย ไม่เป็นไร ทานที่เกาะก็ได้

เฮ้เพื่อน ชั้นว่าเราต้องหลงแน่ๆ เลย เพราะเกาะมันใหญ่เกินไป


ณ เรือเฟอร์รารี่… เอ๊ย! เรือเฟอร์บี้… เอ๊ย! เรือเฟอร์รี่!!! จากการสอบถามคนแถวๆ นั้น เรารู้มาว่าเรือใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่ได้กินอะไรเลยเป็นเวลาสองชั่วโมงครึ่ง โชคดีของเราที่ผู้โดยสารไม่เยอะมาก เราจึงมีที่นั่งในห้องแอร์ ภายในห้องแอร์มีร้านอาหารขาย และนี่คืออาหารมื้อแรกของเรา มาม่า 20 บาท แฮ่ xD

เมื่อเราเดินทางมาถึงเกาะพะงัน เราก็เดินทางไปยังที่พักของเราเพื่อเก็บของ และออกเที่ยวต่อ เฮ้ยยย!!! ยังไม่มีที่พักซะหน่อยไอ้ชาย เราตกลงกันก่อนมาทริปว่าเดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้า เราจึงออกเดินเท้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เพื่อหาที่พัก


ป้า ป้า ตรงนี้ไปพันพรือนิ


เนื่องจากเกาะพะงันเป็นเกาะที่ใหญ่ และหาดริ้นซึ่งสถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้กับท่าเรือที่เราลงห่างกันมาก เราตัดสินใจนั่งรถสองแถวไปยังหาดริ้น และเราไปหาที่พักเอาดาบหน้าอีกครั้ง ค่ารถคนละ 100 บาท

ตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณเที่ยง เราสอบถามเรื่องที่พัก แต่ส่วนใหญ่เต็มหมดแล้ว อากาศร้อนๆ ท้องก็ร้อง สถานการณ์คับขัน หาที่พักด้วยความท้อแท้ สุดท้ายเดินเข้าร้านยา มีป้าคนไทยใจดีมาก บอกว่ายังมีที่พักอยู่นะเป็น Hostel แอร์ ป้าคิดคนละ 400 ต่อคืน นี่ใจดีแล้ว? จังหวะนั้นโง่มาก ไม่รู้ว่า Hostel คืออะไร ที่แท้ก็คือห้องพักรวมเป็นเตียงสองชั้น คละรวมชายหญิง และแน่นอนว่าในห้องนั้นก็มีผู้หญิงนอนอยู่ 2 คน เขิลเลยครับ >///<

ห้องนอนรวม (คืนนี้เสร็จแน่)


เรารีบเก็บของและออกไปหาอะไรหม่ำๆ กัน จังหวะนี้ ยอมครับ แพงเท่าไหร่ก็กิน ป้าใจดีคนเดิม เพิ่มเติมคือแนะนำร้านอาหาร เป็นอาหารตามสั่งราคา 70 บาท ปริมาณสมราคา ชื่อร้านว่า My Friend ร้านอยู่ในซอยตามรูปด้านล่างนี้เลย เยื้องๆ กับ Family Mart

หลังจากทานข้าวเสร็จ เราก็เข้าที่พักเพื่อนอนเก็บแรงสำหรับฟูลมูนปาตี้คืนนี้ ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของเกาะพะงัน

ซอยร้านอาหาร My Friend


เวลาเย็นๆ เราตื่นขึ้นและออกไปถ่ายรูปเล่น เก็บบรรยากาศ และเล่นน้ำทะเลกัน


อาบแดดกันสนุกสนาน


อาหารเย็นนี้ของเรา เราเลือกฝากท้องไว้กับ Family Mart ซึ่งเป็นร้านที่ถูกที่สุดบริเวณหาดริ้น

ถึงเวลาของความสนุกแล้ว ฟูลมูนปาร์ตี้ วัฒนธรรมของปาร์ตี้คือการเพ้นท์ร่างกาย ด้วยสีสะท้อนแสง เราได้ซื้อน้ำผลไม้ใส่ถังจากป้าใจดีคนเดิม เพิ่มเติมคือสีสะท้อนแสง ป้าให้สีเรามาหลอดนึง ถึงเวลาศิลปะในมือหนูแล้ว


บรรยากาศในงานฟูลมูนปาร์ตี้ก็จะจัดกันที่บริเวณหาดทรายเลย โดยจะเปิดเพลงแนว EDM ติ๊ดๆ คนส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น ภายในงานสนุกสนาน เราได้พบปะกับผู้คนต่างชาติมากมาย จังหวะนั้น รู้จักไม่รู้จัก ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ทักทายกันอย่างสนุกสนาน



เซลฟี่กับหนุ่มผู้ดีอิ๊งแลนด์2nd Destination: หมู่บ้านคีรีวง



24 กุมภาพันธ์ 2559

แพลนวันต่อมาเราจะไปที่เขื่อนรัชประภา แต่ว่าเนื่องด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เราจึงตัดสินใจไปหมู่บ้านคีรีวงแทน

ตัดภาพมาที่เช้าอันสดใสของเรา ขณะนี้เวลา 9.30 เราอยู่ ณ ที่พัก และมีเพื่อนหนึ่งคนยังไม่ได้อาบน้ำ ซึ่งเรือเที่ยวแรกคือ 10.00 และรอบถัดไปคือ 13.00 และเรายังหารถสองแถวไม่ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากป้าคนดีคนเดิม เพิ่มเติมรถสองแถว เราจึงได้รถสองแถวไปยังท่าเรือ ซึ่งเหลือประมาณ 20 นาทีก่อนเรือออก ขณะนั่งรถไปก็ภาวนาให้ทันเรือเที่ยว 10 โมง เพื่อนของเราที่นั่งข้างคนขับเล่าว่า คนขับกลัวว่าเราจะไม่ทันเรือ จึงโทรไปถามที่ท่าเรือว่าเรือออกยัง และคำตอบที่ได้มาคือ ออกแล้ว!! เฮ่ยย แล้วเราล่ะ อีกสามขั่วโมงทำอะไรล่ะนี่ ที่นอนก็ไม่มี แต่คนขับยังรั้น ยังคงพาเราไปที่ท่าเรือ เมื่อเราถึงเรือ ภาพที่เห็นคือ เรือยังอยู่แต่ปิดประตูพร้อมออก ขณะนั้นก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเจรจาขอขึ้นเรือด้วย ซึ่ง…… ได้ขึ้นครับ สบายตัวไปครับ ถึงเที่ยวนี้จะเป็นเที่ยวแรกเหมือนกัน แต่ปริมาณคนนั้นต่างกันมากเลย ขากลับคนเยอะมาก เราไม่สามารถนั่งในห้องแอร์ได้ ต้องออกมานั่งบริเวณรอบๆ แทน

พอถึงท่าเรือดอนสัก เราก็หารถไปนครศรีธรรมราช ซึ่งที่ท่าเรือก็มีรถตู้ไปยังตัวเมืองนคร ราคา 130 บาท เมื่อขึ้นรถตู้เราก็หลับตลอดทาง ตื่นมาอีกทีก็ถึงตัวเมืองนครแล้วครับ ก่อนจะคีรีวงเรายังพอมีเวลาซักพักหนึ่ง เราจึงเที่ยวตัวเมืองนครกันก่อน


เราไปที่วัดพระมหาธาตุซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ มีความรมรื่น และมีนกพิราบเยอะมาก ภายในอุโบสถสวยงามไม่แพ้ด้านนอกเช่นกัน


มันช่างโอ่อ่ายิ่งนัก


น้องเก็กซะยังกับพระเอกเกาหลี พี่ไม่มีค่าตัวให้น่ะ


จากนั้นเราต่อรถไปยังหมู่บ้านคีรีวง เราเดินทางโดยรถสองแถวราคา 25 บาท ที่สำคัญคือเรายังไม่มีที่พักเหมือนเดิม ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว ในรถสองแถวมีป้าอยู่คนหนึ่ง เห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็ไถ่ถามว่าจะไปไหน พักที่ไหน เราก็บอกไปว่าไปคีรีวง ยังไม่มีที่พักเลยครับ ซึ่งทั้งคนรถก็ช่วยเราหาที่พัก โทรไปหาที่พักให้ ซึ่งก็เหมือนเคยเต็มหมดแล้วครับ แต่ทีเด็ดคือเจอหลานของรองผู้ใหญ่บ้านโดยสารอยู่ในรถด้วย ซึ่งเค้าอาสาพาเราไปหารองผู้ใหญ่บ้าน รองผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าจะพาไปหาที่พักโดยรถกระบะของเค้า สุดท้ายเราได้บ้านหลังหนึ่งติดริมธารน้ำในราคา 1000 บาท ข้างที่พักมีธารน้ำไหลผ่าน น้ำใสและเย็นสะใจมาก พวกเราก็พักผ่อนเล่นน้ำกันสักครู่หนึ่ง พอเราเล่นน้ำเสร็จเจ้าของที่พักก็พาไปเช่าจักรยาน ในราคาคันละ 50 บาท เพื่อขับเที่ยวในวันพรุ่งนี้ และพาไปทานร้านอาหารเด็ดสำหรับมื้อเย็นนี้


ลุงเล็กรองผู้ใหญ่บ้านใจดี


ร้านที่เราไปเช่าจักรยานกันครับผม


ขนมปังปิ้งคู่ละ 10 บาท


คีรีวง บรรยากาศที่นี้เวลาช่วงเย็น เหงาๆ เงียบๆ อากาศดี ร่มรื่น เหมาะแก่การมาพักผ่อนแบบสโลไลฟ์ ชาวบ้านที่นี่น่ารัก นิสัยดี มีความเป็นกันเอง คืนนี้พวกเราก็นั่งพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหลับใหลไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง



25 กุมภาพันธ์ 2559

เช้าที่อากาศสดใสในคีรีวง เราก็ตื่นเช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงสะพานmujเรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กแหล่งสำคัญของคีรีวง แต่น่าเสียดายที่วันนี้เมฆครึ้ม ทำให้เราไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น น่าเสียดายนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรครับ เราจึงปั่นจักรยานต่อไปที่ตลาดเพื่อซื้ออาหารเช้า

ให้อาหารปลาได้นะ


ไก่ทอดดดดด


เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ เราจะปั่นจักรยานไปสะพานแขวนลวดสลิง ซึ่งห่างจากที่พักไปประมาณ 3 กม. (เป็นทางลาดขึ้นเขา เหนื่อยอิ๊บหาย)


น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา


ในคีรีวง จะประกอบไปด้วยกลุ่มต่างๆ ที่ผลิตงานฝีมือจากชาวบ้าน ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปชมกลุ่มลูกไม้ มีเครื่องประดับที่ทำจากลูกไม้ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ กำไล แหวน


3rd Destination: ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี

เราออกจากหมู่บ้านคีรีวง โดยขึ้นรถสองแถวคนละ 25 บาท ไปที่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช เพื่อขึ้นรถไฟเดินทางไปต่อที่สุราษฎร์ธานี ค่าตั๋วรถไฟคนละ 87 บาท

ระหว่างรอรถไฟเราก็หาข้าวเที่ยงใกล้ๆ สถานีรถไฟ


น้ำแกงขนมจีนใต้ เวรี่เผ็ด


รถไฟมาแล้ว!!! เดินทางไปสุราษฎร์ฯกันดีกว่า เย่

อากาศวันนี้ไม่ร้อนมากครับ ทำให้การนั่งรถไฟดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเราก็นอนพักเอาแรงกันสักแปป เดี๋ยวมาต่อน่ะ (หลอกครับหลอก)


นั่งรถไฟเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ก็มาถึงสุราษฎร์ธานีเวลา 5 โมงเย็น เราหาอาหารรองท้องแถวสถานีรถไฟก่อนเข้าไปถนนคนเดินสุราษฎร์ธานี ซึ่งซึ่งซึ่ง ถนนคนเดินปิด! อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เราได้ไปเดินตลาดศาลเจ้าใกล้ๆ แทน ซึ่งก็จะมีร้านอาหารหลากหลายให้เลือกซื้อ เลือกทานเช่นเดียวกับถนนคนเดิน

เมื่อท้องอิ่มแล้ว เราก็เดินเรียบแม่น้ำตาปี เพื่อชมสะพานข้ามแม่น้ำ จากนั้นเราก็เดินทางไปสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี เพื่อเดินทางไปประจวบคีรีขันธ์ เป้าหมายสุดท้ายของทริป รถไฟฟรีไปประจวบคีรีขันธ์ออกตอนเที่ยงคืนนิดๆ ระหว่างนั้นเราก็ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟข้างสถานี มีห้องอาบน้ำที่สถานีรถไฟ ค่าบริการอาบน้ำคนละ 20 บาท (น้ำไหลเบายังกับเยี่ยวมด)


รถไฟฟรีมาแล้ว คนเยอะมาก ต่างกับที่นั่งมาเมื่อตอนกลางวัน


นึกว่าจะไม่มีที่นั่งแล้ว จนสุดท้ายก็มีที่นั่งแต่ทุกคนก็ได้นั่งแยกกันไป มีเพื่อนคนนึงได้นั่งข้างหลวงพี่ อิ่มบุญทั้งคืนเลย (หลวงพี่นอนนิ่งมาก) สภาพอากาศค่อนข้างหนาวพอสมควร มีฝนตกตอนประมาณตี 3 ด้วย 4th Destination: ประจวบคีรีขันธ์


เช้าตรู่เวลา 6 โมง เราก็เดินทางมาถึง ประจวบคีรีขันธ์

ท้องฟ้ายามเช้าสวยมากเลย



เราก็เดินเข้าไปกลางเมือง หาข้าวเช้ากินกัน เกาเหลา/โจ๊ก โดนไปคนละ 40 บาท อร่อยสุดยอด… หรือเพราะหิวหว่า!??

จากนั้นเราก็ไปเช่ารถมอไซค์คันละ 200 บาท เพื่อใช้แว๊นไปอ่าวมะนาว วิถีไบค์เกอร์ก็มา


อ่าวมะนาว ตั้งอยู่ที่กองบิน 5 ซึ่งเราวางแผนที่จะไปปีนเขาล้อมหมวก แต่ด้วยความผิดพลาดของเราที่หาข้อมูลมาไม่ดี ทำให้เราไม่ได้ปีนเขา เนื่องจากมันปิด! ในวันธรรมดา น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่แต่แต่ ไม่เป็นไร ภายในกองบินที่ 5 นี้ยังมีจุดสวยงามให้เราชมอีก แม้จะพลาดไป ก็ไม่เสียเที่ยวซะทีเดียวครับ

ซ้อนสาม โดนทหารซิว ต้องไปส่งเพื่อนก่อนถึงจะกลับมารับคนที่ถูกทิ้งได้ T T


นอกจากภายในกองบินที่ 5 อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจในตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ก็คือ เขาช่องกระจก กับมหาฝูงลิงพันล้าน! ไม่แน่ใจว่าพวกเรามาเขาช่องกระจก หรือเขาดินกันแน่ครับ ลิงเยอะจริงๆ ที่สำคัญเค้าว่ากันว่าลิงดุพอสมควรครับ ฝูงลิงพวกนี้มันจะไม่ข่วนเราหรอกนะครับ แต่ถ้าใครติดของกินขึ้นไปด้วย รับรองได้เลยว่าไม่เหลือ หนึ่งในกลุ่มของเราด้วยความท้าทายในสติปัญญาลิงก็อยากรู้ว่า ระหว่างคนกับลิง ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน มันเอาขนมมันฝรั่งถุงสีเหลืองชื่อดังยี่ห้อหนึ่งขึ้นไป กอดไว้เป็นอย่างดีตลอดทาง เผลอไม่ทันไร พรึ่บ! เจ้าลิงตัวน้อยก็ฉกไปจากอ้อมกอดทันที นี่แหละครับ ผลสรุปลิงปะทะคน

เก่งมากเจ้าลิง กินขนมให้อร่อย


เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา อย่างแรกเลยครับ เหนื่อย.. แต่ความเหนื่อยแลกกับวิวบนยอดเขานี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ


การเดินทางมีเริ่มต้นก็มีสิ้นสุด แม้ว่าระหว่างทางเราจะมีผิดพลาดบ้าง แต่สุดท้ายปลายทางก็ยังมีความสวยงาม คุ้มค่าแก่การเดินทางเสมอ






สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปครับ



ค่ารถ กทม-ท่าเรือดอนสัก 557 บาท

ค่าเรือไปกลับ ท่าเรือดอนสัก-เกาะพะงัน 420 บาท

ค่ารถไปกลับหาดริ้น 200 บาท

ค่าที่พักที่หาดริ้น 400 บาท

ค่ารถตู้ไปนครศรีธรรมราช 130 บาท

ค่ารถสองแถวไปท่ารถ 30 บาท

ค่ารถสองแถวไปกลับ ตัวเมืองนคร-คีรีวง 50 บาท

ค่าบ้านพักที่คีรีวง 200 บาท

ค่าเช่ารถจักยาน 50 บาท

ค่ารถไฟ นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี 87 บาท

ค่ารถไปกลับ สถานีรถไฟ-ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี 280 บาท

ค่ารถสองแถวไปถนนคนเดิน 20 บาท

ค่ารถไฟ สุราษฎร์ธานี-ประจวบคีรีขันธ์ ฟรีจ้า

ค่าเช่ารถมอไซค์ 80 บาท

ค่ารถตู้กลับ กทม 220 บาท

ค่าอาหารหมดประมาณ 800 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 400 บาท



รวม 3904 บาท






ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทริปของพวกเรามาจนถึงบรรทัดนี้ครับ จบ….



บอกว่าจบแล้ว ยังไม่ลุกจากหน้าจอคอมอีก ไม่มี end credit เห่ย ไปได้แล้ว

ขอบคุณอีกครั้ง (:

ดากานดา

 วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.48 น.

ความคิดเห็น