หากจะพูดถึงการที่จะหาเวลาว่างจากการทำงานเพื่อไปพักผ่อนร่างกายและจิตใจ ทุกคนต้องนึกถึงภูเขา ทะเล และน้ำตก และวันนี้เราก็อยากจะแนะนำหากว่าใครที่คิดจะไปพักผ่อน ทั้งคนที่เคยไปแล้ว และยังไม่เคยและคิดจะไปซึ่งชื่อของ อุทยานภูหิวร่องกล้า และภูทับเบิก ย่อมเป็นสถานที่ลำดับต้นๆ ของหลายๆคน และจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ มากนัก ซึ่งต้องบอกว่าภูหินร่องกล้า และภูทับเบิกเป็นสถานที่ที่จัดว่าอากาศดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว และทำให้ผมประทับใจทุกครั้งที่ได้ไปทิ้งสองที่ ซึ่งในรีวิวนี้จะขอนำเสนอความน่าสนใจของอุทยานภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก ซึ่งอาจจะไม่ละเอียดก็ขอฝากอภัยไว้ด้วยนะครับ
การเดินทาง ขอแนะนำพอขับรถมาถึงเพชรบูรณ์ จะมีป้ายบอกทางขึ้นภูทับเบิก ซึ่งขอบอกว่าไปง่ายมากแม้จะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก
อุทยานภูหินร่องกล้า การเดินทางก็ให้มาทางเดียวกับการขึ้นภูทับเบิก แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าจะมีประตูทางเข้าอุทยานซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่อยู่และต้องเสียค่าทางเข้าอุทยานฯ
ที่พักบนอุทยานภูหินร่องกล้า ที่พักมีทั้งแบบบ้านพักของทางอุทยาน และแบบกางเต้นท์ ซึ่งถ้าใครไม่มีเต้นท์ไปด้วยก็ไปติดต่อเช่าเต้นท์ได้กับทางอุทยานได้เลย ราคาไม่แพง และไม่ต้องกังวล
หลังจากได้ที่พัก หรือที่กางเต้นท์เสร็จแล้วก็ ยินดีต้องรับสู่ทางขึ้นภูหินร่องกล้า
ระหว่างทางที่จะไปจุดหมายที่ลานหินปุ่ม ก็จะมีทางเดินดูป่าไม้ ก้อนหินรูปต่างๆ และจุดที่เรายืนมองไปจะเห็น ผาชูธง อยู่ไกลๆ ซึ่งจะเป็น ที่สุดท้ายที่เราจะไปถึง
ผู้พิชิตลานหินปุ่ม ระหว่างทางขึ้นมาก็จะมีหลายๆ ที่ให้เราได้แวะถ่ายภาพมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ และขอบอกว่าอากาศดีมาก ลมพัดแรง และวิวทิวเขาที่งดงามมาก
ลานหินปุ่มช่วงยามเย็นพระอาทิตย์กำลังจะตก
สีทองของท้องฟ้าตัดกับความมืดมิดทั้งก้อนหินและผืนป่า ดวงอาทิตย์สีส้มที่กำลังตก ต้องบอกเลยว่าสวยงามเกินบรรยายจริงๆ
และเราก็มาจนถึงผาชูธง
ตอนเช้าของอีกวันก่อนไปต่อภูทับเบิก ก็ขอซื้อของที่ระลึกและถ่ายภาพกับป้ายอุทยานสักหน่อย
ระหว่างทางขอแวะน้ำตก น้ำตกร่มเกล้าภราดร เป็นน้ำตกที่มีทางเดินลงเขาไปค่อนข้างลำบากพอสมควรซึ่งหากเป็นคนที่สุขภาพเกี่ยวกับข้อเข่า หรือผู้สูงอายุก็จะลำบากพอสมควร
ถึงตัวน้ำตกแล้วแต่ในวันเวลาที่มาน้ำจะค่อนข้างน้อย แต่อากาศต้องบอกว่าเย็นสบายมากๆ
ไม่ไกลจากน้ำตกร่มเกล้าภราดร มากนักก็แวะชมและถ่ายภาพกับสถานที่สำคัญอีกแห่งนึงในประวัติศาสตร์ ณ โรงเรียนการเมืองทหาร
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อจุดหมายภูทับเบิก
ภูทับเบิก อยู่ไม่ไกลจากอุทยานภูหินร่องกล้ามากนัก และพอมาถึงเราก็เลือกหาที่กางเต้นท์พักค้างคืนกัน เราเลือกที่ ไร่ภูทะเลหมอก ซึ่งเราเอาเต้นท์มาเองพร้อมเครื่องนอนก็จะเสียแค่ค่ากางเต้นท์หลังละ 150 บาท หากไม่ได้นำเต้นท์มาด้วยก็สามารถเช่าจากร้านได้ซึ่งราคารวมเครื่องนอนจะอยู่ประมาณ 600-800 บาท ต่อหลัง ซึ่งมีหลายที่ให้เลือกได้ตามใจชอบ และมีร้านอาหารให้บริการมากมาย รวมทั้งหมูกะทะซึ่งราคาก็ไม่แพง
มีโอกาสมาเที่ยวภูทับเบิกประมาณ 4 ครั้ง แต่ไม่เคยได้มีโอกาสเห็นทะเลหมอกเลย มีแต่หมอกปกคลุมพื้นที่
ไร่กะหล่ำปลียามเช้า
จิบกาแฟร้อนๆ ทำให้สดชื่น และอบอุ่นร่างกายได้ดีทีเดียว
สีเขียวสดใสสบายตา
ไว้เราจะกลับมาอีกครั้ง
ถึงแม้เรามาจะไม่ได้เห็นทะเลหมอกอย่างที่ตั้งใจแต่ก็ต้องขอบอกว่าไม่ผิดหวังกับวิว และอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังรู้สึกดีและอยากจะมาที่นี่อยู่เรื่อยๆ เราจะกลับมาอีกครั้ง หวังว่าจะได้สมหวังกับทะเลหมอกภูทับเบิก
Kurongstory
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.