เมือง Chester เป็นเมืองเก่าแก่ขนาดเล็ก อยู่ทางตะวันตกกลางของประเทศอังกฤษใกล้กับ Liverpool และ Manchester และยังเป็นเมืองที่ติดกับทางตอนเหนือของประเทศ Wales สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือสภาปัตยกรรมที่เป็นสีขาวดำแบบสมัยโรมัน
การเดินทาง
- จาก Liverpool และ Manchester สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟและรถบัส ใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที โดยรถไฟจาก Liverpool ราคาอยู่ที่ 5.4 ปอนด์ไปกลับ หากซื้อล่วงหน้าจะถูกลง ส่วน Manchester ราคาอยู่ที่ 12-16 ปอนด์ โดยจะมีรถไฟทุกๆ 15 นาทีสำหรับ Liverpool และ 1 ชั่วโมงสำหรับ Manchester แนะนำให้มาจาก Liverpool จะสะดวกและราคาถูกกว่า แต่หากมาจาก Manchester แนะนำให้นั่งรถ National Express Coach เพราะใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่ากันและราคาถูกกว่ารถไฟ แต่จะมีรอบวิ่งน้อย
- หากมาจาก London มีรถไฟตรงมาได้เหมือนกันใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง มีรถไฟทุก 1 ชั่วโมง ราคาประมาณ 30-50 ปอนด์ไปกลับ
- ส่วนการเดินทางในเมือง Chester ใช้วิธีการเดินดีที่สุดเพราะเมืองมีขนาดเล็ก สามารถเดินในระยะทางที่ไม่ไกลมาก ถ้าต้องการออกชานเมืองมีรถบัสหลายสายไปตามจุดต่างๆ สามารถเปิด Google map ตรวจสอบเส้นทางได้ [ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 1 ปอนด์ต่อเที่ยว]
- ถ้าต้องการนั่ง Taxi สามารถเรียก Uber ได้ แต่เมืองนี้ส่วนใหญ่จะใช้ Abbey Taxi จะสะดวกกว่าเพราะมีรถมากกว่า [ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 3.5 ปอนด์]
แนะนำถ้าใช้รถไฟเยอะให้ซื้อ Student Railcard ราคา 30 ปอนด์ (อายุเกิน 25 ใช้บัตรนักเรียน นักศึกษา แล้วให้สถาบันเซ็นรับรองได้) ตั๋วรถไฟจะถูกลงเยอะ ถือว่าคุ้ม
การท่องเที่ยว
หากใครมาเที่ยวเมืองนี้ ส่วนใหญ่จะเที่ยวกันแบบ One Day Trip ซึ่ง Chester จะมีสถานที่ท่องเที่ยวพอดีสำหรับ 1 วันหากเที่ยวแค่ในตัวเมือง ที่นี้จะตอบโจทย์สำหรับการเที่ยวแบบ Slow life
City Centre
Chester Cathedral
City Walls
Grosvenor Park
River Dee
The Amphitheatre
ส่วนของนอกตัวเมืองจะมี Chester Zoo และ Cheshire Oak Outlet เดินทางด้วยรถบัสจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที
ส่วนตัวแล้วเราไปอยู่ที่เมืองนี้ 12 สัปดาห์สำหรับเรียนภาษาที่โรงเรียน English in Chester โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติแห่งเดียวในเมืองนี้ ถ้าหากใครมองหาโรงเรียนสำหรับเรียนภาษาอังกฤษแล้วอยากหนีความวุ่นวายแบบเรา เมือง Chester ตอบโจทย์มากๆ เพราะเป็นเมืองที่เงียบ แต่ปลอดภัย มีร้านค้าขายของไม่ได้หลายแบรนด์มาก แต่ในความคิดเราคือกำลังดี ที่สำคัญเมืองเล็กแบบนี้มีร้านอาหารไทยถึง 4 ร้าน แต่ราคาก็จะสูงหน่อย ร้านนวดไทยอีก 2 ร้าน และยังมี Asia Supermarket สำหรับซื้อข้าวสาร เครื่องปรุงต่างๆด้วย แต่ใน Supermarket ธรรมดาก็มีของแช่แข็งเป็นอาหารเอเชียด้วย
หน้าโรงเรียน English in Chester
ช่วงสองสัปดาห์แรกที่มาอยู่เป็นช่วงของการปรับตัว ยังไม่รู้ว่าจะหาของกินได้จากที่ไหนเพราะอยู่หอด้วย อาหารของเขาจะไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไร ถึงกับคิดว่าจะอยู่ยังไงอีกตั้งสองเดือน แต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็กลายเป็นสนุกกับการทำอาหารไปเลย
ช่วงใกล้คริสต์มาสมีทำขนมปังขิงที่โรงเรียนกัน
พาเพื่อนมากินอาหารไทย เพื่อนเกาหลีชอบส้มตำปูปลาร้ามาก เขาบอกรสเหมือนกิมจิ
ในส่วนของโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเล็ก สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะเทียบไม่ได้กับโรงเรียนสอนภาษาดังๆ แต่ครูและพนักงานที่นี้ก็น่ารักมากๆพร้อมช่วยเหลือนักเรียนทุกอย่าง ทำให้รู้สึกว่าอยู่กันเหมือนเป็นครอบครัว ที่นี้ยังถือว่าเป็นที่รู้จักของคนไทยไม่มาก จึงมีนักเรียนไทยมาเรียนน้อย เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเพื่อนต่างชาติที่ไม่ค่อยซ้ำประเทศกันเท่าไร ทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ ได้รู้วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่มากๆ พอเสาร์อาทิตย์ก็จะชวนไปเที่ยวเมืองอื่นกัน
ที่พักจะมีให้เลือกทั้งอยู่กับ Host Family และ Residence (หอพัก) ทั้งสองอย่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
Host Family - เพื่อนที่โรงเรียนส่วนใหญ่อยู่กับโฮส เพราะราคาถูก มีอาหารเช้าเย็น ได้ฝึกพูดไปด้วยตอนอยู่บ้าน แต่ก็จะต้องแลกมากับกฎของแต่ละบ้านและอาหารอาจจะไม่ถูกปากคนเอเชียแบบเรา อันนี้ก็จะอยู่ที่โชคด้วยว่าจะได้บ้านแบบไหน ถ้ามีปัญหาเราสามารถปรึกษาโรงเรียนย้ายบ้านได้
Residence (หอพัก) - เราเลือกอยู่หอพัก เพราะที่บ้านกังวลเรื่องโฮสจะไม่ดี ซึ่งข้อดีของมันเลยก็คือ ได้อิสระมากกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าและต้องหาอาหารกินเองทั้งสามมื้อ ถ้าสำหรับคนที่ชอบทำอาหารก็จะสนุกเลยแหละ เพราะที่หอจะมีครัวให้ มีอุปกรณ์เตรียมไว้ให้หมด ทางโรงเรียนจะมีให้เลือกว่าจะเอาห้องที่มีครัวในตัวหรือเอาครัวรวม ถ้าอยู่ห้องครัวรวมเราก็จะได้เจอเพื่อนตอนกินข้าว ได้พูดได้ใช้ภาษา แต่เราต้องใช้อุปกรณ์ทำครัวร่วมกับคนอื่น ถ้าอยากแยกของสามารถซื้อเองได้ เขาจะจัดตู้เก็บของแยกไว้ให้แต่ละคน
สำหรับเรามีย้ายหอไปครั้งนึงเพราะขนาดห้องของหอแรกเล็กมาก, ไม่มีโต๊ะเขียนหนังสือและต้องเดินไกลเพื่อเข้าตัวเมืองทำให้ขี้เกียจออกไปข้างนอก จริงๆแล้วชอบสภาพแวดล้อมหอแรกมากกว่าเพราะเป็นเหมือนบ้าน แต่ก็มีแค่นั้นที่ชอบเลยตัดสินใจย้ายไปอยู่หอที่ใกล้โรงเรียนมากกว่าละห้องดีกว่า
Kings Guest House - ห้องนั่งเล่นรวมหอพักแรกมีความอังกฤษผู้ดี
Towpath Student Roost - หอพักที่สองเป็นหอพักนักศึกษาอยู่ริมคลอง
เรื่องของค่าครองชีพ แน่นอนว่ามันต้องถูกกว่าลอนดอนหรือเมืองใหญ่ๆในอังกฤษ แต่ไม่มีค่าอาหารประเทศไหนถูกกว่าเมืองไทยแล้วจริงๆ ถ้าอยู่นานเราจะเริ่มรู้ว่าอะไรถูกหรือแพงโดยไม่ต้องคิดแปลงเป็นเงินบาทเลย แต่ถ้าซื้อของสดบางอย่างราคาจะพอๆกับบ้านเรา
ส่วนเรื่องสภาพอากาศ เนื่องจากไปช่วงหน้าหนาว แต่เขาบอกว่าไม่หนาวจัดมากหนาวสุดคือ -4 (คนไทยหนาวมากแล้ว) ท้องฟ้าก็จะใสเป็นสีฟ้าแค่บางวัน ส่วนใหญ่เป็นสีเทา แต่แน่นอนว่า PM 2.5 ค่าน้อยมากอากาศดี
ถ้าใครมีแพลนมาเที่ยวหรือมาอยู่ที่อังกฤษ ก็ลองเอาเมืองนี้เป็นไว้เป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจ ขอบอกว่าเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างนึงคือคนอังกฤษใจดีและสุภาพมาก สมกับที่เรียกกันว่าผู้ดีอังกฤษ แต่อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับเมืองแต่ละเมืองด้วย แต่ต้องทำใจเรื่องสัญญาณเน็ตมือถือเพราะแม้แต่ลอนดอนก็แย่เหมือนกัน
ตามไปดู Vlog เราได้นะทำเก็บไว้เป็น Diary:
GreatKo Travel Diary
วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 21.55 น.