สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับรีวิวทริปของผมกับเพื่อนนะครับ จริงๆแล้วทริปก็เป็นทริปก่อนที่จะไปเกาะบาหลีนั่นแหละครับ(ซึ่งผมได้รีวิวไปแล้วก่อนหนานี้) มาวันนี้ผมจะเล่าการผจญภัยของพวกเราบอกเลยสาหัสกันมากเลยครับ เราเริ่มเดินทางทางจากหาดใหญ่ของวันที่ 21-02-20 เวลา 21:00น. กับรถส่วนตัว เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเคแอล ไฟลท์ของเราจะบินออกจากเคแอล 14:45น. จริงๆแล้วไฟลท์แรกที่เราจองมาเวลา16:45 น. แต่ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือโชคดีที่ไฟลท์นี้โดนแคนเซิลไป เราก็เลยจองไฟลท์ใหม่ที่เวลาเร็วขึ้นมาหน่อยนึง

เรามาถึงสนามบินประมาณ10:00 น. เช็คอิน โหลดกระเป๋าเสร็จก็มาหาอะไรกินกันก่อน สนามบินเคแอลจะมี2 อาคารนะครับ ถ้าใครมาขึ้นเครื่องที่นี่ก็อย่าลืมเช็คดูด้วยนะครับ ว่าขึ้นอาคารไหน แล้วเมื่อถึงเวลาเราก็ไปขึ้นเครื่องกัน เราบินมาถึงสนามบิน SUB( Surabaya) ประมาณ15:50น. ไปถึงก็มีไกด์มารอรับที่สนามบิน ทริปนี้เราจ้างไกด์นะครับ บริการการดีมาก ใครสนใจก็ลองทักดูนะครับ 

ในส่วนของราคาที่เราจ่ายไปนั้น 2,500,000 IDR ต่อคน รวมรถรับส่งจากสนามบิน-ที่พักสองคืน-อาหารเช้า-รถไปชมภูเขาไฟโบรโม่ น้ำตกมาดาการีปุระ ค่าทางเข้าตั่งต่าง รวมไปถึง Blue fire ที่คาวาอีเจี้ยน และค่าไกด์ท้องถิ่น ค่าเรือข้ามไปบาหลี ค่ารถจากท่าเรือฝั่งบาหลีไปที่เดนปาซาร์ เรียกได้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม (ปกติถ้าเป็นบริษัทอื่นเขาจะส่งแค่ท่าเรือก็จบหน้าที่ของเขาละ เมื่อไปถึงฝั่งบาหลีเราก็ต้องรถไปที่พักเอง) ที่ต้องเสียเพิ่มก็มีแค่ค่าน้ำค่าอาหารกลางวันกับอาหารเย็นนะครับ อ้อมไปไกลละกลับมาต่อกันครับ รู้หรือไม่ว่าการที่เราบินจากเคแอลมาถึงสุราบายาใช้เวลาน้อยกว่าการนั่งรถจากสนามบินมาที่พักอีก เราได้เจอไกด์ตอนประมาณ16:20น. ไกด์ก็พาไปซื้อซิมแลกเงิน เรทที่เราได้มาจะเป็น 1 THB = 400 IDR ก็ถือว่าโอเค บางร้าน 1 THB = 375 เราไม่ได้แลกในสนามบินนะ ออกมาแลกข้างนอกบอกไกด์ไปว่าหาร้านที่ดีที่สุด แลกเงินเสร็จไกด์ถามว่าจะไปที่พักเลยไหมหรือจะหาอะไรกินก่อน ก็ตอบพร้อมกันเลยว่าไปที่พักก่อน แล้วไกด์ก็สวนมาว่า ที่พักไม่มีอะไรกินนะร้านอาหารปิดแล้ว เอ่อ แล้วจะถามเพื่ออะไรล่ะครับไกด์ ก็ไปหาของกินก่อนสิครับ และแล้วเราก็มาถึงร้านอาหารชื่อร้านว่า Wong Solo อาหารโอเคครับอร่อยถูกปากรสชาติให้ผ่าน 

ตอนที่เขามาเสริฟ์ หันหน้าถามเพื่อนว่า อิหยังวะ! กินยังไงเนี่ย มีน้ำพริกทั้งแบบใส่จานมา แล้วใส่ถ้วยอัก

ชื่ออาหารที่เราสั่งไปจะมี

Lele Gorang = ปลาดุกทอด

Ayam Bakar = ไก่ย่าง

น้ำพริกที่อยู่ในจานกับที่ใส่ในถ้วยเขาจะเรียกว่า Sambal ซัมบัล ก็แปลว่าน้ำพริกนั่นแหละครับ รสชาติอร่อยดีครับ

ออกจากร้านอาหารเราก็มุ่งหน้าไปที่พักยาวๆเลยครับ มาถึงที่พักประมาณ21:00 น. ใช้เวลาอยู่บนรถนานกว่าอยู่เครื่องซะอีก! ที่พักคืนแรกจะมีชื่อว่า Yoshi Hotel

ห้องก็จะประมาณนี้ ไม่มีแอร์นะครับ แต่อากาศข้างบนค่อนข้างหนาวใช้ได้เลยครับ กลางคืนก็ประมาณ18 องศาได้ แต่มีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ (ซึ่งมันก็ใช้งานไม่ได้) 5555 เรียกได้ว่าอาบน้ำแข็งกันเลยล่ะคืนนั้น ก่อนกลับไกด์พูดว่าพรุ่งนี้ถุงมือต้องมีเสื้อกันหนาวต้องมา ได้ครับผมเตรียมมาหมดละครับ 555

เช้าวันรุ่งขึ้นไกด์มารับตอนตี 03:00 น.

ต้องบอกเลยว่ามาเต็มกันเลยที่เดียว

ลืมบอกไปว่าเราไม่ได้ใช้รถจิ๊บนะครับ เพราะว่าช่วงที่เราไปยานยนต์ทุกชนิดไม่สามารถขับผ่านทุ่งหญ้าสะวันนาได้ เนื่องจากเป็นเดือนศักดิ์สิทธิของชาวฮินดู ส่วนมากคนที่ใช้รถจิ๊บก็เพื่อจะมายื่นถ่ายเท่ๆบนหลังคาในทุ่งหญ้านี่แหละ (ใครจะมาก็อย่าลืมเช็คกับไกด์ด้วยนะครับ) ซึ่งไกด์บอกว่าใช้รถธรรมดานี่แหละ เดี๋ยวลด ราคาให้ 100,000IDR ต่อคน ก็ได้ครับ แล้วรถที่เราใช้ก็จะเป็นรถคันนี้ 

04:00 น.เรามาถึงจุดแรกที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น คือต้องเดินไปนะครับ ประมาณ15 นาที รถจะไปจอดแค่ทางขึ้นเขา ระหว่างนั้นก็รอพระอาทิตย์ขึ้น รออย่างใจจดจ่อ ลุ้นว่าจะมีหมอกมั้ย และแล้วพระอาทิตย์ขึ้นก็สวยอยู่นะครับ ถึงแม้ว่าหมอกจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ต้องบอกเลยว่าของจริงสวยมาก อาจจะมืดฝนไปหน่อย

สู้กล้องทุกคนครับ 

ตรงนี้ก็แค่มาชมพระอาทิตย์ขึ้นอย่างเดียวนะครับ ประมาณ07:20น. คนก็เริ่มทยอยลงจากตรงนี้ไปยังอีกที่นึงนั่นก็คือ ไปชมปล่องภูเขาไฟที่มันยังมีชีวิตอยู่ ต้องบอกเลยว่ากลิ่นควันที่ออกมาค่อนข้างแรงใช้ได้ เราขี่ม้าไปนะครับ (ม้าจะไม่รวมกับทริปที่เราจ่าย ซึ่งต้องจ่ายเพิ่ม 250,000 )ทุลักทุเลมาก เป็นการขี่ม้าครั้งแรกของทุกคน

ใช้เวลาในการขี่ม้าประมาณ15นาทีได้บอกเลย เจ็บตูดอิบอาย

ม้าไปส่งถึงบันไดแล้วเราก็เดินขึ้นไปอีกนิดก็จะเห็นปล่องภูเขาไฟ

หน้าตาจะอยู่ประมาณนี้

ติดต่อถ่ายแบบได้ครับโพสต์เก่งทุกคน555

ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินลงไปข้างล่างขี่ม้า นั่งรถกลับที่พักกินอาหารเช้า เช็คเอาท์แล้วไปกันต่อครับ

ถึงแม้เราจะไม่ได้ไปกับรถจิ๊บแต่เราก็มีรูปคู่กับรถจิ๊บนะครับ 555

คนนี้เป็นไกด์ของเราเองครับ ชื่อว่า Mีuhammad rafiq 

สถานที่ถัดไปจะเป็นน้ำตก มาดาการีปุระ ต้องบอกเลยว่าเป็นน้ำตกที่สวยมาก

เป็นไงละครับ ฝีมือการถ่ายรูปของไกด์ บอกเลยว่าสามผ่านนน ตั้งใจว่ามาถึงจะเล่นน้ำให้หนำใจไปเลย แต่พอมาถึงจริงฝนตก!

กว่าจะเดินมาถึงน้ำตกนี้ ต้องใช้เวลาเดินเท้าจากทางเข้าค่อนข้างไกลหน่อยนะครับ ไม่แน่ใจว่า 2หรือ3 กิโลนี่แหละ 

เราเริ่มเดินทางกันต่อจากน้ำตกไปที่พักอีกที่นึง มาถึงที่พักก็17:00น. บอกเลยว่าทริปนี้เดินก็เยอะนั่งรถเยอะกว่า

ที่พักก็จะประมาณนี้ 

มีสระว่ายน้ำด้วย ถามว่าเล่นน้ำหรอ ฮึ ไปถึงก็รีบอาบน้ำออกไปหาของกินต่อ ที่พักดีกว่าที่แรกเยอะเลยครับ แต่ตรงนี้เราไม่ได้ค้างคืนนะครับ เรียกว่าแวะมาอาบน้ำดีกว่า 555 เพราะ 23:00น. ไกด์ก็มารับไปอีเจี้ยนต่อ ล้อหมุน23:00 เราไปถึงอีเจี้ยน00:20 น.เริ่มเดินขึ้นเขาตี 01:00น. ใช้เวลาในการเดินขึ้นเขา 3ชั่วโมงครึ่ง เดินไปแบบมืดๆนั่นแหละครับ แต่ก็มีไฟฉายให้ ถ้าใครไม่ไหวก็มีรถลากให้อีก แต่ต้องจ่ายเพิ่มไม่แน่ใจว่ากี่บาท

ข้างบนก็มีจะมี Blue fire ทะเลสาบสีฟ้าๆ

คนกลางนี่คือไกด์ท้องถิ่น ที่พาเราขึ้นไปข้างบนนะครับ

ระหว่างทางก็จะแวะพักบ้าง

เราอยู่ข้างบนจนถึงเช้า วิวสวยมากในส่วนของกลิ่นกำมะถันนั้นก็แรงมากเหมือนกัน เมื่อวานที่ไปโบรโม่ได้กลิ่นที่ว่าแรงแล้วเจอที่นี่เข้าไปบอกเลยของเมื่อวานเบ๋ๆไปเลย

และนี่ก็จะเป็นวิวระหว่างทางที่เราขึ้นมา

เห็นเหลืองๆนี่คือกำมะถันนะครับ บอกเลยว่าหนักมากกกก

มาชมวิวข้างทางกันต่อครับ ภาพอย่างเยอะ

ก็จะประมาณนี้นะครับ

ตอนขึ้นเราใช้เวลาไปหลายชั่วโมง ขากลับเราใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง ถามว่าทำไมเร็วจัง เราวิ่งไงครับ 555

ก็มาถึงข้างล่างประมาณ09:00น. ทริปปีนเขาเดินป่าก็จะมีแค่นี้แหละครับ แล้วไปไหนต่อล่ะ หลังจากนี้กลับไทยเลยหรอ ยังๆ เราไปบาหลีต่อ ไปตามรีวิวก่อนหน้านี้ได้เลยนะครับ เขียนรีวิวแยกไว้ ไม่งั้นมันจะยาว

เราออกจากตรงนี้เพื่อไปท่าเรือ Ketapang นั่งเรือไปฝั่งบาหลี ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ1ชั่วโมง

ความที่เพลียและง่วงมากเลยได้ภาพที่ท่ามาแค่นี้

สรุปเบ็ดเสร็จทริปนี้และทริปบาหลีตกคนละ 16,000 กว่าบาท

ถ้าใครสนใจจะไปที่นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอดเลยนะครับ

Line: mark49458

ขอบคุณครับและสวัสดีครับ

เรื่องเที่ยวขอให้บอก

 วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 07.41 น.

ความคิดเห็น