สวัสดีเพื่อน ๆ Readme ขอแจ้งก่อนเลยว่ารีวิวนี้เป็นรีวิวขอช่วงเวลามิถุนายน 2558 แต่เนื่องจากจุ๋มเพิ่งจะรีวิวกับ Readme เลยเพิ่งมีโอกาสมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ที่นี่ และช่วงนี้ก็เข้าสู่ฤดูตะลุยสวนทุเรียนกันแล้ว จุ๋มเลยขอมาแบ่งปันตอนนี้นะคะ

โดยขออัพเดทราคาสวนเจริญชัยปี 2559 นี้ จุ๋มโทรไปสอบถามแล้วค่ะ ปี 2559 นี้ สวนเจริญชัยจะเปิดให้ตะลุยกินได้วันที่ 1 มิถุนายน เหมือนปีที่แล้วค่ะ แต่ราคาปรับเพิ่มเป็นประมาณ 300 บาทต่อท่าน ทั้งนี้ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงอีกเล็กน้อยขึ้นอยู่กับราคาทุเรียนในท้องตลาดค่ะ เบอร์ติดต่อสวนเจริญชัยคือ 08 1377 3558 ลองโทรสอบถามราคาที่แน่นอนก่อนเดินทางอีกทีละกันค่ะ ส่วนอโลฮ่าโฮมสเตย์ราคาเท่าละ 1,800 บาทเท่าเดิมเพิ่มเติมคือจำนวนห้องพักที่มากขึ้นค่ะ

มาดูกันดีกว่าค่ะว่า เวลา 2 วัน 1 คืน กรุงเทพ – จันทบุรี พวกเราพอจะทำอะไรกันได้บ้าง เพราะจริง ๆ แอบกังวัลเล็ก ๆ ว่าเราจะต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางมากมั้ย

ล้อหมุนออกจากกรุงเทพประมาณ 8 โมงเกือบครึ่งขึ้นทางด่วน เข้ามอเตอร์เวย์ ไปจนถึงอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จากนั้นแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ผ่านอำเภอบ้านบึง อำเภอวังจันทร์ และพอถึงแกลงเราแวะทานก๊วยเตี๊ยวปลาร้านนึง ร้านสะอาดสอ้านมากแต่รสชาติธรรมดารและราคาแพงใช่ได้เลย จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ

จากนั้นขอไปไหว้พระเป็นสิริมงคลหน่อยนึง เราไปวัดเขาสุกิมเพื่อสักการะหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย กันค่ะ จากถนนสุขุมวิท ถึงกิโลเมตรที่ 305 บริเวณบ้านห้วยสะท้อน มีทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3322 ไปวัดเขาสุกิม เข้าไปประมาณ 13 กิโลเมตร ออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะว่าเรื่องเส้นทางอาจจะอธิบายได้น้อยมากเนื่องจากทริปนี้พวกเราเช่ารถตู้ไปค่ะ เน้นเม้ามอยและหลับบนรถค่ะ ทางเทิงไม่ต้องจำกันหละค่ะ

การจะชึ้นไปที่พิพิธภัณฑ์และสักการะหลวงปู่สามารถเดินขึ้นหรือนั่งกระเช้าก็ได้ กระเช้าบริการฟรีค่ะ มีบรรยากาศข้างบนมาฝากเล็กน้อยนะคะ เราใช้เวลากันที่นี่เกือบชั่วโมงนะคะ แต่ถ้าจะเดินดูของในพิพิธภัณฑ์ให้ทั่วน่าจะใช้เวลาพอสมควรนะคะ

จากแผนการที่เดิมที่ไหว้พระแล้วจะเข้าโฮมสเตย์เลยเพราะเค้ามีกิจกรรมพาไปดูเหยี่ยวแดงกับวิธีการจับปู ต้องโดนเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน เพราะทุเรียนมาเรียกร้องพวกเราให้ไปหม่ำ แล้วไหน ๆ วันนี้แดดก็เปรี้ยงปร้างเป็นหนักหนา พี่สาวเลยเสนอว่าเข้าที่พักทีหลังเถอะ เกิดพรุ่งนี้ฝนฟ้าตกขึ้นมาจะอดเข้าสวนกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มีน้ำตาซึมแน่ ๆ อุตส่าห์ถ่อมาตั้งไกล อย่ากระนั้นเลยน้องสาวที่ดีเช่นเราก็ยกโทรศัพท์โทรไปเช็คที่สวนผลไม้ทันที สอบถามได้ความว่าถ้าเข้าไปตอนนี้มีทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง สละ ไว้ต้อนรับพวกเราแน่ ๆ ฉะนั้นพอออกจากวัดเราก็ให้คุณคนขับรถคุยสอบถามเส้นทางกับสวนเจริญชัยและมุ่งหน้าอย่างมุ่งมั่นกันทันที


สวนเจริญชัย อยู่ตรงข้ามทางเข้าน้ำตกพลิ้วค่ะ จากวัดเขาสุกิม วิ่งมาจนเจอทางเข้าน้ำตกพลิ้วฝั่งขวามือ เลยไปนิดนึงจะเจอแยกแหลมสิงห์ กลับรถที่แยกแล้วสังเกตป้ายสวนเจริญชัยเอานะคะ มีหลายสวนเลยป้ายเพียบ เล็ง ๆ เอาหน่อยค่ะ เลี้ยวเข้าซอยไปไม่ลึกเท่าไรก็เจอสวนเจริญชัยแล้วค่ะ

พอลงจากรถพวกเราก็เจอผลไม้รอต้อนรับอยู่เลย โดยเฉพาะทุเรียน เพียบค่ะ!!! เจ้าของสวนก็น่าจะคุณเจริญชัยนั่นแหละ และลูกสาวออกมาต้อนรับและแจ้งเงื่อนไขค่ะ ราคาบุฟเฟต์ผลไม้ที่นี่หัวละ 199 บาท โดยพาชมสวนและทานผลไม้แบบไม่อั้น แต่ต้องเลือกว่าจะทานผลไม้ก่อนแล้วชมสวน หรือชมสวนก่อน คือถ้าทานแล้วชมสวมก็ออกมาทานไม่ได้แล้วนะคะ 1 อิ่มเท่านั้น พวกเราเลือกชมสวนก่อนค่ะ จะได้นั่งกินยาว ๆ

คุณเจริญชัยและลูกสาวพาชมสวนโดยอนุญาตให้เราเก็บเงาะทานจากต้นได้ แต่ลองกองขอให้เราทานเฉพาะส่วนที่ทางสวนเตรียมไว้ให้เนื่องจากเราอาจจะเก็บผิดวิธี สำหรับมังคุดก็เก็บลูกที่หล่นใต้ต้น เพราะส่วนมากบนต้นจะยังเป็นลูกอ่อน ส่วนทุเรียนถึงอนุญาตให้เก็บที่ต้นพวกเราก็คงไม่ซ่าพอ...... มาดูในสวนกันดีกว่าค่ะ

เงาะสีชมพู....หวานมาก ๆ ค่ะ ตามตลาดก็ไม่ค่อยเห็นแล้วนะคะ ส่วนมากจะเป็นเงาะโรงเรียน

ลองกอง....สรุปว่าคุณเจริญชัยมาเด็ดให้พวกเรากินเองจากที่ต้นเลยค่ะ หวานมากกกกกกกก ไม่ต้องรอให้เค้าลืมต้นอะไรเลยค่ะ

ทุเรียนชะนี....อันนี้ไม่ได้ชิมเลยค่ะ เพราะยังไม่แก่

ทุเรียนหมอนทอง....อันนี้ก็อย่าถามว่าฟาดเข้าไปเท่าไร จำไม่ได้กันเลยทีเดียว


ทุเรียนก้านยาว พร้อมดอก....อันนี้ก็ไม่ได้ชิมค่ะ เจอทุเรียนพวงมณีด้วยได้ชิมนิดหน่อย อร่อย แต่เละไม่นิดนึง

มังคุด...เค้าจะเก็บเมื่อมีเลือดที่ผิว เลือดก็คือไม่จุดแดง ๆ ที่เห็นอ่ะคะ ส่วนพวกเราก็เก็บไอ้ที่สุก ๆ และร่วงลงใต้ต้นค่ะ

มีต้นโกโก้ด้วย

คุณเจริญชัยสอนวิธีเก็บเงาะ

เวลาที่รอคอยมาถึงแว้ววววว พวกเราใช้เวลาตรงนี้นานมากกกกกกกกกกกกกกก ประทับใจกันสุด ๆ เพราะที่สวนใจดีมาก ถ้าทุเรียนลูกไหนแกะแล้วเละไป หรือแข็งไป หรือจืดไป เค้าแกะลูกใหม่ให้ทันทีค่ะ แต่สรุปว่าทีแกะออกมาพวกเราก็ฟาดเรียบค่ะ ก็บอกคนชอบเละ ชอบกรอบ แตกต่างกันไปนี่นา ถึงเวลาท้องปริแตกพวกเราก็จ่ายค่าเสียหายพร้อมบอกว่า แล้วพวกเราจะแนะนำเพื่อน ๆ ให้รู้จักที่นี่ และจะหาโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง

ซึ่งเราก็กลับกันมาเร็วมาก ๆ ค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นที่เราออกจากโฮมสเตย์ก็มาทานทันที แต่รอบหลังไม่ได้ชมสวนแล้วนะคะ ตั้งหน้าตั้งตากินกันเลย วันที่ 2 นี่ไม่มีรูปมาฝากแล้วนะคะ

จากสวนเจริญชัยเราใช้เวลาอีกประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงเพื่อไป อโลฮ่าโฮมสเตย์ ระหว่างทางก่อนถึงที่จอดรถถนนค่อนข้างขรุขระนะคะ ไม่ใช่ถนนลาดยาง และมีทำถนนก็เลยมีช่วงที่เป็นดินเละ ๆ โคลน ๆ ให้ลุ้นเล็กน้อย พวกเราทิ้งคุณคนขับรถตู้ไว้ตรงที่จอดรถเพื่อนั่งเรือหางยาวเข้าไปค่ะ


ที่จอดรถค่ะคิดว่าใครขับรถไปเองก็น่าจะมีคนเฝ้าให้นะคะ

จุดลงเรือของที่พัก

มาแล้ว เรือแว๊นมารับพวกเราแล้วค่ะ

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงน้ำลงเค้าต้องใช้เรือลำเล็กมารับพวกเราค่ะ.... 8 ชิวิตไม่รวมคนขับและเจ้าหน้าที่บนเรือลำเล็ก เบียดเสียดจนแทบจะได้เสียกัน น้ำปริม ๆ กาบเรือพอให้ได้หวาดเสียวเล็ก ๆ แต่วิวข้างทางดีจนลืมลุ้นเรือล่มเลยค่ะ

ถึงแล้ว อโลฮ่า โฮมสเตย์ ที่พักที่พวกเราเลือกเพราะรูปอาหารโดยแท้

ตอนจองเราระบุจองหลังบ้านนี้ ตามที่เห็นในเพจของโฮมสเตย์


บ้านหลังนึงมี 3 ห้องนอน ห้องที่เราได้เป็นห้องนอนชั้นบน 1 ห้อง และห้องนอนชั้นล่าง 1 ห้อง แถมชั้นบนมีคาราโอเกะให้ด้วยค่ะ

เนื่องจากเราไปกันแค่ 8 คน แต่ห้องนอนชั้นบนก็อยู่ได้ถึง 10 แล้ว เราเลยกองกันอยู่ขั้นบนหมดเลย เก็บห้องชั้นล่างไว้เข้าห้องน้ำเท่านั้น ห้องชั้นบนว่างเบาะขนาด queen size ไว้ให้ 5 เบาะ ไม่มีตู้เย็นให้นะคะ แต่เค้าเตรียมกระติกน้ำแข็งกับน้ำเปล่าใส่ถังเล็ก ๆ ไว้ให้ค่ะ ลานหน้าห้องก็เป็นลานสำหรับดูทีวี ร้องคาราโอเกะกันค่ะมาดูห้องกันดีกว่า

ห้องข้างล่างมี 1 เตียงสำหรับ 2 คนค่ะ

ส่วนอีกห้องชั้นล่างที่เหลือ แอบมองเข้าไปเหมือนจะมีเบาะ queen size วางไว้ 3 เบาะนะคะ ไม่มีรูปมาฝากค่ะ


วิวเลิศประเสริฐศรีมว๊ากกกกกก ลมพัดตึง หัวหูกระจุยตลอดเวลาค่ะ

ข้อเสียของที่นี่นิดเดียวคือบ้านพักกับที่ทานอาหารค่อนข้างไกลและต้นไม่ยังเล็กมาก ตอนกลางคืนไม่มีอะไร แต่ตอนเช้าที่ออกไปทานข้าวเดินไปเดินกลับร้อนมาก และตอนเช็คเอ๊าท์ใกล้ ๆ เที่ยงนี่เดินตากแดดกันแทบเป็นลมค่ะ



ตึกขาว ๆ นั่นคือที่ทานอาหารนะคะ บ่อน้ำมีเรือคายัคให้พายเล่นด้วย เรือฟรีอีกต่างหาก เริด!!!!

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย กินค่ะ กินกันอีกแล้ว ท้องไม่แตกเราไม่หยุด ตอนแรกแอบกังวลเล็กน้อยว่าในกลุ่มมีคนทานกุ้ง ทานปู ไม่ได้จะอิ่มมั้ย แต่ทานที่มาเสริฟหลากหลายมากมายและเติมได้ไม่บันยะบันยัง ไม่อิ่มนี่เป็นไปไม่ได้ค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ารายการอาหารมีอะไรบ้าง


หอยนางรมสดพร้อมเครื่อง หอยมาแบบตัวกำลังดีเลยไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไป

ปลาหมึกย่าง เนื้อหวานมากกกก

กุ้งเผา ทุกคนบอกว่าสดเนื้อหวานเชียว อันนี้จุ๋มอดค่ะ กินไปถึงขึ้นตายได้

ปลากะพงทอดกระเทียม อร่อยมากเช่นกัน

ทอดมัน อันนี้ไม่ค่อยเสิฟเท่าไร ชอบทอดมันปลากรายมากกว่า อันนี้คงใช้ปลาทะเลมันเลยไม่เหนียวดูซุย ๆ

กุ้งอบวุ้นเส้น....ที่โฮมสเตย์ใจดีมาก บอกว่าจุ๋มทานกุ้งไม่ได้ขอวุ้นเส้นอบเฉย ๆ ได้มั้ย เค้าก็จัดให้นะคะ – กราบงาม ๆ ค่ะ

กุ้งแช่น้ำปลา....ทุกคนบอกว่าโอเคเลย จุ๋มอดเหมือนเดิม

ต้มยำปลากะพง.....น้ำต้มแซ่บมากกกกกกก กราบรัว ๆ

และจานนี้เป็นพระเอกของเกือบทั้งโต๊ะเลยค่ะ ปูทะเลนึ่ง นั่นเอง....ทุกคนบอกว่ามันสดมากกกก จุ๋มอดอีกเหมือนเดิม น้ำตาไหลริน

เค้ามีเงาะกับสัปปะรดให้ด้วยนะคะ พวกเรา 8 คนขอเพิ่มแค่น้ำจิ้มซีฟู้ด กับวุ้นเส้นอบเฉย ๆ ให้จุ๋มเท่านั้น คือเยอะมาก เยอะจนไม่สามารถกระเดือกเข้าไปหมด แต่ก็เหมือนหมดอ่ะนะ แหะ แหะ

มาดูอาหารเช้ากันบ้าง มีชา กาแฟ โอวัลติน ขนมปังปิ้ง เสริฟแบบบุฟเฟต์นะคะ

เส้นจันท์ผัดกับปูทะเล อร่อยรึเปล่าไม่รู้ จุ๋มอดกินอีกแล้ว

ข้าวผัดกุ้ง ไม่รู้รสเหมือนเดิม

ข้าวต้มปลากะพง มาร้อน ๆ ใส่ขิงนิด ๆ อร่อยมาก ฟาดไป 2 ถ้วยโต ๆ

ทราบจากคุณคนขับรถตู้ว่าที่โฮมสเตย์น่ารักมาก ๆ มีอาหารเย็นเป็นซีฟู้ดเน้น กับอาหารเข้าไปเสริฟตรงที่จอดรถด้วยค่ะ ราคาที่พักพร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า คิด 1,800 บาทต่อคนค่ะ


วันกลับแอบดีใจได้กลับเรือลำใหญ่ค่ะ ไม่ต้องลุ้น อิอิ การเลือกขนาดเรือรับส่งลูกค้าขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลงนะคะ พวกเราประทับใจที่นี่มาก ๆ อาหารตู้ม พนักงานก็น่ารักทุกคนเลยค่ะ คงต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ ๆ เลย

หลังจากออกจากโฮมสเตย์ แวะทานผลไม้ที่สวนเจริญชัยอีกแล้ว ก็ถึงโจทย์ต่อไปที่พวกเราตั้งเป้าไว้คือ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ เราไปกัน 2 จุดคือ


จุดชมวิวชายหาดคุ้งวิมาน หรือที่เรียกันว่าจุดขมวิวพระยืน

และที่ขาดไม่ได้ จุดชมวิวเนินนางพญา

จบทริปกลับกรุงเทพแบบสุขสันต์ น้ำหนักพุ่งกระฉูด และคอเรสเตอรอลเกินเกณฑ์กันทุกคน ขอบ๊ายบายกันด้วยภาพนี้นะคะ ท้องฟ้ามาบอกรัก

แล้วมิถุยายนปีนี้ เราจะเจอกันอีกครั้งนะจ๊ะสวนเจริญชัย อโลฮ่าโฮมสเตย์ แล้วค่อยมาดูกันนะคะว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

Beauty Memory

 วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.09 น.

ความคิดเห็น