KIA ORA 

เปิดกระทู้ด้วยคำทักทายภาษาเมารีไปอีกกกก 

(เพื่อใครไม่รู้นะคะว่าที่ประเทศนิวซีแลนด์เขามีคนที่มาจากต่างชนเผ่ากันนะคะ คือ Maori ชาวเมารี คนไทยที่นั้นเรียกกันว่า คนเกาะ ส่วนอีกกลุ่มนึงก็คือ Pakeha หรือกลุ่มคนผิวขาวที่มีเชื้อสายมาจากอังกฤษนั่นเอง) 

 อ่ะกลับมาเข้าเรื่องกันค่ะคุณผู้ชมมมมม ผู้ฟัง ผู้อ่านทุกท่าน

https://www.facebook.com/somewhereweknown/ ไปกดติดตามกันด้วยนะจ้ะ

ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่ารีวิวจะมีมีแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายขนาดนั้น เน้นสถานที่และภาพล้วนๆ เนื่องจากผู้เขียนได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์มากว่า 1 ปี (ไว้ว่างจะมารีวิวเมืองอื่นบ้างเนอะ) จึงเป็นการเดินทางภายในประเทศเท่านั้นค่ะ

ทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางกันทั้งหมด 3 ชีวิต 10 วัน เราเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 - 8 มิถุนายน 2562 (เขียนกระทู้ในเดือนเมษายน 2563) ซึ่งจะเป็นหน้า Autumn ของเขานะคะ ที่อากาศกำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้พระอาทิตย์จะตกดินในเวลาประมาณ 5 โมงครึ่งของทุกวัน ใช่ค่ะพระอาทิตย์ตก 5 โมงเย็น ฉะนั้นการเดินทางของเราจึงเป็นไปตามชื่อกระทู้เลยว่าแข่งกับการตกดินของพระอาทิตย์  ส่วนแพลนเดินทางคร่าวๆเราก็จะมีประมาณนี้นะคะ(ตามรูปด้านล่าง) จะเห็นว่าเกือบจะรอบเกาะกันเลยทีเดียว

แผนการเดินทางของเราในทริปนี้

การเดินทางโดยเครื่องบินที่ประเทศนิวซีแลนด์นั้นจะมีแค่ 2 สายการบินเท่านั้น และผู้เขียนผู้ต้องการมีประสบการณ์ในทุกเรื่องจึงได้ลองบินกับทั้ง 2 สายการบินไปเลย โดยขาไปเราบินไปกับ Jet Star Air และขากลับกับ New Zealand ค่ะ


วันแรกของการเดินทาง 30 พฤษภาคม 2562  (Auckland สู่ Dunedin)

มาถึงก็ฝนตกเลยค่ะ ฝนที่นี้เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ แต่การพยากรณ์อากาศของที่นี้แม่นมาก สามารถดูได้จากแอฟในมือถือได้เลย ถ้า 10 โมงฝนกตกหนักมาก แต่ ในแอฟบอก 11 โมงจะแดดออก ก็คือแดดออกจริงๆ ต้องยอมรับเขาเลย บรรยากาศของเมืองก็จะประมาณนี้นะคะ เสียดายว่ามานอนค้างที่นี้แค่คืนเดียวเราก็ต้องไปกันต่อ 

ระหว่างทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง Dunedin

 วันที่สองของการเดินทาง 31 พฤษภาคม 2562 (เรายังอยู่กันที่ Dunedin)

วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อออกเดินทางจาก Dunedin มุ่งลงใต้ กันตั้งแต่เช้า โดยที่แรกที่เราจะไปก็คือ Tunnel Beach ซึ่งความจริงแล้ว เมื่อวานตอนเย็นที่เรามาถึงเราได้แวะไปแล้ว แต่ปรากฏว่าฝนตกหนักมากไม่สามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติได้เลย วันนี้เราจึงขอแก้ตัวกันใหม่ กับอารมณ์ตอนเช้าๆ ขับรถไปเปิดเพลง คุณพ่อ John Mayer ไปช่างเข้ากันดีจริงๆค่ะ

แสงแต่ละรูปนั้นถูกถ่ายต่างเวลากันเพียงหลักนาที สีของพระอาทิตย์จึงมีความแตกต่างกัน

บรรยากาศยามเช้าของเมือง Dunedin
เพลง Country Road ต้องขึ้นแล้วหล่ะ - ชานเมือง Dunedin
พะแพง- ผู้ร่วมทริป ผู้เป็นโฆษกตลอดการเดินทาง

เดินทางลงใต้ไปเรื่อย โดยเป้าหมายของเราในวันนี้คือไปจุดที่ต่ำที่สุดของนิวซีแลนด์กันนะคะ (อันนี้เขาเคลมว่าง้้นนะ) แต่ระหว่างทางก็มีแวะพักจุดชมวิวไปเรื่อย เราเลือกใช้เส้นทางที่เกาะริมทะเลไปเรื่อย จุดไหนก็ถ่ายรูปได้จริงๆนะนิวซีแลนด์เนี่ย
จุดชมวิวนี้ชื่อ Florence Hill Lookout จะสามารถมองเห็น Tautuku Beach อย่าพยายามอ่านชื่อสถานที่ ที่นี้ เลยค่ะ ผู้เขียนล้มเลิกการอ่านถูกไปตั้งแต่สองเดือนแรกที่มาอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ อ่านเอาตามที่สบายใจเลยค่ะ(คำเตือน เป็นคำแนะนำที่ไม่น่ารัก)

และอีกหนึ่งจุดที่เราแวะพักกัน Curio Bay Petrified Forest จุดนี้เขาบอกกันว่าถ้าเราโชคดีจะเห็นน้องแมวน้ำ อุ๋งๆ ออกมานอนตากแดดกัน แต่ด้วยฤดูที่เราไปนั้น น้องแมวน้ำคงคิดแล้วว่าการอยู่ในน้ำน่าจะอุ่นกว่า จึงไม่ออกมาให้เห็นซักตัวเลยค่ะ T T

Curio Bay Petrified Forest
เราถือคติที่ว่า วิวจะสวยถ้ามีเราอยู่ในนั้น cr.พะแพงผู้ร่วมทริป -Curio Bay Petrified Forest

และแล้วเราก็มาถึงจุดประสงค์หลักของวันนี้กันนะคะ จุดที่เขาเคลมว่าเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของนิวซีแลนด์ ใครเคลม!? เราไม่รู้ ก็ป้ายเขาว่าไว้แบบนั้นเลยมาเล่าให้ฟัง อิอิ ที่จุดนี้ชื่อว่า Slope Point ที่มีป้ายบอกระยะทางจากตรงนี้ไปถึงขั้วโลกใต้ และเส้นศูนย์สูตร มีใครอยากลองว่ายน้ำไปดูไหมคะ :)

Slope Point - จุดต่ำสุดในแผ่นดินนิวซีแลนด์
Slope Point - จุดต่ำสุดในแผ่นดินนิวซีแลนด์

การเดินทางของวันยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ค่ะ เราขับรถชมวิวกันไปเรื่อยๆ โดยที่พักของเราคืนนี้อยู่ที่เมือง Invercargill เมืองทางผ่าน แต่เรามีอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากจะไปกันนั้นก็คือ เมือง Bluff เมืองตอนท้ายปลายสุดของเกาะใต้แห่งนิวซีแลนด์นี่แหละค่ะ พอไปถึงก็จะเจอสัญลักษณ์เป็นป้ายบอกทางสีเหลืองๆ บอกระยะทางไปเมืองต่างๆของโลก ถ้าหากได้ขึ้นไปตอนเหนือสุดของนิวซีแลนด์ก็จะมีเสาแบบนี้อยู่เหมือนกัน (ไว้จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเกาะเหนือเนอะ) 


วันที่สามของการเดินทาง 1 มิถุนายน 2562 มุ่งหน้าสู่ Milford Sound

วันนี้เป็นการเดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่ว่าสวยที่สุดระดับต้นๆของโลกกันเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะไปถึง เราได้เทใจไปกับวิวข้างทางของที่นี้กันไปแล้ว เมื่อวานเจอสีเขียวของธรรมชาติ แต่พอขับจากซีกขวามาซีกซ้ายของเกาะ สีของต้นไม้ก็แตกต่างไป พูดได้เลยว่าใครได้มาเป็นอันต้องหลงรักประเทศนี้เป็นแน่ๆ

น้อง Blue - ชื่อรถสีฟ้าที่พวกเราเป็นผู้ตั้งให้ - ริมทางจาก Invercargill สู่ Milford Sound
ริมทางจาก Invercargill

สถานที่ต่อไปเขาว่าคือ ทะเลสาบกระจก Mirror Lake เพราะน้ำใสเหมือนกระจก จริงไม่จริงดูด้วยตาตัวเองกันเลยค่าาาแต่จะหาว่าเสี้ยมอ่ะเนอะ เราว่ายังมีที่ใสกว่านี้อีก ยังไงต้องอ่านต่อไปเรื่อยๆนะคะ :)

Mirror Lake
Mirror Lake
Mirror Lake

เอาอีกแล้วจ้า วิวข้างทางของที่นี้เขาเด็ดจริงๆนะ ทุกจุดคืดถ่ายรูปสวยหมด ให้ตายเถอะ

ระหว่างทางสู่ Milford Sound
ระหว่างทางสู่ Milford Sound
พี่แอมป์ผู้เป็น Driver ให้เราตลอดการเดินทาง

ไปๆๆ ไป Milford Sound กันซักที จากตอนแรกเป็นป่าเขียว ขับมาแปปเดียว Let it go เลยจ้า

ระหว่างทางสู่ Milford Sound ขับมาจากรูปก่อนหน้าแค่ไม่ถึง 10 นาที
พะแพงสาวน้อยลุยโลก

ถึงได้รึยังละ Milford Sound พอถึงปรากฏว่าเนื่องจากเราได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างทางมากเกินไปหน่อย ทำให้เราไปถึงกันในช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว เราตัดสินใจไม่ล่องเรือที่อยากมานานแสนนานเพราะว่าเรือจะกลับเข้าฝั่งในตอนเย็น และอย่างที่ได้บอกไปว่าพระอาทิตย์นั้นตกตอน 5 โมงครึ่งเราจึงต้องรีบทำเวลาเป็นอย่างมากเพราะต้องขับในป่าที่ไม่มีไฟทาง ขึ้นเขาลงเขา ไม่เสี่ยงดีกว่าเนอะ ไว้คราวหน้าค่อยมาล่องนะ ฮ่าๆๆ เสียดาย และที่ที่เราพักในคืนนี้ก็อยู่ไม่ไกลนัก แต่ปรากฏเขาคงตั้งใจให้ดื่มด่ำธรรมชาติจริงๆนั้นแหละ สัญญานโทรศัพท์ไม่ค่อยมีเลยจ้าาา ใครที่บอกว่าสัญญานโทรศัพท์บ้านเราไม่ดีนะ อยากให้ได้ลองไปที่นิวซีแลนด์เสียก่อน......


วันที่สี่ของการเดินทาง 2 มิถุนายน 2562 (ออกจากป่าวิ่งสู่เมือง)

วันนี้เราออกเดินทางจาก Ta Anau เพื่อขับผ่านเมือง Queentown - Arrow Town เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ ที่พักในคืนนี้ที่ Lake Tekapo ต้องบอกว่าเส้นทางในวันนี้เป็นเส้นทางที่ยาวที่สุดของทริปเลยก็ว่าได้ (ดูภาพแผนที่ประกอบจะเห็นภาพได้มากขึ้น) เราขับวนจากซีกซ้ายล่างๆของเกาะเพื่อไปจุดกึ่งกลางเกาะ เราเดินทางไปผ่านเมือง Queentown แค่ผ่านจริงแหละเลยไม่ได้เก็บภาพไว้เลยตัดไปอีกทีก็โผล่ไปที่ Arrow Town กันแล้ว แล้วพีคคืออันนี้ตามรอยคนในไอจีมาจ้า แล้วดูสิ่งที่ฉันเจอสิทู้กคนนนนน

ภาพในไอจี vs สิ่งที่เจอ 🙄

วันที่ 4 ของการเดินทาง กับวิวที่สวยจนมองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อแต่อากาศน่าจะทรมานไปสำหรับคนที่เกิดเขตร้อนและโตมาด้วยอุณหภูมิ 30 องศา ++  วิวแบบนี้เพลงคุณพ่อ John Mayer ต้องมาอีกแล้วล่ะ Waa doo Waa Do wa

รหว่างทางอีกแล้วจ้าาา ทางไป Lake Tekapo
ระหว่างทางไป Lake Tekapo
สดชื่นนนน

จากนั้นไปกันต่อกับจุดชมวิวชื่อ Lindis Pass ไอ้เราผู้ชื่นชอบสีแห่งมูจิ ก็ตั้งตารอทิวเขาสีน้ำตาลตามที่ฝันแต่ปรากฏพอไปถึง Let it go มาอีกแล้วจ้า ไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องมาเจอน้อง Snow กับอากาศติดลบเช่นนี้ อยากจะเกิดเป็นเอลซ่าเลย ปล.มาหน้าร้อนเนอะ

Lindis Pass

ในที่สุดก็ถึงแล้วจ้า Lake Tekapo สถานที่ที่ตั้งของโบสถ์อันเลื่องลือวันนี้เรานอนที่นี้ เราจึงมีภาพบรรยากาศทั้งยามเย็นและรุ่งเช้า ยิ่งอยู่ยิ่งซึมมมมไปกับธรรมชาติจริงๆประเทศนี้ ตอนพระอาทิตย์ตกดินสีท้องฟ้ายังกับมีใครมาระบายสีไว้เลยอ่ะ

Lake Tekapo โบสถ์อันเลื่องลือ
Lake Tekapo

ส่วนอันนี้เป็นบรรยากาศช่วงเช้า ยาม Sunrise ต้องบอกว่าสวยมากแม่ สวยจนร้องขอชีวิตว่าอย่าเพิ่งตายนะ ขออยู่ดูของสวยๆงามๆก่อน

ตอนเช้าๆแสงดีมากๆเลยจ้า Lake Tekapo
Lake Tekapo
Lake Tekapo - พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง

 รูปเยอะมากไม่ไหวแล้ว ขอพักครึ่งการเดินทางกันก่อนนะคะทู้กคนนนนนนนน ขอตัวไปนอน กับอากาศหนาวๆตามสไตล์เอลซ่าก่อน เดี๋ยวตื่นเช้าจะมาเล่าเช้าของวันที่ 5 กันต่อ


ภาพโดยเราเอง a.ae  : บรรยายโดยเราเอง a.ae : --->> 

อย่าลืมติดตาม Part 2 กันด้วยน๊าาาาาา https://th.readme.me/p/32031



a.ae

 วันพฤหัสที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 22.28 น.

ความคิดเห็น