สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน แมงน้อยมารายงานตัวกับทริปใหม่ ที่ได้ไปโดยบังเอิญ เพราะพี่สาวและพี่ชายใจดีสละ Voucher ที่พักให้ไปแทน จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นับเป็นประสบการณ์ประทับใจที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ไปใช้ชีวิตติดเกาะมา 3 วัน 2 คืน ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ครั้งนี้จริงๆ ค่ะ


สมุยเป็นครั้งที่ 2 ของแมงน้อย เคยมาเยือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นานมากๆ ค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้จักการเขียนรีวิว หรือหาข้อมูลใน Internet เท่าไร แต่การไปสมุยครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนค่อนข้างมาก เพราะสมุยเปลี่ยนไป เจริญหูเจริญตาขึ้นเยอะ ค่าครองชีพก็สูงขึ้น บอกได้เลยว่า ..."การไปสมุยน่ะง่าย" หลากหลายเส้นทาง แต่ค่าใช้จ่ายการเดินทางค่อนข้างมากทีเดียว


เพื่อนๆ สามารถเข้าไปศึกษาวิธีการเดินทางจากเว็บไซด์ต่อไปนี้ค่ะ



http://www.paiduaykan.com/76_province/south/suratthani/kohsamui.html
http://samui.sadoodta.com/content/สมุย

วันนี้แมงน้อยลองทำภาพเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการเดินทางที่ง่ายที่สุดในแบบฉบับแมงน้อยมาให้ชมคร่าวๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจค่ะ


เพื่ออรรถรสในการชมรีวิวเที่ยวสมุย ต้องเปิดเพลงยอดฮิตเพลงนี้คลอไปด้วยค่ะ
(ปล.จะมีใครแต่งเพลงเกี่ยวกับสมุยใหม่ได้แซ่บเท่านี้ไหมน้า!!)


ก่อนอื่นเราลองมาทำความรู้จักแผนที่ในเกาะสมุยสักหน่อย ความยาวรอบเกาะประมาณ 50 กิโลเมตร
ส่วนเรื่องการเลือกที่พัก แมงน้อยใช้ประสบการณ์ 2 ครั้งของตัวเอง วิเคราะห์เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจสำหรับเพื่อนๆ นะคะ


-ถ้าชอบหาดทรายสวย น้ำทะเลใส น่าเล่น สงบ ไม่พลุกพล่าน ต้องพัก --> แถวหาดละไม

-ถ้าชอบงานศิลปะ เสพย์งานศิลป์ ของ Handmade ใช้ชีวิตแบบหมู่บ้านชาวประมง ต้องพัก --> แถวหาดบ่อผุด

-ถ้าชอบความสะดวกสบาย สังสรรค์ ปาร์ตี้ ความบันเทิงครบวงจรเหมือนพัทยา ต้องพัก --> แถวหาดเฉวง

**ส่วนหาดอื่นๆ ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไร แต่ถ้าชอบที่พักเป็นหลัก ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถเช่ารถตระเวนรอบเกาะได้อยู่แล้วค่ะ

ครั้งที่แล้วแมงน้อยไป 3 วัน 2 คืนเช่นกันค่ะ แต่ไปทัวร์ทริปเกาะเต่า-เกาะนางยวน กับทัวร์ของลมพระยา (บริการใช้ได้เลยทีเดียว ซื้อ Voucher จากงานไทยเที่ยวไทย) ตอนนี้เห็นมีบริการใหม่ จาก fb ของ สวัสดี สมุย Pantip.com ดูเค้าบริการ พูดจาดี๊ดี เคยไปขอข้อมูลหมู่เกาะอ่างทองกับเค้าค่ะ


มาครั้งนี้ อากาศค่อนข้างร้อน เลยไม่อยากทัวร์เกาะ ขอใช้ชีวิตติดเกาะแบบตระเวนรอบเกาะสมุยแทน เพราะฉะนั้นแมงน้อยยังเหลือทัวร์หมู่เกาะอ่างทองอีกที่ ที่ยังไม่ได้ไปค่ะ



ปล. หากต้องการเที่ยวสมุยให้ครบในครั้งเดียว ควรมาเที่ยวสัก 5 วัน 4 คืน (เดินทาง 2 วัน / เที่ยวเกาะเต่า-เกาะนางยวน 1 วัน / เที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง 1 วัน / ใช้ชีวิตบนเกาะอีก 1 วัน)


ตอนนั้นไปทัวร์เกาะ เล่นน้ำเลยได้ใช้เพลงนี้ค่ะ

แมงน้อยขอเริ่มเล่าการเดินทางทริปนี้ตั้งแต่กรุงเทพฯ กันเลยนะคะ โดยโปรสายการบินแอร์เอเชีย ต้องขึ้นที่สนามบินดอนเมือง ทั้งที่บ้านอยู่แถวสนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องออก 07.00 น. ตื่นตั้งแต่ตี 3.30 น. ออกจากบ้านทั้งที่อยู่ในช่วงเคอร์ฟิว ง่วงแสนง่วง แต่เลือกไฟล์ทเช้าเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น มาถึงสนามบินด้วยอาการงัวเงีย


เจอพี่สิงโต นำโชค (บังเอิญจอดรถข้างกัน)

ว๊าก!!! ตื่นเลย รอยยิ้มพิมพ์ใจ (ปล.ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเล่า เจอศิลปินที่ชอบเท่านั้นเองค่ะ 555)

เริ่มออกเดินทาง 07.00 น.

วันนี้ฟ้าใส แดดแรงทีเดียว


ประมาณ 50 นาที ถึงสนามบินนครศรีธรรมราช วิวบนเครื่องก่อนลงจอดค่ะ


(ปล.ครั้งก่อนเลือกลงที่สุราษฎร์ธานี แต่รอบนี้ตั๋วที่นครฯ ถูกกว่า ซึ่งสามารถลงได้ทั้ง 2 สนามบิน
เพราะท่าเรือดอนสักอยู่ตรงกลาง ระยะทางไปท่าเรือพอๆ กัน)

พอลงจากเครื่อง แมงน้อยไม่ได้จองตั๋วรถ/ตั๋วเรือกับสายการบิน (ไม่รู้จริงๆ ว่ามีให้จอง) ทำให้ต้องมาหาข้างหน้า ซึ่งจะแพงกว่าจองกับสายการบิน 50.-/คน เพราะฉะนั้นจองเป็นแพ็กเก็จดีที่สุด ชัวร์ด้วย รอบนี้เลยโดนค่ารถจากสนามบินนครศรีฯ ไปท่าเรือดอนสัก (ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง) คนละ 250.-



รถจากสนามบินนี้จะพาไปท่าเรือดอนสัก เป็นของราชาเฟอร์รี่ ข้ามไปยังเกาะสมุย (ใช้เวลา 1.30 - 2 ชั่วโมง) คนละ 150.-

บรรยากาศบนเรือค่ะ

เมื่อได้สัมผัสกับท่าเรือนี้ ช่างแตกต่างจากท่าเรือซีทรานที่เคยไป ไม่มีแอร์บางลำ เพราะขากลับเจอแบบมีห้องแอร์


เรือเก่ากว่า นั่งพัดลม เหงื่อแตกกันไป

บนรถบัสจะขายตั๋วค่ารถตู้ที่ไปส่งยังรีสอร์ท เค้าบอกว่า ไม่มีรสบัส ไม่มีแท็กซี่ (จริงๆ เหมือนเค้าคุมวินที่นั่น ก็ขายในราคาถูกกว่าทั่วไป คนละ 200.- (ขากลับก็ไม่มีรถไปส่งอีก ค่าแท็กซี่ก็แพงเกินไป ไม่มีคนแชร์ โทรตามให้เค้ามารับ คิดคนละ 300.- จากรีสอร์ทไปยังท่าเรือราชา) ยังไม่ทันถึงเกาะก็หมดไป 1,200.- แล้วค่ะ


ปล. เวลาจะจองที่พัก ก็สอบถามเรื่องรถรับส่งจากท่าเรือด้วยนะคะ ว่ารวมในแพ็คเก็จหรือเปล่า ส่วนที่โรงแรมก็ชาร์จหลายบาทเลย

แมงน้อยเข้าใจผิดเรื่องที่พัก เนื่องจากรีสอร์ทนี้มีอยู่ 2 แห่ง คือในบ่อผุด และเฉวง ดันไม่หยิบ Voucher ขึ้นมาดู มั่นใจมาก
บอกเค้าว่า "อนันตรา บ่อผุด" เท่านั้นแหละ รถตู้พาไปส่งผิดที่เลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนพนักงานต้อนรับบอกว่าคนละที่ค่ะ
ต้องไปอีก 7 กิโล ซวยแล้ว 555 สรุปได้เข้าไปดูอนันตราบ่อผุดด้วย พร้อมกับรับ Welcome drink ไป 2 รอบ (เรื่องโก๊ะ...ขอให้บอก)
อนันตรา บ่อผุด

พนักงานตีกลองต้อนรับด้วยนะ


พลาดเรื่องตั๋วไม่พอ ยังพลาดเรื่องที่พัก ไม่เป็นไร ไม่ลองก็ไม่รู้จริงไหมค่ะ พอดีร้านที่อยากแวะอยู่ใกล้ๆ
อนันตรา บ่อผุด เลยได้แวะทานข้าวกลางวันที่นี่ค่ะ "Cafe' 69" ร้านอาหารไซส์มินิ เป็นสไตล์อาหารฟิวชั่น
ตอนแรกไม่เห็นราคา พอเห็นราคาเท่านั้นแหละ แอบตกใจนิดหน่อย แต่นานๆ ที ได้มาลองก็เต็มที่ค่ะ

เอาภาพบรรยากาศในร้านมาให้ชมก่อนเลย

เมนู 69 Passion น้ำมะม่วง ผสมแตงโม


ถุงทอง (Duck Red Curry Dumpling 189.-)


ปอเปี๊ยะผัดไท (Pad Thai Spring rolled 129.-)


ข้าวผัดต้มยำ 189.-


หลังจากอิ่มแล้ว เริ่มคิดแผนว่าจะไปยังไง ก็เลยว่าจะเช่ารถมอไซด์เพราะว่าประหยัดดี 250.-/คืน สอบถามแล้ว เค้าไม่ปล่อยให้เช่าข้ามเขตค่ะ แต่ก็มีข้อเสนอว่าจะเอารถยนต์ไปส่งคิด 300.- ถูกว่าแท็กซี่แน่นอน สรุปก็ต้องยอมเสียอ่ะค่ะ เพราะพลาดเอง ไปถึงที่พัก 14.30 น. ได้เวลา Check in พอดี


ด้านหน้าสะดวกสบาย ทั้งร้านอาหาร ร้านขายยา ร้านมินิมาร์ท ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์


ทางเข้าต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากเลยค่ะ

ตัวรีสอร์ทจะออกแนวจีนร่วมสมัย พนักงานต้อนรับแต่งกายเป็นชุดจีนค่ะ ทราบมาว่าเมื่อก่อนไม่ใช่ของเครืออนันตรา แต่เป็นรีสอร์ทชื่อว่า ลาวาน่า แล้วแบรนด์ของอนันตราเข้ามาบริหารร่วม สไตล์ที่ออกแบบเลยไม่เหมือนของอนันตราที่อื่นที่ออกแนวไทยเลย แต่ประทับใจพนักงานมากๆ ค่ะ บริการดีตั้งแต่ทางเข้ายันส่งถึงในห้องเลย


Welcome drink รอบที่ 2


ตัวรีสอร์ทค่อนข้างกว้าง ถึงขนาดต้องให้ Layout แผนที่กันเลย

หลังจากไปอยู่ 3 วัน เดินเมื่อยเลยค่ะ เพราะรีสอร์ทตั้งอยู่ในช่วงเนินเขา การเดินไปหาดไป ห้องอาหารอาจจะมีทางชัน และบันไดหลายจุด


หมายเลขห้องที่ออก

ห้องที่ได้พักคือ Suite with Plungepool เป็นห้องระดับสอง ซึ่งจะอยู่ชั้นล่าง ต่างกันตรงมีสระจากุชชี่ให้ด้วย โดยห้องเริ่มต้นจะอยู่ชั้นสอง และเป็นระเบียงแทน ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ทั้งมินิบาร์ ไดร์เป่าผม อุปกรณ์อาบน้ำ และโลชั่นกันยุง ดูได้จากรูปภาพเลยค่ะ


โซนห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำที่นี่เน้นสัมผัสธรรมชาติสุดๆ ค่ะ กลางแจ้งกันเลย

มาดูโซนสระว่ายน้ำและระเบียงนั่งเล่นกันบ้างค่ะ ซึ่งสามารถเปิดประตูจากห้องน้ำลงสระจากุซซี่ได้เลย

ส่วนอื่นๆ ภายในห้องค่ะ

ได้พักผ่อนเล็กน้อย ตอนเย็นแพลนจะไปเดินถนนคนเดินบ่อผุด ซึ่งจะมีแค่เย็นวันศุกร์ สรุปพายุเข้าฝนตกแรงมากค่ะ ไปไหนไม่ได้ ก็เลยผิดแผนอีก หาอะไรทานแค่หน้ารีสอร์ท ทานร้านอาหารอนงค์ อร่อยมากค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ประทับใจทั้งรสชาดอาหารและบริการ เบอร์โทร 081-4089761 (ปล.ไม่ได้หยิบกล้องไปเลย กลัวเปียก) หลังจากนั้นว่าง ก็เลยไปหากิจกรรมทำในรีสอร์ท โดยการไปเล่นฟิตเนส และสระว่ายน้ำใหญ่ค่ะ


กลับมาจากข้างนอก พนักงานก็เข้ามาทำความสะอาด และปูเตียงให้ใหม่ค่ะ

สรุปวันแรกยังไม่ได้เที่ยวไหนเลย พรุ่งนี้หากฝนไม่ตกจะแว๊นรอบเกาะพาเที่ยวนะคะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ กับห้องอาหารริมชายหาด ฟ้าใส แดดแรง เป็นนิมิตรหมายที่ดีค่ะ ในภาพเป็นบรรยากาศรอบๆ ห้องอาหารและสระว่ายน้ำ โดยจะขอรวมอาหารของ 2 วันไว้ทีเดียวเลยนะคะ


หลังจากนั้นก็เดินย่อยรอบๆ ห้องอาหาร สระว่ายน้ำค่ะ แดดแรง แสงสวยมาก ยิ่งสีแดงตัดกับสีฟ้านี่แจ่มสุดๆ เลยค่ะ

จุดบริการเครื่องดื่มชมวิวค่ะ

ระหว่างเดินกลับไปยังห้องจะผ่านห้องท็อปแบบ Seaview Pool Villa วิวแบบสุดหูสุดตาเลยทีเดียว


เดินผ่านห้องอาหาร Tree Tops สำหรับดินเนอร์วิวสวยเห็นทะเล ที่ให้บริการลูกค้าภายนอกด้วยค่ะ

ทางเดินกลับห้องพัก บางจุดก็เห็นทะเลได้เลยค่ะ

เช้าวันนี้แพลนไปเที่ยวหลายที่เลยค่ะ ส่วนมากก็เน้นร้านน่ารัก แต่ละที่ค่อนข้างไกลกันมากจริงๆ เช่ามอเตอร์ไซด์ 250.- เติมน้ำมัน 100.- แว๊นรอบเกาะ ตัวดำเบย เริ่มที่จุดแรก


หมู่บ้าน Fisherman's Village ในบ่อผุด


หมู่บ้านชาวประมงสุดเท่ห์ เสียดายที่อดมาเที่ยวถนนคนเดิน เพราะฝนเจ้ากรรมแท้ๆ เค้าแนะนำว่าจะมีอาหาร ขนมพื้นเมืองที่หากินยาก ราคาถูก ของเฮนด์เมด งานศิลป์ ภาพวาด ร้านขายของที่ระลึกน่ารักมากมาย มาถึงแล้วไม่ได้มาเดินเหมือนมาไม่ถึง นั่นไง! แมงน้อยไปไม่ถึงสะแล้ว เลยเก็บบรรยากาศช่วงเช้ามาให้ชมกันค่ะ

นอกจากร้านที่ว่าก็ยังมีร้านอาหาร ผับ บาร์ทั้งซอยกันเลยทีเดียว เค้าว่ากันว่าแถวนี้ร้านอาหารซีฟู้ดอร่อยด้วยน้า

ท่าเรือ Fisherman's Village พี่ชาวบ้านบอกว่า เรือบางลำก็โล้เรือใบจากกรุงเทพฯ มาเป็นเดือน แบบกินนอนแวะเที่ยวกันมาเรื่อยๆ

และในหมู่บ้านฟิชเชอร์แมนนี่เอง ก็มีร้านนึงที่แมงน้อยตามหาอยู่
"Blue Vanilla"
ไปถึงร้านปิดค่ะ เค้าเปิด 12.30 น. สรุปเลยต้องกลับไปใหม่ พอกลับมาไม่ผิดหวังแต่ของแพงมากเลย
ไม่กล้าซื้อฝากเพื่อนๆ 555

ก่อนออกเดินทางต่อ ขอไหว้พระเป็นสิริมงคลก่อนนะคะ
"วัดพระใหญ่-เกาะฟาน" หาดบ่อผุด
วัดนี้มีประวัติว่าเป็นวัดอยู่กลางทะเล (เกาะฟาน) การเดินทางไปไหว้สักการะลำบาก ต้องนั่งเรือ หรือรอให้น้ำลด ชาวบ้านจึงทำเขื่อนหินเชื่อมไปถึงวัด โดยได้สร้างพระพุทธรูปบนยอดเขา โดยเป็นวิวแบบพาโนรามา เค้าบอกว่าถ้ามาตอนพระอาทิตย์ตก ที่วัดจะสวยมาก เพราะวัดจะสะท้อนกับน้ำทะเลค่ะ
แถมละแวกข้างๆ วัดยังมีขายของที่ระลึกด้วย (ปล.มีขายบีกีนี่ในเขตวัดด้วยนะ)

สนามบินอยู่ใกล้ๆ วัดค่ะ


จุดต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปยังหน้าทอนตามหาร้านในแพลนอีกที่นึง ระหว่างทางร้อนมากมายค่ะ แต่ก็จะเจอวิวทะเลสวยๆ ไปตลอด

จุดชมวิวแหลมเขาใหญ่

จากหน้าทอนไปหาดบางปอก็พบร้านที่ตามหา ไกล้ไกล แว๊นจนผิวไหม้ เพื่อมาร้านนี้ แต่มาถึงแล้วหายเหนื่อยในทันใด ขนาดว่าน้ำลงยังสวยขนาดนี้ ถ้าน้ำขึ้น หรือช่วงพระอาทิตย์ตกจะสวยมากๆ ขนาดไหน


"Kalasea" (กะลาสี)

ภายในร้านน่ารัก ของกระจุกกระจิกเพียบเลย ไอเดียพี่เจ้าของร้านเก๋มากค่ะ เก็บทุกรายละเอียดเลยก็ว่าได้ ชอบมากๆ

ถ่ายมุมไหนก็สวยค่ะ แมงน้อยเดินถ่ายมั่วเลย ไม่รู้จะเริ่มจุดไหนก่อน ส่องกล้องไปสวยไปหมดทุกจุดเลย

ของที่ระลึกเก๋ไก๋ ราคาไม่แพงมากเท่าไร มีให้เลือกมากมายค่ะ

อาหารของเค้าก็ครีเอทและราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วยนะคะ เวลาจะสั่งอาหารก็สั่นกระดิ่งเรียกพนักงานค่ะ

ทิชชู่ค่ะ


หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปจุดมุ่งหมายต่อไป ยังก๋วยเตี๋ยวกะลา แถวหาดละไม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอยืมภาพคุณดีบุกมาคอนเฟิมความอร่อยหน่อยนะคะ

แต่ช้าไปเสียแล้ว ใช้เวลาเดินทางไกล ไปถึงร้านปิดแล้ว ก๋วยเตี๋ยวในกะลาลือชื่อ ราคาถูก แถมมีเมนูน่ากินอีกหลายอย่าง ร้านนี้ไม่ถึงบ่ายก็ปิดแล้วค่ะ เสียดายมากๆ เลย ทำให้เปลี่ยนแผน ไปกินร้านในตำนานที่เคยมากินเมื่อ 4 ปีก่อน


"ร้านเสบียงเล" หาดละไม

ร้านเปลี่ยนไปมากเลย ปรับปรุงใหม่ไฉไลกว่าเดิม น้องพนักงานบอกว่าเมื่อวานเจมส์จิมากินที่ร้านค่ะ ยิ้ม

อาหารรสชาดจัดจ้านตามสไตล์ภาคใต้แท้ๆ 4 ปีที่แล้วอร่อยยังไง วันนี้ก็ยังอร่อยเหมือนเดิมค่ะ

แนะนำซิกเนเจอร์ของร้าน "ยำเสบียงเล" รสชาดยำจัดจ้าน รวมมิตรเครื่องทะเล


กุ้งอบวุ้นเส้น


แกงส้มปลาอินทรีย์ เนื้อปลาแน่นมาก แกงส้มเข้มข้นสุดๆ


ร้านเสบียงเลอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยว "หินตา หินยาย" ที่นี่เป็นจุดซื้อของฝากอย่างเช่นกะลาแมดีที่สุด เพราะสดใหม่ทุกวัน ออ! แมงน้อยหาหินยายไม่เจอค่ะ แดดร้อนก็เลยไม่ได้เดินหา

แมงน้อยกำลังจะกลับไปที่พักแล้วค่ะ ตะลอนมาทั้งวัน เหนื่อยมาก ระหว่างทางหาดละไมไปหาดเฉวง ก็เจอวิวสวยๆ อีกเช่นกัน

ตรงจุดชมวิวลาดเกาะ จะมีศาลประจำอยู่ เพราะเป็นโค้งอันตราย มีอุบัติเหตุบ่อย จะได้ยินรถที่ผ่านบีบแตรทุกคันจริงๆ


ผ่านหาดเฉวงจะเหมือนพัทยาเลยค่ะ แต่ดูน่าเที่ยวกว่าเยอะ เซ็นทรัลสมุยในเฉวงก็เป็นแบบวิลล่า ไม่ได้เป็นตึกเหมือนที่อื่นๆ ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปดีๆ นะคะ ขี่ไปถ่ายไปนี่แหละ



เจอพี่ฝรั่งคนนี้ฟิตมาก ถอดเสื้อวิ่ง กลางแดดร้อนจ้า หล่อด้วย ว้าววว


ปล.จริงๆ ตอนเช้ามีงานวิ่งมาราธอนบนเกาะด้วยค่ะกลับมาถึงที่พักด้วยความเหนื่อยล้า ก็ออกไปเล่นน้ำที่สระใหญ่และเก็บภาพช่วงเย็นมาฝากสักหน่อยค่ะ ที่รีสอร์ทพระอาทิตย์จะขึ้น และไปตกฝั่งวัดพระใหญ่แทน เดี๋ยวตอนเช้าจะตื่นมาเก็บภาพพระทิตย์ขึ้นกันค่ะ ตอนนี้ดูบรรยากาศตอนเย็นแทนไปก่อนนะคะ


มีโปรเจคเตอร์ฉายหนังให้ดูด้วยค่ะ


ที่โต๊ะนั่งทุกโต๊ะจะมีเครื่องเรียกบริการด้วยค่ะ


กลับมาถึงห้องก็เจอบริการพนักงานอีกเช่นเคย แถมมีข้อความให้เดินทางกลับปลอดภัย เพราะเป็นคืนสุดท้าย น่ารักจริงๆ ค่ะ

เช้านี้ตั้งใจตื่นมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเมฆมากเกินไป พระอาทิตย์เป็นสีขาว ไม่เป็นสีไข่แดง เสียใจ


วันนี้ทานอาหารเช้าเสร็จก็ต้องรีบ Check out ประทับใจบริการของพนักงานที่รีสอร์ทตลอดระยะเวลาที่ติดเกาะที่นี่จริงๆ ค่ะ ถ้าเป็นไปได้คงจะใช้บริการของอนันตราอีก


ส่วนเรื่องการเดินทางกลับ ไฟล์ทเครื่องบิน 16.20 น. แต่ต้องออกจากรีสอร์ทตั้งแต่ 09.30 น. รอรถตู้ของท่าเรือมารับไปส่งที่ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ แต่ไปไม่ทันรอบ 10.30 น. รอรอบ 11.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ต่อรถตู้ไปที่สนามบินอีก 1.30 น. ก็เกือบประมาณบ่าย 3 รอเครื่องขึ้น หมดเวลากับการเดินทางจริงๆ ค่ะ

บรรยากาศบนเรือเฟอร์รี่อีกรอบ ดีใจมากๆ ที่มีแอร์แล้ว

ช่วงนี้การเมืองบ้านเราดูวุ่นวาย ตึงเครียด อยากให้คนไทยรักกันมากๆ ค่ะ

ระหว่างนั่งเครื่อง แมงน้อยเห็นรุ้งด้วยค่ะ เป็นช่วงเวลาแป็ปเดียว แล้วก็หายไป อยากให้มีเรื่องดีดีเกิดขึ้นบนโลกใบนี้เหมือนกับการได้เห็นรุ้งในครั้งนี้จริงเลย

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าที่หัวหิน วันนี้แมงน้อยขอบคุณทุกคนที่ติดตาม หวังว่ารีวิวนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะคะ


ความคิดเห็น