ใกล้จะปลายปีแบบนี้ก็ถึงเวลาที่จะออกเดินทางไปท้าลมหนาวกันที่ภาคเหนือ
ทริปเราจะเดินทางไปกันที่ “เชียงราย” ซึ่งเป็นอีกจังหวัดที่เรารู้สึกฟินจนต้องกลับมาอีกครั้ง
แต่เชียงรายรอบนี้เราจะพาไปสัมผัส และเรียนรู้วิถีชีวิตของ “ชุมชนบ้านสันป่าเหียง”
ที่นี่เค้ามีวิถีชีวิตที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร การเลี้ยงสัตว์แบบอินทรีย์ การเผาถ่านแบบโบราณ
แถมยังเป็นเส้นทางไปสู่ “ไร่เชิญตะวัน (ว.วชิรเมธี)” มาจ้าตามเรามาเที่ยวในชุมชนกันได้เลย ...
ชุมชนบ้านสันป่าเหียง ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย
การเดินทางเริ่มต้นที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จากนั้นเราเช่ารถเพื่อเดินทางต่อไปยังชุมชน
ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ก่อนที่จะเข้าหมู่บ้านสันป่าเหียง ก็ขอแวะวัดสักหน่อย “วัดศรีศักดาราม”
เดินชมความงดงามของวัดเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาเข้ามาในชุมชนบ้านสันป่าเหียงแล้ว ตามมาเลยจ้า
ชุมชนสันป่าเหียงเป็นชุมชนที่ทำการเกษตร การเลี้ยงสัตว์แบบอินทรีย์ ได้รู้แบบนี้แล้วเราก็ไม่รอช้าที่จะไปดูการปลูกผักปลอดสารเคมี เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา และฟาร์มเพาะเห็ด
เห็นแล้วรู้สึกถึงวิถีชีวิตแบบพอเพียง เหมือนที่พ่อหลวงของเราเคยได้ดำริไว้เลย
จากนั้นเรามาที่ สวนเกษตรอินทรีย์ของลุงคำ ที่นี่มีพืชผักสารพัดชนิดบนพื้นที่ 4 ไร่ ถึงจะบอกว่าปลูกไว้กินเอง แต่ก็มีมากจนเหลือนำไปขายได้ตลอด นอกจากนี้ยังมีการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม เพื่อสร้างรายได้
จากสวนลุงคำแล้ว มาดูกันอีกที่ ที่นี่เค้าเลี้ยงเป็ด เลี้ยงห่าน ปลูกผัก ปลูกผลไม้ แบบเกษตรผสมผสานไร้สารเคมี เลี้ยงเป็ด และห่านแบบธรรมชาติ โดยไม่ใช้หัวอาหาร แต่ที่นี้ป้าเค้าพาเราไปดูฝรั่ง พร้อมเก็บแล้วใช้เพียงผ้าเช็ด และกินให้เราดูแล้วบอกว่า ป้ามั่นใจในสิ่งที่ป้าปลูกว่าไม่มีสารเคมี เพื่อที่เราจะได้มั่นใจได้ว่าพื้นที่แห่งนี้ ปลอดสารเคมี 100% ป้าภูมิใจนำเสนอ เราก็ต้องกินสิ เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจป้า หวาน กรอบ อร่อย มากๆ
ช่วงเย็น ลุง ป้า น้า อา ทั้งหลายในหมู่บ้าน ได้พาเราไปดูการฝัดข้าวแบบวิถีดั่งเดิม ทำให้เห็นความสามัคคีของคนในหมู่บ้านแถมเวลาที่พบปะพูดคุย ยิ้มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ทำให้เราแอบยิ้มตาม และรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
อีกไฮไลท์ ของที่นี้ “ควายแม่น้อย” สามารถขี่ควายแม่น้อยได้เลย จะมีคนคอยดูอยู่ปลอดภัยหายห่วง เพราะควายแม่น้อยนี่คุ้นเคยกับคนเชื่องมากๆ “ได้ลองสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน” ตื่นเต้นสุดๆ แต่สนุกดีแฮะ
พอขี่ควายเสร็จแล้ว เราก็เดินไปดูเตาเผาถ่านโบราณ ที่อยู่ใกล้ๆ นี้ เผาถ่านด้วยเตาดินเผาแบบโบราณ ไม้ลิ้นจี่ ไม้มะขามซึ่งเป็นไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้เป็นผลิตผลอยู่แล้ว พอได้ผลแล้วต้นก็ยังมีประโยชน์นำมาแปรรูปเป็นถ่านใช้ประโยชน์ได้อีก
จากที่เราได้ไปดูการเผาถ่านแล้ว ก็ถึงเวลามื้อเย็นคนในชุมชนได้ทำอาหารบ้านละอย่างสองอย่างแล้วเอามาแบ่งกันกิน จะได้มีอาหารหลากหลายให้เรากินเมนูมื้อเย็นวันนี้มีน้ำพริกหนุ่ม แคบหมู น้ำพริกตาแดง ผักต้ม ไข่เจียว จอผักกาด และต้มยำไก่ดำ
ป้าบอกเราว่าไก่ดำไม่ใช่หากินได้ง่ายๆ เค้าจะทำในโอกาสพิเศษ และไว้ต้อนรับแขก ไก่ดำกินแล้วเป็นยาดีต่อสุขภาพ ป้าเลือกที่จะทำให้พวกเรากินกัน เพราะถือว่าเป็นโอกาสพิเศษเลี้ยงต้อนรับเรา การกินมื้อเย็นในครั้งนี้กินกันไปคุยกันไป ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น มีความสุข เป็นกันเอง เหมือนได้กินข้าวกับครอบครัวญาติผู้ใหญ่มีแต่เสียงหัวเราะ ยิ้มแย้ม สนุกสนาน
กินอิ่มก็ถึงเวลาพักผ่อนกันแล้วค่ะ นี่เป็นโฮมสเตย์ “บ้านคุณนาย” เป็นบ้านชาวเหนือแบบดั่งเดิมแต่มาตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อสะดวกต่อการเข้าพัก แต่ยังคงวิถีชีวิตแบบเดิม
ห้องพักด้านในจะเป็นแบบดั่งเดิม ห้องอากาศถ่ายเท สะอาด น่าอยู่ แถมมีมุมนั่งเล่น นั่งเม้ามอยแบบชิวๆ เดินออกจากห้องนอน ก็มีระเบียงไว้นั่งรับลม และครัวเก่าแบบดั่งเดิมให้เราได้ดู เพื่อรับรู้ถึงวิถีชีวิตของคนรุ่นเก่า
เช้าวันที่ 2 เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 มาเดินชมตลาดนัดในชุมชน ซึ่งเป็นการนำผลผลิตของแต่ละบ้านมาวางขาย มีผักพื้นบ้านหลายอย่างที่เราไม่เคยเห็น
เดินตลาดแล้ว เราก็ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ “พระธาตุโพธิญาณ” ทางขึ้นบอกเลยว่าขรุขระและชันมาก แต่พอขึ้นมาแล้วคุ้มแสนคุ้ม ที่นี่มีพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ และความเป็นมาที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบต่อกันมา
บริเวณพระธาตุยังเป็นชมวิวจุดสูงสุดของชุมชนสันป่าเหียงอีกด้วยพระธาตุโพธิญาณนอกจากจะเป็นสถานปฏิบัติธรรมแล้ว ที่สำคัญยังชมทัศนียภาพอันสวยงามของห้วยสักและในวันที่ฟ้าเปิดจะสามารถมองเห็นเชียงรายในมุมมองที่ไกลออกไป
ลงมาจากพระธาตุโพธิญาณแล้ว เราก็ได้แวะอ่างเก็บน้ำม่อนปลาดุก ซึ่งเป็นอ่างเก็บที่ใช้ทำการเกษตรของชุมชนนี้
ผ่านกิจกรรมมาหลากหลายภายใต้แสงแดดอุ่นๆ ถึงเวลาพักผ่อนที่ไม่เหน็ดเหนื่อย แถมยังได้ฝึกสมาธิอย่างดี นั่นคือ การทำโคมแบบล้านนา เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความสิริมงคลตามความเชื่อของชาวเหนือ สำหรับที่สันป่าเหียงโคมแบบล้านนาเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์งานฝีมือ ที่มีทั้งจำหน่ายเป็นของที่ระลึก ของตกแต่งและยังมีให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำ
มาที่บ้านสันป่าเหียงทั้งทีก็ไม่พลาดที่จะแวะไปที่ “ไร่เชิญตะวัน ท่าน (ว.วชิรเมธี)” ศูนย์วิปัสสนาสากลเราเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ข้างในสวยมากทางเดินเข้าไปก็มีปริศนาธรรมมีคติธรรมไว้คอยเตือนใจเรา และเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต แถมยังมุมถ่ายรูปสวยๆ ก็มี
ส่วนด้านในยังมีหอศิลป์ ที่โชว์งานศิลปะ จากศิลปินหลายท่าน เช่น อ.ถวัลย์ ดัชนีย์ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และมาที่นี่ก็อย่าลืมมาแวะถ่ายรูปกับเณรน้อยเจ้าปัญญากันด้วยนะจ๊ะ
แวะมาถ่ายรูปกับเณรน้อยเจ้าปัญญา
และที่พลาดไม่ได้ “ วิหารดิน ” ที่เป็นการสร้างวิหารแบบเข้าเดือยโดยไม่ใช้ตะปูเลย สวยงามมาก
การเดินทางครั้งนี้สร้างความประทับใจมากจริงๆ กับการท่องเที่ยววิถีชุมชนที่ค่อนข้างจะหายาก ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นการทำเกษตรปลอดสารเคมี วิถีพื้นบ้าน และหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจ คือความน่ารักของคนในชุมชนนี้ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำในสิ่งที่ทำให้หมู่บ้านของตัวเองเจริญไปในสิ่งที่ดีๆ อนุรักษ์ความเป็นประเพณีดั่งเดิมของตัวเอง และดูแลเราด้วยใจ เหมือนเราเป็นลูกหลานคนหนึ่งในหมู่บ้าน
เราจะบันทึกไว้ในความทรงจำเราว่า ครั้งหนึ่ง ณ ชุมชนบ้านสันป่าเหียง สร้างความอบอุ่น และความประทับใจ ให้เรามากแค่ไหน เราอยากให้เพื่อนๆ ได้สัมผัส ความรู้สึกนี้ด้วยตัวเอง ก็เหมือนสุภาษิตที่ว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ลองมากันเถอะค่ะ คุ้มค่าจริงๆ
.
ไม่เพียงที่นี่เรายังมีอีกหลายชุมชนให้ติดตาม ยังมีที่ไหนอีกบ้าง คลิกเลย >>> ชุมชนท่องเที่ยว
.
ติดต่อชุมชน : ชุมชนบ้านสันป่าเหียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน
บ้านสันป่าเหียง จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์. 098-261-2500 , 089-953-7695
จะไปป่ะล่ะ : Ja pai pa la
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.14 น.