ซุกหัวนอน 3 คืน 3 โฮสเทลฟินๆ กับ 30 Check-in ที่ไปสิงคโปร์แล้วห้ามพลาด!
โจทย์ของการเที่ยวครั้งนี้คือ พักโฮสเทลเพียงที่ละหนึ่งคืนเท่านั้น เหมือนทริปที่เคยไปเชียงใหม่ มีใครเคยอ่านกันบ้างครับ
Chiangmai The-ra-py กับ 5 ที่พักสุดฮิปในเมืองเชียงใหม่ ที่ฮิปสเตอร์และแบคแพจเกอร์ตัวจริงไม่ควรพลาด >> http://pantip.com/topic/34544560 แต่โฮสเทลที่ สิงคโปร์ที่เลือกมาแต่ละที่รับรองว่าเด็ดแน่นอนครับผม
Part 1
ระหว่างทางพกเอกสารทั้งหมดขึ้นไปด้วย เลยนั่งทำการบ้าน บันทึกข้อความนิดหน่อย มีข้อความดังนี้ (อาจมีคำไม่สุภาพ)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตื่นนอนตอนตี 5 แอบตั้งปลุกไว้ 3 step สุดท้ายตื่นจริง 5.15 อาบน้ำแต่ไม่ได้สระผม ใช้เวลาอาบน้ำไปแค่ 3 นาที 14 วิ เรียกว่าเดินผ่านน้ำยังจะดีกว่า โคตรจะง่วงนอนเพราะเมื่อคืนกว่าจะวางแผนกว่าจะเริ่มเก็บของเสร็จก็ตี 2 กว่าจะพลิกตัวไปมาจินตนาอีกยาวๆ ถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 7.00 แวะ 7-11 กินเบอร์เกอร์ปลาชืดๆ กินไปเผื่อประหยัดตังค์ต้องจ่ายบนเครื่อง ใจนึงก็อยากินกะเพราไก่บนเครื่องแต่อีกใจก็กลัวคนข้างๆจะหิวตาม วันนี้ติดขัดที่สนามบินเรื่อง Check-in ของแอร์เอเชีย ปรินท์เอกสารที่เครื่องเช็คอิน Self-service ที่ตู้แต่เอกสารขึ้นให้ไปติดต่อที่เคาท์เตอร์เพื่อแสดงเอกสารการเดินทาง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอาจเป็นเพราะ Passport เราเล่มใหม่ เล่มเก่าพึ่งหมดอายุไป กว่าจะผ่าน Immigration แถวยาวมากมาย ยาวกว่าการต่อแถว ผัดไทยทิพย์สมัยซะอีก คือด้วยความรีบแอบปวดท้อง ขึ้นเครื่องปั๊ป เมื่อสุดเสียง Please Fasten your seat belt ผมก็หลับทันที
ในปี ค.ศ. 1968 อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ Lee Kuan Yew ได้มีแนวคิดในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เนื่องจากตอนนั้นสิงคโปร์มีต้นไม้เพียง 1 ล้านต้นเท่านั้น Lee Kuan Yew ได้ส่งเสริมให้มีเพื่อนที่สวนสาธารณะเพิ่มมากขึ้นและทำการบันทึกต้นไม้จัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบทุกปีไม่ให้เกิดการลักลอบตัดต้นไม้ เจ๋งมั้ยหล่ะ
พึ่งได้รับรางวัล World's Best Airport (Skytrax 2016) ไปหมาดๆ เจ๋งเนอะ
มาแล้ววว จุด Check-in ที่ 1 ของประเทศสิงคโปร์ "Kinetic Rain" หรือ "ฝนจลนศาสตร์"
สร้างขึ้นจากมวลหยดน้ำสีทองแดง 1,216 หยด จากการรวมตัวของหลายศิลปินและโปรแกรมเมอร์ ใช้เวลานับ 20 เดือน
เป็นการเคลื่อนไหวที่สวยงามมากๆ ใครเดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดูแน่นอน
อ่านข้อมูลและดูคลิปได้ที่ http://travel.mthai.com/world-travel/32487.html
แต่วันนี้ผมไม่ได้นั่ง MRT ครับไว้ลองขากลับ ขอลองนั่ง Taxi ดูหน่อย Let's go to China TownHostel ที่ 1 : Adler Hoste
Adler เป็น Luxury Hostel อันดับต้นๆของสิงคโปร์ (คิดว่าหรูที่สุด) ในประเทศไทยก็มี Luxury Hostel นะครับเพียง 3 ที่เท่านั้นเอง Adler ตั้งอยู่ในกลาง China Town เลย ตัวตึกเป็นอาคารโคโลเนียลสีขาว ตกแต่งสไตล์คลาสสิค ก่อนหน้านี้อาคารเคยเป็นโรงรับจำนำและเป็นโรงชามาก่อน โดยใช้เวลาปรับปรุงอาคารโดยใช้ช่างฝีมือตกแต่งประมาณ 18 เดือนก่อนจะกลายมาเป็นโฮสเทล เดินเข้ามาใน Lobby สวยงามจริงๆครับ
อยากดูกันแล้วชิมิ เดินไปชั้น 3 กันเลยครับ
ของผมเป็นเตียงชั้นสองครับ ที่นอนค่อนข้างใหญ่มาก มีหมอนสองใบ ผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนใช้วัสดุเกรดดีมากๆ เทียบเท่าโรงแรม 3-4 ดาวเลย แถมมีที่อุดหูให้ด้วยนะครับ ปลายเตียงมีช่องเก็บของสามารถตั้งรหัสเองได้ เตียงนุ่ม บินนอนสบายมากๆ
ไก่นิ่มมาก แต่เชื่อว่าหลายๆคนบอกว่าไม่อร่อย เพราะน้ำจิ้มไม่เด็ดเท่าเมืองไทย แต่ไก่นี่ฟินจริงๆ ไม่มีการใช้มีดตบให้แบนๆนะแกร
เป็นย่านที่ครึกครื้นๆมาก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมีร้านอาหารเรียงรายตลอดทาง อาหารก็หลากหลายน่าทาน
ใครเหงาๆลองมานั่งแถวนี้ เพลินเจริญอารมณ์
ตอนหาข้อมูลจากในเวบต่างๆก็นึกว่าธรรมดาๆ แต่พอมาเห็นของจริงวัดสวยดีนะครับ บนชั้นบนของวัดยังเป็นที่บรรจุพระสารีริกธาตุพระทนต์ของพระพุทธเจ้าไว้ในสถูปทองคำหนักกว่า 320 กิโลกรัม
วันที่ไปเที่ยวดันเป็นวันพิเศษเข้าฟรี แถมโหลด Application ของ Red Dot ยังได้หนังสือเล่มหนาๆ ดูดีกลับไปอีกด้วย
เล่มนี้คงหลายพัน
ขอตัวไปหาที่ ซุก-หัว-นอน คืนนี้ก่อนนะครับ
โดยครั้งนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ร้านชื่อดัง " Jumbo " เพื่อนชาวสิงคโปร์บอกว่าดังมากและรอเป็นชั่วโมง เพื่อนเลยได้จองคิวไว้ให้ครับ ห้ามสาย ห้ามเลท
แท่นแท๊น แท้นนนนนนนนน!
แพงมาก แต่ชีวิตนึงคงได้มาสิงคโปร์ไม่กี่ครั้ง เพื่อ Experience กลับไทยไปค่อยกินมาม่าต่อครับ
Tips : การทานอาหารที่ร้าน Jumbo แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะตลอดเวลาที่ทานคนมารอเยอะมากๆ บางรายรอเป็นชั่วโมง, ที่ Jumbo เมื่อเรานั่งแล้วพนักงานจะเอาผ้ามาคลุมกระเป๋าเราทั้งหมดให้ พร้อมผ้ากันเปื้อนผูกคอ กันน้ำปูกระเดน , พนักงานค่อนข้างคุยยากนิดหน่อยแนะนำให้อ่านเมนูและตัดสินใจตั้งแต่ทางเข้า ลังเลหรือถามมากอาจโดนเหวี่ยงด้วยสายตาได้ เนื่องจากร้านขายดีมาก มีเวลาจำกัดด้วยนะแกร
สรุปโดยรวม เป็น Experience ที่ตื่นเต้นดีครับในการได้ลองอาหารใหม่ๆ อาจจะแพงไปหน่อยแต่สักครั้งในชีวิต เที่ยวสิงคโปร์แนะนำว่าให้ทำการบ้านมานิดนึง คนที่นี่อาจจะใช้ชีวิตเร่งรีบทุกอย่างเป๊ะๆ ไม่ Slow Life เลยแก ระหว่างทานอยู่ผมอิ่มเร็วเลยอยากเดินออกไปถ่ายรูป ทั้งที่พี่สาวและน้องสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะ พนักงานที่กรูมากันตัวไม่ได้เดินออกเลย แอบงงนิดๆ สงสัยหน้าเหมือนโจรเค้าคิดว่าจะไม่จ่ายค่าปูแน่ๆเลย 555
แหล่งกินดื่มบรรยากาศสุดชิลที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านนั่งดื่มมากมาย ถึงไม่มาทานอาหารก็มานั่งชิลๆ ทำ MV ที่ริมน้ำก็ได้ เพราะตอนกลางคืนมีสีสัน มีดนตรีให้ฟังตลอด ที่นี่ห้ามพลาดเลยนะแกร
จุด Check-in ที่ 8 Ministry of Communications and Information Building
แปลเป็นไทยคือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นั่นเอง เดินจาก Clarke Quay มาไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง
เป็นตึกี่มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าต่างทาสีหลากหลายดูลายตา เห็นแล้วนึกถึงเพลง I Will Survive เลย (ทำไมว่ะ) ล้อเล่นนะครับ
ข้ามถนนไปยืนใต้ตึกและให้เพื่อนถ่ายจากอีกฝั่งตอนรถวิ่งไปมา น่าจะเกร๋ ชิคๆคูลๆไม่เบา
นิสัยแย่ๆของผมคือชอบลองทาน Starbucks ไม่ใช่เพราะดัจจริตแต่ว่า ผมเชื่อว่า Starbucks สามารถบ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ของประเทศนั้นๆได้ ด้วยทั้งการบริการ ด้วยรอยยิ้ม แต่ละประเทศไม่เหมือนกันเลยจริงๆ ราคากาแฟและแซนวิชในนี้ถือว่าพอๆกับข้างนอกเลยนะครับ ถ้ามาเที่ยวหลายวันและอยาก Play Safe การเข้า Starbucks ก็ไม่เลวนะ
ที่สิงค์โปร์เนื่องจากมีการวางแผนผังเมืองค่อนข้างดี มีทางมากมาย สะพานเยอะ และที่เยอะมากๆและน่า Check-in คือ อุโมงค์ลอดใต้สะพาน
จุด Check-in ที่ 9 อุโมงค์ลอดที่เต้มไปด้วยงานศิลปะ จากการที่อยู่ 3 วันเหมือนว่าจะได้ผ่านไปทั้งหมด 5 อทางลอด ซึ่งแต่ละอันมีการตกแต่งและศิลปะที่แตกต่างกัน บางที่มีคนมาเล่นดนตรีด้วย แถมพอรู้ว่าเราเป็นคนไทยยังดั้นร้องเพลงไทยของพี่เบริดให้ "สบาย สบาย ถูกใจก็คบกันไป" นี่ร้องแอ้วตรูใช่ม้ายวันนี้เราตั้งใจจะเดินไปดูโชวไฟที่ Marina Bay ครับ แต่ด้วยการเดินทางทั้งวัน หลงสิครับไกลเหลือเกิน
และบวกจากมิเตอร์อีก ซึ่งตอนนี้มีกันสามคนหารๆกันถูกครับ เพราะมาเที่ยวแค่ 3 วันอยากเที่ยวให้เยอะที่สุด บางทีอาจจำเป็นต้องซื้อเวลา "ไปครับ พี่สุชาติ" >> SUPERTREE GROVE ที่ Gardens By The Bay
เป็นจุด Check-in ที่มาสิงคโปร์แล้วพลาด กลับไปจะไปเล่าเพื่อนยังไงล่ะเหนี่ยเพราะที่นี่ก็เกือบๆกลายเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ไปแล้ว
จุด Check-in ที่ 9 Supertree Grove ต้นไม้ยักษ์ 18 ต้น เปิดบริการตั้งแต่ 5.00am - 2.00am เข้าฟรี
ช่วงที่ไปแล้วสวยสุด คือช่วงเวลา 19.45 หรือ 20.45 มีการแสดงโชว์ไฟด้วยครับ
ใครอยากลงขึ้นไปเดินสะพานบนต้นไม้ความยาว 128 เมตร สูงถึง 22 เมตรก็ลองได้นะ 8$
Info : สวนแนวตั้งที่อยู่บน Supertree 18 ต้น ใช้ต้นไม้จริงถึง 162,900 ต้น กว่า 200 สายพันธุ์
ที่ควร Check-in เป็นอย่างยิ่งเพราะนี่คือ อาคารที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ171พันล้านบาทไทย
ภายในเป็นโรงแรม, Casino ขนาดใหญ่ และยังมีโรงภาพยนตร์และเป็นรวมสถานที่ท่องเที่ยวไว้มากมาย
1. อาคารที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
2. ห้อง Casino ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีโต๊ะเล่นพนันมากถึง 500 โต๊ะ และ ตู้ slot machine 1,600 ตู้ น่าจะเมาไฟแน่นอน
3. สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Rooftop)
แอบแชะภาพข้างในมาฝาก ระหว่างเดินทะลุโรงแรมไปห้าง
อ่างน้ำวนของห้าง Marina Bay ออกแบบโดย Ned Kahn ศิลปินชื่อดัง จะมีช่วงปล่อยน้ำกลายเป็นกระแสน้ำวน เด๋วหารูปมาฝากนะครับ
Good Nightวันที่ 2 สนุกกว่าวันแรกมากๆ บอกเลย แอบไปดูรูปพลางๆได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/Suk-Hua-Non-215381432186732/ นะครับ
ที่ Adler มีที่ฝากกระเป๋าด้วยครับล๊อครหัสเรียบร้อยและวางทิ้งไว้ไปเที่ยวเด๋วค่อยมาเอาล่ะกัน เดินลงมาชั้นล่างที่ Adler มีอาหารเช้าให้ด้วย ถือว่าใช้ได้ พอหอมปากหอมคอ แต่ว่าเรามีแพลน นัดกับพี่สาวและน้องสาวที่นอนกับโรงแรมอื่นว่า เช้านี้เราจะไปกิน อาหารจีนกันบ้าง และร้านที่เราเลือกไปคือ " Yum Cha " คน Local ที่นี่บอกว่าอร่อยและไม่แพง และใกล้มากๆ เดินเข้า China Town เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาถึงล่ะ
จุด Check-in ที่ 12 มื้อติ่มซำร้านเด็ด ย่านไชน่าทาว
รวมมื้อนี้กินกัน 3 คน ประมาณ 1,100 บาท อิ่มและอร่อยมากๆ หารกันแล้วตกคนละ 366 บาท
Info : มีความรู้เกี่ยวกับร้านอาหารในเมืองสิงคโปร์มาฝาก หลายๆร้านไม่มีกระดาษทิชชู่ให้นะครับ ขอบ้างร้านก็ไม่ใช้ แต่บนโต๊ะจะมีผ้าเช็ดปากเช็ดมือในซองพลาสติกให้ สามารถใช้ได้ หรือถ้าคุณไม่ใช้ทางร้านก็จะคิดเงินรวมไปในบิลอยู่ดี เพราะฉะนั้นใช้เถอะ และ หลายร้านอาหารโดยเฉพาะร้านอาหารจีน มีถั่วลิสงตั้งไว้ให้ กินหรือไม่กินก็ต้องจ่ายอยู่ดี เลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นกินเถอะครับ
Next Station : Arab Street ไปจีนมาแล้วมาเมืองแขกบ้างครับ
Haji Lane เป็นซอยเล็กๆ ในย่าน Bugis ครับซึ่งตามตรอกซอกซอยจะมีการเพนทศิลปะ Street Art สวยงามมาก มีหลายศิลปินมาช่วยกันให้เป็นแหล่งศิลปะ ในซอยยังมีร้านค้าขายของน่ารักๆ ตกแต่งเก๋ๆเพียบ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่คนไทยมาเยอะที่สุด
Tip: แนะนำให้มาช่วงเวลา 14:00 เนื่องจากร้านอาหารยังไม่ค่อยเปิด คนไม่ค่อยเยอะ สามาถถ่ายรูปได้จุใจ และแสงกำลังดีด้วยครับ
จะได้ไม่เสียเวลา
Next Station : Little India
........
ใครชอบทานอาหารอินเดียบ้าง ยกมือขึ้น ลังเลอยู่นานว่าจะจัดหรือไม่จัดดี มาถึงที่แล้วลองดู
จุด Check-in ที่ 16 การเปิปอาหารอินเดีย ด้วยมือในสิงคโปร์ ที่ร้าน Banana Leaf เลือกร้านนี้เพราะคนต่อแถวยาว ฝรั่งเยอะ
น่าจะสะอาด ที่สำคัญแอร์เย็น เพราะก่อนบินมาสิงคโปร์ได้ไปโรงแรมนึงแล้วมีให้ทานอาหาร อินเดีย พอรู้จักอยู่บ้างเช่น chicken masala เลยสั่งมาลองดู สั่ง Lamp มาด้วย อร่อยมั้ย ต้องมาลุ้น. อาหารมาแล้วพร้อมกับใบตอง ดูแล้ว Amazing ตื่นเต้นมากๆ
ตอนนี้ฮิตกันมากหลังจากมีพี่คนนึงโพสใน Pantip ทำให้มีคนไปถ่ายรูปเยอะมากๆครับ แต่ก็สวยจริงๆครับเหมาะแก่การไปถ่ายรูป การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากเลยครับ เพียงนั่ง MRT ไปลงสถานี Dhoby Ghaut และเดินอีกนิดหน่อยก็ถึงและครับ หากเพื่อนๆคนไหนสนใจไปถ่ายรูป สามารถตามกระทู้พี่เค้าไปได้เลย อธิบายละเอียดมากๆ >> http://pantip.com/topic/34886451 ขอบคุณที่พาให้ผมได้ไปถ่ายรูปที่นี่ครับ
* ที่นี่ต้องเช่าผ้าเช็ดตัว 2$ นะครับ
อร่อยแต่ราคาหน่ะ แพงมาก แก้วล่ะ 17$ และ 18$ = 468 บาท/แก้ว โดยประมาณ เป็นค่าประสบการณ์ที่แสนแพง
Check-in 18 ประสบการณ์การทานอาหาร ต่างประเทศที่เราไม่รู้จัก เป็นการเปิด Experience ที่ตื่นเต้นมากๆ และได้ทานอาหารที่แปลกใหม่ ไม่จำเป้นว่าต้องทานมื้อแพงๆ ขอให้เป็นอะไรที่เราไม่เคยลองและกล้าที่จะเสี่ยงลองทานสักครั้งในชีวิต
มีใครอ่านอยู่บ้างครับ
-
-
ไปเก็บกระเป๋าเดินทางก่อนนะครับ เด๋วมาต่อครับCheck-in 19 : Merlion
(มาสิงคโปร์ถ้าไม่มีรูป Merlion กลับไปโม้ยากเลยนะแกรเพราะมันคือสัญลักษณ์ของการมาถึงสิงคโปร์)
Merlion ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964 – รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์
เดินถัดมาอีก
Check-in 20 : Jubilee Bridge & Esplanade
สะพานจูบิลี (Jubilee Bridge) ทางเดินเลียบริมน้ำของโครงการเอสพลานาด สะพานมีความยาว 220 เมตรนี้ใช้เงินทุนสร้างจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ และสามารถรองรับผู้คนได้มากถึง 2,000 คนเลยทีเดียวนะแกร
Check-in 21 : Art Science Museum
พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยศาสตร์ คนไทยเรียกติดปากว่าตึกดอกบัว มีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 21 แกลอรี่ เป็นตึกที่มีรูปทรงสวยงามตั้งเด่นมองเห็นแต่ไกลเลย
สะพานรูปเกลียวคู่แห่งแรกของโลก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างดีเอ็นเอของมนุษย์ มีความยาว 280 เมตร
Oxwell & Co. Ann Siang Hill
คำเตือน : ร้านนี้ที่น่าผิดหวังคือ Service Mind น่าผิดหวังมากๆ เราไปสองวันติด วันแรกอดเพราะปิดออเดอร์แล้ว วันที่สองตั้งใจเดินไกลมากเพื่อกลับมากินใหม่ คิดว่าพนักงานบางคนก็น่ารัก อาจจะซวยเจอคนที่ไม่ดี แต่อย่างไรก็ถามถ้าอยากลอง Cocktail เจ๋งๆ อย่าแคร์เรื่อง Bad Service ของเค้ามาก แต่ถ้าทนไม่ไหว เดินไปร้านอื่นดีกว่านะ !!พรุ่งนี้มีทริปด่วนต้องไปสมุยครับ รีวิวยังไม่เสร็จเลยเด๋วมาต่อนะครับ
วันนี้ก็จะเหลือเพียงผมอยู่คนเดียว แกงค์เราตัดสินใจมาปิดท้ายที่ Maxwell ครับ เพราะทั้งหมดที่ไปมา คิดว่า Maxwell ถูกและหลากหลายที่สุด
ขอสรุปความอร่อยของ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ไว้ดังนี้ แนะนำเพื่อนๆว่าอย่าคาดหวังไว้มากมายเกินไป เด๋วจะไม่อร่อย
ข้าวมันไก่สิงคโปร์ ได้รับอิทธิพลมาไหหลำ ความแตกต่างระหว่างข้าวมันไก่ของพี่ไทยคือ เมล็ดข้าวที่นี่จะนุ่มกว่า มีกลิ่นหอม แต่ไม่มันเหมือนข้าวมันไก่ไทย ส่วนเนื้อไก่ของที่นี่ จะนุ่ม ฉ่ำกว่าแถมมีน้ำราด On Top อีก ส่วนน้ำจิ้ม รสชาติอ่อนกว่าไทยเยอะ
ร้านที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็น Tian Tian เนื่องด้วย Story และคำบอกต่อแล้ว ร้านนี้ก็ยังเป็นที่หนึ่ง บวกด้วยระยะเวลาการต่อแถวที่ยาวนานแล้ว ทำให้ความหิวเพิ่มเท่าทวีคูณทำให้การทาน อรรถรสขึ้นมากมาย แต่หากไม่ได้อินกับ Story มากมาย และนำให้ไปร้าน Ah Tai รอไม่นาน คนขายก็ใจดี มีความอร่อยใกล้เคียงกัน หาข้อมูลเพิ่มเิตมได้ข่าวมาว่า Ah Tai เป็นพ่อครัวเก่าจากร้าน Tian Tian แยกออกมาเปิดร้านแยกนั่นเอง จึงมีความใกล้เคียงอยู่บ้าง จริงแท้ประการใดไม่ทราบ ต้องให้เพื่อนๆไปลองทานกันดูเองนะครับ ลาก่อน Maxwell
เป็น Galerry ที่เล่าเรื่องแผนผังและที่มาของเมืองสิงคโปร์ทั้งหมด เข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แอร์เย็นๆ เหมาะมากๆในการมาเที่ยว เพราะทำให้เราได้รู้ข้อมูลของสิงคโปร์มากยิ่งขึ้น ภายใน gallery มีแผนผังเมืองสิงคโปร์ให้เราดูทั้งหมด ถ้ามาวันแรกของการเดินทางเลย เราก็จะเดินทางในสิงคโปร์ง่ายยิ่งขึ้น ภายในก็มีการจัดแสดงวิวัฒนาการการจัดระเบียบผังเมืองของสิงคโปร์ ความรู้แน่นปึ๊กๆ สิงคโปร์พยายามรักษา Balance ของสิ่งต่างๆ ไม่กว่าเป้นสิ่งก่อสร้าง ชุมชนที่อาศัย ป่า และธรรมชาติให้มีสัดส่วนที่พอดีกัน เพื่อนๆหลายคนคงจะทราบแล้วว่าสิงคโปร์มีพื้นที่เล็กนิดเดียว รัฐบาลได้ทำการถมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจัดการแบ่งสัดส่วนผังเมืองอย่างเป็นระบบ ทำให้เมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ลองแวะไปดูครับ มีประโยชน์มากๆ
เป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนแรกที่ปกครองประเทศเป็นเวลาสามสิบปี ซึ่งพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558 นี่เอง
ใครอยากรู้จักหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปเอเชียคนนี้ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันดูนะครับ
ถนนที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า จุดสำคัญที่น่าไปถ่ายไป Check-in ตรงนี้เลยครับประตู ION Orchard จริงๆแล้วควรมาตอนกลางคืน ประตูและอาคารจะมีแสงสีสวยงามมากๆ นอกจากข้างนอกสวยแล้วภายในอาคารยังมีแหล่งชอปปิ้งมากมายซึ่งหลายร้าน ราคาถูกกว่าเมืองไทย สามารถมาเลือกชมกันได้ ตากแอร์เย็นๆครับ
คันไหนแพง ไม่แพง สังเกตุที่ค่า Flag Down หรือค่าเริ่มต้น Taxi ครับ คันนี้ 3.7$ ( 96 บาท )
มาถึงแล้ว โฮสเทลสุดท้ายของทริปนี้ครับ
" The Pod Boutique Capsule " เป็น Design Boutique Hotel ที่ดูทันสมัยแตกต่างจากโรงแรมที่อื่นๆในสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ด้วยของขนาดตู้นอนที่กว้าง ใช้ผ้าปูที่นอนปลอกหมอนสีเทา และด้วยการออกแบบที่สวยเรียบ ให้ความสำคัญเรื่องของแรงเลยทำให้น่านอนมากๆ และบวกกับห้องน้ำสะอาดมากๆ ใหญ่อลังการ ทำให้ The Pod เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ควรมาพักมากๆ
เป็น Gallery ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เริ่มเปิดบริการปีที่แล้วเอง วันที่ 24 พฤศจิกายน เป็น world's largest public collection of Singapore and Southeast Asian art ซึ่งมีงานศิลปะจัดแสดงทั้งหมดกว่า 8,000 ชิ้น ใช้เงินลงทุนไปทั้งหมดประมาณ $532 m. หรือประมาณ 13,832 ล้านบาท
สำหรับผมเองในทริปนี้อยากใช้เวลาสั้นๆลองชมศิลปะที่นี่ดูบ้าง เลยเสียค่าตั๋ว แต่เพื่อนๆที่ไม่สนใจงานศิลปะ อย่าพึ่งเบื่อนะ เด๋วผมจะพาเดินเที่ยวรอบๆตึกครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
ด้านล่างมีร้านกาแฟสวยๆ วิวดีๆ เพียบเลย
ดาดฟ้าของอ่างเก็บน้ำของเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ที่ได้รับรางวัล American Academy of Environmental Engineers and Scientists
เป็นโปรเจคที่ดังมากๆ
ตอนนี้ Marina Barrage เป็นจุดที่ตอนนี้มีนั่งท่องเที่ยวมานั่งดูพระอาทิตย์ตกเยอะมากๆจุดหนึ่งเลยทีเดียว
อาจจะไกลสักนิดแต่มาถึงแล้วคุ้มมากๆ วิวดี มาคนเดียว บรรยากาศโคตรเหงาเลย แต่อย่าได้เหงามากมาย เพราะมาถึงจะรู้ว่า ยังไม่คนเหงาที่มาคนเดียวอีกมากมาย
เราเจอที่นี่จาก คุณ High on Dreams http://pantip.com/topic/34546752
ส่วนวิธีการเดินทางแนะนำกระทู้นี้เลย ขอบคุณมากๆครับ http://pantip.com/topic/33998974
คราวๆคือ วิธีการเดินทาง : ลงสถานี Marina bay ทางออก B เดินข้ามถนน ขึ้นรถบัสสาย400
https://www.facebook.com/sukhuanon
Surfer's Holiday
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.54 น.