84ชั่วโมงติดพายุฝนบนผาหัวสิงห์

       สวัสดีครับวันนี้ผมก็จะมาเล่าประสบการณ์ใช้ชีวิตบนผาหัวสิงห์ระยะเวลา4วัน3คืนซึ่งเป็นวันที่17-20มิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่พายุเข้าโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวเเละการปรับเปลื่ยนเเผนการใช้ชีวิตภายใต้พายุฝนบนผาหัวสิงห์ สำหรับทริปนี้มีชื่อว่า  "wanderlust"  ซึ่งเดินทางกัน5คนซึ่งมี พี่บอย พี่ทูที พี่เบียร์ น้องเจมส์ เเล้วก็ผมสมพงษ์  ถ้าพร้อมเเล้วไปกันเลยยย


shutterA

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/shutterAday

instagram: https://www.instagram.com/aonfloor/?hl=th

~~ contact to work~~

🆔: aonfloor

📱: 0953182767

#shutterA #somphongfilm




สำหรับทริปนี้เราก็จะเเบ่งเป็น4วันอ่านยาวๆเลยครับผม

วันที่ 17 มิถุนายน 2563 (วันเเรกของการเดินทาง)


สำหรับการเดินทาง เราออกเดินทางเช้าตรู่ของวันที่ 17 มิถุนายน เวลาประมารณ 00.00น.ซึ่งได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆเเวะพักตามปั้มต่างๆ จนมาถึงผาหัวสิงห์เวลาประมารณช่วงเที่ยงกว่าๆเเละมีฝนรินบางๆพร้อมกับหมอกบางๆ เราเลยไม่รีรอที่จะรีบไปจับจองที่เพื่อกางเต็นท์ไว้เพราะกลัวว่าฝนจะตกหนัก

               วิวตอนมาถึงสวยงามหลอกตามากครับใครจะรู้ว่าเราต้องเจอพายุอีกไม่กี่ชั่วโมง
                                                                กางเต็นท์เสร็จเเล้ว5คน4หลังครับพร้อมอากาศเย็นๆ

                                      ช่วงที่กางเต็นท์อยู่นั้นก็มีลมเเละฝนรินมาเรื่อยๆเย็นๆนั่งสบายๆ

ผ่านมาสักพักลมก็เริ่มเเรงพร้อมกับฝน ไม่กี่ชั่วโมงก็เริ่มเละเเล้วครับ5555

เมื่อลมเเละฝนเริ่มเเรงเราทุกๆคนก็ต้องเข้าไปที่เต็นท์ตัวเองเพื่อความปลอดภัยครับ


นี้คือภาพช่วงที่ลมเเละฝนเริ่มเเรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมพัดหมอกมาปกคลุมบนยอดผาครับ
   พอถึงช่วงเย็นเวลาประมารณ5โมงกว่าๆพวกเราทั้ง5คนก็ต้องออกไปหาของกินข้างล่างผาหัวสิงห์กันครับโดยฝนยังคงตกเเละลมเเรงตลอดไม่ขาดสาย ก่อนไปผมก็คิดอยู่ในใจว่าลมเเรงขนาดนี้เเล้วเต็นท์จะไหวไหม555

พวกเราก็ออกมาหาอะไรกินช่วงเย็นครับเจอร้านหมูกระทะก็ไม่ลังเลที่จะเข้าเพราะพวกเราหิวกันมากๆพร้อมกับนั่งท่ามกลางพายุฝนเเละลมที่พัดผ่านบนยอดเขาพร้อมเสียงต้นไม้ที่ดังสนั่นราวกับว่ามันจะหักลงมา

หลังจากที่กินเสร็จพวกเราก็ถึงเวลากลับ พอกลับมาถึงทางขึ้นผมก็เจอเพื่อนๆท่านอื่นๆที่มาเที่ยวด้วยกันหลายๆคนวิ่งหอบเต็นท์ที่พังเเละเก็บข้าวของลงมาเเทบไม่ทัน ใจของผมนี้ตกไปอยู่ตาตุ่มเเละคิดในใจว่า เต็นท์ของเราไม่รอดเเน่ๆ พอขึ้นไปข้างบนนั้น เเละเห็นเต็นท์ตัวเองพังยับน้ำตาเเทบไหลเลยครับ555 จากนั้นเลยเก็บข้าวของไปนอนที่เต็นพี่เเละในช่วงดึกๆจากนั้นพวกเราก็ต้องตัดสินใจนอนก่อนเเล้วทิ้งข้าวของไว้กับเต็นท์ที่พังไปสองหลังเเล้วพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาเเก้ปัญหา จากที่พวกเรามากัน "5คนกับเต็นท์4หลัง ตอนนี้เหลือเเค่2หลัง" เเละนี้ก้คือจุดเริ่มต้นของพวกเราครับ




วันที่ 18 มิถุนายน 2563 (วันที่สอง)

เรามาดูสภาพจากพายุเข้าเมื่อวานกันครับจัดเต็มจัดหนักกันจริงๆ555

                                                                                      cr.รูปของพี่ๆที่ถ่ายไว้ครับ


       เช้านี้ตื่นมาพร้อมกับคำถามว่าจะเอายังไงดีกับเต็นท์ที่พังไปกับช่วงกลางดึกของเมื่อวาน?

ใช่ครับพวกเราเลยตกลงที่จะเเบ่งบันกันไปนอนกันโดย5คน2เต็นท์ ถ้าเป็นคนไทยล่ะมีน้ำใจเเน่นอน555 อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ได้ตั้งตัวกันเลยที่เดียวเเละวันนี้เป็นวันที่2 หลังจากพายุเข้าพวกเราเลยต้องมาเดินเก็บข้าวของให้ใหม่กันหมด โดยเสื้อผ้าของผมนั้นเปียกชื่นไปเกือบหมดเลยครับ พอเก็บเสร็จพวกเราเลยต้องมาวางเเผนตั้งเเคมป์ใหม่อีกรอบท่ามกลางพายุลมเเละฝนที่เปลื่ยนกันไปเป็นระยะๆเเละพักผ่อนกันครับ

ท่ามกลางสายฝนพวกเราก็ยังชิวๆใส่ชุดกันฝนนั่งกินลมชมวิวได้ครับ สตรองมาก55

เเละวันที่2นั้นเป็นวันที่พายุเข้าหนักอีกวันครับดูจากรูปเอาเลย พวกเราก็ได้เเต่นั่งอยู่ในเต็นท์บ้างเเละออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าง ใส่ชุดกันฝนก็เเทบจะกันละอองของสายฝนเเละหมอกไม่ได้สรุปก็คือเปียกเหมือนเดิมครับ ไม่เป็นไรพวกเรายังใจสู้ อากาศจะเเหน็บหนาวเเค่ไหน ลมจะเเรงเเค่ไหนเเค่มีเธอไปเราก็พอใจเเล้ว #เสียบ555 เข้าเรื่องต่อครับ สรุปก็คือวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยครับตกเย็นมาก็นอนท่ามกลางพายุฝนฟังเสียงลมที่ผ่านช่องเขาเเละเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นดินรอบๆเต็นท์เป็นอะไรที่อรรถรสมากๆครับเเละค่ำคืนของวันที่สองก็จบลงอย่างลงตัว.


วันที่ 19 มิถุนายน 2563 (วันที่สาม)


สำหรับวันที่สามนี้ยังคงมีลมเเละฝนสลับกันเป็นช่วงๆเเต่เบาบางลงจากสองวันเเรกเเล้วเเละทำให้เราได้เริ่มทำกิจกรรมเเคมป์ปิ้งของพวกเรานั้นคือการทำพื่นที่ไว้นั่งเล่นด้วยกัน พูดคุยพบปะกันเเละกินข้าวด้วยกัน


เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงลมก็หอบฝนเเละหมอกมาพร้อมๆกันเราก็ตากฝนอยู่กันสักพักเพื่อที่จะตั้งเเคมป์กันอาจจะมีตั้งเเล้วลมเเรงจนทำให้พังเเต่เราก็อดทนตั้งใหม่เเละรอบคอบกว่าเดิมเเละจนได้นั่งกัน

เเละกิจกรรมถัดไปของพวกเราคือการขุดดินให้ลึกลงเพื่อทำบันไดขึ้นลงให้ดีกว่าเดิมเพราะกลัวคนที่มาชมวิวในส่วนตรงนี้จะลื่นล้มกันเเละได้สร้างรั่วกั้นใหม่ให้เเข็งเเรงกว่าเดิมจากที่มันพังเพราะลม


เเละก็มาถึงช่วงบ่ายสามที่อากาศเย็นสบายๆเหมาะกับการนั่งชมวิวเเละถ่ายรูปเเล้วกินของอร่อยๆกันท่ามกลางบรรยากาศดีๆเเบบนี้เเละต้องขอบคุณพี่สงบด้วยครับที่เสียสละเป็นผู้ปิ้งย่างให้เราได้กินกันอย่างจุใจพอถึงช่วงเย็นๆเเล้วฝนก็เริ่มหยุดตกเเละลมยังคงพัดผ่านเรื่อยๆไม่เคยหยุดพอตกเย็นมาพวกเราก็ออกเดินเล่นเเละถ่ายรูปเล่นได้อยากบอกเลยวิวในช่วงเย็นในวันที่สามสวยมากๆครับชมคลื่นหมอกเเละอากาศดีๆ

ชมคลื่นหมอกไหลตัวอย่างสวยๆในช่วงเย็นๆกับบรรยากาศฟินๆ

เเละสำหรับคืนที่สามต้องลากันไปกับบรรยากาศช่วงกลางคืนที่พวกเราได้นั่งดูดาวเเละศึกษาเรื่องดาวจาก APP ในมือถือในช่วงกลางดึกของคืนนี้พร้อมกับนั่งกินขนมพูดคุยพบปะกันเล่าเรื่องต่างๆที่เราเคยพบเจอกันในช่วงของชีวิตเเต่ล่ะคนที่ต่างวัยกันออกไป ยกเว้นพบที่นั่งฟังอย่างเดียวราวกับว่าเป็นตัวประกอบของการมาเที่ยวสำหรับทริปนี้555 สำหรับคืนนี้ฝันดีครับ.


วันที่ 19 มิถุนายน 2563 (วันที่สาม)

สำหรับเช้าวันที่สี่เเล้วเป็นวันที่ทุกคนรอคอยคือวันที่อากาศเเจ่มใส่เเละมีเมฆปกคลุมเต็มท้องฟ้าเป็นวันที่พิเศษมากๆกับการรอคอยเวลานี้เป็นเวลา3วันเต็มๆที่จะได้ดูวิวสวยๆเเบบนี้อยากบอกว่าฟินสุดๆเลยครับ

สำหรับด้านบนก็จะมีพี่ๆกลุ่มหนึ่งกางอยู่บนเนินสุดครับบรรยากาศฟินมาก

สำหรับวันที่สี่ของการเดินทางมายังผาหัวสิงห์เเละพวกเราก็ต้องจบลงในช่วงเวลาเที่ยงๆพวกเราก็ต้องเก็บของกลับกันเเล้วครับอยากบอกว่าทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมากๆเลยครับผมจะเก็บไว้ในความทรงจำครับ


จบทริปเเล้วมาชมรูปบรรยากาศผาหัวสิงห์ตลอด4วันกันครับ




                                                       สุขคือการได้เเบ่งปัน


Wanderlust trip (ใช้ชีวิตบนผาหัวสิงห์ 4วัน)


ผมคิดว่าเป็นทริปที่ดีที่สุดของผมเลยก็ว่าได้เพราะมันเเตกต่างกับทริปอื่นๆของผม กับการเดินทางพักผ่อนในช่วงฤดูนี้ เป็นทริปที่มีความลำบากเเละเรียลมากๆกับการใช้ชีวิตเเคมป์ เป็นทริปที่หนักเเละสาหัสพอควรที่ใช้ชีวิตภายใต้ เเรงพายุมรสุมของลมเเละฝนตลอด 2วัน พวกเราเดินทางกันมา5คน มีเต็นท์ 4หลัง เเต่วันเเรกเนื่องจากพายุเข้า เต้นท์ล้มไปคืนแรก 2 หลัง 1ในเต็นท์นั้นเป็นของผม เเละนั้นคือจุดเริ่มต้นของทริปที่เหลือเต็นท์2หลังกับการใช้ชีวิต5คนบนเขากลางพายุผมมีความสุขมากๆในการใช้ชีวิตกับธรรมชาติจริงๆในทริปนี้ มันรู้สึกราวกับว่าเราได้ซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติ เเดด ลม ฝน หมอก พายุ ซึ่งได้เรียนกับรู้ธรรมชาติที่ห่างไกลกับการไม่มีคลื่นสัญญานมือถือ เรียนรู้การตั้งเเคมป์ที่ดีจากผู้มีประสบการณ์ในด้านนี้ เเม้การนอนจะไม่สบายเหมือนทุกครั้งไป ผมได้พูดคุยพบเจอผู้คนที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน จากที่เดียวกัน ได้เห็น รอยยิ้ม ความสุขของคนรอบๆข้างโดยจริงๆ เเละเราได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง จากความโดดเดี่ยวเเละความเหงา เรายิ้มได้โดยไม่รู้ตัวเเม้เราจะเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดในทริปเพราะชอบนั่งฟัง ถ้าเปรียบได้ก็เหมือนตัวประกอบในละครที่เเทบไม่มีบทพูด หลายๆวันที่เราอยู่นั้นได้สอนอะไรหลายๆอย่างในชีวิต รู้จักกับคำว่า"เเคมป์"มากขึ้น รู้จักเเก้ไขสถานการณ์ในครั้งที่มีปัญหาหรือล้มเหลว รู้จักการมีน้ำใจต่อผู้อื่น เรียนรู้ซึ่งกันเเละกัน ทุกคนมีความสุขสนุกกับทริปครั้งนี้โดยไม่มีคำว่า งาน ซึ่งเป็นการปลีกตัวออกจากสังคมเพื่อมาพักผ่อนท้ายที่สุดนี้การเดินทางครั้งนี้สอนให้ผมรู้จักสิ่งสำคัญต่างๆในชีวิตที่ทำให้เรามีความสุข ซึ่งการปลีกตัวมาหาธรรมชาติหลายๆครั้งของผมนั้น ไม่ใช่เเค่การเที่ยวเพื่อหาความสนุก เเต่มันคือการเที่ยวเพื่อหาความสงบ จากทริปนี้ผมได้ข้อคิดดีๆคือการออกเต็นท์ที่ดีเพื่อจะออกเดินทางทริปต่อไปครับ
ไว้เจอกันทริปหน้าครับ555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเเละดูการเดินทางของผมในครั้งนี้ครับ ไว้เจอกันในการเดินทางครั้งหน้าครับ

shutterA


Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/shutterAday

instagram:  https://www.instagram.com/aonfloor/?hl=th

~~ contact to work~~

🆔: aonfloor

📱: 0953182767

#shutterA #somphongfilm

 #travel #travelphotography#camping
#sony


shutterA

 วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.02 น.

ความคิดเห็น