สวัสดีครับทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกจากผมนะครับ จะมาแชร์ประสบการณ์เดินทางไปเที่ยวเกาะพะงันด้วยรถไฟ ตลอดทั้งทริป ว่ามันเป็นยังไง ? จากความรู้สึกเลยครับ

ทริปนี้จากอุบลราชธานี - สุราษฎร์ธานีนะครับ 18-24 เมษายน 2559 รวมๆ 7 วัน

ปิดเทอมใครๆก็อยากไปเที่ยวทะเล ทะเลคือ ที่ปลดปล่อยความเครียดที่เราประสบพบเจอมา ยอมรับว่าเป็นคนคิดมาก และมีความเครียดมาก การได้อยู่กับเพื่อนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดเลยครับ อยากเจอเพื่อนใหม่ๆ มิตรภาพดีๆ สีสันใหม่ๆของชีวิต เกาะพะงันจึงเป็นตัวเลือกของพวกเรา ที่เราจะนำมาแต่งเติมชีวิตเรา และรวมไปถึงการสร้างแรงบันดาลใจ ในการทำเรื่องๆดีดีด้วย เป็นเรื่องอะไรนั้น เดี๋ยวจะบอกทีหลังนะครับ 55

ที่มาของทริปรถไฟจะไปทะเล คือ ความประหยัด เหนือสิ่งใด ต้องประหยัดเงินไว้ใช้บนเกาะให้มากที่สุด (งบน้อยครับ 55) โอเคถือว่าเป็นประสบการณ์ละกัน กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้แบ่งปันประสบการณ์ที่พวกเราไปเจอมา อย่าคิดว่านั่งรถไฟจะลำบากอย่างเดียวนะครับ สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าลองมากๆในชีวิตของเรา ครั้งหนึ่ง ถือเป็นความอเมซิงอย่างหนึ่งเลยนะครับ ให้มันเป็น Story ใหม่ ใน Timeline ชีวิตเรา เอาล่ะเริ่มกันเลย!!!

18 เม.ย. 2559

เดินทางจากอุบลราชธานีไปกรุงเทพ ด้วยรถไฟฟรี ตามสไตล์คนประหยัด ฮ่าๆ ออกเวลา 08.45 น. ถึงกรุงเทพ 21.00 น. แต่เนื่องด้วยเป็นช่วงเทศกาล หรือหลังสงกรานต์ คนเดินทางเยอะมากๆ สิ่งที่ต้องทำ คือ จองตั๋วก่อนเดินทาง 5 วัน นะครับ อย่างผม ต้องเดินทาง 18 เมษา ต้องจองวันที่ 13 เมษา เพราะ ถ้าไม่จองจะไม่มีที่นั่งนะครับ มีตั๋วขึ้นรถไฟแต่ จะเป็นตั๋วยืน ยืน 13 ชม. ถึงกรุงเทพ ไม่ใช่เรื่องดีเลย

ความตื่นเต้นของวันนี้ทำให้นอนไม่หลับเลยมาถึงสถานีแต่เช้า กะนอนบนรถไฟชิลล์ๆ ลมเย็นๆ ใส่แว่นกันแดดนอน แต่หารู้ไม่ว่า...

คนเยอะมากๆเลยครับ นี่แหละครับคือตั๋วยืน คนที่จองก่อนจะมีเลขที่นั่ง และต้องนั่งตามเลขที่ ใครนั่งที่เรา เราก็ไปทวงเขาเลย เขาไม่ว่า ฮ่าๆ เรื่องนอนบนรถไฟ ก็ต้องอดทนหน่อยนะกับความร้อน จากอากาศ วันนั้นปาไป 40 องศากว่าๆ พร้อมกับคนแออัดมากๆ แต่ความเหนื่อยก็ทำให้เรานอนได้อยู่ดี

ความอเมซิงของรถไฟไทยคือ เหมือนรถไฟมีสายพานบุฟเฟ่ ยังไง ? 555 คือ มีแม่ค้าจากแต่ละสถานี เดินไปเดินมาเหมือนสายพานอาหาร และไม่ได้มีอาหารอย่างเดียว มีหลายอย่างมาก กลิ่นเตะจมูก บำเพ็ญตบะ จะอดอาหารบนรถไฟ ก็ยากเหลือเกิน หอมปิ้งไก่มาก 555 ก็ซื้อบ้างนิดหน่อย ราคาไม่แพงนะครับ รสชาติดีด้วย ของอย่างนี้ต้องลอง

สิ่งที่ให้การเดินทางรถไฟ เป็นประสบการณ์น่าลอง คือ วิวข้างทางครับ ถือเป็นรางวัลของความพยายาม

ขอโทษที่ถ่ายให้ดูไม่ได้เยอะครับ ล้ามาก และนั่งผิดฝั่ง นิดนึง อีกฝั่งเป็นเขื่อน จ.นครราชสีมา ไม่รู้ชื่อเขื่อนอะไรแต่สวยมาก ทำได้แต่มอง อยากลุกไปถ่ายมากเลยครับ แต่คนแน่นมาก

นี่คือสิ่งที่รอคอย การจะได้ถ่ายความโค้งของรถไฟ คิดถึงรถไฟของแฮรี่ พอตเตอร์เลย ที่จะมีฉากถ่ายมุมสูงของรถไฟ และมีวิวสวยๆ ข้างทาง เป็นการหาแรงบันดาลใจ ให้ตัวเองหายเหนื่อยนะครับ 55


สำหรับคนที่นั่งไฟฟรีสายอีสานไปกรุงเทพ เก็บเรี่ยวแรงและกำลังให้พอ แล้วมาดูวิวสวยๆ แถวๆ จังหวัด นครราชสีมา ลพบุรี สระบุรี ไปจนถึงกรุงเทพ สวยแน่นอนครับ คอนเฟิร์ม

21.00 น. และแล้วก็มาถึง สถานีปลายทาง คือ สถานีหัวลำโพง

ณ นาทีนี้ คือเหนื่อยมาก และต้องการห้องน้ำสุด เลยไปพักที่พัก แถวๆ หัวลำโพงนอน แล้วค่อยลุยวันต่อไป ต่อ ชื่อที่พัก train guesthouse ราคา 400 บาทเป็นห้องแอร์ แต่เป็นห้องน้ำรวม ไม่ใช่ปัญหาครับ 555 และก็ไปหาของกินแถวนั้น อาบน้ำ นอน รอขึ้นรถไฟรอบต่อไป

19 เม.ย. 59

08.05 น. ออกเดินทางด้วยรถไฟสาย กรุงเทพ-สุราษฏร์ธานี รอบนี้เป็นรถไฟปรับอากาศชั้นสอง ทำไมถึงไม่นั่งรถไฟฟรี ? เพราะไปอ่านกระทู้ ศึกษาข้อมูลมาเขาบอกว่า มันเต็มเร็ว กลัวจองไม่ทันเลย จองรถไฟปรับอากาศไปแทน กลัวไม่ได้ไปอะไรๆก็ยอม 555 ราคา 608 บาท เพิ่มอีกนิดหน่อยได้ไป เครื่องบิน แต่ไม่เลือกครับ เอาเงินส่วนต่างไปใช้บนเกาะดีกว่า (ยึดอุดมการณ์ ฮ่าๆ) ปล. ตั๋วรถไฟแบบเสียค่าใช้จ่าย สามารถจองได้ที่สถานีไหนก็ได้ครับ ผมก็จองที่อุบลเลย พร้อมมาก 555


ดูจากรูปแล้วอย่าพึ่งตัดสินว่ามันจะลำบากนะครับ มันเป็นรถไฟที่เหมือนรถบัสมากๆ แอร์เย็นมากๆ เกินคาดมาก

นั่งไปสังพัก ก็จะมีอาหารมาเสิร์ฟร้อนๆ เหมือนเขารู้ว่า เรายังไม่ทานข้าวเช้า 555

เป็นอาหารสำเร็จรูปของปุ้มปุ้ย มีกะเพราไก่ ไก่หวาน ข้าวสวย รสชาติตามสไตล์อาหารของปุ้มปุ้ยแหละครับ แอบคล้ายๆ หอยกระป๋อง รสชาติดี

นั่งไปสักพัก ก็หลับปุ๋ย ด้วยความเหนื่อย และอากาศเย็น พาร์ทนี้ไม่รูประหว่างทางนะครับ หลับปุ๋ย บวกกับ กระจกรถไฟมัว ถ่ายไม่ได้เลยครับ แต่ข้างทางเนี่ยเขียวขจีมาก เต็มไปด้วยต้นไม้ ไม่รู้ข้างนอกเย็นมั้ย แต่ข้างในเย็นมากๆ (อวยไปไหน 555)

17.40 น. ถึงสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่อำเภอ พุนพิน มาถึงก็เย็นแล้ว

เมื่อมาถึงก็ดิ่งไปที่ เค้าท์เตอร์ รถไฟ เพื่อจองตั๋วกลับ กรุงเทพไว้ก่อน เพื่อกันความเสี่ยงตกรถ 555 ราคาตั๋วก็ 398 บาท เป็นรถไฟชั้น 2 รถไฟอีกแล้ว คนอาจจะคิดว่าเราเป็นญาติกับจนท.รถไฟหรือ ทำไมต้องรถไฟ ตอบว่าไม่ได้เป็นครับ อยากประหยัดเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าข้างหน้าต้องจ่ายอะไรบ้างไง 555

จองเสร็จก็ต้องไปหาที่เดินเที่ยวชิวๆ เลยเลือกว่าจะไปท่าเรือเลย คงมีตลาดให้เราเดินเพลินๆ เนาะ เราก็เดินทางต่อด้วยรถ

รถตุ๊กๆ ขนาดใหญ่ ความรู้สึกคือ ตื่นเต้น เราบอกพี่เขาว่า จะไปท่าเรือบ้านดอน ซึ่งอยู่ในอำเภอเมือง ค่าโดยสารคนละ 100 บาท เย็นสบายผมเย็นสบายหัวมากมากเลยครับ 555

ถามว่ามาถึงเย็นขนาดนี้ จะไปเกาะยังไง จะมีรอบเรือไปเกาะหรอ ? ต้องเช่าที่พักนอนบนสุราษฎร์มั้ย ตอบว่า พักก็ได้ครับ แต่ก็มีอีกวิธีนึงที่ประหยัดดี คือ

เรือนอน ประสบการณ์ใหม่ที่อยากให้สัมผัส เราไม่ต้องเช่าที่พักนอน แล้วเดินทางตอนเช้า เราเดินทางได้ตอน 23.00 น. และไปถึงเกาะ 6.00 เช้า ประหยัดไปอีก ราคาค่าตั๋ว 400 บาท เราจะได้ทั้งที่นอน และ พาหนะเดินทางไปเกาะ


นี่คือภายในของเรือนอน ข้างในจะเป็นที่นอนเรียงกันไม่มีเลขที่ นอนไหนก็ได้จับจองเลย ตอนเดินขึ้นเรือ ก็คิดในใจว่า มันไม่เลวเลย น่าตื่นเต้นซะด้วยซ้ำ เหมือนออกค่ายลูกเสือ มีชูชีพให้เรียบร้อย อุ่นใจขึ้นมาระดับหนึ่ง

*** ทุกคนคงสงสัยกับการบรรยายภาพ ว่าทำไม ความบันเทิงถึง เป็น น้ำจิ้มนำเข้าจากต่างประเทศ และ บรรยากาศ เป็น เรือไททานิค รอเฉลย นะครับ 555

หิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ ตลาดยามเย็นบริเวณท่าเรือก็มีนะครับ บรรยากาศดีมาก

ไปไหนดี อยากไปสำรวจทุกทางเลย : )

เดินผ่านร้านขายของหวานนี้ สะดุดตามาก คนเยอะมาก มีการจับบัตรคิวด้วย ใครมาตรงนี้ต้องลองนะครับ เพื่อนผม ไปลองแล้วบอกว่า อร่อยมาก ชื่อร้านป้ายาขนมหวาน ถ้วยละ 20 บาทเอง ดูสีท้องฟ้าครับอลังการมาก



ลานทานอาหาร วิวดี อากาศเย็น ฟินไป

ได้เวลาเฉลยแล้วว่า ทำไมระดับความบันเทิงถึงเป็น น้ำจิ้มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ นี่ตั้งขึ้นมาเองจากความรู้สึก เรือนอนไม่ได้รู้สึกหวาดเสียวเวลานั่ง แต่ให้ความความตื่นเต้นอยู่ เรือค่อยๆออกอย่างช้าๆ เรื่อยๆ นำเข้าจากต่างประเทศคือ บนเรือมีผู้โดยสารเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ คนไทยแทบจะไม่มีเลย ดังนั้น เราจึงตื่นเต้นแบบ เล็กๆน้อยๆ ที่ได้อยู่กับชาวต่างชาติ (ไม่ได้ตื่นเต้นกับเรือเลย 555)

รู้สึกเหมือนเป็นคนต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศ 555 เพราะมีคนไทยแค่กลุ่มพวกผม 7 คนเท่านั้น เรือจุได้เยอะมากๆเลยมี 2 ชั้น

บรรยากาศ ทำไมเป็นเรือไททานิค คือ อากาศเย็นมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมีแจ็คกับโรสอยู่ในเรือ เว่อไปมะ 555 แหมผม นี่เปิด my heart will go on ฟังเลย สร้างเรื่องราวให้ตัวเอง ฮ่าๆ

นั่งเรือไปสักพักฝรั่งก็เกาะกลุ่มกัน พูด เสียงดังมากๆ นอนไม่หลับ พยายามฟังก็ไม่รู้เรื่อง มีความเผือก 55 ถือเป็นการฝึกการฟังไปด้วย แล้วก็แยกย้ายกันนอน นอนหลับสบายมากครับ คอนเฟิร์ม อยากให้ลองจัง

20 เม.ย. 59

6.20 น. และแล้วเราก็ถึง เกาะพะงัน อันเป็นจุดมุ่งหมายของเราแล้ว ที่ท่าเทียบเรือท้องศาลา ตื่นเต้นจัง

จากนั้นเราก็ไม่รีรอ เดินทางไปที่พัก ด้วยรถแท็กซี่

ได้ยินไม่ผิดครับ รถโดยสารที่นี่เขาเรียกแท็กซี่ทั้งนั้น แหละ ไม่จำเป็นต้องเป็นรถสีเหลืองมีป้าย Taxi meter ก็เป็นได้ครับ ใช้เรียกรถรับส่งจะได้ง่ายๆ ราคา 250 บาท ต่อเหลือ 220 บาทเข้าบอกว่าช่วงเช้า (05.00-6.00) จะแพงกว่า ช่วงกลางวัน ไม่รู้ทำไม แต่ใจจริงอยากเช้ามอไซค์จากท้องศาลาแล้วขับไปที่พักเอง จะได้ประหยัด แต่พี่ติ๊กคนขายตั๋วเรือบอกว่า เช่าที่รีสอร์ทดีกว่า เขาจะดูแลรถให้เราด้วย และอีกอย่างทางมันชัน เราไม่รู้จักที่พักด้วย จะไปถูกได้ไง เลยตัดสินใจไปแท็กซี่

ลืมบอกไปว่า ที่พักผมอยู่ ใกล้หาดยาว และหาดสลัด

ห่างจากท่าเทียบเรือท้องศาลาประมาณ 10 กม. และ ห่างจากหาดริ้นสถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้ ประมาณ 21 กม. นี่แหละครับจองที่พักช้า เลยเต็มหมด ที่จริงอยากพักที่ท้องศาลาเลย คนคึกคักดี และใกล้แหล่งอาหาร แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับฉัน : )

และแล้วก็มาถึงที่พัก ที่เราจอง ชื่อ Lucky Resort จองไว้ 2 คืน ราคา ไม่แพงครับ 2 คืน ราคา 450 บาท วิวสวย สงบ หายเหนื่อยเลย 555

ราคาเล็กๆ แต่มีสระว่ายน้ำด้วยนะครับ

จองตรงนี้นะครับ จะใส่ Headphone ฟังเพลงแนวทะเลๆ ตรงนี้ ตกดึกก็มานอนฟัง EDM ครับ 555

ได้เวลาสำรวจบริเวณรอบๆ ที่พักละครับ

เป็นโขดหินเยอะ น้ำใสมากๆ บรรยากาศดี อยากเอาเบียร์มานั่งกิน ทิ้งความทุกข์ลงตรงนี้

ใกล้ๆ รีสอร์ท เดินลงไปเรื่อยๆ จะเห็นหาดเทียน หาดเล็กๆ ใกล้รีสอร์ทมาก แต่ทางลงชันมาก จนเกือบมีเรื่อง TT ...

ถึงที่พักยังไม่ได้เช็คอินเลย ตื่นเต้น เลยลงไปสำรวจทะเลก่อน จากนั้นก็เดินขึ้นมาเช็คอิน ซึ่งผมจองที่พักผ่านเว็บ sawasdee.com จอง 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกตอนไปเกาะช้าง จองเว็บนี้เพราะสะดวกดี โอนเงินที่เซเว่นได้ (สำหรับคนไม่มีบัตรเครดิตครับ) เวลามีปัญหาจะมี call center โทรมาตาม เช่น ที่พักจองได้ 2 ห้องนะคะ อะไรแบบนี้ บริการการน่าพอใจดีครับ

เอาล่ะ ไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่า ต้องใช้ชีวิตบนเกาะให้คุ้ม เลยไปเช่ามอเตอ์ไซค์ สำหรับแว๊นรอบเกาะ ราคาก็ 200 บาท ต่อวัน เช่า 2 วันครับ คือวันที่ 20 และ 21 ซึ่งเป็นวัน full moon เช่าตอนไหนคืนตอนนั้น นับไปอีก 2 วัน ก่อนจะเอารถออกไปแว๊น ก็มีการเช็คสภาพรถ ว่ามีตำหนิที่ไหนบ้าง ตอนส่งคืนต้องไม่มีรอยเพิ่มนะครับ เห็นเจ้าของที่พักบอกว่า ปรับเป็นหมื่น โอ้ย กว่าผมจะมานี่ก็หมดไปเยอะละ ไม่ขอเอารอยมาใส่เพิ่มหรอกครับ เกรงใจ 555

มอเตอร์ไซค์ คือ อะไรที่ Extreme สุดติ่งบนเกาะนี้แล้วล่ะครับ เปรียบเสมือนเครื่องเล่นในสวนสนุก เพราะเรา จะต้องไปเจอ โค้ง ทางชัน ทางลงเขา อะไรต่างๆนานา แบบขับรถอยู่แล้วเจอรถขับสวนมาในทางโค้ง แทบอยากเอามือทาบอกแล้วอุทาน แรงๆ อิเห้ มันส์ ไปเกาะแบบนี้ มอเตอร์ไซค์คือสิ่งที่ประหยัดที่สุดสำหรับการสำรวจเกาะ และ มีความบันเทิงที่สุด ทั้งวิวที่สวยงามน่ามอง และ ผู้คนข้างทาง 555 แต่อย่าเหล่มากนะครับ เดี๋ยวเกิดอันตรายได้ 5555

เอาล่ะออกไปหาอะไรกินกันเถอะ อยากกินอาหารไทย อร่อยๆ บนเกาะ แต่ต้องเติมน้ำมันก่อน น้ำมันหาได้ไม่ยาก ที่ทุกหย่อมบนเกาะเลยครับ แต่แนะนำให้เติมที่ปั้มดีกว่า จะได้ราคาที่ถูกกว่า มีทั้งปั้มบางจาก และ ปตท. หูย บริการครบครันมากบนเกาะนี้ ขี่ไปเรื่อยๆปรากฎว่า ไปลงเอยที่เซเว่น -_- ก็ไม่เป็นไรประหยัดดี แต่สุดท้ายก็ไม่ประหยัดอยู่ดี 555 เซเว่นที่นี้บวกราคาเพิ่มจากบ้านเรานะครับ 3 บาท 5 บาทก็ว่าไป

ไปแว๊นต่อแล้วเอาข้าวอยู่เซเว่น ไปหาหาที่นั่งกินฟังเสียงลม ใบไม้ปลิว แล้วก็มาหยุดที่ตรงนี้ ตามรอยเทยเที่ยวไทย ตอน 232 เลย บังเอิญเทปนี้ออกก่อนมาเที่ยวพอดี how good : )

ที่นี่คือท้องศาลา นั่นเอง จะมีเรือ ลำนึงจอดอยู่ ใครมาถึงนี่ คงต้องคว้ากล้องมาถ่ายทุกราย

ท้องศาลาเหมือนเป็นจุดเชื่อมไปยังเกาะต่างๆ อาทิ เช่น เกาะเต่า-เกาะนางยวน เกาะสมุย และท่าเรือดอนสัก ที่เป็นท่าเรือเฟอร์รี่ มายังเกาะ และเป็นที่ที่จองเรือด้วย ใครจะไปเกาะเต่า เกาะสมุย และท่าเรือดอนสัก ก็มาจองที่นี่นะครับ

นี่เรือมาอีกลำแล้ว

10.00 น. กินข้าว(เช้า) เสร็จแล้ว ไปหาเที่ยวต่อดีกว่า ขับเล่นไปมา ไม่รู้จะไปไหน ยังไม่รู้จักทาง เลยตัดสินใจไปหาดริ้นละกัน เซอร์เวย์ฟูลมูลปาร์ตี้ก่อนละกัน

ทางไปหาดริ้น มหาโหดมาก ทางชันมาก ตอนขึ้น ไม่กลัว แต่ตอนลง ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ภาวนาให้ไม่มีรถสวนทางมา ใครจะไปต้องขับรถระวังหน่อยนะครับ ให้คน สายตาดีดี ขับรถแข็งๆ ขับ ขับช้าๆ ไม่ต้องรีบ เพราะวิวดี 555 แล้วอย่าลืมใส่หมวกกันน็อคด้วย เพราะบนเกาะมีตำรวจ

ถึงแล้วครับ หาดริ้น ชายหาดขาว น้ำใส (แต่ไปไม่ถูกเวลา ฮ่าๆ)

ไม่ถูกยังไง ? ไม่ถูกเพราะเราไปเร็วเกินไป จากภาพที่เห็นคนคึกครื้นๆ แบบคนอื่นรีวิว ผู้คนกลับบางตา เหมือนเขายังไม่มาเกาะพะงันกันด้วยซ้ำ หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ อะไรไม่รู้

หาดริ้นเป็นหาดรูปเสี้ยวพระจันทร์ มีพื้นที่หาดกว้างมากๆ ที่พักหนาแน่น เพราะเป็นสถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้ ที่พักหาดนี้ ต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน เพราะชาวต่างชาติเขาจองกันเยอะ และอีกเงื่อนไขหนึ่งคือ ต้องจอง 3 คืนขึ้นไป ราคาที่พักค่อนข้างสูง ในช่วงจัดฟูลมูน มีร้านค้ามากมาย มีร้านค้าเสื้อผ้า ที่สกรีนตัวอีกษรฟูลมูลปาร์ตี้ เรท 2 ราคา คือ ราคาชาวต่างชาติ และราคาคนไทย

ไม่นึกว่าหาดริ้นจะเงียบขนาดนี้ พูดจริงๆ วันจริง คงคึกคักแหละเนาะ

15.00 น. หลังจากกลับไปเติมพลังที่ที่พัก เราก็มาที่ หาดยาว ใกล้ๆกับที่พักเรา เป็นหาดที่มีความยาวมาก สมชื่อเลย เป็นหาดที่ประทับใจมาก ชายหาดมีความขาว สะอาด ทรายละเอียดเหมือนแป้ง จนต้องถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นดิน

อากาศร้อนนะแต่มีลมทะเลพัดกระทบตัวเรา ทำให้หักลบกันได้ ถือว่าเย็นสบาย เงียบสงบ เหมาะแก่การถ่ายภาพ และเดินเรียบชายหาด

ถามว่าน้ำทะเลใสมั้ย ? ใสมากๆครับ ใสจนเห็น........ ปลิงทะเล เฮือกก ตัวมันใหญ่มากๆเลยคุณ มันขดตัวอยู่ในทะเล ตามโขดหิน ไอ้เรา เป็นคนกลัวปลิง วิ่งขึ้นจากน้ำทะเลแทบไม่ทัน TT แต่ไม่อันตรายนะครับ ไม่ต้องกลัว สิ่งที่ต้องระวังคือเม่นทะเลมากกว่า หนามมันตำเราละจะปวด แต่ใช่ว่าจะเล่นน้ำทะเลไม่ได้ น้ำมันใสมากๆ จนมองเห็นพวกมัน ก็เลี่ยงๆเอาครับ มาทะเลต้องเล่นน้ำทะเลสิ : ) ปล.ไม่ได้ถ่ายความน่ารักของเจ้าปลิงมา ใครอยากรู้ไปสัมผัสด้วยเท้าตัวเอง ดีที่สุดครับ 555555

เอาล่ะกลับดีที่พักดีกว่า เตรียมตัวมาเล่นน้ำอย่างจริงจัง เอาล่ะ เรามาดูทางกลับที่พักเราดีกว่า

แทแด่ม สวยไม่ใช่ย่อย น่านั่งดูอาทิตย์ตกดินที่สุด

ความชันของที่นี่

ดูด้วยตาไม่รู้สึก ใช่มั้ย คุณต้อง จับมอเตอร์ไซค์แว๊นลงดู เสียววาบ สะท้านเอ็นขา เลยทีเดียว

ที่นี่แหละที่ ทำให้เรา เกือบ..... ตกเขา เพราะถนนมันลื่น TT 555 ดีนะเราขับช้า แต่เท้าเนี่ย เป็นรอยถลอกเลย ไม่เป็นไรยังดีที่ไม่เป็นไร เตรียมตัวลุยทะเลต่อครับ และที่ต่อไป ที่ที่เราจะต้องไปดูให้ได้คือ

17.00 น. เดินทางมา หาดแม่หาด อยู่ไม่ไกลจากหาดสลัดมาก และไม่ไกลจากที่พักเรา ตอนเย็นจะมีทะเลแหวก ให้เราไปชื่นชมความอเมซิง

สังเกตตั้งแต่มา ทำไมไม่มี banana boat เลย มีแต่ banana eggs O_o ไม่มีภาพ เพราะ ถ่ายไม่ทัน เอ้ย ไม่ควรถ่ายนะครับ 5555 เราขับมอไซค์มารถแทบล้ม ไม่ได้ตั้งใจมองเล้ยย เสียสมาธิอย่างแรง 55

หาดแม่หาดจะมีทางเดินแหวกไปสู่เกาะม้า เกาะเล็กๆ

ทางเดินไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบ แต่โรยด้วยเศษปะการัง เจ็บเท้ามาก ทางเดินไปเกาะม้า ทรายไม่ละเอียดนะครับ แค่น้ำใสครับ ผู้คนให้ความสนใจมาก อากาศเย็นสบ๊าย

นี่เป็นบรรยากาศที่พักของหาดนี้ครับ ร่มรื่น น่าพัก บริเวณที่พักทรายขาวละเอียดมาก เป็นหาดที่สงบมากๆ น่ามานั่งทานข้าว

ทรายละเอียดมากครับ มีการปลูกต้นไม้ ด้วย ในอนาคตจะเป็นร่มเงา ให้เรามานั่งพักผ่อนนะครับ

มีป้ายเตือน แมงกะพรุนกล่อง และแมงกะพรุนไฟ ด้วยครับ สำหรับคนที่ไม่รู้คือ ปีที่แล้ว มีคนโดนพิษของแมงกะพรุนกล่องเสียชีวิต ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ จึงทำป้ายเตือนให้ระวัง และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น อยู่บริเวณหาด

จากนั้นก็กลับมาที่หาดยาวเช่นเดิม ประทับใจในความใส สะอาดมาก เลยมาลงเล่นน้ำบริเวณนี้ โดยให้เพื่อนคอยเป็นหูเป็นตา ระวังปลิงให้ 5555 เห้อ ไม่อยากกลับที่พักเลยย

พระอาทิตย์ตกดิน ช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาดกว่าจะเล่นน้ำเสร็จ ก็มืดแล้ว กลับที่พักไปอาบน้ำหาของกินดีกว่า

20.30 น. กินอะไร ที่ไหน ยังไง ? แนะนำให้ไปหาของกินตอนค่ำที่ท้องศาลาเลยครับ มีร้านค้ามากมาย อาหารไทยเยอะแยะ ราคาไม่แพงมาก เป็นคล้ายๆตลาดขายของกินเล็กๆ ชาวต่างชาติไปกินกันเยอะมาก

ตลาดที่ว่า ชื่อ ตลาดพันธ์ทิพย์ อยู่บริเวณ ท้องศาลา ผู้คนคึกคัก

ใครเงินหมด กดตู้ ATM ได้ทุกเมื่อครับ มีทั่วเกาะ เหมือนเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับที่นี่ 555

ไปดูข้างในตลาดกัน

อาหารไทยก็มี ทุกอย่าง 50 บาท ประหยัดๆ เพื่อนตัดพ้อว่า มาทะเลไม่กินอาหารทะเล ขอโทษทีเพื่อน เราต้องประหยัดนะ พรุ่งนี้เราต้องใช้เยอะ 555

คืนนี้ก็จัดการซ้อมคอ เอ๊ย กินลม ชมจันทร์ กันที่ริมสระน้ำของที่พัก ปาร์ตี้เล็กๆ ภายใต้แสงเทียน แสงเทียนรีสอร์ทไม่ได้เป็นคนจุด แต่เพื่อนซื้อมาจุดเอง เพื่อนมีความครีเอท แล้วก็นั่งฟังเพลงไปชิลล์ๆ ตอนดึกๆ มีแอบเล่นน้ำด้วย เพื่อนบอกเดี๋ยวไม่คุ้มค่าที่พัก เออ เราก็กระโดดตู้มลงไปเลย ฮ่าา หลังจากนี้ก็แยกย้ายไปนอน เตรียมพร้อมสำหรับคืนจริง

21 เม.ย. 59

12.40 น. มาที่หาดสลัด ที่ติ๊กคนที่ขายตั๋วบอกว่าเป็นหาดโรแมนติก

เราเชื่อว่าโรแมนติกจริงนะ ด้วยบรรยากาศ และความสงบ ทิวสน และที่พัก มันชวนมาสวีทกันอ่ะ แต่เราไม่รู้สึกโรแมนติก เพราะเรามาเป็นกลุ่ม อย่างนี้ต้องหาคู่มาสวีทกันสองต่อสองแล้ว ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต (คืนนี้ 555 ) ละกัน ช่างเหอะ ตอนนี้เรารู้สึกแค่ว่า สวย ทรายขาว น้ำใส อากาศดี และที่พักน่าอยู่ อยากกระโดดน้ำแล้ว ใสเว่อ

รีวิวความละเอียดของทราย นุ่มทีนมาก

น้ำใสกว่าหาดยาวซะอีก ปลิงทะเลก็เช่นกัน คนขายบอก ปลิงไม่เป็นไร เม่นทะเลอย่าไปเหยียบมันเด้อ (คนบ้านเดียวกัน) 555 อยากเอาหน้าไปมุดน้ำให้รู้แล้วรู้รอดเลย

ก่อนมาเพื่อนแชร์ สเตตัส อยากมานั่งโง่ๆ อยู่ริมทะเล ได้เห็นเพื่อนทำตามความฝันแล้วรู้สึกดีใจด้วย 555

ขากลับไปที่พัก ขอแชะรูปวิวข้างทางดีกว่า

ทางลงเขานี้ ดูในรูปภาพยังไงก็ไม่รู้สึกน่ากลัว ต้องไปขับจริงๆ

ก่อนไปคืนฟูลมูล ก็ลงไปว่ายน้ำเล่นในสระซะก่อน จะได้คุ้ม แล้วค่อยแต่งตัวไป กะจะใส่ชุดที่ตัวเองเตรียมมาเท่านั้นจะไม่มีการซื้อเพิ่ม ประหยัดเงิน ประหยัดเงิน ท่องไว้

พระอาทิตย์ตกดิน ที่รีสอร์ท สวยมาก ระหว่างรอไปฟูลมูน เพื่อนถ่ายนะครับ

คนดูแลที่พักบอกว่าถ้าจะไปฟูลมูล ให้เดินไปบอกก่อนว่าจะเอารถอะไรไป เราก็เดินไปบอกว่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไป แต่แกก็เตือนเราว่า อย่าเอาไปเลย ทางมันชันมาก แล้วแท็กซี่มันก็ทำเวลา เคยมีคนขาหัก รถพัง ต้องเสียค่าบำรุงเป็นหลักหมื่นเลยนะ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทางฝ่ายเราก็ลังเลมาก ถ้าจ้างแท็กซี่ก็ 200 บาท ไปกลับรวมเป็น 400 บาท แพงจังเลย แต่ว่าปลอดภัย จะเอายังไง เราก็วางแผนตั้งแต่มาแล้วแหละว่าจะเอามอไซค์ไปประหยัดค่าเดินทาง ถ้าอันตรายก็ไปตั้งแต่หัวค่ำเอา ด้วยความงก จึงตัดสินใจเอารถไป ขับรถระมัดระวังเอาประมาณ 20.30 เราก็มาถึงหาดริ้น ด้วยความปลอดภัย ช่วงนี้รถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ พอมาถึง เพื่อนก็ต่างพากันเข้าร้านเสื้อ พวกมันซื้อเสื้อกันหมดทุกคนเลย เห้ย ทำไมเหลือเราคนเดียววะ สุดท้ายก็ได้เสื้อกับพวกมัน เฮ้อ TT ถือว่าเป็นของที่ระลึกละกัน

จากนั้นก็ไปหาที่จอดรถ ได้ที่จอดข้างเซเว่น ค่าจอดรถ 50 บาท หาา แพงจังเลย เพื่อนก็ต่อๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ เอาล่ะ ไปหาข้าวกินกันดีกว่าข้าวเนี่ยไม่ใช่ที่ไหน เซเว่นนี่แหละครับ คนยาวเหยียดมาก

หูย เสียงดนตรีดึงดูดใจละ ก่อนเข้าไปก็เพ้นต์ตัว ที่หน้างานมีร้านเพ้นต์ตัว แต่เรางก เลยซื้อสีมาเพ้นต์เอง ออกตังค์ช่วยกัน

ราคาเครื่องดื่มในงานแพงกว่าข้างนอกงาน เราเลยใช้วิธี ซื้อถังในเซเว่น 20 บาท เหมือนเป็นถังที่ใช้เล่นสงกรานต์ แล้วซื้อเบียร์ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ใส่ถัง แล้วซื้อน้ำแข็งถุงละ 8 ใส่ ประหยัดดี ราคาไม่แพง ลองดูนะครับ

ก่อนจะเข้าไปมั่ว เอ้ย เข้าไปเต้น ก็มีค่าใช้จ่าย 100 บาท ค่าเข้างานครับ

**ภาพที่ปรากฏต่อไปนี้คือภาพจากมือถือนะครับ ขออภัยในความไม่ชัด ด้วย ไม่ได้เอากล้อง DSLR เพราะกลัวเป็นอุปสรรคต่อการเต้น 555

รูปนี้เป็นไฟที่อยู่บนเวที ไม่ได้ใช้กล้องซูมไปนะ ขึ้นไปบนเวทีเลย 5555 มาทั้งทีต้องคุ้ม

มุมมองจากบนเวที

มันไม่ค่อยชัด แต่ในความไม่ชัด อยากให้มองลึกๆ ว่าตอนถ่าย เวทีสั่น 555 ไม่รู้ว่ามันส์ แค่ไหนแหละจินตนาการเอานะครับ

เดินไปเรื่อยๆจะมี activities หลายอย่าง อาทิเช่น

ตอนศึกษาข้อมูลกะว่าจะมากระโดเชือกไฟนี้ให้ได้ เพราะตัวเองชอบความท้าทาย แต่เพื่อนก็ห้ามไว้ กลัวเราเจ็บ ได้แต่ยืนมอง กระซิกๆ TT

แล้วก็มีรูดเสา กับสไลเดอร์ ปีนโครงเหล็ก อันหลังนี้เป็นความพยายามหา ความท้าท้ายของฝรั่งเอง สุดท้ายก็ถูกเจ้าบ้านไล่ลงมา 555


สิ่งที่สังเกต

1. พะงันไม่ได้มีเวทีเดียว มีดนตรีหลายประเภทมาก เช่น ร็อค ป๊อบ EDM ละติน แล้วแต่ความชอบ ส่วนตัวผมไปสิงอยูาเวที EDM เพราะรู้จักเพลงพวกนี้มากกว่ากว่าแนวอื่นๆ

2. เหล้าในงานแพง ซื้อข้างนอกถูกกว่า

3. รองเท้าคืออุปสรรคต่อการเต้นมาก อยากขว้างลงทะเลจริงๆ แต่ในงานมีเศษแก้วนะ ระวังด้วย ตัวเราเนี่ยถอดรองเท้าเต้นเลย รำคาญ

4. มีห้องน้ำบริการ ราคา 10 บาท

5. ในงานร้อนมาก จนชวนเพื่อนไปลงทะเลซักแปบ หารู้ไม่ว่า มันคือห้องน้ำดีดีนี่เอง บางคนก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใดนะ มีคนเพิ่งฉี่เสร็จ นางตักน้ำมาพรมหน้าทันเลยจ้า เห็นแล้วว ยอมใจนางเลย O_O

6. สถานที่นี้คือสถานที่ที่คนแปลกหน้าเป็นเพื่อนกัน รู้จักเพื่อนใหม่ๆเยอะเลย

7. เพ้นต์สี เนี่ย เพ้นต์แค่หน้าอย่างเดียวก็ได้นะครับ เพ้นต์แขนเนี่ย เพ้นต์ได้ไม่นาน ลายหายหมดเลย หายไปติดแขนบ้าง ติดเสื้อคนอื่นบ้าง

8. กล้องคือ ไอเท็มเรียก ดึงดูดคน เวลาเรายกล้องถ่ายวิดีโอ ชาวต่างชาติจะวิ่งเข้ามาในเฟรมเลย สนุกดี : )

9. Live ของเฟสบุค ไม่สามารถถ่ายทอดสดได้ ในวันงาน จะมีแค่บางช่วง ถ้าอย่างอวดเพื่อน ก็ค่อยๆ หาจังหวังเข้าเอา หรือไม่ก็ถ่ายวิดีโอเอา

10. ระวังของหายนะครับ เก็บไว้ดีดี

11. เหยียบเท้ากันเป็นเรื่องปกตินะครับ อย่าโกรธอย่าเคืองกัน

12. ไปหลายๆเวที จะได้พบปะผู้คน เหมือนผม มีฝรั่งกวักมือเรียกไปเต้นด้วย come on อะไรประมาณนี้แต่เป็นท่า เหมือนเป็นท่าพื้นเมือง น่ารักดีครับ

จากนั้นเราก็อยู่ถึงเช้า ยึดมันอุดมการณ์ ที่ตั้งไว้ก่อน นั่งดูฟ้าค่อยๆสว่างๆ เห้อมันช่างรู้สึกดีอะไรขนาดนี้ ณ นาทีนี้ตัวเหนียวมาก นั่งตากไอน้ำทะเล แต่ก็เป็นความรู้สึกดีไปอีกแบบ

ต่อมา เราก็กลับที่พัก ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้ากลับสายกว่านี้ กลัวรถเยอะ กลัวรถทำเวลาด้วย อันตราย เลยพากันกลับ ระหว่างทางเลวมาก มีรถเก๋งคันนึง ดับอยู่ทางขึ้นเขา เราก็ขับมอไซค์ตามมา เพื่อนไล่เราลงจากรถ ให้เดินขึ้น มันบอกรถขับขึ้นไม่ได้ เลวมาก คือตอนนี้ปวดขามาก แด๊นซ์แบบขาลากมาทั้งคืน 555 TT สุดท้ายก็ขึ้นเขาได้ กลับที่พักอย่างปลอดภัย


22 เม.ย. 59

8.30 น. กลับมาถึงที่พัก เตรียมเก็บกระเป๋า อาบน้ำ แล้วนอน (เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน 55) รอเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก แล้วทำการคืนรถที่ยืมมาในช่วงเช้า เกินเวลามีค่าปรับนะครับ ก็มีการเช็คสภาพรถ (ไถลลงเขา ดีนะรถไม่เป็นรอย TT)

11.00 น. เดินทางออกจากที่พักไปท่าเรือท้องศาลา ไปด้วยรถของที่พัก ราคา 150 บาท พอไปถึงท่าเรือ เขาก็ลดให้อีก คนใต้ใจดีจังเลยยย ต้องหาเวลามาเกาะอีกสักครั้งแล้ว สิ่งแรกที่มาถึงท่าเรือเลยคือ จองเรือกลับฝั่ง ซึ่งจะกลับด้วยเรือเฟอร์รี่


นี่คือที่จองตั๋ว อยู่ใกล้ๆท่าเรือแหละ เป็นอาคาร 1 ชั้น เป็นห้องกระจก ข้างใน มีบริการรถรับส่งไปยัง สนามบิน และ สถานีรถไฟด้วย เราก็เลยซื้อตั๋วจากนี่เลย เป็นตั๋วรถตู้ไปลงสถานีรถไฟ ราคา 150 บาท กว่าเรือจะออกก็ 13.00 น. ก็ไปหาอะไรกินรอ แล้วกลับมานั่งรอเรือในนี้ เย็นสบาย มีแอร์ มีที่นั่งให้นั่งรอ

13.00 น. ขึ้นเรือกลับฝั่ง ลงที่ดอนสัก ใช้บริการของราชาเฟอร์รี่นะครับ ลืมบอก มีที่นั่งแบบเบาะรถทัวร์ เอนนอนได้ และแบบที่นั่งที่เป็นแบบที่นั่งรอรถบัส เราได้นั่งชั้น 3 เพราะชั้น 2 ที่ที่เป็นที่นั่งแบบดีเต็ม ชั้น 3 ร้อนมากเลยนะครับ ต้องไปนั่งหลบแดดอยู่บริเวณ ระเบียงทางเดิน ซึ่งตรงนี้เย็น บางคนถึงกับนอนตรงนี้เลย แต่ไม่เป็นไรครับ ประสบการณ์

คิดถึงเกาะจัง ยังเที่ยวไม่ครบทุกหาดเลย

เวลาหมดเร็วจังเลย เงินก็เช่นกัน 555

ยังมีอีกหลายที่ ที่อยากไป อยากใช้เวลากับเธอให้นานกว่านี้

ไม่น่าเชื่อว่า เรือเพิ่งออกไม่นาน แต่ในใจมีแต่ความคิดถึง เป็นเกาะแรกที่ คิดว่าจะต้องกลับมาอีกให้ได้ และจะต้องทำให้ทริปนี้ดีกว่าเดิมให้ได้ ภายในใจมุ่งมั่นมากว่า กลับไปครั้งหน้าต้องพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ รู้สึกตัวเองยังต้องพัฒนาอีกมากเลย มีเพื่อนชาวต่างชาติ มาคุยกับเรา เป็นคนอัธยาศัยดีมากๆ แต่เรากลับฟังภาษาเขาได้ไม่ดีพอ สิ่งที่ฟังรู้เรื่องคือ เขาชื่ออะไร อายุกี่ปี เขาบอกว่าไปเที่ยว ก็ให้ไปบ้านเขา ไปอยู่พักกับครอบครัวเขา และเขาก็หายไปในฝูงชน โดยไม่มีอะไรให้ติดต่อไปหาเขาเลย (แล้วจะชวนไปบ้านทำไม 555) โอเคกลับมาครั้งหน้า เราต้องได้ภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด นี่คือสิ่งดีดีที่เกิดขึ้นบนเกาะ และมันจะแรงบันดาลใจในการทำสิ่งดีดีเพื่อตัวเองในอนาคต

ภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งไกลตัวเลย เราเพิ่งตระหนักก็วันนี้ เราอยากจะทำมันให้ดีกว่านี้ และมีความคิดว่ากลับไปต้องไป ฝึกแล้วบ้างล่ะ 1 ชม/วันก็ยังดี

21.30 น. เราก็ขึ้นรถไฟ ชั้น 2 ที่จองไว้ตั้งแต่มา ในใจคิดว่า อยากไหลไปเกาะเต่าจังเลย หรือไม่ก็กระบี่ รู้สึกติดใจทะเลไทยมากๆ ตอนแรกคิดว่า เราเอาตัวเองมาลำบากเกินไปมั้ย เงินหลายพันที่เสียไปเอาไปทำอะไรเป็นประโยชน์ได้มากมายเลยนะ แต่หลังจากมารู้สึกไม่เสียดายกับประสบการณ์ที่ได้รับ การเปิดตา เปิดโลกกว้าของตัวเอง มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวเอง และสิ่งดีดีที่กำลังจะเกิด


" ระหว่างนั่งกลับกรุงเทพ ไม่มีนาทีไหนไม่คิดถึงเกาะพะงันเลย "

" เราน่าจะพูดได้...ดีกว่านี้นะ"

"เราจะต้องมาอีก...ปฏิทินฟูลมูนมีอีกวันไหน "


นี่คือความคิดระหว่างทาง ให้การเดินทาง เป็นสมุดบันทึกความทรงจำดีดี ในชีวิตเราเถอะ


23 เม.ย. 59

08.00 น. รถไฟถึงกรุงเทพ สถานีหัวลำโพง ร่างกายเมื่อยจัง อยากกลับเครื่องบิน เงินพอเหลือค่าเครื่องบินนะ แต่ถ้าเรากลับเครื่องบิน การเดินทางของเราจะเป็น รถไฟ 75 % และเครื่องบิน 25% มันคงจะดีมากถ้าเราได้ไปรถไฟ 100% จารึกลงไปเลยว่า เราเคยผ่าน เคยพิชิต การเที่ยวด้วยรถไฟ 100% มาแล้ว เลยตัดสินใจกลับรถไฟ และต้องเป็นรถไฟฟรีเท่านั้น

รถไฟฟรีกรุงเทพ-อุบลราชธานี ออก 15.00 น. เหลือเวลาตั้งเยอะ อยากใช้เวลาให้คุ้ม ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลามาอีกนานแค่ไหน งั้นเราไปตะลุยต่อ ก็นั่ง MRT ไปสถานีจตุจักร ต่อจนถึงเวลารถไฟออก

15.00 น. สแตนบายด์รอขึ้นรถไฟ จะได้กลับบ้านแล้ว อยากลืมของไว้ที่เกาะจังเลย จะได้กลับไปเอา 555 แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่งานเลี้ยงมันไม่ได้จัดครั้งเดียวนะ : ) และเราก็กลับบ้าน พร้อมความหวังว่า เราจะต้องกลับมา และทำให้ดีกว่าเดิม


24 เม.ย. 59

03.00 น. ถึงอุบลราชธานีโดยสวัสดิภาพ กลับมาเติมพลัง เติมกำลังใจ เตรียมพร้อมกับทริปใหม่ ช่วงเวลานี้ ต้องเที่ยวให้ได้มากที่สุด พอถึงตอนทำงาน มีเงิน แต่จะไม่มีเวลา มีเพื่อน แต่เวลาจะไม่ตรงกัน #ทีมชอบเที่ยว แล้วเจอกันใหม่นะครับ : )



ปล.ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ



Goodbye Ko Phangan, See you again

SEE you next trip, next review


ข อ บ คุ ณ ทุ ก ค น ที่ อ่ า น น ะ ค รั บ

ค่าใช้จ่ายสรุป

ค่าที่พักกรุงเทพ 450/3 = 150 บาท

ค่าตั๋วรถไฟไปสุราษฏร์ธานี 608 บาท

ค่ารถตุ๊กๆ 100 บาท

ค่าเรือ 400 บาท

ค่าแท็กซี่ไปที่พัก 220 บาท

ค่าที่พัก 2 คือ 450 บาท

ค่ามอเตอร์ไซค์+น้ำมัน 2 วัน 440 บาท

ค่าที่จอดรถฟูลมูล 50 บาท

ค่าเข้างานฟูลมูล 100 บาท

ค่าแท็กซี่ไปท่าเรือ 150 บาท

ค่าเรือกลับฝั่ง210 บาท

ค่ารถตู้ 150 บาท

ค่ารถไฟกลับกรุงเทพ 398 บาท

รวม 3426 บาท

ค่ากินใช้จ่ายรวม 7 วัน(เฉพาะของกินและเครื่องดื่ม) 1063 บาท

รวมทั้งทริป 4592 บาท

ปล. ค่าของกินแล้วแต่การออกแบบเองนะครับ

ขอให้สนุกกับการเดินทางครับ :)



Mc Isara

 วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.12 น.

ความคิดเห็น