Beach Calling :D

กลับมาอีกครั้งกับการเที่ยวทะเล ที่ต้องบอกก่อนเลยว่า การไปตรังครั้งนี้ เราจองโปรตั๋ว 0 บาทของ Air Asia เมื่อเดือนกันยายน 2562 เรียกว่าตอนนั้นคือจองกันที่ไม่รู้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด 19 แพร่ระบาด แต่โชคก็ยังคงเข้าข้างเรา เพราะว่าสถานการณ์ในประเทศไทย ทำให้เรายังสามารถไปเที่ยวได้ในเดือน กค. แต่ๆๆ ต้องเที่ยวแบบ new normal ด้วยน้า 

เอาล่ะ! เกริ่นมานิดหน่อย อ่านจากหน้าปกก็คงพอทราบกันแล้วว่า เราไปเที่ยวที่จังหวัดตรังนั่นเอง!! ตรัง อาจจะเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงนักเมื่อพูดถึงทะเลภาคใต้ เราก็จะนึกถึง กระบี่ ภูเก็ต พังงา อะไรแบบนี้ เราก็เลยคุยกับแฟนว่า งั้นลองไปเที่ยวเมืองรองบ้างมั้ย เอาแบบที่เครื่องไปถึงนะ เราก็เลยตกลงที่จะไปตรังกันในช่วงหน้าฝนจ้า 55555555 ไปแบบไม่สนสี่สนแปดฤดูกาลเลย

ความพีคอีกอย่างคือ หลังจากเราจองตั๋วเสร็จก็หาข้อมูลว่าจังหวัดตรังมีอะไรที่น่าท่องเที่ยวบ้าง สรุปคือเยอะมากกก ทั้งอยู่บนเกาะ และในเมือง ซึ่งเราก็เห็นว่า เห้ย!! มีถ้ำมรกตนี่นา พอใกล้ๆเดือนที่จะไป เราก็ทักไปถามทางที่พักว่า อยากไปถ้ำมรกต จองทัวร์ได้เลยมั้ยคะ สรุปคือ!! ถ้ำมรกตปิดค่ะ เปิดอีกทีเดือนตุลาคม เอาละ!! ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ เพราะเราเลือกที่จะไม่ไปดำน้ำดูประการังค่ะ 

อ่ะ เริ่มบ่นอย่างยืดยาว เดี๋ยวเรามาเริ่มเดินทางไปด้วยกันเลย ทริปนี้เราไป 3 วัน 2 คืน (สรุปแล้วคือไม่พอนะจ๊ะ ใครอยากมาตรัง แนะนำ 5 วันไปเล้ย เที่ยวให้ครบทุกเกาะ)

ทริปของเราจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
Day 1 : เดินทาง - กทม. - ตรัง - นั่งเรือเกาะมุก - หาดฝรั่ง - นอนเกาะมุก 1 คืน
Day 2 : เข้าเมืองตรัง - หาดปากเมง - อุทยานหาดเจ้าไหม - สวนพฤกษศาสตร์ทุงค่าย 
Day 3 : ทานติ่มซำ - วังเทพทาโร - กลับ

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้านล่างนะคะ


Day 1 
23/07/2020

เริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ไฟลท์เราคือ 8.35 น. เรานั่งรถ A1 จาก bts หมอชิต 30 บาท ขึ้นทางด่วนเข้าไปส่งในสนามบินเลย รถเค้าน่าจะเริ่มเดินเที่ยวแรกประมาณ 6.40 น. นะคะ ถ้าจำไม่ผิด

ดีใจมากที่เริ่มเห็นสนามบินคึกคักอีกครั้ง อยากให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาดีให้ได้เร็วๆ ช่วงนี้เที่ยวไทยกันไปก่อนน้า ขนาดว่าเรามาวันธรรมดา ยังมีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ ก็คึกคักดีเหมือนกัน

มาถึงสนามบินตรังตอนประมาณ 10.00 น. สำหรับการเดินทางจากสนามบินตรังไปที่ท่าเรือควนตุ้งกูที่เราเลือกคือ ให้ทางที่พักติดต่อกับเรือที่ออกว่าให้มารับที่สนามบินด้วย เพราะว่าปกติเรือจะออกแค่ 1 รอบต่อวัน คือประมาณ 12.00 - 13.00 สำหรับข้ามไปเกาะ และ 8.00 สำหรับกลับฝั่ง ซึ่งถ้าเราพลาดเรือไป อาจจะต้องเหมาเรือชาวบ้านที่ค่อนข้างแพง แต่ถ้ามาหลายคนเราว่าเหมาก็คุ้มค่าอยู่นะ สำหรับที่พักเราเค้าติดต่อ บังหนาด เจ้าของเรือข้ามฝั่ง ที่จะเอารถตู้มารับเราที่สนามบินก่อนประมาณ 11 โมง แล้วก็ไปขึ้นเรือเค้าเลย ราคา 350 บาท รวมรถและเรือ ถือว่าสะดวกสบายดีค่ะ เรานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือ (เพราะบังแวะรับผู้โดยสาร แวะรับของไปส่ง เรียกว่ารอบเดียวต้องเอาให้คุ้ม) พอเจ้าของเรือมาก็ได้เวลาออกเรือพอดีค่ะ 

คือน้ำใสจริงๆ ใสจนเห็นปลาตัวเล็กๆ ดีมากกกกก

มาถึงเกาะมุกด์ประมาณ 13.00 พอดี แค่นั่งเรือมา เราก็รู้สึกสบายใจแล้วอ่ะ คือเป็นเกาะที่มีความสงบมากๆเรานั่งเรือมาคือเป็นนักท่องเที่ยวแค่ 2 คนบนเรือ 55555555 ส่วนใหญ่จะเป็นคนพื้นที่ที่นั่งเรือกลับบ้านกัน ก็เป็นฟิลลิ่งแบบ น่ารักๆดี

สำหรับที่พักวันนี้ของเราคือ Mook Montra Resort  เราเลือกที่พักอยู่นานมาก ที่เลือกที่นี่เพราะว่าเจ้าของตอบแชทเร็ว 5555555 เจ้าของชื่อคุณกฤติ เจ้าของใจดีมากกก ตอนแรกเราจองห้องที่เป็นริมทะเล เดี๋ยวแนบรูปไว้ข้างล่าง แต่เจ้าของกลัวเสียงดัง เพราะมีแขกมาปาร์ตี้ เลยรีบย้ายห้องให้เรามานอนข้างในแทน ที่พักสะอาด พนักงานน่ารัก เป็นกันเอง มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าในราคา 200 บาท ขี่รอบเกาะเลยค่ะ สำหรับห้องพักที่เราจองราคา 1,000 บาท รวมอาหารเช้าแล้วด้วย เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆไปเลย บรรยากาศที่พักก็ดี ติดทะเลแบบสุด มีธนาคารปูม้าอยู่ข้างหลังที่พักด้วยน้า  

ตอนแรกเราจองห้องนี้ไว้ ใกล้ทะเลมากกกก เรียกว่าห้องเต้นท์ค่ะ แต่ทุกห้องมีแอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่นน้า

ถ่ายภาพที่พักมาฝาก น่ารักเนาะ ราคา 1,000 บาทกับบรรยากาศแบบนี้ ดีมากๆเลย

อาหารกลางวันของเราในวันนี้ ฝากท้องไว้กับ ครัวบุญชู ร้านอาหารตามสั่ง ที่ทั้งอร่อยและคุ้มค่า กว่าจะได้กินข้าวก็ปาไปบ่าย 2 แล้วค่า หิวสุดๆไปเลย อาหารที่เราสั่งวันนี้ก็คือ ลาบปลาทอด ปลาทอดราดน้ำปลา แล้วก็แกงส้มผักรวม ข้าวเปล่า 3 จานไปเลย ทั้งหมดนี้ราคา 470 บาท อิ่มมาก จุกๆถึงเย็นไปเลยค่ะ 

กินข้าวเสร็จแล้วก็ขี่รถเล่นรอบเกาะซะหน่อย บรรยากาศดีมากๆ

เจอเจ้าของเกาะ เชื่องมาก เชื่องกว่าแมวที่บ้านอีก เห็นคนละเดินมาหาเลย น่ารักกกกก

และนี่ก็คือ!! ธนาคารปูม้าที่อยู่หลังรีสอร์ทนี่เองค่า ตอนเย็นๆน้ำลด เราไปเดินเล่น เจอปูเต็มเลย แต่มันจะมุดรูหนีถ้าคนมา 

ถ่ายทัน 1 ตัว นั่งเกร็งสุด เพราะกลัวมันมุดหนีถ้าขยับ

เรือประมงของชาวบ้านจอดเต็มเลยค่ะ ขอถ่ายรูปซะหน่อย

หลังจากนั้นไม่นาน ฝนก็เทลงมา เทลงมา รีบกลับที่พักสิรออะไรล่ะ แต่ๆๆ ฟ้าฝนก็ยังให้โอกาสอิฉันในการไปเดินเล่นปะทะลมทะเลตอนเย็นซะหน่อย เราเสิชมาว่าหาดไหนในเกาะนี้สวยๆบ้าง เราก็ได้พบกับ หาดฝรั่ง (Farang Beach) ที่เค้าว่ากันว่า ต้องมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ให้ได้เลยนะ เราก็เลยขี่มอไซค์แง้นๆไปตอนประมาณ 5 โมงเย็น และใช่ค่ะ ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ไม่เชื่อดูรูปยืนยันได้ พอซัก 6 โมงก็เริ่มมีนักท่องเที่ยว 2-3 กลุ่มนั่งรถมาชมพระอาทิตย์ตกที่หาดนี้เช่นกัน 

สวยจริงว่ะแก แค่นั่งฟังเสียงคลื่นก็ดีต่อใจแล้วจริงๆ เหมือนหาดส่วนตัวเลยล่ะ

ถ่ายผ่านกล้องฟิล์มซะหน่อยค่ะ เริ่ด!!

หมดแล้ว 1 วันที่แสนประทับใจ ไม่ต้องมีอะไรมากมาย แค่เห็นบรรยากาศรอบๆก็รู้สึกผ่อนคลายแล้วจริงๆ

สำหรับค่าใช้จ่ายในวันนี้ต่อคน มีดังนี้ค่ะ
1. รถ A1 ไปสนามบิน 30 บาท
2. รถ-เรือ จากสนามบิน ไปท่าเรือ 350 บาท
3. ค่าอาหารร้านครัวบุญชู 470/2 = 235 บาท
4. ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 200/2 = 100 บาท
5. น้ำมันเติมมอเตอร์ไซค์ 40/2 = 20 บาท
6. ขนมจุกจิกกินตอนเย็น 100/2 = 50 บาท

รวม 785 บาท หมดแล้ว 1 วัน

ขอลาไปด้วยอาหารเช้าสุดอร่อย ข้าวหมกไก่ อร่อยจริงๆนะ คอนเฟิร์มจ้า เดี๋ยวมาต่อ Part 2 เข้าเมืองตรังกันนะคะ


✿ หวายพาไป ✿ ♡

 วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.50 น.

ความคิดเห็น