สวัสดีค่ะ แมวน้ำ Seally-Go-Round ค่ะ

วันนี้มารีวิวที่พักที่เที่ยว ที่พัก โซนภาคตะวันออกเช่นเคย หนีไม่พ้นภาคนี้เพราะบ้านอยู่พัทยา

เลยต้องหาที่เที่ยวละแวกนี้แทนเพื่อจะได้เซฟเวลาและระยะทาง ไม่ต้องเดินทางขับรถ เพราะวันหยุดมีน้อย จึงไม่อยากเสียเวลาไปกับการขับระยะทางไกลๆ

ทริปนี้มุ่งตรงไปจังหวัด"จันทบุรี" โดยเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้

เราจะไม่เน้นกิจกรรมมากนัก ขอพักผ่อนแบบชิลๆในป่าครึ้มๆ น้ำเย็นๆ ชุ่มฉ่ำๆ หลีกหนีจากความร้อนระอุจากเมือง

ถึงพัทยาจะเป็นเมืองทะเล แต่ลมทะเลที่พัดมาเหมือนลมร้อนจากไดร์เป่าผมขนาดใหญ่ ที่ร้อนยั่งกะ Fire ^^'

แมวน้ำเลยจำต้องหนีเข้าป่า ไปหาที่คูลๆฉ่ำๆเย็นๆสิงสถิตกันหน่อย

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าที่ จันทบุรี จะมีที่พักที่ตอบโจทย์เราได้ด้วย!!!!

เพราะที่เคยได้ยินมา ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวจันท์ก็จะพักแถวชายหาด (ตอนแรกแอบเล็งที่ Sand dunes หาดเจ้าหลาวเอาไว้ แต่มันไม่ค่อยธรรมชาติอย่างที่ใจอยาก) หรือ ไม่ก็โฮมสเตย์ป่าชายเลนแถวขลุง (เคยไปพักที่ ขลุงริเวอร์โฮมสเตย์มาแล้วครั้งนึง อยากเปลี่ยนบ้าง เคยเขียนบล็อกไว้เมื่อนานมาแล้ว ย้อนกลับไปอ่านได้ตามลิ้งนี้จ้า

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vassaire&month=04-2012&date=08&group=2&gblog=43

แต่วันนี้เราจะไปไกลกว่านั้นอีกหน่อย ฉีกไปทางเขาสอยดาว (ขับเลยไปอีกหน่อย ก็เปิดจะประตูสู่กัมพูชากันแล้วนะเนี่ย)

จุดหมายของเรา ชื่อว่า 'บ้านทุ่งเพล' อ.มะขาม จ.จันทบุรี ซึ่งที่นี่มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งเพลที่รวมกลุ่มกันเปิดโฮมสเตย์ที่พักริมลำธารกันเป็นหลายสิบเจ้าเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนกับธรรมชาติกัน ซึ่งลำธารที่ว่านี้ก็คือน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากป่าต้นน้ำด้านหลังเขาคิชกูฎนั่นเอง

จริงๆแถบนี้มีที่พักเยอะมากหลายเจ้า ซึ่งผู้ที่สนใจ ก็สามารถเลือกพักได้ตามความสไตล์ที่ชอบได้เลย

แต่ครั้งนี้แมวน้ำเลือกที่พักที่ชื่อว่า 'บ้านป่าริมธาร Cabin Creek' บ้านไม้ดีไซน์ร่วมสมัยของครอบครัวสถาปนิกของพี่โป้ โยคีเพลย์บอยนั่นเอง

บ้านไม้ติดลำธารใสๆ มีฝายให้ได้นั่งแช่น้ำนวดตัวเสมือนกับแช่อยู่ในอ่างจากู๊ชชี่ธรรมชาติท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้เขียวๆ สดชื่นมากกกกกก..... บรรยากาศจะเป็นยังไง เดี๋ยวพาไปสำรวจกัน ^^

นอกจากที่พักที่ Cabin creek แล้ว แอบแถมเบี้ยบ้ายรายทางเล็กน้อยในทริปนี้ด้วย : วัดเขาบรรจบ (ทุ่งเพล) / ร้านจันทรโภชนา (ในตัวเมืองจันท์) / ร้าน Kays Espresso Bar (ตัวเมืองจันท์) / ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส

ทริป 2 วัน 1 คืน ของการพักผ่อนที่ทุ่งเพลนี้จะเป็นยังไง เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกัน ^^


::: เริ่มเดินทาง :::

ทริปนี้ออกเดินทางจากบ้านที่พัทยา แต่จริงๆไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปที่ทุ่งเพลเลยหรอก เพราะ ตอนเช้าแอบแวะไปเที่ยวเกาะขามที่ สัตหีบ มาก่อนแป๊บนึง แต่เนื่องจากช่วงที่ไปเกาะขามวันนั้น ฟ้าเน่ามาก ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เลยไม่ค่อยฟินเท่าไหร่ ไว้วันไหนฟ้าเป็นใจค่อยกลับไปซ่อมอีกรอบ

หลังจากเราข้ามกลับมาจากเกาะขามแล้ว ก็เดินทางต่อมาที่จันท์เลย ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ค่อนข้างเย็นแล้วประมาณ 5 โมง

จนคุณลุงปรีชาเจ้าของ Cabin creek ถึงก็โทรมาตามว่า

...... มารึกันรึยังลูกกกก.....

....แมวน้ำมาแล้วค่าาาา คุณลุงงงง....

การเดินทางมาที่ทุ่งเพล ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด คร่าวๆ คือ ขับมาเส้นสุขุมวิทเรื่อยๆจนถึงสามแยกปากแซง (ถนน 317 จันทบุรี – สระแก้ว) ก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนน 317 เดินทางผ่านอำเภอมะขาม ขับไปเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะมีป้ายทางเข้าวัดเขาบรรจบ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนเส้นนี้เลย

พอเห็นป้ายแล้ว โหเยอะจังจะหาถูกมั้ย คือจริงๆแล้วที่พักเกือบทั้งหมด อยู่ติดๆกัน แต่เอาชัวร์คือไปตามป้ายวัดเขาบรรจบเลยจ้า บ้านป่าริมธาร Cabin creek อยู่ก่อนวันเขาบรรจบแค่ไม่กี่ร้อยเมตร

ในระหว่างทางนี่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์มาก วิวสวย สดชื่น

พอมาถึงจอดรถเปิดประตูรถปุ๊บ เสียงลำธารไหลซู่ๆๆมาเลย ธรรมชาติมาก ร่มรื่น เขียวขจี นี่ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าผลไม้ออกนี่จะฟิเนเล่กว่านี้ เพราะละแวกนี้จะมีสวนผลไม้ทั้ง เงาะ ทุเรียน มังคุด แต่ตอนที่ไป (ม.ค. 59) ผลไม้ยังไม่ออก


มาถึงค่อนข้างเย็นแล้ว ห้าโมงกว่าๆ รีบเอาของไปเก็บในห้อง แล้ว ไปนั่งเล่นน้ำกันก่อนมืดดีกว่าเนาะ ^^

วันนี้บ้านพักที่จอง ชื่อ กระท่อมพริกไทย คิดค่าใช้จ่ายเป็นคน คนละ 1,000 บาท พักได้มากกว่า 2 คน แต่ไม่เกิน 5 คน

แต่มา 2 คน คิดราคาขั้นต่ำที่ 3,000 บาท ราคานี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าด้วย แต่พอดีพัก 2 คน ก็แลดูจะแพงไปนิด แต่มีอาหารให้ก็ถัวๆกันไป


::: วิธีการจอง :::

ดูภาพบ้านต่างจาก เวบของ Cabin Creek http://cabincreekthailand.com/index.php แต่ราคาในเวบไม่ได้อัพเดท ให้ดูที่เฟสบุค เพจของบ้านป่าริมธารดีกว่า แต่ให้สะดวกสุด Add line คุณลุงปรีชา (Line ID: Preecha507) เพื่อสอบถามแล้วก็จองบ้าน จองแล้วคุณลุงก็จะให้โอนเงินเพื่อยืนยันการจอง



หลังทางขวาหลัง ม่านไม้ไผ่นี้เลยจ้า

มีโต๊ะอาหารอยู่หน้าบ้าน ซึ่งจะเค้าจะเอาอาหารมาตั้งให้นั่งทานกันที่หน้าบ้านนี้เลย

บ้านนี้เป็นบ้านไม้ ติดแอร์ มีห้องน้ำในตัว ที่นอนน่านอนมีตุ๊กตาน้องหมาให้กอดด้วย


มีที่นอนเล็กอีกมุม ให้นอนเล่นได้ด้วย

ดีเลย คืนนี้ แมวน้ำจองตรงนี้ ขนาดกะทัดรัดพอดี(กับ)ตัว(สั้นๆของแมวน้ำ)เลย ^^

ทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน พร้อม

ห้องน้ำ เป็นแบบโอเพ่นแอร์


บ้านหลังนี้ชั้นครึ่งซึ่งข้างบนสามารถขึ้นไปนอนได้ด้วย อารมณ์แบบห้องใต้หลังคา

นี่ถ้าครอบครัวที่พาเด็กมาคงปีนขึ้นปีลงกันหนุกหนานน่าดู ^^

ปีนขึ้นมาก็แอบเสียวตก

น่านอนเหมือนกันนะเนี่ย

มองลงมาจากด้านบน ก็ค่อนข้างสูง พาลูกเล็กเด็กแดงมาระวังตกกันนะจ้ะ


ห้องน่านอนมากกกก... แต่เรายังนอนไม่ได้ เพิ่งมาถึง ไปเดินเล่น เอาขาจุ่มน้ำเย็นๆให้สดชื่นกันก่อนดีกว่า ^^


::: รอบๆ บ้านป่า-ริมธาร Cabin creek :::

ที่นี่ร่มรื่นมาก มีธารน้ำไหลตลอดไม่เคยแล้ง แม้ในช่วงแล้งพีคๆอย่างช่วงเดือน มีนา เมษา พฤษภา ที่นี่มีน้ำตลอด น่าจะเพราะความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ ทำให้ที่นี่ชุ่มชื้นตลอดทั้งปี

**เห็นมั้ยล่ะ มีป่า ก็ มีน้ำ ธรรมชาติเค้าสร้างมาให้เป็นแบบนี้ ^^

ส่วนในช่วงหน้าฝนน้ำก็จะแรงหน่อย แต่ไม่ถึงกับไหลบ่าแรงเป็นน้ำป่า ส่วนช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวที่สุดก็น่าจะราวๆปลายฝนต้นหนาว น้ำเยอะ อากาศเย็น

จากห้องที่พัก เดินไปเล่นน้ำตก จะมีทางเดินอย่างดี แล้วบ้านทุกหลังเป็นไม้ ซึ่งคุณลุงปรีชาเจ้าของที่นี่เป็นสถาปนิก เป็นคนออกแบบและสร้างบ้านทุกหลังเองด้วย ดังนั้นบ้านพักที่นี่จึงมีดีไซน์ที่โดดเด่นกว่า ที่พักในกลุ่มวิสาหกิจชุมชมบ้านทุ่งเพลในละแวกเดียวกัน

ให้อารมณ์บ้านไม้ในป่าใหญ่ แบบในหนังฝรั่ง เลยล่ะ

บ้านพักที่นี่มีหลายแบบ ซึ่งที่แมวน้ำพักวันนี้น่าจะเล็กสุดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังใหญ่มีหลายห้อง เหมาะมากกับการยกโขยงครอบครัวใหญ่มาพักผ่อน เล่นน้ำเย็นๆสูดอากาศสดชื่นกัน


ขอลงแช่น้ำให้ชื่นใจสักนิด 5 นาที 10 นาทีก็เอา ก่อนจะมืด

ฟ้าค่อยๆมืด ทีละนิดๆ มาถึงเย็นไปหน่อย ขืนเล่นน้ำต่อตอนนี้ก็ดูจะฮาร์ดคอร์เกินไป

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาแช่น้ำกันใหม่

พอมืดก็สวยไปอีกแบบนึงเนาะ ^^

แต่ทางเดินที่นี่มีไฟส่องสว่าง กลางค่ำกลางคืนเดินสะดวก

เดี๋ยวเราเข้าไปพักผ่อนในบ้านกัน ซึ่งมื้อเย็นของวันนี้ ทางCabin creek ก็มาเตรียมอาหารให้ที่หน้าบ้านที่เราพักเลย

(แมวน้ำมาช้าไง บ้านอื่นเค้ากินกันเรียบร้อยไปแล้ว)

เป็นกับข้าวไทยๆ น้ำพริกกะปิผักต้ม หมูชะมวง ผัดผัก ไข่เจียว และต้มยำ พร้อมข้าวสวย และผลไม้

ในส่วนของอาหารนั้น ต้องขอบอกตามตรงว่าไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวเป็นคนทานอาหารรสจัด พอมาเจอรสชาติแบบคลีนๆเลยไม่ค่อยถูกใจ ถ้าทางแม่ครัวปรุงให้รสชาติเข้มข้นกว่านี้ ก็น่าจะดีขึ้นจ้า


อิ่มแล้ว เตรียมอาบน้ำเข้านอนกันดีกว่า ที่นอนน่านอนมาก อากาศเย็นๆฉ่ำๆ เหมือนมีน้ำฝนปรอยๆ ชวนง่วงทีเดียว

ส่วนบางครอบครัวที่เค้ามากันเยอะๆ ก็มีปิ้งย่าง บาบีคิวกินกัน คุยกันหนุกหนาน

เนื่องจากที่นี่อยู่ในโซนธรรมชาติ ในป่า ริมธาร ตอนกลางคืนสภาพแวดล้อมโดยรอบก็มืด จะเงียบสงัด มีแต่เสียงน้ำไหล แต่หากมีการร้องรำทำเพลง สันทนาการกัน ทางกลุ่มโฮมสเตย์มีข้อตกลงร่วมกันว่าให้งดเสียงดังหลัง 4 ทุ่ม ซึ่งวันที่ไปวันนั้น อาจจะโชคร้ายนิดนึงตรงที่ ที่พักโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ติดกัน (ไม่ใช่ของ Cabin creek) เหมามากันเป็นหมู่คณะหลายรถบัส ส่งเสียงร้องคาราโอเกะใส่ไมค์กันดังมาก แต่พอดึกๆ (ซึ่งก็เลยสี่ทุ่มแล้วด้วย T T ) ก็เลิกกันไป

คือนี่ถ้าวันนี้ได้พักผ่อนแบบเงียบๆสงบๆก็จะเริ่ดกว่านี้ แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าหลังจากเงียบไปก็นอนหลับสบายดีจ้า


พักผ่อนนอนกอดน้องหมาดีกว่า คร้อกกกกก z z z Z Z Z....


::: เช้าวันใหม่ ในป่าใหญ่ริมธาร :::

ไม่รู้ทำไม มาเที่ยวมาพักผ่อนทีไร ตื่นเช้ากว่าวันทำงานก็ไม่รู้ แหะๆ เช้าวันนี้ แดดไม่ค่อยมี แอบเห็นหมอกลอยจางๆ สดชื่นสุดๆ

เวลาตื่นเช้ามาเจออากาศบริสุทธิ์ นี่มันสดชื่นดีจริงๆ ออกไปเดินเล่น ชมนก ชมไม้กันดีกว่า

บ้านอื่นยังไม่ตื่นกัน ตอนเช้า เงียบ สงบ ได้ยินแต่เสียงนก เสียงน้ำตกในลำธาร

ที่ศาลาใหญ่ริมธาร จะมีลานกว้างๆให้นั่งเล่นกัน ถ้ามากันเป็นหมู่คณะ มาออกกำลัยกายวอร์มอัพกันได้เลยนะเนี่ย

ถ่ายรูปเพลินมากจริงๆ

น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา

Relax

เจ็ทสกีก็ได้หรอ 555

ดัชนีชี้วัดความชุ่มชื้น ^^

เดี๋ยวเดินกลับไปให้อาหารเช้าที่หน้าบ้านแมวน้ำกันก่อน แล้วค่อยลงน้ำ เพราะตอนเช้าน้ำเย็นเกินไป ทำใจไม่ได้


เช้านี้มีอาหารมาตั้งเสิร์ฟรอที่หน้าบ้านเช่นเคย เป็นไข่กระทะ กับข้าวต้ม (เช่นกันสำหรับมื้อนี้ รสชาติอ่อนไปสำหรับคนเจนจัด เอ้ย คนกินรสจัดอย่างแมวน้ำ) คิดซะว่าเรามากินคลีนแล้วกันเนาะ เพื่อสุขภาพ

ทานข้าวเสร็จเดินไปที่ริมธารต่อ เอาผ้าไปด้วย เพราเราจะลงแช่จากู๊ซชี่ คลายปวด ลดเมื่อยกัน เย่ๆ

แต่เผอิญเจอคุณลุงปรีชา ก็เลยได้คุยกันสัพเพเหระ คุณลุงเป็นคนใจดี พูดเพราะ แล้วยังเป็นสถาปนิกด้วยซึ่งที่วัดเขาบรรจบคุณลุงก็มีส่วนร่วมในการก่อสร้างด้วยเหมือนกัน ดีๆ เดี๋ยวขากลับเราแวะไปกัน


เท่าที่จำได้คุณลุงบอกว่า กลุ่มชุมชนที่ทุ่งเพลนี้ได้รวมตัวกัน เพื่อพัฒนาชุ่มชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้และอาชีพให้กับคนในชุมชนด้วยกัน จึงมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุ่งเพล เปิดเป็นโฮมสเตย์ ซึ่งทุกวันนี้คนรู้จักเยอะขึ้นมาก มาเที่ยวกันตลอดบ้านพักแถวนี้เต็มตลอดเลย เพราะแถวนี้มีน้ำ มีป่า มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ใครๆก็อยากมาพักกันแล้วทางกลุ่มก็ยังมีการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อนำผลผลิตมาใช้ทำอาหารกันด้วย ดีจังร่วมมือกันเพื่อชุมชนที่เข้มแข็ง น่าสนับสนุน ^^


ที่สำคัญ คือ อยากให้คนที่มาพักและกลุ่มเจ้าของโฮมสเตย์ช่วยกันดูแลธรรมชาติที่ดีนี้ไว้ให้อยู่นานๆด้วย เคารพกฎกติการมารยาทในการเข้าพักด้วย เพื่อความสุขในการมาพักผ่อนกับธรรมชาติ ^^


พอมีแดดออกมารำไร เราลงอ่างจากู๊ซชี่ เอ้ย ลงเล่นน้ำในลำธารกันเถอะ

ว้าย น้ำเย็นเฉียบเล้ยยยยย

เหยยยยย...มันดีอ่ะแก...


น้ำบางช่วงแรง เหมือนเอาหมอนวดมาสับคอพร้อมๆกันสี่คน ปั่กๆๆๆ

ผ่อนคลายจากโรคออฟฟิศซินโดรม (เอ๊ แกทำงานเป็นแม่ครัวไม่ใช่หรอ)

สดชื่น ตื่นเต็มตา

อู้ยยยยย ฟิเนเล่ มากกกก.....อยากแช่ต่อนะ แต่มือเปื่อย ปากซีดหมดแล้ว

เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า เก็บของ ออกเดินทางกันต่อจ้า


::: สรุป :::

ใครสนใจที่พัก ติดต่อ คุณลุงปรีชาได้ 081 854 5205 หรือ Line ID: Preecha507

หรือเข้าไปดูที่เพจ ของ บ้านป่าริมธาร https://www.facebook.com/cabincreekthailand/?fref=ts

โดยรวมถือว่าประทับใจห้องพักและบรรยากาศมากๆ ถ้ามีโอกาสคงได้กลับมาเล่นน้ำที่นี่อีกจ้าาาา

ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเย็ฯ น้ำเยอะ หมอกลง คงสวยน่าดู ^^


::: วัดเขาบรรจบ :::

ก่อนออกจากทุ่งเพล เลยขึ้นไปวัดเขาบรรจบนิดนึง เลย Cabin creek ขึ้นไปนิดเดียว

ช่วงที่เข้าไปฝนตกหนักเหมือนกัน ยิ่งทำให้บรรยากาศของวัดป่าจริงๆ

วัดเขาบรรจบเป็นวัดป่า สายปฏิบัติ เป็นสาขาของวัดเขาสุกิม สถานที่เงียบสงบ อยู่ติดลำธาร เหมาะสำหรับผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมมาก

และสถานที่นี้เป็นวัด ห้ามลงเล่นน้ำบริเวณนี้นะคะ

มีสะพานแขวนด้านข้าง

เข้าไปกราบพระภายในอุโบสถกัน

สวยงามมาก

บรรยายกาศช่วงฝนตก นี่เหมาะกับการเจริญธรรมมาก

บรรยากาศ สวยงาม สงบ ร่มเย็นจริงๆ ใครมาพักผ่อนแถวทุ่งเพล อย่าลืมว่าแวะเข้ามาทำบุญ เยี่ยมชม วัดเขาบรรจบกันนะคะ


::: มื้อกลางวัน ที่ตัวเมืองจันท์ :::

ออกจากทุ่งเพลแล้ว แว้บไปหาเพื่อนที่ขลุงแป๊บนึง ซึ่งก็คิดตลอดทางว่าจะกินอะไรดีน้าาาา กินไรดีๆ

ไปแถวขลุงทั้งทีก็อยากซีฟู้ดสดๆเหมือนกันนะเนี่ย รึจะปูนิ่มดี แต่นะอากาศ ฝนฟ้าไม่ค่อยจะเป็นใจ ฝนตกหนักตลอดทาง

ในตัวอำเภอขลุง วันอาทิตย์นี้เงี้ยบเงียบ เลยคิดว่าต้องไปหาอาหารให้แมวน้ำกันในตัวเมืองจันท์แล้วล่ะ

วนอยู่หลายรอบ ก็เอาชัวร์ดีกว่า วันอาทิตย์ร้านปิดเยอะ แวะร้านดัง ในตัวเมืองนี่แหล่ะ

ซึ่งคงหนีไม่พ้น [ ร้านจันทรโภชนา ] มาครั้งก่อนก็แวะที่นี่

วันนี้แวะที่สาขาเก่าเจ้าเดิม เพราะหาร้านใหม่ที่สวยๆ ไม่เจอ งงกับถนนที่นี่มาก เลยเอาทางที่ชินเนี่ยแหล่ะ

วันนี้สั่งมา 3 อย่าง และเมนูที่ไม่พลาด คือ เส้นจันท์ผัดปู แต่ของร้านนี้ดูแห้งๆไปนิด แมวน้ำชอบแบบฉ่ำๆแบบที่เคยกินที่ขลุงริเวอร์ ยังติดตราตรึงใจ ประทับใจมิรู้ลืมจริงๆ ^^

ปอเปี๊ยะทอด อร่อยดี


ส่วนเมนูนี้ลองสั่งดูเพราะเห็นอยู่ในหน้าเมนูแนะนำ ชื่อว่า แกงหมูขิงแห้ง


ตอนที่สั่งนี่ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นรูปแบบนี้นะเนี่ย แต่อร่อยใช้ได้เลย เหมาะสำหรับคนทานเผ็ด รสจัด ปากเบิร์นมากๆ

มีความคล้ายกับคั่วกลิ้งแต่ก็ไม่ใช่

อิ่มแล้ว อยากของหวานและ แต่เดี๋ยวกะว่าจะไปโฉบร้านกาแฟใหม่ของเมืองจันท์ เลยขอจบมื้อคาวที่นี่ไว้เพียงเท่านี้

แต่ไหนๆก็ไหน ซื้อของฝากจากที่นี่เลยแล้วกัน

ของที่ว่าหาใช่อื่นใด แม่ครัวอย่างแมวน้ำ ก็ต้องซื้อวัตถุดิบไปทำกับข้าวกับปลาให้สมกับที่เป็นแม่ศรีเรือน


นั่นคือ เส้นจันท์ ปูกรอบ และ น้ำปรุงสำเร็จ สำหรับ เมนู เส้นจันท์ ผัดปู นั่นเองงง


::: เส้นจันท์ผัดปู [แบบกึ่งสำเร็จ] :::

(รีวิวนี้ครบสูตรแม่ครัวแมวน้ำเลย 'พากิน' 'พาเที่ยว' แถม 'พาเข้าครัว' ด้วย ^^)

วัตถุดิบหลักที่ได้มาจากร้าน 'จันทรโภชนา'

3 อย่างนี้ ราคา 230.- แต่ผัดออกมาได้จานใหญ่เลย ทานได้ 5-6 คน

คุณป้าร้านจันทรโภชนาบอกว่าเส้น 1ห่อนี้ ใช้น้ำปรุง 1 ขวดพอดี

::: วิธีทำ :::

- ก่อนอื่นเอาเส้นมาแช่น้ำให้นิ่ม ประมาณ 15-20 นาที เพราะแมวน้ำแช่แค่15นาที ตอนผัดเส้นยังแข็งข้างในอยู่

ควรแช่ให้เส้นอิ่มน้ำนิดนึง แต่นานไปก็ไม่ดี เส้นจะเละผัดแล้วขาดไม่น่ากิน

- ตั้งกระทะ ใส่น้ำปรุงลงไปผัด เราใช้เส้น 1ห่อ ก็เทไปทั้งกระปุกเลยจ้า พอเดือดใส่ปูลงไปคลุกเคล้ากับน้ำปรุง

ใส่เส้นลงไปผัด (เติมน้ำ1ถ้วยถ้าชอบฉ่ำๆแฉะๆ)

ชิมดูถ้ารสอ่อนไปก็เติมน้ำตาลทราย กับน้ำปลาเพิ่ม ส่วนรสเผ็ดในน้ำปรุงจะออกเผ็ดหน่อยๆอยู่แล้ว

ผัดจนเข้ากันดี ชิมเส้นดู ถ้าเหนียวนุ่มหนึบ ไม่แข็งกรุบ ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย

- ตักเสิร์ฟ ทานเคียงกับกุ้ยช่าย ถั่วงอกดิบและแตงกวา

แล้วก็ได้มาเป็นจานนี้

ฉ่ำกว่าที่ร้านอย่างเห็นได้ชัด เค้าชอบแบบนี้ อยากกินต้องทำเอง ^^

อิ่มคาวแล้ว ต้องตบด้วยหวาน ถึงจะครบสูตร ....เดี๋ยวไปต่อที่ร้าน KAYS กัน



::: KAYS ESPRESSO BAR :::

เคยได้ยินชื่อร้านนี้มาสักพักแล้ว ไหนๆมาแวะตัวเมืองจันท์ทั้งที ขอแวะจิบกาแฟ กินหนมกันก่อนกลับนิดนึง

ร้านใหญ่ ตกแต่งทันสมัย สวยงาม

ด้านหลังเป็นสวนสไตล์ยุโรป


ในส่วนของเมนูที่นี่ ก็จะเป็ฯประเภท กาแฟ เครื่องดื่ม ร้อน เย็น ไอศครีม ฮันนี่โทส ซึ่งมีแบบแป้งชาร์โคลด้วย

หมายมั่นปั้นมือมากว่า จะไปกิน ไอติมชาร์โคล แต่หมดจ้า.... T T ตะเตือนไต

ก็เลยสั่งเป็นเครื่องดื่มแทน [ ชาเขียวเย็น ] รสชาติทั่วไป

แก้วนี้เพิ่มดีกรีความเขียวขจีให้กับนาง ^^

ส่วนกาแฟ สั่งเป็น Piccolo Latte แต่แอบรอนาน สงสัยคงจะลืม ลูกค้าค่อนข้างเยอะ

ในส่วนของกาแฟนั้น ยังไม่พีคมาก และแอบบงงว่า เหตุใดจึงมีช็อกโกแลตซอสด้านบน สันนิษฐานว่า อาจจะเท ลาเต้อาร์ทมาแต่ไม่สวยเลยแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้รึเปล่า ไม่แน่ใจ

ส่วนขนม ก็ที่ตั้งใจมากินมันหมดง่ะ อดกิน เลยส่องของโต๊ะข้างเคียงมา แหะๆ


และน้ำเบอรี่เย็นๆของคนอื่นที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์


โดยรวมร้านKAYS

- ร้านสวย บรรยากาศดี ที่นั่งเยอะ เหมาะกับการมาแฮงก์เอ้าท์พบปะเพื่อนฝูง

- เครื่องดื่มราคาไม่แพงมาก

- แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องกาแฟยังไม่ถึงกับโดดเด่นให้สมชื่อร้านที่เป็น Espresso Bar เพราะลูกค้าส่วนใหญ่แนวครอบครัว จะนิยมสั่งพวกของหวานและพวกชาเย็น กาแฟเย็นซะมากกว่า

ใครผ่านไปเที่ยวเมืองจันท์ก็ลองไปนั่งเล่นกันได้จ้า


::: ทุ่งโปรงทอง | ประแส :::

ออกจากเมืองจันท์ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่า ขากลับจะแวะไปสวนละไมที่ระยอง เพราะช่วงสัปดาห์นั้น สตรอเบอรี่กำลังออก กะจะไปเด็ดสตรอเบอรี่ สวยๆ เพลินๆ ซะหน่อย แต่คำนวณระยะทางและเวลาแล้ว เค้าน่าจะปิดซะก่อน เผื่อหลงทางอีก เลยเปลี่ยนแผนดีกว่า ไม่ไปแล้ว เดี๋ยวไปเก้อ เสียเวลาเปล่าๆ

...แล้วทีนี้เอาไงดีเนี่ย เวลาเหลือ ฟ้ายังไม่มืด ยังไม่อยากกลับพัทยา.... แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ พลางก็คิดว่าไปไหนดีว้าาาา ...

แล้วผ่านป้ายข้างทางเห็นแว้บๆ อะไร โปรงๆ ทองๆ อะไร ประแส แล้วก็เสิร์ชเจอ

อ่ออออ....ก็ ทุ่งโปรงทอง ที่ประแสไง จะใครล่ะ!!!!

เลี้ยวฟ้าบเข้าไปเล้ยยยย.....

ขับรถเข้าไปทางไปปากน้ำประแส แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆข้างวัดตะเคียน ขับเข้าไปตามป้าย สุดท้ายจะเป็นสะพานไม้ทางเข้าไปทุ่งโปรงทอง

ซึ่งที่นี่เปิดตั้งแต่ 8.00 - 18.00 ไม่เสียค่าเข้าชม สามารถจอดรถด้านหน้าทางเข้าได้เลย แต่ต้องจอดซ้อนคัน ออกยาก เพราะที่แคบ มีที่จอดน้อย

ถ้าเอาสะดวก ยอมเสียตังสัก 20 บาท จอดในลานจอดรถกว้างๆ ข้างหน้าก่อนก็ได้

พอเดินเข้ามาก็เจอทุ่งโปรงทองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สวยมาก

ยิ่งช่วงที่เดินเข้ามาคือประมาณ 4-5 โมงเย็น แสงเริ่มเฉียง ไม่ร้อนมาก แล้ว แดด กระทบกับใบโปรงทองพอดี สีทองอร่ามเลยทีเดียว


เป็นความบังเอิญจริงๆ อันนี้สาบานได้ว่า ไม่ได้ตั้งใจใส่ชุดมาให้เข้า theme กับ ต้นโปรงทอง


ถ่ายรูปสนุกมากจริงๆ เพราะชอบสีเขียวทองเป็นทุนด้วย (สังเกตจากคอสตูมที่ใส่มา) ซึ่งสีทุ่งโปรงทองนี้ตอบโจทย์มากๆ


ซีนนี้ให้ความรู้สึกกิ้งก่ามาก ที่ปรับโทนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม

นอกจากทุ่งโปรงทองด้านหน้าแล้ว สะพานไม้นี้จะทอดยาวไปถึงปากน้ำประแสเลย ความยาวประมาณเกือบ 2 กม. ได้

ในระหว่างทางก็จะเป็นป่าชายเลน ต้นโกงกาง ให้คนละอารมณ์กับทุ่งโปรงทองเมื่อกี๊เลย

สายดาร์คๆ แบบ รากโกงกางก็มีให้ดู

ต้นอ่อน


เดินมาจนถึงกลางทาง เพราะเดินต่อไม่ไหว กลัวมืดไป ออกไม่ทัน ต้องหันหลังกลับไปจุดเดิม

แต่มุมนี้ต้นไม้ฟอร์มสวยดีนะ

แต่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เราไปขับรถไปดูตรงเรือรบประแสกันดีกว่า เค้าว่าจุดนี้พระอาทิตย์ตกสวย

นั่งชิลริมน้ำ ลมพัดเย็นๆ


พระอาทิตย์จะตกแล้ว

ธรรมชาตินี่สุดยอดไปเลยยยยย

ฟ้ามืดแล้ว ได้เวลากลับไปเตรียมตัวทำงานต่อวันรุ่งขึ้น

ทริปนี้มีแค่ 2 วัน 1 คืน แต่เก็บเอาความสุขที่ได้รับจากธรรมชาติมาเต็มเปี่ยม

ลองหาเวลาว่างๆสัก 2 วัน มาเสพบรรยากาศที่ธรรมชาติเป็นผู้มอบให้เรากันนะคะ

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ^^


ติดตาม เพจแม่ครัวแมวน้ำ Seally-Go-Round ที่จะพาไปเที่ยว – แวะกิน – แล้วชวนเข้าครัวไปcookingกัน)

ได้ตามลิ้งนี้จ้า https://www.facebook.com/seallygoround/?fref=ts


Seally-Go-Round

 วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.11 น.

ความคิดเห็น