ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปมีน้ำตา

ที่ภูกระดึง จ.เลย

โฉมหน้าผู้ร่วมชะตากรรมในการนอนกลางดินกินกลางทรายของเราในทริปนี้


ทริปนี้ถูกแพลนไว้ครึ่งปีก่อนการเดินทางกว่าทุกอย่างจะลงตัว ใจเพร้อมมากและพยายามเตรียมลิสของใช้ที่จำเป็นตลอด จวบจนวันใกล้เดินทางทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี 

แต่แล้วก็ต้องพบกับข่าวร้ายครั้งยิงใหญ่ของชาวภูกระดึงและนักท่องเที่ยวอย่างเราก่อนการเดินทางแค่ 1 อาทิตย์  คือไฟไหม้ภูกระดึง ทำให้พื้นที่ป่าเสียหายเป็นบริเวรกว้างและสัตว์ป่ายังได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันอยู่หลายวันกว่าจะควบคุมเพลิงได้ 

เราและเพื่อนคุยกันจนได้คำตอบว่า "ถ้าเปิดให้เดินขึ้นภู พวกเราก็ไป ไปแบบไฟพึ่งไหม้เสร็จนี่แหละ"

ติดต่อเจ้าหน้าที่พร้อมขึ้นภู เวลา 07.00 น. ก่อนขึ้นเจอเจ้านี่ ผู้ช่วยผู้พิชิต อย่าคิดว่าเจ้าไม้นี่จะเกะกะหรือเดินไม่สะดวก มีประโยชน์มากกว่ากระเป๋าเป้ที่หลังเราซะอีก เพราะใดๆคือช่วยพยุงน้ำหนักเราได้เยอะเลยทีเดียว

เดินมาสักพักก็ถึงซำแฮก หอบแฮกๆสมชื่อจริงๆ เหลือบไปเห็นแตงโมในร้านค้าและเคยได้ยินมาว่า "แตงโม" ที่ภูกระดึงอร่อยมาก อันนี้จริงเราเห็นด้วย กินแล้วฉ่ำปอดมากค่า

เราไปช่วงปลาย ก.พ. ระหว่างทางเดินก็จะได้ฟิลแบบฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็ร้อนใช้ได้เลยนะ

ตลอดทางเดินไต่ระดับเขาจะเป็นทางขรุขระ เป็นหินบ้าง บันไดบ้าง สลับกัน 

ยิ่งสูงขายิ่งตึง และทางเราก็ไม่พลาดพักมันทุกซำ สุดท้ายสิ่งที่ไม่อยากเจอก็ได้เจอ ตะคริวกินไปอีก

กินแบบร้องขอชีวิตไปเลย โชคดีที่คุณป้าที่อยู่บนภูกระดึงให้ความช่วยเหลือ เคล็บลับคือป้าใส่เกลือผสมโค้กหรือถ้าใครมีเกลือแร่ก็สามารถจิบๆไปตลอดทางได้เลย (คุณป้ากระซิบมาว่าลูกหาบที่นี่เขาก็ใช้วิธีนี้กัน)

ใครไหวไปก่อนเลย 55555

ถึงใครไม่ไหวแต่พี่ๆลูกหาบยังไหว ยกให้เป็นขั้นสุดในทริปนี้เลย

ราคาสัมภาระในการจ้างลูกหาบก็ไม่แพงกิโลละ 30 บาท เท่านั้นนนน

4 โมงเย็นถึงเต๊นท์ด้วยความเอื่อยเฉื่อย อากาศข้างบนค่อนข้างเย็นไปถึงหนาว 

บนภูสะดวกมาก ร้านอาหาร ห้องน้ำ ครบวงจร เรามีหน้าที่แค่เตรียมของใช้ส่วนตัวมาแค่นั้นพอ 

เช้าวันรุ่งขึ้นเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น มีเจ้าหน้าที่นำทางให้ ทางมืดพอได้อุปกรณ์สำคัญอีกอย่างคือไฟฉายจ้า

บนภูมีที่เที่ยวเยอะมาก ทั้งสายดูวิวหน้าผาและลัดเลาะน้ำตก สามารถเดินหรือเช่าจักรยานก็ได้ แต่เราแนะนำให้เช่าจักรยานดีกว่า และใช่จ๊ะ เราและเพื่อนเลือกที่จะเดิน เดินกันให้เท้าพองไปเลย ไป-กลับ เกือบ 20 โล จุดมุ่งหมายคือผาหล่มสัก 

เตรียมเสบียงไปให้พร้อม เราเลือกเส้นทางเดินเลียบหน้าผา บางพื้นที่ยังหลงเหลือกลิ่นไหม้อยู่บ้าง มองดูสองข้างทางแล้วใจหาย มันน่าเสียดายที่ป่าสีเขียวถูกกลืนกินด้วยไฟจนต้นไม้กลายเป็นสีดำ

ผาหล่มสักที่ต้องพกดวงมาด้วย เราไปเจอตอนฟ้าปิดพอดี หมดกันฟิลแบบนั่งชมพระอาทิตย์ตก

5555 ก็เลยได้ใบไม้ ต้นหญ้ามาแทน 

ออกเดินทางท่องเที่ยวแล้ว อย่าลืมรักษาป่า ธรรมชาติด้วยนะค้าาา

ขอบคุณที่ติดตามค่าา 

ไม่อยู่บ้าน

 วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.39 น.

ความคิดเห็น