ครบรอบหนึ่งปีแห่งการละสังขารของหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด
แม้วันนี้ท่านจะจากไปแล้ว แต่มรดกทางพระพุทธศาสนาที่ท่านทิ้งไว้ให้จะยังอยู่สืบไป
สิ่งหนึ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ลูกหลาน นั่นคือวิหารเทพวิทยาคม สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความสวยงามเท่านั้น
แต่ยังแฝงไปด้วยปริศนาธรรมต่างๆไว้อย่างแยบยลอีกด้วย....
พญานาค 19 เศียร 2 ตน
ก่อนที่จะเข้าสู่วิหารเทพวิทยาคม จะต้องเดินขึ้นสะพานพญานาค ๑๙ เศียร ทั้ง ๒ ตน
ซึ่งมี ๒ สีด้วยกัน คือ สีโทนร้อน ชื่อว่า ท้าวทศนวศิระเตช (ท้าว-ทด-สะ-นะ-วะ-ศิ-ระ-เต-ชะ)
และสีโทนเย็น ชื่อว่า ท้าวทศนวศิระดิศ (ท้าว-ทด-สะ-นะ-วะ-ศิ-ระ-ดิด)
ซึ่งทอดลำตัวโอบล้อมยกวิหารหรือยกพระวินัยและพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ขึ้นพ้นจากฝั่งโลกียภพและข้ามบึงน้ำแห่ง( วัฏสงสาร ) สังสารวัฏ
โดยส่วนหางจะไปบรรจบและพันกันเป็นเกลียว ๓ เกลียว ซึ่งเปรียบเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา
ที่โอบอุ้มดวงแก้วสารพัดนึกเอาไว้ที่ด้านหลังวิหาร
เศียรของพญานาคนั้นรวมกันเป็น ๓๘ เศียร เปรียบได้กับมงคลชีวิตทั้ง ๓๘ ประการ
มงคลชีวิต ๓๘ ประการได้แก่
๑. การไม่คบคนพาล ๒. การคบบัญฑิต ๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๔. การอยู่ในถิ่นอันสมควร ๕. เคยทำบุญมาก่อน
๖. การตั้งตนชอบ ๗. ความเป็นพหูสูต ๘. การรอบรู้ในศิลปะ ๙. มีวินัยที่ดี ๑๐.กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต ๑๑.การบำรุงบิดามารดา
๑๒.การสงเคราะห์บุตร ๑๓.การสงเคราะห์ภรรยา ๑๔.ทำงานไม่ให้คั่งค้าง ๑๕.การให้ทาน ๑๖.การประพฤติธรรม ๑๗.การสงเคราะห์ญาติ
๑๘.ทำงานที่ไม่มีโทษ ๑๙.ละเว้นจากบาป ๒๐.สำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๒๒.มีความเคารพ ๒๓.มีความถ่อมตน
๒๔.มีความสันโดษ ๒๕.มีความกตัญญู ๒๖.การฟังธรรมตามกาล ๒๗.มีความอดทน ๒๘.เป็นผู้ว่าง่าย ๒๙.การได้เห็นสมณะ
๓๐.การสนทนาธรรมตามกาล ๓๑.การบำเพ็ญตบะ ๓๒.การประพฤติพรหมจรรย์ ๓๓.การเห็นอริยสัจ ๓๔.การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
๓๕.มีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๓๖.มีจิตไม่เศร้าโศก ๓๗.มีจิตปราศจากกิเลส ๓๘.มีจิตเกษม
วิหารเทพวิทยาคมหรือวิหารปริสุทธปัญญสร้างตามพระดำรัสของพระพุทธองค์
ในช่วงก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน จากความที่ว่า
“แท้จริงแล้ว วินัยที่เราได้บัญญัติแก่ท่านทั้งหลายก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายก็ดี
เมื่อเราล่วงไปแล้ว ธรรมและวินัยเหล่านั้นจะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายตลอดไป"
ดังนั้นจึงมีการสร้างวิหารที่รวบรวม พระวินัย และพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาแสดง
เพื่อให้ชาวพุทธทั้งหลายได้มาศึกษาเปรียมเสมือนกับการได้พบพระศาสดาของพุทธศาสนา
รอบๆวิหารเทพวิทยาคมนั้นจะประกอบด้วยงานศิลปะจากโมเสก และจะมีซุ้มอภิมหาบารมีอยู่ทั้ง ๔ ทิศ ได้แก่
ซุ้มพระอินทร์ (INDRA LINTEL)
เป็นการเสริมสร้างบุญบารมีของตนเอง ตลอดจนธุรกิจการงานและครอบครัว บุคคลที่รักและเคารพนับถือ
จะพบแต่สิ่งที่ดี มีความสำเร็จในชีวิต มีโชควาสนาบารมี เป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและมีชื่อเสียงด้วยลาภยศสรรเสริญ
ซุ้มพระยม (Pra Yom LINTEL)
เป็นที่ระลึกเตือนให้ทุกคนที่ผ่านซุ้มนี้ลดละความไม่ดีทั้งหลาย เพื่อถึงพร้อมสู่ความสุขความเจริญ
ตาราวกับจ้องมองมาที่เรา
ซุ้มพระพิรุณ (Pra Pi-Run LINTEL)
เทพแห่งน้ำและความอุดมสมบูรณ์ความร่มเย็นเป็นสุข ความสงบสุข องค์พระพิรุณ มี ๔ พระกร
ทรงถือดอกบัว หมายถึงปัญญา บ่วงบาศ หมายถึงความมั่นคง ยุติธรรม หอยสังข์ หมายถึงความสุขความร่มเย็น
และกล่องอัญมณี หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
ซุ้มอภิมหาบารมีพระกุเวร (ท้าวเวสสุวรรณ) (Pra Ku-Wain LINTEL)
เทพแห่งทรัพย์ บันดาลให้เกิดทรัพย์ ผู้พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา และคุ้มครองดูแลโลกมนุษย์
แสดงถึงความอิสระ ความยุติธรรม
จากนั้นเมื่อเราเดินเข้าซุ้มพระอินทร์ จะพบห้องโถงกว้างซึ่งจะมี “ภาพพุทธประวัติ เเละ ต้นโพธิอธิฐาน"
ภาพที่ ๑ พุทธอนุโมทนา (ประสูติ)
ภาพที่ ๒ พุทธปัญญา (ตรัสรู้)
ภาพที่ ๓ พุทธปาฏิหารย์ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่าเทวดา)
ภาพที่ ๔ พุทธบารมี (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่ากบัตริย์และนักบวช)
ภาพที่ ๕ พุทธปิติ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่ชาวบ้าน หมู่มาร และนักบวช)
ภาพที่ ๖ ปฐมพุทธศาสน์ (ปรินิพพาน)
เพดาน ภายในห้องจัดเเสดง ภาพพระพุทธประวัติ เเละ ต้นโพธิอธิฐาน เเสดงถึงบารมี เเห่งพระพุทธองค์
เมื่อทรงตรัสรู้เเล้วเเผ่ไพศาลไปทั่วจักรวาลบรรยากาศ ค่อยๆ สูงขึ้น จนเหนือชั้นฟ้า เหนือเมฆ ไปจนอสงไขย ไม่มีที่สิ้นสุด
ทางเดินลาดขึ้นสู่ชั้นที่ ๒
บริเวณทางเดินวนขึ้นสู่ชั้นที่ ๒ ซึ่งปากทางจะมีภาพจิตรกรรมเขียนสีเป็นภาพหมู่ชนถือดอกบัวบูชาพระรัตนตรัยกำลังเดินขึ้น
สื่อความหมายว่าการเดินขึ้นสู่ชั้นที่ ๒ นี้ก็เปรียบเสมือนการเดินทางจากโลกมนุษย์ไปสู่ดินแดนสุขาวดีบนสรวงสวรรค์
ระหว่างทางเดินนี้จะมีภาพจิตรกรรมต่างๆที่แสดงถึงการเดินทางไปสู่แดนสุขาวดีและมีบทสวดมนต์อันเป็นสิริมงคลทั้ง ๙ บท
จุดที่ 1 บัวบูชาพระรัตนตรัย ประกอบด้วยด้วยบทสวด ชินบัญชร ซึ่งเป็นบทสวดที่อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์จากทั่วทุกสารทิศมาสถิตอยู่ในตัวเรา
เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองเราให้ปราศจากภยันอันตรายทั้งปวง
จุดที่ 2 สายธารแห่งปัญญา เปรียบดังมหาทานบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงเผยแผ่หลักธรรมอันยิ่งใหญ่
อันเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นให้แก่พุทธศาสนิกชน การน้อมนำหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเข้ามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
ทำให้สายธารแห่งปัญญาไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบด้วยบทสวด พาหุง ซึ่งเป็นคาถาแห่งชัยชนะ ๘ ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีเหนือมนุษย์และอมนุษย์ด้วยอานุภาพแห่งธรรม
จุดที่ 3 ประตูพระธรรม เพื่อได้พบความสุขที่แท้จริง คือความสุขด้วยปัญญา เป็นความสุขจากการหลุดพ้นกิเลสทั้งปวง ประกอบด้วยบทสวด โพชฌงค์
จุดที่ 4 ภาพปริศนาธรรม น้อมจิตระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาอันบริสุทธิ์ ทำจิตใจให้เป็นสมาธิ
ประกอบด้วยบทสวด ยันทุน อันเป็นคาถาลางขจัดปัดเป่าเหตุลางชั่วร้าย และอวมงคลให้พินาศไป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า
จุดที่ 5 มัจฉาสุขสวัสดิ์ แห่งพระพุทธองค์ ซึ่งจะได้ช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่
เป็นแสงสว่างนำทางแก่หมู่ชนทั้งหลายให้ได้พบกับความสุขสวัสดีอันเกิดจาความสุขสงบ
ด้วยพระธรรมคำสั่งสอนของผู้มีพระภาคเจ้า ประกอบด้วยบทสวด องคุลีมาลปริตร
อันเป็นคาถาสวดเพื่อให้เกิดความสุขสวัสดีทั้งตนเอง ครอบครัว และเหล่าบริวารทั้งหลาย
จุดที่ 6 สักการะอริยสงฆ์ แสดงถึงหมู่ธรรมทายาทที่สำคัญของสัมมาสัมพุทธเจ้าประกอบด้วยอริยสงค์ ผู้เป็นเลิศในด้านต่างๆ
ประกอบด้วยบทสวด สีวลี ซึ่งเป็นคาถาที่ทำให้คุณในทางความเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สินเงินทองจากการค้าขายและเงินทองไหลมาเทมา
จุดที่ 7 โพธิประสงค์ ของพระสัมมาสัมพุธเจ้า เพื่อเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจแก่เหล่าสาธุชนให้หลุดพ้นจากความทุกข์และกิเลสทั้งปวง
ประกอบด้วยบทสวด ฏะเตสิ ซึ่งมีคุณในทางเป็นเครื่องกันภัยด้วยสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผุ้ประสงค์ร้ายมิอาจกระทำอันตรายใดๆ
จุดที่ 8 พุทธรักษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน
ธรรมะแห่งพระพุทธองค์จะช่วยปกปักรักษาผู้ประพฤติธรรมให้แคล้วคลาดจกภยันตรายทั้งปวงด้วยสติปัญยา
ประกอบด้วยบทสวด อิติปิโส (ย้อนหลัง) ซึ่งมีอานุภาพขจัดสิ่งชั่วร้ายใดๆ ที่จะมาแผ้วพานให้มลายหายไป
จุดที่ 9 สู่แดนสุขาวดี ดินแดนแห่งความสุขสงบทั้งกายวาจา และใจ น้อมจิตรับพรอันประเสริฐจากทวยเทพเทวดาบนสรวงสวรรค์
ซึ่งพร้อมใจกันมาเป็นประจักษ์พยานแห่งความเพียรของการตั้งมั่นในจิตภาวนานับแต่ย่างก้าวแรกจนถึงปัจจุบัน
ประกอบด้วยบทสวด แผ่เมตตา เพื่อแผ่บุญกุศลที่ได้กระทำมาแก่ญาติพี่น้องและเจ้ากรรมนายเวรให้พ้นจากความทุกข์
และประสบแต่ความสุขด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ชั้นที่ 2 นั้นจะนำเสนอเรื่องราวของพระวินัยปิฎก เเละ วิวัฒนาการพระพุทธศาสนาหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขรรธ์ปรินิพพาน
อาทิ ศีล 227 ข้อ เเละเรื่องราวของนิกายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความพระวินัยเเละพระธรรมคำสอน ในหลากหลายเเง่มุม
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนานิกายใดก็ตาม ก็ล้วนมุ่งสร้าง “สันติภาพจากภายใน"
ให้เกิดขึ้นในหมู่มวลมนุษยชาติด้วยจิตที่สงบเย็นไม่เห็นแก่ตัวมองโลกชีวิตและสังคมว่าล้วนสัมพันธ์พึ่งพากัน“โลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
ชั้นที่ 3 นำเสนอเรื่องราวของพระธรรมปิฎก พระธรรมขันธ์
มีคำกล่าวของพระพุทธเจ้าก่อนดับขันธปรินิพพานว่า
“เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วให้นับถือพระวินัยและธรรมมะทั้งหลายนี้ พระองค์ทรงสั่งสอนไว้ เป็นศาสดาแทนพระองค์"
นั่นจึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
ชั้นดาดฟ้า “ประดิษฐานพระพุทธรูป องค์ใหญ่ เเละ รูปหล่อปิดทองคำหลวงพ่อคูณ"
ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อโลหะสำริดปิดทองปางลีลาพระพุทธลีลาประทานพร
และรูปหล่อโลหะสำริดปิดทองหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธในอิริยาบถยืนถือตะบอง
เป็นตามความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนธรรมะเเก่หลวงพ่อคูณ
เพื่อให้หลวงพ่อคูณนำธรรมะของพระพุทธเจ้าไปสั่งสอนชาวโลกต่อไป
ชั้นใต้ดิน เป็นเรื่องของ“ความเชื่อเเละความโชคดี"
บรรยากาศโดยรอบจัดตกเเต่งให้เสมือนได้ อยู่ในท้องนที อันศักด์สิทธ์ หรือ โลกใต้บาดาล
เเบ่งออกเป็น ๒ ส่วนหลักๆ ส่วนเเรก คือบริเวณโถงกลาง เรียกว่า เพชร ๗ สีมณี ๗ เเสง เป็น
การบูชาลูกปัดสีต่างๆ โดยเลือกเสี่ยงทายตามสถานะหรืออาชีพการงานของบุคคลนั้นๆ
ส่วนที่ ๒ จะรายล้อมโซน เพชร ๗ สีมณี ๗ เเสง ประกอบไปด้วย เจ็ดสิ่งนำโชคในโลกใต้บาดาล
อันมีความหมายมงคลตามความเชื่อ จากหลากหลาย ประเทศในโลก ได้แก่
๑. มังกร+ลูกแก้ว :ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง ความมีโชคลาภ วาสนา
๒. พญานาค: ขอพร เเชั้นใต้ดิน เป็นเรื่องของ“ความเชื่อเเละความโชคดี"
๓. ปลาอานนท์ : ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง สุขภาพ ความแข็งแรง มีกำลัง
๔. จระเข้ : ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง การสะสมบุญ ความเมตตา เพื่อจะได้รับเมตตาจาก เจ้านาย เเละเป็นที่รัก
๕. พญาเต่า : ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง อายุยืน
๖. ปลาม้าน้ำ : ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง ชีวิตคู่ยาวนาน สันติภาพ มิตรภาพ
๗. ปะการังแดง : ขอพร เเละคำทำนาย เรื่อง เดินทางปลอดภัย
และสุดท้ายนี้ก็มีข่าวมาบอกเพื่อนๆว่า
คณะแพทย์ มข.จะจัดงานครบรอบ 1 ปีมรณภาพหลวงพ่อคูณ 2วัน 14-15 พ.ค.2559
โดยจะมีการสวดพระอภิธรรม ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2559 เวลา 19.00 น.
และวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559 จะมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 100 รูป
ณ บริเวณถนนหน้าพระวิหารพระพุทธชินราชจำลองและถนนหน้าคลังเลือดกลาง
จีงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนตลอดจนศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ
เข้าร่วมงานตามวันและเวลาดังกล่าวด้วยนะครับ...
ขอบคุณเวปวัดบ้านไร่ (
http://watbaanrai.com/) นะครับที่ให้ข้อมูลต่างๆ
หากเพื่อนมีความคิดเห็นหรือจะแนะนำอะไร ติดต่อได้ที่
https://www.facebook.com/wefoto/ นะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ..
Wefoto
วันพฤหัสที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.21 น.