สวัสดีครับ  ทริปนี้ต่อเนื่องจากป๋าเกียรติพาเที่ยวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่กันนะครับ โดยเรายังคงวนเวียนอยู่จังหวัดเชียงใหม่  เพราะเราท่องเที่ยวแนวป่าเขาธรรมชาติแบบไทยๆ กันจนอิ่มแล้ว  เลยนึกอยากไปเที่ยวแบบแนวสวนดอกไม้เมืองหนาวสไตล์เชียงใหม่กันบ้าง  นึกขึ้นได้ว่าเคยเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ มีสถานที่ท่องเที่ยวแนวสวนดอกไม้ และที่พักสุดหรูสไตล์ยุโรป ชื่อ กฤษดาดอย แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น  Flora Creek Chiang Mai โรงแรมระดับ 5 ดาว บนพื้นที่กว่า 26 ไร่ ที่มีทั้งที่พักและสวนดอกไม้ให้ได้ชม แต่เราก็ยังไม่ได้เข้าไปพักสักที ครั้งนี้เลยตัดสินใจ เข้าพักกันเลยดีกว่า  โรงแรมตั้งอยู่บนเขาใน อ.หางดง (ปรากฏตามแผนที่นี้ เผื่อคนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวกันครับ)

เข้าเช็คอินกันเลยครับ 

พนักงานต้อนรับเป็นอย่างดี เสริฟ wellcome drink ด้วยน้ำเสาวรสแท้ๆ รสชาติอร่อยมากเลยครับ

จากนั้นพนักงานได้พาพวกเราไปขึ้นรถกอล์ฟ ไปที่พัก เนื่องจากโรงแรมนี้มีพื้นที่กว้างมาก หากจะไปยังห้องพัก หรือจุดอื่นๆ สามารถแจ้งพนักงานต้อนรับ ขอใช้บริการรถกอล์ฟไปส่งตามจุดต่างๆ  ได้ตลอดเวลาครับ

ระหว่างทางมีสะพานข้ามลำห้วย มีน้ำไหลผ่านตามโขดหิน มีเสียงดัง ผ่อนคลาย 

ถึงแล้วครับที่พักของเรา เลือกแบบ Deluxe Plantation พื้นที่ใช้สอย 53 ตรม.จำนวน 2 ห้องติดกัน

หน้าห้องพักมีร่มไว้บริการลูกค้าด้านหน้า จำนวน 2 คัน / ห้อง

เมื่อเปิดเข้าไปในห้อง แล้วสุดแสนจะบรรยาย การตกแต่งห้องด้วยโทนสีเบจ ดูหรูหรา  ถอดรองเท้าเข้าไป สำผัสพื้นรู้ได้ว่าสะอาดมาก  แถมห้องโล่งโปร่ง กว้าง ไม่อึดอัด  มีพื้นที่เตียงนั่งเล่น  

และบริเวณด้านหลังห้องมีระเบียง เปิดออกไป มีเก้าอี้ทรงกลมสานให้นั่งเล่นพักผ่อน มีน้ำจากลำธารไหลผ่านเสียงดังกระทบโขดหิน ทำให้สัมผัสได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติ ร่มรื่น และรู้สึกผ่อนคลาย

มีโต๊ะโคมไฟให้นั่งทำงานได้ เผื่อใครมีงานด่วนครับ

มีอ่างอาบน้ำ ในพื้นที่ที่ไม่อึดอัด 

ห้องน้ำแบ่งโซนจากกันอย่างอิสระ คือ อ่างล้างหน้า , อ่างอาบน้ำ , ห้องอาบน้ำฝักบัว และ ห้องสุขา 

ที่ประทับใจคือ แชมพู , สบู่เหลว กลิ่นหอมแนวอโรมา

มีพื้นที่โต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นหน้าที่พัก  โดยมีแนวต้นไม้เป็นกำแพง ดูสบายตาครับ

งั้นลองไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆที่พัก สวยแม้กระทั่งหญ้าครับ 555+

บริเวณผนังห้องเป็นลายอิฐ เก๋ เลยให้นางแบบไปยืนโพสขอสักภาพ 

  • ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 70 ห้อง  แบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ
    - Superior Garden View 33 ตารางเมตร (จำนวน 8 ห้อง)
    - Deluxe Plantation 53 ตารางเมตร (จำนวน 42 ห้อง)
    - Deluxe Horizon 63 ตารางเมตร (จำนวน 14 ห้อง)
    - Pool Villa 140 ตารางเมตร (สระน้ำส่วนตัว) (จำนวน 6 ห้อง) 

            หลังจากที่เราเข้าที่พักมาเหนื่อยๆ จึงอาบน้ำ และจึงได้พากันออกไปเก็บบรรยากาศสวยๆ และ เลยไปทานอาหารเย็นเลยครับ

    มีพื้นที่ทางเดินตลอดกว้างๆ แวดล้อมด้วยต้นไม้ เหมาะสำหรับวิ่งออกกำลังกายเลยครับ

    มีฟิตเนสและสระว่ายน้ำ อยู่ติดกันเลยครับ ช่างออกแบบได้ลงตัว 
    (เปิดบริการ 07.00 – 19.00 น.)

    ห้องฟิตเน็ตเป็นกระจกมองเห็นได้วิวได้รอบทิศ

    มีสะพานข้ามลำธาร จะแบ่งกันระหว่างห้องพักกับ สวนดอกไม้ของที่นี่ครับ 

    เมื่อเราข้ามสะพานไป จะพบกับสวนดอกไม้ และ มีห้องอาหารเฟื่องฟ้า ซึ่งเป็นร้านอาหารเก่าของกฤษดาดอย ยังคงเอกลักษณ์สไตล์ล้านนาไว้เหมือนเดิม  ซึ่งแต่ก่อน จะเปิดบริการให้ทานอาหารท่ามกลางสวนดอกไม้ รองรับลูกค้าได้ถึง 150 ที่นั่ง (เปิดบริการ 10.00 – 17.00 น.) แต่ปัจจุบันยังปิดปรับปรุงอยู่ครับ

    ลำธารจะมีฝูงเป็ดออกหาอาหาร ซึ่งจะเชื่องมากๆครับ 

    ซุ้มต้นไม้ ให้นางแบบไปโพสถ่ายภาพ

    บริเวณสะพาน เข้าสู่เรือนสปา มองเด่น เลยถ่ายภาพมาให้ชมกัน

    ประตูทางเข้าที่พัก ออกแบบลวดลายที่พื้น ดูแล้วเก๋ดีครับ เลยให้นางแบบโพสเก็บภาพมาฝากกันครับ

    จากนั้นเราก็มาทานอาหารเย็น บรรยากาศห้องอาหารกว้างขวางครับ

    อันดับแรกสั่ง เครื่องดื่ม Cocktail มาดื่มเพิ่มความสดชื่นก่อนครับ

    เมนูหมูทอดจิ้มแจ่ว

    เมนูแกงเขียวหวานไก่ลำใยสด

    เมนูยำทะเล

    เมนูชุดน้ำพริกอ่อง & ผัก

    เมนูสเต็กหมูบาบิคิวซอส

    ตื่นขึ้นมาเราอาบน้ำแต่งตัว ก็เรียกรถกอล์ฟ มารับไปทานอาหารเช้ากันครับ

    มาถึงทางเข้าห้องอาหาร  ทางเดินเข้าออกแบบเดินเข้าเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นสระน้ำ มีระแนงไม้สวย เก๋ ไปอีกแบบครับ 

    ช่วงที่เราไปพักเป็นช่วงการระบาด Covid -19 ทางโรงแรมเข้มงวดในการตรวจการใส่แมส และ วัดไข้  และมีพนักงานคอยตักอาหารให้เราครับ

    หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว เราก็ได้เดินถ่ายภาพบรรกาศมาให้ชมกันครับ

    ขากลับห้องพักเราเดินกลับเป็นระยะทางไกล ก่อนเช็คเอาท์ มานั่งพักเหนื่อย ฟังเสียงน้ำไหล แล้วคลายเหนื่อยไปได้ครับ

    ตลอดระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ของการมาพักที่่นี่ ขอบอกเลยครับ ว่าไม่ผิดหวัง ประทับใจมากครับ ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว เนื่องจากสถานที่กว้างมาก  ตั้งอยู่บนภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ มีเสียงน้ำไหลผ่าน เสียงนก  จึงทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับการพักผ่อน  หลบหนีจากความวุ่นวายในเมือง  เป็นสถานที่พักผ่อนที่ขอแนะนำเลยครับ ลองหาโอกาศมาพักแล้วจะประทับใจมากๆเลยครับ 
    "โรงแรมฟลอร่า ครีค เชียงใหม่" (Flora Creek Chiang Mai)
    ที่ตั้ง : 90 หมู่ 4 ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
    โทร. : 0-5200-1400
    website : WWW.FLORACREEKCHIANGMAI.COM

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          หลังจากเช็คเอาท์จาก  "โรงแรมฟลอร่า ครีค เชียงใหม่" (Flora Creek Chiang Mai)แล้ว เราได้เดินทางต่อไปทานอาหารกลางวัน โดยเราเลือกร้าน Vieng Joom On Teahouse ซึ่งชื่อร้านค่อนข้างอ่านยาก และ ฟังดูแปลกๆ จึงได้เสิร์ซเข้าไปอ่านใน google ได้ข้อมูลว่า ‘เวียงจูมออน’ เป็นภาษาเหนือ ‘เวียง’แปลว่า ‘นคร’ส่วน ‘จูมออน’ แปลว่า ‘สีชมพู’ รวมกันก็คือ ‘นครสีชมพู’ที่ได้กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการตกแต่งร้านสาขาแรกที่ริมแม่น้ำปิง ใกล้วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดเป็นร้านน้ำชาที่โดดเด่นแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง เปิดดำเนินการเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจ กลุ่มลูกค้าทั่วไป รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ก่อนขยายสาขาขึ้นห้างฯ และเคยเข้ามาเปิดแฟรนไชส์ที่กรุงเทพ

    ด้านหน้าของร้านสีชมพูหวาน

    ภายในร้านขายชาหลายชนิดมากเลยครับ

    ภายในร้านมีชุดผลิตภัณฑ์จากชา คล้ายๆกับพิพิธภัณฑ์เลย ออกแบบได้สวยงามมากครับ 

    ร้านนี้เริ่มต้นมาจากบรรยากาศของการจิบชาอย่างผ่อนคลาย การตกแต่งร้านจะเก๋ไก๋ มีเสน่ห์ มีความโด่นเด่นด้านประโยชน์หลากหลายด้านของชาชนิดต่างๆ

    ตรงนี้ เป็นที่นั่งให้ลูกค้าได้เชฟฟี่ แบลกกราวด์เป็นถังชา

    เบเกอรี่ทานคู่กับชา

    ร้านชาเวียงจูมออนได้รวบรวมชาชั้นดีกว่า 60 ชนิด ล้วนคัดสรรจากแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงทั่วโลก นอกจากชาแล้ว ยังมีขนมเบเกอรี่ทานคู่กับนัำชาหลากหลายชนิดให้ได้ลิ้มลอง ผมได้เดินสำรวจดู มีหลากหลายมากเลยครับ แต่ก็ได้ลองชิมชาดอกกุหลาบแล้วชอบ กลิ่นหอมชื่นใจ เลยซื้อกลับบ้าน

    ถ้าใครจะซื้อชาไปฝากผู้ใหญ่หรือญาติ แนะนำเลยครับ แพ็คเก็ตสวยมาก

    ร้านนี้ได้คะแนนรีวิวเยอะเลยครับ

    เราลองสั่งเครื่องดื่มจากชามาหลายอย่างรสชาติดีคนละแบบ สรุปแล้วยกนิ้วให้เลยครับ

    จาน+ช้อนซ่อม ใส่ถุงอย่างดี

    เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของชา รสชาติหอมละมุน ได้กลิ่นชาแบบสดชื่น กันไปเลยครับ

    เมนูสปาเก็ตตี้ต้มยำ

    "Fresh Spring Roll"

    ปอเปี๊ยะผักสดที่มีส่วนผสมของไข่ และ นานาชนิด ห่อด้วยแป้งแผ่นบางที่เหนียวนุ่ม ทานคู่กับซอสหวานและซอสมะขาม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน สูตรพิเศษของทางร้าน ทานแล้วรู้สึกสดชื่น อร่อยแถมสุขภาพดี

    ทั้งเมนูสปาเก็ตตี้ผัดฉ่า ผัดคู่กับเห็ดแชมปิญอง

    เริ่มต้นกันด้วยเมนูเริ่ดหรู เมนูนี้คือ High Tea for Two โดยจะมี 3 ชั้น โดยสามารถเลือกชาร้อน 1 กา (เลือกรสได้ตามใจชอบ)

    - ชั้นบนจะมีให้เลือกแบบ 2 ชิ้น หรือ 4 ชิ้น ที่ร้านจะมีให้เลือก 4 รสชาติ คือ รสออริจินัล สโคนผสมลูกเกด สโคนผสมสตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง และสโคนผสมเนื้อส้ม สโคนเสิร์ฟคู่กับโฮมเมดแยมและไลท์ครีม ชิมสโคนอบใหม่ๆ เนื้อนุ่มอร่อยถูกปาก
    -ชั้นที่สองผมยกนิ้วให้่าอร่อยมาก เมนูนี้คือ Rooibos tea Mousse ซึ่งเมนูนี้เป็นการนำมูสชาแดงแอฟริกัน มาเสิร์ฟคู่กับซอสสูตรพิเศษราดด้วยซอสราสเบอร์รี่ ความนุ่มของมูสนี่ทำเอาเคลิ้มไปเลยครับ ซอสราสเบอร์รี่ที่ทำมาเป็นรูปหัวใจนี่ก็สวยงามและช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยวตัดกันได้ดีครับ
    -ปิดท้ายจานล่างสุดด้วย Fruit Salad ซึ่งเป็นการนำผลไม้ตามฤดูกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอ๊ปเปิ้ลเขียว แอ๊ปเปิ้ลแดง แคนตาลูป แก้วมังกรมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า ล้อมรอบถ้วยซอสราสเบอร์รี่เพิ่มรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ได้เป็นอย่างดีครับ

    ทานกัน 3 คน ตบท้ายด้วของหวาน แล้วอิ่มพอดีเลยครับ อ้อ ลืมบอกไปว่าร้านนี้ เป็นร้านอาหารมังสวิรัตนะครับ แต่ลักษณะอาหาร รสชาติอาหาร ทานแล้วกลมกลืนได้ดีครับ

    ผมประทับใจมากครับร้านนี้ และจะแวะมาทานใหม่อย่างแน่นอน สำหรับเพื่อนที่สนใจจะมาอุดหนุน ได้ตามที่อยู่ด้านล่างนี้ครับ

    “เวียงจูมออน ทีเฮ้าส์” ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญราษฎร์ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ร้านตั้งอยู่เยื้องกับวัดเกตการาม ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. โทร. 0-5330-3113 มีอีก 2 สาขา คือ สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ชั้น 2 โซนพลาซ่า และ สาขานิมมาน ซอย 1 Facebook : Vieng Joom On Teahouse - เวียงจูมออน ทีเฮ้าส์
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------                 จากนั้นเราก็วางแผนหาที่พักในเมืองต่ออีกสัก 1 คืน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูท่าแพ เพราะช่วงกลางคืนจะได้ออกไปเดินเล่น  จึง เสิร์ช  หาในเน็ต แล้วถูกใจ โรงแรมพ่อเลี้ยงหมื่น เทอร์ราคอตตา อาร์ต ( Phor Liang Meun Terracotta Arts Hotel ) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล จากโซนถนนคนเดิน เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว เราออกเดินทางไปกันเลยครับ

    เช็คอินน์

    บริเวณฟร้อนท์ต้อนรับ กว้างขวาง ออกแบบเป็นดินปั้นเก่าแก่ สมัยทราวดี ยิ่งใหญ่อลังกาล

    เราพักที่ชั้นสอง ระหว่างทางไป จะมีที่นังเล่นสวยๆ หลายจุด 

    บันไดขึ้นชั้นสอง แต่หากใครมีสำภาระ ก็ขึ้นลิฟท์ได้ครับ

    ห้องเราเลยครับ

    ห้องพักเรา กว้างขวาง มีระเบียงข้างห้อง หัวเตียงตกแต่งด้วยลายดินปั้น มีมนต์ขลัง

    ชุดกาต้มน้ำชา & กาฟ เป็นดินเผา

    ระเบียงข้างห้อง

    แต่ละจุดในโรงแรม มีที่นั่งผ่อนคลาย ถ่ายภาพเก๋ๆ แนวเก่าแก่เชิงโบราณครับ

    สิงห์โตคู่ ศิลปะทราวดี

    มีสระว่ายน้ำรวม ขนาดกว้างหากใครชอบว่ายน้ำออกกำลังกาย ผมแนะนำเลยครับ 

    จากนั้นเราก็พากันออกไปที่เดินเล่นถนนคนเดินท่าแพ ซึ่งจุดไฮไลน์ซึงเป็นที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายภาพกัน คือ ประตูท่าแพ ซึ่งเป็นประตูสู่ถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่  จุดสนใจจะมีฝูงนกพิราบบริเวณประตูท่าแพเป็นอีกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาเก็บภาพกัน บริเวณยังมีขายอาหารนกพิราบ(อาหารเม็ด)ให้นักท่องเที่ยวได้ให้อาหารนกพิราบอีกด้วย   แต่ปัจจุบันนั้นได้ปิดเนื่องจากสถานการณ์ Covid 19   ซึ่งแต่ก่อนเปิดขายเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น โดยเปิดตั้งแต่ 18.00 – 22.00 น. ที่ตั้งของถนนคนเดินท่าแพ จะเริ่มจากประตูท่าแพ ยาวออกไปทางถนนราชดำเนิน จนถึงวัดพระสิงห์ รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ในวันที่มีถนนคนเดิน ถนนจะปิดห้ามรถวิ่ง เรามาเดินชมบรรยกาศกันครับ 

    หรือจะชมภาพเคลื่อนไหวก็ถ่ายมาฝากกันครับ

    คลิกชม**ภาพเคลื่อนไหวสวยๆท่ามกลางนกพิราบประตูท่าแพ

    บริเวณกำแพงประตูท่าแพ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาตินิยมมาถ่ายภาพ

    หิวกาแฟ ก็มีร้าน สตาร์บัค อยู่ใกล้ๆ 

    จากนั้นเราก็เดินไปหาไรทาน บริเวณตลาดประตูเชียงใหม่

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

        ครับสำรับทริปป๋าเกียรติพาเที่ยวเชียงใหม่ ในตัวเมืองทริปนี้ ได้พาเพื่อนไปเที่ยวในตัวเมือง ได้จบแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าเพื่อนๆ และผู้ที่รักการท่องเที่ยวมีความสุขในทริปนี้  และ กดไลค์ กดแชร์เยอะนะครับ  ติดตามได้ทริปหน้าครับ

    Somkiet Yonthipweach

     วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.09 น.

    ความคิดเห็น