สวัสดีครับกลับมาอีกครั้ง หลังจากเราไปบุกป่าฝ่าดงเพื่อเติมพลังแห่งธรรมชาติกันมาพอสมควรแล้ว ทริปนี้จะมารีวิวสถานที่ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ฤดุร้อนนี้ส่วนใหญ่สถานที่ที่คนนึกถึงและมักหลบไปคลายร้อนกันก็หนีไม่พ้นทะเลหรือน้ำตก และบ้านเราก็มีที่ท่องเที่ยวทางทะเลอยู่มากมาย แล้วแต่เราจะเลือกสรรกันว่าจะไปที่ไหน ผมเลือกสถานที่ที่ขับรถไปไม่ไกลจาก กทม มากนักและต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่สักคืนนึงโดยไม่ไปเที่ยวที่ไหน สถานที่ที่ผมไปใช้บริการในครั้งนี้อยู่บริเวชายหาดพัทยา เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวในเครือ CHR หรือ Central Hotel and Resort ซึ่งมีอยู่หลาย brand ขึ้นเป็นดอกเห็ดไปทั่วประเทศ ส่วน brand ที่ผมเลือกใช้บริการในการพักผ่อนในครั้งนี้คือ Centara Grand Mirage Beach Resort

การเดินทางจากกรุงเทพใช้เส้นมอเตอร์เวย์เข้าสู่ถนนสุขุมวิทมาเส้นพัทยาเหนือผ่านวงเวียนปลาโลมาเข้าสู่ถนนพัทยา-นาเกลือ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนาเกลือ 18 ขับเข้าไปเกือบสุดซอย เลี้ยวขวาไปประมาณ 200 เมตรจะเจอโรงแรมตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ แค่ประตูทางเข้าก็อลังการงานสร้างมากๆแล้ว ขับเข้ามาจะเห็นตัวอาคารขนาดใหญ่ 2 อาคาร ประหนึ่งดุจเหมือนหน้าผาขนาดใหญ่เชื่อมต่อด้วยสะพานเชือกเหมือนในหนัง Indiana Jones แวดล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่น้อย อีกทั้งแท่งรูปปั้นเป็นรูปหัวของสิงห์สาราสัตว์ประหนึ่งว่าอยู่ในสถานที่ประกอบพิธีกรรมของพวกชนเผ่าในอาฟริกา!! theme ของโรงแรมตกแต่งเป็นแนวซาฟารี จากจุดจอดรถเดินเข้าสู่ตัวอาคารภายใต้อุโมงค์ลักษณะเหมือนงาช้างขนาดยักษ์ทอดยาวออกไปสู่ชายหาด ให้ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับว่าเรากำลังออกผจญภัยไปในดินแดน The Lost World มีสะพานเชือกข้ามสระน้ำที่ไหลคดเคี้ยวอยู่ภายในรีสอร์ทมุ่งตรงไปยังรูปปั้นของหัวสัตว์ ก่อนจะออกสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่

ภายใต้อุโมงค์ ด้านขวาจะเป็นห้องอาหารอะควา และ counter check in ผมจองห้อง deluxe ocean facing ไว้ จัดแจง check in เรียบร้อยขึ้น lift ไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้น 3 ภายในห้องพักตกแต่งเป็นธีมซาฟารีโดยแท้ โทนสีของห้องเป็นโทนสีน้ำตาลดูอบอุ่น เตียงนอนออกแบบเหมือนเป็นเตียงไม้ไผ่ ผนังห้องเป็นภาพต้นไม้แกะสลักเป็นภาพนูนต่ำชิดไปยังผนังที่เป็นรูปแผ่นหิน โต๊ะเก้าอี้วัสดูเป็นไม้ มีโคมไฟให้แสง warm light ประดับตามมุมต่างๆ มีเก้าอี้นอนเล่นเล็กๆสำหรับเปลี่ยนบรรยากาศ ตัวห้องน้ำแยกออกเป็นห้องอาบน้ำและห้องส้วมคนละห้อง วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในห้องพักดูเรียบง่ายกลมกลืนกับธีมที่เป็นธรรมชาติดี



ออกมาตรงระเบียงมีเก้าอี้นอนเล่นอยู่ 2 ตัวไว้ชมวิวทิวทัศน์ ผนังของระเบียงออกแบบเป็นพื้นหินตัดกับรั้วที่ทำเป็นลักษณะของไม้ไผ่ แต่จริงๆเป็นแท่งปูน


วิวจากห้องพักหันหน้าออกทะเล มองเห็นท้องทะเลสีครามในวันที่ฟ้าใส มองลงไปเห็นสวนน้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมาก แดดร่มลมตกเย็นนี้ค่อยเจอกัน

หลังจากพักผ่อนนอนเล่นอยู่ 2-3 ชม.ก็ถึงเวลาแห่งความสนุก ผมเดินเข้าไปสำรวจรอบๆบริเวณสวนน้ำ ลักษณะจะมีสระใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีสระน้ำวนที่ทำเสมือนลำธารที่ไหลลัดเลาะไปตามโขดหินของน้ำตกจำลอง ล้อมรอบสระใหญ่อีกทีนึง ซึ่งลำธารเล็กๆนี้ทาง resort ตั้งชื่อได้เก๋ไก๋ว่า lazy river


ในสระใหญ่จะมีโซนน้ำลึกเกือบ 4 เมตรอยู่จุดนึงไว้กระโดดน้ำเล่น และมีบาร์เล็กๆอยู่กลางสระไว้บริการ

ในส่วนของ lazy river ก็มีบริการให้ล่องห่วงยาง นอนเล่นชิลบนห่วงยางปล่อยให้กระแสน้ำพัดพาไปเรื่อยๆสมกับชื่อของสระ lazy river หากรู้สึกร้อนก็โดดลงเอาตัวจุ่มน้ำ หรือแวะหลบร้อนใต้กระแสธารน้ำตกระหว่างทางได้

หรือถ้าขี้เกียจในการล่องห่วงยางแล้ว ก็มี water slide ที่สร้างความตื่นเต้นให้เราพอสมควร เล่นเอาแม่ผมลืมวัย เล่นอยู่นานเลยทีเดียวตรง water slide จะมีด้วยกันอยู่ 2-3 จุด จุดสำหรับผู้ใหญ่จะอยุ่หน้าห้องฟิตเนส และมีจุดสำหรับเด็กอยู่ใกล้ๆ bar

หรือหามุมร่มๆ นอนเล่นชิลๆ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานอนอ่านหนังสือตรงสระห้อง fitness ก็ได้

หลังจากเล่นน้ำช่วงเย็นไปคืนนั้นนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ตื่นเช้ามารีบขึ้นไปหามุมถ่ายภาพตอนเช้า ที่ชั้นบนของโรงแรมจำไม่ได้ว่าชั้นอะไรน่าจะประมาณชั้น 17 จะมีสวนหย่อมเล็กๆไว้ชมวิวมุมสูง มองไปยังฝั่งเบื้องหน้าของโรงแรมเห็นตัวเมืองมีฉากหลังเป็นภูเขา พอหันกลับมายั่งฝั่งท้องทะเลเห็นบอลลูนลอยเด่นอยุ่เหนือชายหาด อากาศยามเช้าสดชื่นจริงๆ

มองลงไปยังวิวเบื้องล่างเห็นความกว้างใหญ่ของสวนน้ำได้ถนัดตา

ลองเดินมาดูสะพานแขวนเชื่อมระหว่างตึก ที่เรามองเห็นตั้งแต่ตอนเข้าตัวโรงแรม


กลับลงมาไปที่ห้องอาหาร หาอะไรทานกันหน่อย มีอาหารหลากหลายทั้งไทยจีนฝรั่ง ให้เลือกอยู่มากมาย ผมเลย mix ทั้งไทย+จีน+ฝรั่งในจานเดียวเป็นเมนู บะหมี่เขียวหวานไก่ใส่เบคอนและฮ็อทดอก ดูหน้าตาน่ากินทีเดียว 55

และแล้วก็ถึงเวลา check out สรุปว่าเป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่าจริงๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วเราจะเปิดโรงแรมไว้แค่นอน แล้วก็ออกไปเที่ยวข้างนอกกัน แต่ที่นี่ไม่ต้องออกไปไหนเลย มีกิจกรรมสำหรับความสนุกหรือพักผ่อนอย่างเต็มที่ และหากจะเลือกพักผ่อนที่มีวันพักผ่อนช่วงสั้นๆ จริงๆแล้วก็ไม่ควรเลือกที่พักที่ไกลจาก กทม มากนักเพราะไม่ฉะนั้นแล้ววันพักผ่อนของคุณจะกลายเป็นความเหน็ดเหนื่อยที่หมดไปกับระยะเวลาการเดินทาง ..


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง ได้ที่ Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด




















สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.18 น.

ความคิดเห็น