คิดถึงแล้ว ออกมาหากันหน่อย....ถ้าเราโหยหาธรรมชาติ ธรรมชาติก็คงโหยหาเราไม่ต่างกัน 

ไหนๆ สถานการณ์โรคระบาดในไทยคลี่คลายลงแล้ว ได้เวลาแต่งตัวแพ็คกระเป๋าก้าวออกจากบ้าน ออกไปกอดธรรมชาติที่โหยหาให้หายคิดถึง หลังจากแห้งเหี่ยวร้างรากันไปเสียหลายเดือน ยิ่งตอนนี้สายฝนชุ่มช่ำพาเอาความชุ่มชื่นกลับมาคืนให้แก่ผืนป่า เลยอยากจะพาออกไปเยี่ยมเยือนผืนป่าที่ไม่ไกลไปจากกรุงเทพ ขับรถออกจากบ้านประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็ถึง ที่นี่ “วนอุทยานเขาอีโต้” ผืนป่าธรรมชาติเล็กๆ ใกล้ตัวเมืองปราจีนบุรีที่ยังคงเก็บเอาความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความเงียบสงบไว้ได้อย่างดี อีกจุดหมายของสายชิลล์ที่หลงใหลธรรมชาติที่ไม่ควรจะพลาดอีกที่หนึ่ง

พักผ่อน นอนนิ่งๆ ดูวิวชิลล์ๆ เก็บเอาความฟินกลับไปบ้าน คือเสน่ห์ของที่นี่ เหมาะมากถ้าจะมาแคมปิ้งแบบสงบๆ เพราะคนน้อยกว่าที่อื่นๆ บนเขาอีโต้เองก็ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้แวะเช็คอินแบบรถขับไปถึงทุกจุด หรือถ้าอยากออกกำลังก็ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำแบบกลางธรรมชาติ ทั้งปั่นจักรยาน พายเรือ หรือแค่สวมรองเท้าแล้วออกไปวิ่ง ให้ร่างกายได้ฟินก็ไม่ว่ากัน จะไปที่นี่ทำได้ง่ายๆ ออกจากกรุงเทพไปทางรังสิตแล้ววนขวาวิ่งไปตามถนนรังสิต-นครนายก พอถึงเมืองปราจีนก็แยกออกตามถนนหมายเลข 33 ไม่กี่กิโลก็มาถึงเขาอีโต้แล้ว ถ้าชอบเที่ยวป่า หลกรักธรรมชาติ ไปเที่ยวง่ายและไม่ไกล เขาอีโต้ก็น่าจะเป็นอีกที่ที่เหมาะจะออกไปหอมสักฟอดแล้วไปกอดธรรมชาติให้หายคิดถึง ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น แล้วมาออกเดินทางกัน ^^

7 พิกัด เขาอีโต้ ที่อยากให้ลองออกไปกอดกันสักที 

- จุดชมวิวผาหินซ้อน 

- เนินพิศวง 

- จุดชมวิวยอดเขาอีโต้ 

- พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ

- น้ำตกเขาอีโต้ 

- อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ที่นี่สามารถกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำได้ 

- อ่างเก็บน้ำเขาอีโต้ 

ข้อควรรู้ก่อนไปกางเต็นท์เขาอีโต้ 

- สามารถกางเต็นท์ได้ไม่มีค่าบริการ แต่สามารถบริจาคไห้ทางอุทยานได้

- ภายในจุดกางเต็นท์ไม่มีถังขยะ ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด 

- มีคาเฟ่ และอาหารสำเร็จรูปให้บริการ- ไม่สามารถสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้

เขาอีโต้ ป่าในเมือง

หน้าตาของเขาอีโต้ เป็นภูเขาลูกเตี้ยๆ ต่อเนื่องลงมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้านทิศตะวันตกของเขาเป็นสันลาดเอียงและยาว มีหน้าผาชัน แล้วค่อยๆ ลาดเอียงลงมาสู่ที่ราบในเมืองด้านทิศตะวันออก ดูไปดูมาก็คล้ายกับมีดอีโต้จนเป็นที่มาของชื่อของเขาลูกนี้ ป่าที่นี่จะเป็นพืชแบบป่าเบญจพรรณ และป่าปลูก เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับการบุกรุกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

เดินทางสนุกบนถนนสายสบาย

การเดินทางภายในเขาอีโต้นั้นเส้นทางสะดวกสบาย ถนนลาดยางอย่างดีตลอดทางไปจนสุดที่ยอดเขา สามารถขับรถไปต่างสถานที่ท่องเที่ยวในจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สองข้างตลอดแนวถนน จะได้เห็นต้นไม้โค้งมาชนกันเหมือนอุโมงค์ธรรมชาติพาเอาความสดชื่นของธรรมชาติ มาให้เราได้ลอดผ่าน หากจังหวะดีๆ อาจจะได้เจอกับน้องสัตว์ป่าตัวเล็กๆ ออกมา say Hi ทักทายกันด้วย จะหาสีเขียวขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ไปช่วงหน้าฝน

จุดชมวิวผาหินซ้อน

แลนด์มาร์กที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาถึงเขาอีโต้ คือบริเวณ เขาหินซ้อน ที่เป็นลานหินทรายกว้างขวางที่ค่อยๆ ทอดตัวออกไปเป็นหน้าผาสูงชัน หินก้อนโตวางเรียง ตรงจุดนี้สามารถยืนชมวิวของเมืองปราจีนบุรีได้ไกลสุดตา ออกไปยืนตรงหน้าผารับลมลมโชยแตะผิวกายให้สดชื่นสบายใจ แม้ความรู้สึกจะหวิวๆ กันสักหน่อย แต่รับรองว่าจะได้รูปแสนสวย และความฟินอิ่มใจในบรรยากาศแน่นอน

ผู้พิชิตยอดเขาอีโต้

สุดถนนลาดยางสายเรียบที่พาเรามาถึงยอดเขาอีโต้ได้อย่างไม่ลำบากเลยสักนิด บนนี้มีศาลาให้แวะนั่งพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถเดินเล่นได้รอบๆ ป่าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นโปร่ง ต้นไม้และพืชพรรณ ส่วนใหญ่ก็จะพบได้ในป่าเบญจพรรณทั่วไป มี ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและจากการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติจากการบุกรุกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตัวป่าเองจะไม่หนาทึบมากจนน่ากลัว ออกไปสูดอากาศให้เต็มปอดที่มีให้เก็บกลับบ้านอย่างเหลือเฟือ

เนินพิศวง 1 ใน 5 ของไทย

ขาลงจากยอดเขาอีโต้ ตรงเนินเขาเตี้ยๆ ที่มารอท้าพิสูจน์ ดูๆ ไปถนนทางยาวคล้ายกับทางขึ้นเนิน ลองปลดเกียร์ว่าง ดับเครื่องยนต์ แล้วปล่อยให้รถไหลไปตามทาง ภาพที่ดูเหมือนทางขึ้นกลับกลายเป็นทางลง รถไหลพาตัวเองลงจากเนินได้เอง จนแปลกใจ เนินพิศวงที่เขาอีโต้นี้ เลยเป็น 1 ใน 5 ของเนินพิศวงที่พบในประเทศไทย

ไหว้พระนาคปรกองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ

“พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ” ถอดแบบมาจากพระพุทธรูปปางนาคปรกที่พบจากเมืองศรีมโหสถ เมืองโบราณสมัยทวารวดีที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศของจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งอยู่บริเวณพุทธวนอุทยานโลกบนเขาอีโต้ พระปางนาคปรกองค์ใหญ่สูงกว่า 34 เมตร สร้างขึ้นเมื่อครั้งเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวปราจีนบุรี

น้ำตกเขาอีโต้

น้ำตกขนาดเล็กจากลำธารบนเขารวมกับอ่างเก็บน้ำ ไหลผ่านโขดหิน ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงสู่น้ำตกเขาอีโต้ ปกติน้ำตกที่นี่ปริมาณน้ำจะมีไม่มากนัก แต่ช่วงหน้าฝนอย่างนี้น้ำที่นี่ก็จะมีมากหน่อย พอให้มานั่งผ่อนหย่อนกายรับเอาความสดชื่น ชื่นใจกลับบ้านได้สบายๆ เพราะเป็นน้ำตกที่มีความสูงไม่มาก รอบๆ น้ำตกก็จะเป็นโปร่งให้ชมทิวทัศน์สบายๆ แบบปลอดภัย

อ่างเก็บน้ำเขาอีโต้

วิ่งเลาะบนสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำลึกเข้าไป จะได้พบกับอ่างเก็บน้ำเขาอีโต้ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก พื้นที่ตรงนี้อยู่ในการดูแลของสถานีควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี นักท่องเที่ยวเข้ามาถึงตรงนี้น้อยกว่าอ่างเก็บเงียบสงบ ยกเก้าอี้มานั่งชมผืนน้ำสะท้อนผืนฟ้าตรงบริเวณนี้ก็ไม่เลว แต่หากจะกางเต็นท์ก็จะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่

อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์

อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน ตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์นี้อยู่บริเวณเชิงเขาอีโต้ นอกจากจะได้ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรแล้ว ยังกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวปราจีนบุรีและนักท่องเที่ยวสายชิลล์ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รายล้อมด้วยทิวเขาทีโอบกอดตลอดเวลา ลมพัดเอื่อยๆ บรรยากาศสงบ แค่นั่งมองก็เพลินแล้ว

อยากฟินแบบไหนเขาก็มีกิจกรรมให้ทำได้เกือบหมด จะเลือกปั่นจักรยานรอบๆ จะไปลงพายเรือ จะออกกำลังเบาวิ่งไปรอบๆ หรืออยากจะนั่งลงพัก เขาก็มีคาเฟ่จัดไว้รอบริการ รอบๆ อ่างเก็บน้ำก็มีจุดพักผ่อนให้เลือกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นศาลาริมน้ำ ระเบียงชมวิว อยากได้รูปวิวไหนเลือกแชะได้อย่างสบาย

กางเต็นท์บรรยากาศดี ริมอ่างเก็บน้ำ

บริเวณอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ มีลานกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวเปิดให้บริการฟรี ธรรมชาติที่นี่สวยไม่แพ้ที่กางเต็นท์ยอดนิยมอื่นๆ เป็นตัวเลือกที่ดีทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเดินทางขึ้นเขาใหญ่ในวันหยุด

ได้เวลาเอาอุปกรณ์ออกจากท้ายรถ ลากที่จุดกางเต็นท์ ตั้งแคมป์ กางโต๊ะเก้าอี้ เท่านี้ก็พร้อมจะซึมซับบรรยากาศและธรรมชาติรอบตัว สูดออกซิเจนได้อย่างเต็มปอด นั่งทอดกายยามเย็นเตรียม say goodbye พระอาทิตย์ บอกฝันดีให้พระจันทร์ พร้อมชมวิวเขาแบบพาโนราม่า

ถ้าเธอไม่ชอบเขา เธอหันมากางเต็นท์กับเราก็ได้นะ

พาตัวเองออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มันก็ดีไปอีกแบบ เราบอกรักธรรมชาติแล้ว แต่ก็อย่าลืมรักษาความสะอาดกันด้วยนะ

การเดินทาง ใช้ถนนสายรังสิต – นครนายก ถึงวงเวียนศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เลี้ยวขวาไปตามหลวงหมายเลข 33 ประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 160 - 161 เข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร

พิกัด https://goo.gl/maps/SuEs2GnecECf2wMx5


สามารถแวะไปเยี่ยมเยือน แลพูดคุยกันกับเราได้ที่

https://www.facebook.com/whenigoout/

อย่าหาเหตุผลที่จะเริ่มออกเดินทาง มันก็แค่นั้นแหละ...แค่อยากออกไป




แค่อยากออกไป

 วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.13 น.

ความคิดเห็น