The Bangkok Insight สื่อออนไลน์ชั้นนำ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดนำเที่ยว “Amazingไทยเท่ เที่ยวไทย เที่ยวง่าย สนุกทุกทริป” เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้ออกมาท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดภาคกลางที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก ซึ่งครั้งนี้ ได้นำกลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวนกว่า 30 คน ไปเที่ยวถึงสองจังหวัด คือ สุพรรณบุรี และ อยุธยา เมืองแห่งวัฒนธรรมแสนงดงาม ภายใต้แนวคิด 5 จุดเช็คอิน 5 แหล่งวัฒนธรรมวิถีถิ่น และ 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เป็น ทริป 2 วัน 1 คืน ที่เติมเต็มความสุขให้แบบพอดิบพอดี ใครๆ ก็ไปเที่ยวได้สบายๆ นอกจากจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้กลับไปสู่ท้องถิ่นนั่นเอง
คณะเดินทาง มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยตั้งใจไปแวะเที่ยวกันที่ อุทยานมังกรสวรรค์ แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเสมือนอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน ถ่ายรูปกันสนุกสนานมาก ในอาณาเขตเดียวกัน ยังประกอบไปด้วย ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี หอชมวิว และ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธ์มังกร เป็นอาคารทรงมังกรขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความยาว 135 เมตร สูง 35 เมตร กว้าง 18 เมตร จัดแบ่งเป็นห้องทั้งหมด 21 ห้อง แต่ละห้องจัดแสดงประวัติและนำเสนอความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจีนมากมาย ดูแล้วเข้าใจง่าย มีความอลังการ เหมือนได้ไปเที่ยวในต่างประเทศเลยทีเดียว เข้าไปแล้วประทับใจมากๆ ใครมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี แนะนำให้ไปแวะเที่ยวที่นี่
จากนั้น คณะท่องเที่ยวได้เดินทางไป วัดแค วัดเก่าแก่ในวรรณคดีเรื่อง นขุนช้างขุนแผน โดยตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุพรรณ นี่เอง ไม่น่าเชื่อว่าเป็นวัดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ภายในวัดมีต้นมะขามใหญ่ วัดรอบโคนต้นได้ประมาณ 10 เมตร ถัดไปมีรูปปั้น ท่านพระอาจารย์คง นั่งอยู่บนหลังตัวต่อยักษ์ ได้สักการะก็เหมือนได้ ต่อสิ่งที่ดี ต่อความเป็นมงคลให้กับชีวิต เรียกว่า ต่อเงิน ต่อทอง ให้งอกเงย นอกจากนี้ ยังเรือนไทยทรงโบราณ เรียกว่าคุ้มขุนแผน ที่นี่ก็อยากให้ไปแวะ ความรู้สึกคือ ประทับใจมาก
มาถึง จังหวัดสุพรรณ ต้องไปไหว้พระที่ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เพื่อชมความงดงามขอหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง อยู่ในโบสถ์หลังใหญ่ รอบๆ มีศิลปะฝาผนังจัดแสดงไว้สวยงาม ด้านหลังมี หลวงพ่อดำ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แวะไปไหว้ท่าน เพื่อขอพรและเสริมความเป็นสิริมงคล รับรองว่า จะอิ่มเอิบใจ อย่างมาก
อยากบอกว่า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งปลูกข้าวและมีชาวนาอยู่ จำนวนไม่น้อย ระหว่างนั่งรถในเขตจังหวัดนี้ จะได้เห็นวิวทิวทัศน์เป็นท้องไร่ท้องนา เห็นต้นข้าวเขียวๆ ในนาแล้วก็สบายใจ ในทริปนี้ ผู้จัดได้พาไปเที่ยว นาเฮียใช้ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร หรือ ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย เข้าไปด้านใน เห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกชื่นใจ ได้เห็นการจัดสรรพื้นที่ให้เป็นแปลงนาสาธิต มีจุดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมวิว และสัมผัสกับวิถีของขชาวนาไทย ดูแล้วเข้าใจง่าย ใครที่ไปเป็นหมู่คณะ ยังสามารถขอให้จัดเป็นทริปชมสถานที่ และ ทำกิจกรรรมต่างๆ ได้อีกด้วย
อย่างการไปเยือนครั้งนี้ ได้พบกับ คุณณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี และ ทายาทคนที่สามของเฮียไช้ ที่มาให้การต้อนรับ ซึ่งท่านได้ กล่าวว่า นาเฮียไช้ กำเนิดขึ้นจากความจงรักภักดี ต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 ในวิถีเศรษฐกิจพอเพียง นำมาใช้ปฏิบัติได้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับเกียรติจาก ศิลปินนักร้องลูกทุ่ง คุณเปา เปาวลี พรพิมล มาร่วมกิจกรรม ทำไข่เค็มใบเตย เริ่มกันตั้งแต่เก็บไข่ ล้างไข่ และพอกไข่ กันเลยทีเดียว จากนั้น ยังร่วมกิจกรรมทำ ขนมสาคูไส้หมู และ ข้าวเกรียบปากหม้อ อย่างเป็นกันเองและสนุกสนาน
คุณเปา เปาวลี พรพิมล บอกว่า “เป็นคนลูกทุ่ง ได้มาเจอแหล่งท่องเที่ยว ที่เขาให้ความสำคัญกับ วิถีชีวิตความเป็นไทย ชาวนาไทย ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของความเป็นไทย และที่นี่ เกิดจากความจงรักภักดี ด้วยสำนึกคุณความดีของ ในหลวงรัชกาล ที่ 9 ใครยังไม่เคยมา แนะนำให้มาเที่ยวกันนะคะ ขอบคุณ ททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ที่ชวนมาร่วมทริปดีๆ ในครั้งนี้ค่ะ”
เสร็จกิจกรรมจากนาเฮียไช้ คณะมุ่งหน้าไปเที่ยวชม พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาหิน เรียกชื่อว่า พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิหรือ พ่ออู่ทอง ที่วัดเขาทำเทียม เป็นพระแกะสลักบนหินหาขนาดใหญ่ ดูสวยงามมากๆ โดยเชื่อว่าเป็น พระพุทธรูป ปางโปรดพุทธมารดา เป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) บางแบบวางบนพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ บางแบบงอนิ้วพระหัตถ์ บริเวณด้านล่างจะมีถ้ำทะลุเป็นช่อง มีพระพุทธรูปให้ขอพรอีกเป็นจำนวนมาก ใครมีโดรน นำไปบินถ่ายภาพจะได้วิวที่น่าประทับใจ
เวลาเย็นย่ำไม่มากนัก คณะเดินทาง มุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดอยุธยา ระยะทางประมาณ 80 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น โดยตั้งใจจะไปพักค้าง 1 คืน และตื่นมาเที่ยว จังหวัดอยุธยากันต่อ เน้นไปที่การเที่ยววัด ทำบุญไหว้พระ เพราะจังหวัดนี้ มีวัดโบราณที่มีความสวยงามเป็นจำนวนมากนั่นเอง โดยทริปเช้าตรู่ เริ่มกันที่ วัดเกาะแก้ว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก จุดแรก ที่จะได้พบเมื่อถึงวัดก็คือ หลวงพ่อทันใจ องค์ใหญ่มาก ตรงนี้ สามารถซื้อไข่ถวายท่านแล้วลากลับไปกินต่อได้ทันที เสริมศิริมงคลให้ชีวิต ภายในวัดยังมีศาล สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อีกด้วย
วัดภูเขาทอง เป็นวัดที่ นักท่องเที่ยว นิยมไปแวะกัน มีองค์พระเจดีย์ภูเขาทองขนาดใหญ่ สีขาวสวยตัดกับสีของท้องฟ้า ฐานเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับแบบมอญพม่า สันนิษฐานว่าสร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อชัยชนะ สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 เจดีย์ภูเขาทองจึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมสองแบบผสมกัน
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร วัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีพระปรางค์เป็นประธานของวัด ในสมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ด้านในมีพระประธานในพระอุโบสถที่มีแท่นฐานผ้าทิพย์ปูนปั้น ฝีมือประณีตงดงาม ใบเสมาของพระอุโบสถเป็นใบเสมาคู่แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง ถือได้ว่า เป็นอีกวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งของอยุธยา มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน เชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะยังไม่เคยแวะไป จึงอยากเชิญชวนว่า เมื่อมีโอกาสไปเยือนอยุธยา อยากให้ไปเที่ยวชมวัดกษัตราธิราชแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น อยุธยา (เกริก ยุ้นพันธ์) สถานที่แห่งนี้ รวบรวมของเล่นไว้มากมาย ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เกิดจากแรงบันดาลใจของ รศ. เกริก ยุ้นพันธ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งได้มาให้การต้อนรับคณะเดินทางท่องเที่ยว พร้อมเล่มประสบการณ์ในการก่อตั้งได้อย่างสนุกสนานเพลินเพลิน ที่นี่ เป็นอาคารสองชั้น จัดแสดงของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางชิ้นเด็กรุ่นใหม่ๆ คงไม่เคยเห็น ของเล่นทำจากสังกะสี หุ่นยนต์การ์ตูนญี่ปุ่นยุคเก่าๆ ดูแล้วเพลินเพลิน เหมาะกับคนที่มาเที่ยวเป็นครอบครัว ผู้ใหญ่ได้มารำลึกอดีต เด็กๆ ได้มาเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุผสมผสานเข้าจัดแสดงเป็นหย่อมๆ ทำให้เต็มพื้นที่ ชอบมุมถ่ายภาพ ผนังประดับภาพแบบเด็กๆ มีสีสันสวยงาม มาอยุธยา ไม่ควรพลาด
ป้อมเพชร อยู่ใกล้กับ วัดสุวรรณดาราราม เป็นป้อมปราการป้อมเดียวที่ยังเหลืออยู่จากเดิมที่มีอยู่ 29 ป้อม รูปทรงป้อมแบบหกเหลี่ยม ผนังก่อด้วยอิฐสลับด้วยศิลาแลง มีช่องเชิงเทินก่อเป็นรูปโค้งซึ่งเป็นที่ตั้งของปืนใหญ่ประจำป้อม สร้างในสมัย พระมหาจักรพรรดิ์ (กษัตริย์องค์ที่ 15) เพื่อป้องกันข้าศึกที่จะมาทางน้ำ เป็นที่บรรจบระหว่างแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นสถาปัตยกรรมสวยแหวกแนวด้วยโครงสร้างอิฐสีส้มผสมผสามกัน ปัจจุบันจัดพื้นที่เป็นแบบสวนสาธารณะ มีมุมให้ถ่ายภาพริมแม่น้ำสวยงาม ข้างๆ กันมี โรงแรมและร้านอาหารให้คนรุ่นใหม่ไปนั่งชิลล์ๆ ไปอยุธยา แวะจุดนี้ ชมโบราณสถาน และ แวะจิบเครื่องดื่มเบาๆ ผสมผสานวิถีคนรุ่นใหม่ ได้ใจนักท่องเที่ยวไปเต็มๆ
เต็มอิ่มกับการท่องเที่ยวสองได้ถึงจังหวัด สุพรรณบุรี และ อยุธยา เอิบอิ่มด้วยวัฒนธรรมที่งดงาม กลับบ้านอย่างมีความสุข เหมือนได้เติมเติมพลังงานชีวิต ได้ไหว้พระทำบุญ กินอาหารอร่อย พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ คณะท่องเที่ยวเดินทางกลับบ้านด้วยสวัสดิ์ภาพและขอบคุณ The Bangkok Insight และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่จัดทรัปดีๆ เช่นนี้ เป็นการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด New Normal ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ใส่หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง กินร้อนช้อนกลาง และ เช็คอินแอพไทยชนะ ถ้าเป็นไปได้เลือกสถานที่ท่องเที่ยว และใช้บริการผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA หรือ Safety Health Administration ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว ทั้งหมด ทั้งมวลนี้ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าทุกคนร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็เที่ยวได้ “เที่ยวไทย เที่ยวง่าย สนุกทุกทริป”
#Amazingไทยเท่
#เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว
วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 15.46 น.