วันหยุดยาวทั้งทีจะให้นอนเล่นอยู่บ้านเฉยๆได้ยังไง แบกกระเป๋าขึ้นภูกระดึงเลยจ้าาาาา

ภูกระดึงเป็นที่ที่หลายคนอยากไปสัมผัส รวมทั้งเราด้วย บ่นอยากไปตั้งแต่ ม.2 จนตอนนี้ปี 4 แล้ว ได้ไปจริงๆ สักที การเดินทางไปจังหวัดเลยของเราไม่ลำบากเลย เพราะเมืองเลยคือบ้านเกิดเราเองงงง แต่ถ้าเพื่อนๆอยากไป การเดินทางก็มีทั้งรถทัวร์ และเครื่องบิน สะดวกสะบายมาก เราเดินทางวันที่ 19 - 21 พฤษจิกายน 2563 3 วัน 2 คืน ไม่ได้ไปคนเดียวนะ เรามีเพื่อนร่วมทริป 2 คน เพื่อนสนิท สมัยมัธยมต้น5555

การเตรียมตัว                                                                                                                         

  1. เราออกกำลังกายมา 1 เดือนเพื่อทริปนี้เลย (ปกติไม่ออก ><)
  2. รองเท้าต้องเป็นรองเท้าที่ใส่สบายที่สุด และพร้อมที่จะโยนทิ้งเมื่อกลับลงมา
  3. ไฟฉาย ไว้ใช้ตอนดูพระอาทิตย์ขึ้น/ตก และตอนเข้าห้องน้ำ 
  4. ยาสามันประจำบ้าน แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ พกไปค่ะ 
  5. สเปรย์กันยุงกันทาก ข้างบนทากจะเยอะมาก
  6. จองจุดกางเต้นท์และชุดเครื่องนอนได้ที่เว็บ http://nps.dnp.go.th/reservati... หรือทำการจองกับพ่อค้าแม่ค้าที่ภูกระดึงเลยก็ได้นะ

ทุกอย่างพร้อม เราเดินทางจากบ้านไปภูกระดึงโดยการอ้อนให้คุณพ่อตื่นไปส่งค่ะ5555 ไปถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเวลา 06.00 น. ไปที่จุดทำการขายตั๋ว ตั๋วเข้าอุทยานราคา 40 บาท พอได้ตั๋วมาเจ้าหน้าที่ก็จะบอกให้เราไปติดต่อที่พัก เราก็ไปตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกเลยจ้า พอได้ที่พักก็เอากระเป๋าที่เราหอบสัมภาระทั้งหลายมาไปขึ้นตาชั่ง ใช่แล้วค่ะ จ้างลูกหาบ ไม่มีทางแบกขึ้นเองแน่นอน5555 ราคากิโลละ 30 บาท และค่าป้ายอีก ใบละ 5 บาท เจ้าหน้าที่จะให้ป้ายเรามาเขียนชื่อเบอร์โทรติดกระเป๋า แนะนำว่าถ้าจะจ้างลูกหาบควรไปแต่เช้า เพราะถ้าไปสายลูกหาบหมด หาบขึ้นเองไม่รู้ด้วยน้าาา 

พอไม่มีของก็เดินสบายตัว ไปเดินหาถ่ายรูปเล่น แล้วก็อะไรรองท้องก่อนขึ้นกันดีกว่าา

อร่อยฟินนนน เติมพลังก่อนเจอศึกหนักกันนน

ถ่ายรูปสักหน่อย ทำใจก่อนขึ้น คนในรูปคือเพื่อนเราเองงง

ได้เวลาฤกษ์งามยามดี เวลา 08.00 น. กับระยะทางถึงยอดภู 5.5 กิโลเมตร

เห็นป้ายระยะทางแล้วอยากโทรเรียกพ่อให้มารับกลับบ้านจริงๆ ร้องไห้5555

เดินมาสักแป๊บเจอพี่ๆลูกหาบ แบบ....อื้อหื้ออออ หาบไปได้ยังไงงงง ฮึดสู้ขึ้นมาหน่อย พี่เขาขึ้นได้เราก็ต้องขึ้นได้ว่ะ (ปาดเหงื่อ)

เดินทางมาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก็มาถึงซำแรก ก็คือ ซำแฮก หอบแฮกๆเลยจ้าา

แวะกินแตงโมและนำแข็งไส ไปให้ชื่อใจ เสียดาย มัวแต่ห่วงกินไม่มีใครได้ถ่ายรูปเลย5555

  • แตงโมซีกละ 10 บาท
  • น้ำแข็งใส่ ถ้วยละ 20-30 บาท เลือกท๊อปปิ้งได้ด้วยนะ

เดินทางกันต่อ เดินมาแป๊บๆก็ถึงซำบอน ระยะทางไม่ไกล และทางไม่ชันมาก เดินสบายหน่อย

และแล้วก็ผ่านมาเกินครึ่งทาง ซำกกหว้า ตีกันในหัวว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่หันไปเจอพี่ลูกหาบ พี่เขายิ้มให้แล้วบอกสู้ๆ เหงือก็เต็มตัว พี่เขาเก่งกันมากๆๆๆๆๆๆๆ  เราแวะกินข้าวสักพักก็เดินทางต่อ

และแล้ว ฉานก็ขึ้นมาถึงงงงงงงง

ป้ายที่ทุกคนต้องการจะมาถ่ายรูป ขึ้นมายังไม่หายเหนื่อย เพื่อนร่วมทางก็บอก เดินต่อได้แล้วยังไม่ถึงที่พักนะ ขานี่ทรุดไปแล้ว55555 ไม่ใช่ไม่รู้นะ แต่ไม่อยากรับรู้5555 แต่ไหนๆก็ขึ้นมาถึงนี่แล้ว เดินอีก 3 กิโลเมตร จะเป็นไรไป จริงไหม?

บนหลังแปลเป็นทางเรียบๆเดินสบายหน่อยไม่ต้องเดินทางชันแล้ว คนเยอะมากเจอเพื่อนร่วมทาง ได้เพื่อนเพิ่มด้วย5555

น้องต้นไม้กลางทาง กับเพื่อนร่วมทางที่พึ่งรู้จัก555555

มาถึงจริงๆแล้วนะ การเดินทาง 9 กิโลเมตร เวลา 14.00 น. เดินทางทั้งหมด 7 ชั่วโมง

ขึ้นมาถึงหลังแปล เราก็ไปติดต่อรับของที่กองบัญชาการ จัดของเข้าเต้นท์เสร็จสรรพ ไปอาบน้ำค่ะ เป็นเวลา 16.00 น. อากาศหนาวมากกกกกก วัดได้ที่ 12 องศา นำเย็นอาบฟรี น้ำอุ่นเสียตังนะจ้ะ ไปเหนื่อยๆวันแรกขอน้ำอุ่นๆให้สบายตัว พอทำธุรส่วนตัวเสร็จ ก็ไปหากินค่ะ

ข้าวอาหารตามสั่งทั่วไปราคาจะอยู่ที่ 60+ บาท

  • น้ำขวดละ 20 บาท
  • หมูกระทะ ชุดละ 400 - 500 บาท
  • เรากับเพื่อนเลยจัดหมูกระทะเลยจ้า ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะก่อนหาของกินเอาโทรศัพท์ไปฝากชาร์จ เครื่องละ 20 บาท 

กินเสร็จได้เวลาเข้านอน เก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้เช้ากัน ฝันดีงับ..

ตื่นค่ะทุกคนนนน ตื่นนนน 

เวลาตี 5 ก็จะได้ยินเสียงอุทยานประกาศให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานางแอ่น ใครไม่ไปก็นอนต่อได้นะ แต่เราขึ้นมาเหนื่อยขนาดนี้ต้องเก็บให้หมด ก็แบกร่างที่ปวดร้าวออกจากที่นอน และเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ระยะทาง 2 กิโลเมต เดินทาง 30 นาที คนเยอะมากกกกกก และหนาวมากเช่นกัน

น้องเหมือนไข่แดงเลยยย

พอดูพระอาทิตย์เสร็จก็เดินกลับที่พัก ระหว่างกลับแวะลานพระแก้ว ไหว้พระสักนิด จากผานกแอ่นไปลานพระแก้ว 800 เมตร

เจอระหว่างทาง ดอกอะไรไม่รู้รู็แต่ว่า สวย 555555

กลับมาถึงที่พักเวลา 8.30 น. ล้างหน้าแปรงพัน ทานข้าวเช้า พร้อมที่จะเดินทางต่อ แต่.....เจอน้องกวางงง

ว่ากันว่า มาภูกระดึงไม่เจอน้องกวาง แสดงว่ามาไม่ถึง ไหนๆก็เจอและ มาสักหนึ่งแชะ 55555

เดินทางต่อ ไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่

ไปต่อที่สระแก้ว น้ำใสมากกก เห็นพื้นเลย

ไปเก็บโซนหน้าผาต่อเลยจ้า ต่อที่ผานาน้อยแวะกินข้าวเที่ยง ที่หอไป 

เป็นการกินข้าวกับพื้นดินที่อร่อยมากกกก 

กินข้าวเสร็จเดินทางต่อไปที่ผาเหยียบเมฆ และผาแดง

อีกเท้าคือเพื่อนร่วมทางที่พึ่งรู้จัก55555 ได้เพื่อนใหม่ทุกที่เลยจ้า

แล้วก็เดินทางมาถึงผาหล่มสัก ผาที่ทุกคนต้องมาถ่ายภาพ ภาพถ่ายระดับโลกที่ใครดูก็รู้ว่าเป็นภูกระดึง

ดูน้องพระอาทิตย์ตก

และก็เดินทางกลับที่พัก ระยะทาง 9 กิโลเมตร เดินขาลากอีกแล้วค่ะทุกคนนนน 

พอถึงที่พักทำสิ่งที่ต้องทำคือ อาบน้ำ5555 และตั้งใจไว้ว่าจะอายน้ำเย็น เราก็อาบค่ะ ห้องน้ำคนต่อคิวกันเต็มเลย แต่เกี่ยงกันให้เข้าไปอาบ ทุกคนที่เข้าห้องน้ำจะได้ยินเสียงโหยหวนของคนที่อยู่ข้างใน พอเราเข้าไป เข้าใจกับเสียงโหยหวนที่ได้ยินเลย เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่โหยหวน 55555 น้ำเย็นมากกก เหมือนอาบน้ำแข็งเลย รีบอาบรีบเสร็จ หานมอุ่นๆกินสักแก้ว กินโจ๊กแล้วเข้านอน ฝันดีคืนที่ 2


ตี 5 ได้ยินเสียงอีกแล้วค่ะ แต่วันนี้เราไม่ไป5555 แต่ก็ต้องตื่นมาเก็บของเพื่อที่จะไปฝากลูกหาบ เอาลงค่ะ ไปสายเดี๋ยวอดฝาก ฝากสัมภาระเสร็จสรรพ ก็ไปกินโจ๊กร้อนๆกับนมอุ่นๆ ตอนเช้าๆเป็นอะไรที่ดีมากค่ะ 

ก่อนลงจากหลังแปล ก็ไปเก็บเส้นทางน้ำตกสักนิด ไปดูใบเมเปิ้ลที่เป็นไฮไลท์อีกหนึ่งที่กัน

สวย พูดได้ว่าสวยมาก แต่หน้าเสียดายที่น้อยใบยังไม่ร่วง ถ้ามาช่วงเดือนธันวาน้องคงร่วงและแดงเต็มพื้น 

ชมป่ากันมากพอ ได้เวลาลงเขาแล้วจ้าาา

เดินทางกลับกัน วิ่งลงค่ะทุกคน 55555

มีแวะกินข้าวที่ซำกอซาง ก่อนเดินทางต่อ เราก็โทรบอกให้คุณพ่อมารับกลับตามเคย 55555 กินอิ่มก็เดินทางต่อใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมงเดินทางมาถึงข้างล่าง ไปรับสัมภาระตรงจุดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ แล้วโบกมือบ้ายบาย ภูกระดึง พร้อมกับคำว่า จะกลับมาอีกครั้ง ไว้เจอกันนะ ...ภูกระดึง

Fern FN

 วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.40 น.

ความคิดเห็น